Mechanical God Emperor - ตอนที่ 308
308 – นครแสงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์
หยางเฟยมองไปยังนครแสงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ เขาอดเอ่ยชื่นชมออกมาไม่ได้ “ช่างเป็นเมืองที่งดงามจริงๆ!”
นครแสงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ใบไม้ที่กว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อกับต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สูงทะลุชั้นเมฆขึ้นไปบนฟ้า ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สูงตระหง่านนี้ถูกเรียกว่าต้นไม้โบราณเหนือเมฆา มันคือสิ่งที่ถูกส่งมาพร้อมกับหน่วยจู่โจมเอลฟ์ชั้นสูงมาจากทวีปเดนดูร่า
ต้นไม่โบราณนี้ได้รับความเสียหายอย่างมากจากสงครามของเหล่าทวยเทพ และสุดท้ายเพื่อที่จะปกป้องเอลฟ์ในดินแดนเฟย์สือ เทพแห่งเอลฟ์เลือกที่จะทิ้งมันไว้ที่โลกมนุษย์และกลายมาเป็นเมืองหลวงของเหล่าเอลฟ์
รอบๆนครแสงจันทร์ มีกิ่งก้านสาขามากมายนับไม่ถ้วน เหนือกิ้งก้านมากมายนมีดอกไม้หลากสีมากมายหลายชนิด
แสงอาทิตย์สอดส่องมาจากฟากฟ้า แผ่กระจายไปทั่วกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณ เมื่อสะท้อนกับกิ่งก้านของต้นไม้โบราณ มันถูกเปลี่ยนกลายเป็นแสงจันทร์และตกกระทบไปบนพื้นโลก
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง เอลฟ์สาวสวยกำลังขี่ม้าบินได้สีเงิน เธอดูสูงส่งและเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และกำลังขี่ยูนิคอร์นเล่นบนต้นไม้โบราณ กลายเป็นภาพที่งดงามที่หลายๆคนเคยได้ยินในนิทานเท่านั้น
เพกาซัสสีเงิน เมื่อกางปีกออก มันสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ เพกาซัสสีเงินตัวนี้สามารถพูดได้ว่ามันมีสายเลือดเกี่ยวข้องกับยูนิคอร์น นักรบเอลฟ์สามารถขี้พวกมันบินได้ไกลถึง 100-200 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความยากลำบากในการสืบพันธ์และต้องใช้อาหารปริมาณมากในการดูแล จำนวนเพกาซัสสีเงินทั้งอาณาจักรเอลฟ์มีไม่ถึง 20,000 ตัวเท่านั้น
ฟลาดิน่าและปรมาจารย์ดาบทั้ง 3 คนถึงกับตกตะลึงเมื่อมองเห็นนครแสงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นภาพที่งดงามมาก
เผ่าพันธุ์เอลฟ์ถือเป็นเผ่าพันธุ์ต่างถิ่น หลังจากที่พวกเขาเดินทางเข้ามาในดินแดนเฟย์สือ พวกเขาได้เกิดความขัดแย้งกับเหล่าเทพในดินแดนเฟย์สือ ก่อให้เกิดสงครามแห่งทวยเทพ
ในบรรดาดินแดนเฟย์สือ จำนวนเทพในบรรดาเทพมนุษย์มีจำนวนมาก ซึ่งก็มีเทพแห่งเอลฟ์ตกตายภายใต้น้ำมือของมนุษย์ ในขณะเดียวกันเทพฝั่งมนุษย์ก็ตกตายภายใต้น้ำมือของเทพแห่งเอลฟ์เช่นกัน ทั้ง 2 ฝ่ายได้ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่ฝังลึกลงไปในจิตใจ
แม้ว่าจะมีการลงนามในพันธะสัญญาแห่งทวยเทพ เทพแห่งมนุษย์ยังคงรวบรวมกองทัพมนุษย์เพื่อโจมตีเหล่าเอลฟ์ครั้งแล้วครั้งเล่า เบื้องหลังการล่าเอลฟ์มาเป็นทาสนั้นอยู่ภายใต้เงามืดของเทพแห่งมนุษย์
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเอลฟ์นั้นไม่เป็นมิตรต่อกัน ในความเป็นจริงเผ่าพันธุ์เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเด่นในดินแดนเฟย์สือ ในหลายพันปีก่อน เอลฟ์ได้ถูกผนวกเข้ากับดินแดนเฟย์สืออย่างช้าๆ แต่อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับมนุษย์นั้นยังเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้
มนุษย์ที่สามารถเห็นภาพของนครแสงจันทร์ได้นั้นมีน้อยมาก มีก็แต่ได้ยินผ่านทาสเอลฟ์ มนุษย์ได้แต่จินตนาการความงดงามของนครแสงจันทร์ไว้ในความคิดของพวกเขา
คาริน่าพูดขึ้นอย่างภูมิใจ “สวยล่ะสิ นี่คือบ้านของข้า!”
“เมื่อพวกเจ้าเห็นแล้ว เข้าไปกันเถอะ!”
คาริน่ายิ้มออกมาอย่างทะเล้น เธอวิ่งกระโดดไปมาราวกับกวางที่เพิ่งเคยเห็นทุ่งหญ้าเป็นครั้งแรก
เมื่อเข้าใกล้นครแสงจันทร์ ด้วยประสาทสัมผัสของวอร์ล็อคระดับ 3 หยางเฟยรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายจากนครแสงจันทร์
จิตสังหารถูกส่งออกมาจากก่อดอกไม้หนาทึบใกล้นครแสงจันทร์ ในเวลาเดียวกันหยั่งลึกลงไปใต้พื้นดิน มีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อมังกร ซึ่งเป็นอันตรายต่อหยางเฟยด้วยเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน พุ่มไม้ที่หนาทึบซึ่งเต็มไปด้วยเอลฟ์ที่ซ่อนตัวอยู่ เห็นได้ชัดว่าเอลฟ์เหล่านั้นเป็นเอลฟ์นักสู้ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างมาก
คาริน่ามาถึงด้านใต้นครแสงจันทร์และพูดขึ้นด้วยเสียงใสๆ “ข้า คาริน่าเอง มนุษย์เหล่านี้เป็นเพื่อนของข้า ได้โปรดเปิดประตูด้วย!”
แสงจันทร์ที่ตกกระทบลงมาจากฟากฟ้าเปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ แสงจันทร์เหล่านั้นอาบร่างของหยางเฟยและกลุ่มของ้ขา
เมื่อแสงจันทร์หายไป ร่างของคนทั้งกลุ่มหายไปในทันที
ดวงตาของหยางเฟยเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้มากมาย เขารู้ตัวอีกทีเขามาปรากฎในบ้านต้นไม้ ซึ่งปลูกหญ้าไว้สูง 5 ซม. และมีกลิ่นหอมของผักและผลไม้ ในขณะเดียวกันนั้น ด้วยประสาทสัมผัสของวอร์ล็อคระดับ 3 หยางเฟยสัมผัสได้ถึงพลังธรรมชาติมหาศาลภายในบ้านหลังนี้ ซึ่งช่วยในการฝึกฝนให้มีประสิทธิภาพมากถึง 2 เท่า
ทันทีที่กลุ่มของหยางเฟยปรากฏตัว พวกเขาถูกเพ็งเล็งจากสายตารอบด้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หยางเฟยมองด้วยความสงสัยไปรอบๆ
เหล่าเอลฟ์ในนครแสงจันทร์นั้นแตกต่างไปจากเอลฟ์ที่หยางเฟยเห็นในเมืองโบราณกรีนฟอเรส เอลฟ์ส่วนใหญ่ในนครแสงจันทร์มองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ตื่นตัวและไม่แยแส แต่เหล่าเอลฟ์ในเมืองโบราณกรีนฟอเรสนั้นมักมองมนุษย์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
กองทัพเอลฟ์ติดอาวุธครบมือขี่ม้ามีปีกสีเงินบินลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดด้านหน้าคาริน่า
เบลินด้าลงมาจากม้ามีปีกและเดินตรงเข้ามาหาคาริน่า “ฝ่าบาท คาริน่า ข้าได้รับคำสั่งให้พาท่านและดยุคเอียนไปยังพระราชวังแสงจันทร์”
สายตาของเบลินด้ามองไปยังหยางเฟยด้วยแววตาซับซ้อน
เมื่อครั้งที่พบกันครั้งแรก หยางเฟยเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆในดินแดนรกร้างเรดเคลย์ เมืองเล็กๆเหล่านี้สามารถพบได้มากมายในดินแดนเฟย์สือ แต่ไม่ใช่เลย สิ่งที่น่ายกย่องคือการสร้างเมืองในดินแดนรกร้างเรดเคลย์ที่ทุรกันดาร แม้แต่นกยังไม่บินผ่าน และตอนนี้หยางเฟยกลายเป็นดยุคแห่งจักรวรรดิมอร์ริส 1 ใน 2 จักรวรรดิมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ เขามีอำนาจควบคุมมนุษย์ 10,000,000 คนในดินแดนของเขา ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นกองทัพได้จำนวนมหาศาลมาก
จำนวนประชากรทั้งหมดของจักรวรรดิเอลฟ์มีเพียง 40,000,000 คน นั่นหมายความว่าประชากรที่หยางเฟยมีเทียบได้กับ 1 ใน 4 ของจักรวรรดิเอลฟ์ ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้
เอลฟ์ชั้นต่ำต่างไม่เคยได้ยินชื่อของหยางเฟย แต่เหล่าเอลฟ์ชั้นสูง ส่วนใหญ่ต่างรู้จักชื่อของหยางเฟยทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเหล่าเอลฟ์จะเอาแต่อาศัยตัวอยู่ในป่าเอลฟ์มาเป็นเวลาหลายพันปี แต่สถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นในดินแดนเฟย์สือนั้นเหมือนกับเด็กตีกัน พวกเขาใช้ธรรมชาติเก็บข้อมูลเหล่านั้นมาให้พวกเขา
เบลินด้าคิดได้ว่ามีบุคคลที่โหดเหี้ยมปลดปล่อยน้ำให้ท่วมจักรวรรดิมอร์ริสและฉวยโอกาสนี้อพยพผู้ลี้ภัยเข้ามาในดินแดนของตน การกระทำในครั้งนี้สร้างความหวาดกลัวในจิตใจเธออย่างมาก
นอกจากเบเนดิกต์ที่เป็นขยะของเผ่าพันธุ์เอลฟ์แล้ว เหล่าเอลฟ์ชั้นสูงในจักรวรรดิเอลฟ์ไม่มีใครกล้าดูถูกตัวตนของหยางเฟย
หยางเฟยเป็นบุคคลที่ทรงพลังมาก ถึงขนาดที่สามารถคุยกับผู้อาวุโสเอลซ่าได้อย่างทัดเทียม
มิเช่นนั้นแล้ว คนที่กล้าแทงใส่ท่านเบเนดิกต์ที่ทางเข้าป่าเอลฟ์ แม้แต่ตัวตนระดับตำนานก็ไม่อาจรอดไปจากเงื้อมมือของจักรวรรดิเอลฟ์ไปได้
คาริน่ากระโดดขึ้นเพกาซัสสีเงิน เธอยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน “ได้! จริงสิ! เบลินด้า เอียนนำสินค้าเข้ามาในเมืองโบราณกรีนฟอเรส เจ้าส่งคนไปเอาเข้ามาที่นี่หน่อย”
เบลินด้าตอบรับ “เจ้าค่ะ ฝ่าบาท!”
หยางเฟยและคนทั้ง 5กระโดดขึ้นไปบนหลังของเพกาซัสสีเงิน
เพกาซัสสีเงินกางปีกออก กระแสเวทมนตร์พัดกระจายไปรอบๆปีกของมัน พายุเฮอร์ริเคนถูกก่อตัวขึ้นรอบตัวของเพกาซัสสีเงิน มันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
หยางเฟยรับรู้ได้ถึงพายุเฮอร์ริเคนรอบตัวเพกาซัส เขาคิดในใจ “เป็นพายุที่รุนแรงจริง พายุนี่สามารถบดขยี้กองทัพได้สบายๆ แต่น่าเสียดายที้การระเบิดพลังแบบนี้ไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลานาน ไม่น่าแปลกใจที่ว่าเอลฟ์จะไม่ใช้ม้าเหล่านี้บินเป็นระยะทางไกล”
แม้ว่าเพกาซัสสีเงินเหล่านี้สามารถบินบนท้องฟ้าได้ ด้วยการใช้พลังของเฮอร์ริเคน ซึ่งมีความรุนแรงมาก หากไม่มีเวทย์ป้องกัน หากต้องสัมผัสกับพายุเฮอร์ริเคนตลอดทั้งวันทั้งคืน แม้แต่อัศวินชั้นสูงก็สามารถตกตายภายใต้พายุเฮอร์ริเคนนี้ ร่างกายจะถูกพายุกัดกินอย่างหนัก ยกเว้นกับหยางเฟยที่เป็นวอร์ล็อค ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแกร่งสามารถป้องกันการกัดกินของพายุเฮอร์ริเคนได้ ดังนั้นเพกาซัสสีเงินนี้อาจจะเป็นพาหนะในนครแสงจันทร์หรืออาจจะกลายเป็นนักฆ่าในสนามรบได้
มีบ้านต้นไม้มากมายนับไม่ถ้วนในนครแสงจันทร์และมีเอลฟ์ทื่อาศัยอยู่ในบ้านที่แปลกประหลาด
ทั้งนครแสงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ราวกับถูกจัดระเบียบไว้เป็นอย่างดี มันทั้งงดงามราวกับศิลปะ
ใจกลางนครแสงจันทร์ มีต้นไม้ขนาดใหญ่สูงนับ 100 เมตรปกคลุมอยู่
ต้นไม้ขนาดใหญ่นั้นที่คอยรับแสงจันทร์ในตอนนี้คือต้นแสงจันทร์ของเหล่าเอลฟ์ บรรดาเอลฟ์ราชวงศ์จะอาศัยอยู่ภายในต้นไม้แสงจันทร์เหล่านี้
เพกาซัสสีเงินบินลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดบนกิ่งไม้ขนาดใหญ่
กิ่งไม้ขนาดใหญ่ของต้นแสงจันทร์สามารถรองรับม้าได้ถึง 4 ตัว แม้ว่าการขี่มาจะไม่ราบรื่นนัก แต่เพกาซัสสีเงินเหล่านี้สามารถลงจอดได้อย่างง่ายดาย
เบลินด้าชี้ไปยังเอลฟ์สาวหน้าอกโตและพูดขึ้น “ดยุคเอียน ฝ่าบาทคาริน่า พวกท่านต้องเตรียมตัวก่อนเข้าไป”
หยางเฟยยกคิ้วขึ้น “ได้!”
คาริน่าโบกมือใหกับหยางเฟยและพูดด้วยรอยยิ้ม “การประชุม!”
เมื่อพูดจบ คาริน่าโค้งให้กับเบลินด้าและทหารเอลฟ์และรีบเดินเข้าไปภายในต้นแสงจันทร์
คาริน่ายิ้มและหันมามองหยางเฟย “ดยุคเอียน ไปกันเถอะ!”
หยางเฟยโค้งเล็กน้อยและเดินเข้าไปยังภายในของต้นแสงจันทร์
ในต้นแสงจันทร์ มีแสงจันทร์สลัวส่องไปทั่วทุกแห่ง พลังเวทมนตร์บริสุทธิ์มาพร้อมกับแสงจันทร์ หยางเฟยอาบแสงจันเทร์ และรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กระทบกับร่างกาย