Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 37
“ด้วยความยินดี!”
บริ๊งค์พูดออกมาด้วยรอยยิ้มและโยนคริสตัลในมือของเธอออกไป ทำให้พื้นที่โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยวกลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่มีคลื่นแสงสีชมพูอมฟ้ากระเพื่อมอยู่รอบ ๆ และบริ๊งค์ก็กระโดดเข้าไปในช่องว่างนั้น และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมาก็มีพอร์ทัลปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของซู่เจิน และบริ๊งค์ก็พุ่งออกมาจากพอร์ทัลอันนั้นและเตะไปที่ซู่เจิน
“ต้องการเห็นความสามารถของฉันงั้นหรอ ? ถ้าอย่างงั้นก็ต้องดูว่าคุณมีความสามารถพอหรือเปล่า!” บริ๊งค์คิดอยู่คนเดียวในใจพลางสำรวจไปที่ซู่เจินที่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวเลยว่าเธออยู่ข้างหลังของเขาและกำลังโจมตีใส่เขาอยู่
ปัง!
ซู่เจินไม่ได้หันไปมองทางด้านหลัง ราวกับว่าเขามีดวงตาอีกดวงอยู่ด้านหลัง เขาจับไปที่ข้อเท้าของเธอด้วยการแบ็คแฮนด์อย่างแม่นยำ ทำให้บริ๊งค์ตกใจเป็นอย่างมากและรีบเตะใส่ซู่เจินด้วยเท้าอีกข้างของเธออย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวของเธอกำลังเหวี่ยงไปอีกด้านหนึ่ง
แต่ซู่เจินไม่ได้เหวี่ยงตัวของบริ๊งค์แรงมากนัก ทำให้บริ๊งค์สามารถทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว และเอาขาลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นเธอก็สร้างคริสตัลขึ้นมาและโยนมันไปอย่างรวดเร็ว และหายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง
มุมปากของซู่เจินยกขึ้นเล็กน้อยและเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลง วินาทีต่อมาบริ๊งค์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและโจมตีมาที่เขาอย่างเมามัน
“การโจมตียังเร็วไม่พอ ผมสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดายเลยล่ะแม้ว่าผมจะหลับตาก็ตาม หากเธอต้องการใช้พอร์ทัลของเธอเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ของเธอที่เผลอเธอจะต้องโจมตีให้แม่นยำรวดเร็ว และรุนแรงกว่านี้ เพราะถ้าเธอยังเป็นแบบนี้อยู่มันจะเป็นเรื่องง่ายมากที่เธอจะถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวได้อย่างง่ายดาย เช่น…. ทางนี้….”
ซู่เจินหลับตาและขยับตัวเล็กน้อยหลบหลีกการโจมตีของบริ๊งค์ได้อย่างแม่นยำ จากนั้นเขาก็คว้าไปที่กำปั้นของเธอได้อย่างง่ายดาย!
“ แล้วยังไงล่ะ ฉันสามารถหนีได้ตลอดเวลา … ”
บริ๊งค์กล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจและเตรียมที่จะโยนคริสตัลเพื่อหลบหนี
แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็พบว่าร่างกายของเธอไม่สามารถขยับไปไหนได้และคริสตัลที่อยู่ในมือของเธอไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถโยนมันออกไปได้!
“ไม่มีความสามารถใดที่อยู่ยงคงกระพัน เพราะตราบใดที่ร่างกายของเธอขยับไม่ได้ ความสามารถของเธอมันก็ไร้ประโยชน์!”
ซู่เจินลืมตาขึ้นและปล่อยเธอออกจากการควบคุมพลังจิตของเขา
เมื่อเห็นว่าบริ๊งค์ดูหงุดหงิดเล็กน้อย ซู่เจินก็กล่าวขึ้นมาด้วยความโล่งใจว่า “อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นความสามารถแบบใด ก็สามารถพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นได้จากการฝึกฝนอย่างหนักและการประยุกต์ใช้ให้มันเกิดประโยชน์สูงสุด และในทำนองเดียวกันถ้าเธอมีความแข็งแกร่งมากพอเธอก็จะสามารถทำลายพลังจิตของผมได้อย่างง่ายดาย! “
“อืม! ฉันเข้าใจแล้ว” บริ๊งค์พูดออกมาและพยักหน้าเห็นด้วย
แต่ดูเหมือนว่าบริ๊งค์จะสงสัยอะไรบางอย่างเลยถามซู่เจินขึ้นมาว่า “แล้วที่คุณมีความสามารถมากมายขนาดนี้แต่คุณกับไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ แล้วคุณเป็นตัวอะไรกันแน่ล่ะ?”
“ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มี … ความสามารถที่พิเศษมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย” ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ และกล่าวว่า “เธอรู้ไหมว่าเธอมีความสามารถที่ทรงพลังมาก ทำให้เธอสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ดังนั้นก่อนที่วิกฤตครั้งนั้นจะมาถึง เธอจะต้องกลายเป็นคนแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่แค่ในฐานะตัวประกอบ แต่เป็นในฐานะของตัวเอก ดังนั้นเธอจงแข็งแกร่งขึ้นซะแล้วปกป้องตัวเองให้ได้! “
“ในตอนนี้เธอขาดวิธีการโจมตีด้วยความสามารถของเธอ ดังนั้นวิธีการโจมตีที่ดีที่สุดของเธอก็คือ การที่เธอเปิดพอร์ทัลและปิดพอร์ทัลลงอย่างกะทันหัน จะทำให้เธอสามารถแบ่งศัตรูเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย เพราะถึงยังไงเธอการสามารถเปิดปิดพอร์ทัลได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ถึงมันจะเจ๋งยังไงความไวของมันก็ต่ำเกินไป ทำไมเธอไม่ลองโยนคริสตัลไปที่สิ่งของสักชิ้นและเทเลพอร์ตมันโดยตรงดูล่ะ! “
“มันเป็นไปไม่ได้!” บริ๊งค์พูดขึ้นมาและส่ายหัว “ฉันได้ลองแล้วว่ามันสามารถทำได้แค่เปิดพอร์ทัล ไม่มีทางที่จะใช้คริสตัลเป็นตัวกลางในการเทเลพอร์ตโดยตรงได้!”
ซู่เจินพูดขึ้นมาและส่ายหัวอย่างจริงจัง และกล่าวว่า “อย่าประเมินศักยภาพของตัวเองต่ำเกินไป เพราะตราบใดที่เธอมีความพยายาม จะไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้!”
“โอเค ฉันจะพยายาม!” แม้ว่าบริ๊งค์จะไม่ค่อยเชื่อว่าเธอสามารถทำมันได้จริง ๆ แต่ด้วยคำพูดให้กำลังใจของซู่เจิน ทำให้เธอรู้สึกว่ามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
เมื่อก่อนไม่เคยมีใครที่คอยให้กำลังใจเธอแบบนี้มาก่อน และไม่เคยมีใครที่คอยสอนเธอถึงวิธีการพัฒนาความสามารถของเธอ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซู่เจินเป็นคนแรกสำหรับเธอในหลาย ๆ ความหมาย
“บางที … อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ที่ฉันได้ติดตามเขาไป!” บริ๊งค์คิดอยู่ในใจของเธอคนเดียวโดยไม่ได้พูดออกมา
“เปลี่ยนสถานที่กันเถอะ เธอสมควรได้รับชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่านี้!” ซู่เจินมองไปรอบ ๆ และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
บริ๊งค์ยิ้มออกมาและโยนคริสตัลเพื่อเปิดพอร์ทัลออกมา
ซู่เจินและบริ๊งค์ กระโดดเข้าไปในพอร์ทัลและหายตัวไป หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท ของโรงแรมระดับไฮเอนด์สักแห่งนึง
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ห้องของบริ๊งค์อย่างแน่นอน แต่แล้วยังไงล่ะ ? มันไม่ได้สำคัญเลยสักนิด ซู่เจินหันหลังและเดินออกจากห้องไป เพื่อไปจองห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทให้ถูกต้องและสั่งให้พนักงานของโรงแรมเอาอาหารขึ้นมาเสิร์ฟที่ห้องของเขา
มันเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งนี้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ ใช้ความสามารถเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อย ๆ พวกคุณลองคิดดูสิมันจะเหนื่อยขนาดไหน ? และแน่นอนว่าการที่พวกเขามาอยู่ในโรงแรมแบบนี้เป็นการเปิดประสบการณ์แบบใหม่ของบริ๊งค์อย่างแน่นอนเพราะเมื่อก่อนเธอต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนไปมา ถึงแม้เธอจะมีเงินแต่มันก็ไม่ได้เป็นเงินที่ขาวสะอาดมากนัก ทำให้เธอจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่มีโอกาสได้ใช้จ่ายเงินเยอะ ๆ แบบซู่เจิน
ซู่เจินทำดีกับเธอมาก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำให้ซู่เจินผิดหวัง เธอจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อฝึกฝนความสามารถของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าเธอจะล้มเหลว แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้และพยายามมันให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก!
และมันก็เป็นอย่างที่ซู่เจินคิดจริง ๆ ด้วยว่าความสามารถของบริ๊งค์นั้นแข็งแกร่งมาก เพราะตราบใดที่เธอยังคงพัฒนาความสามารถของเธอต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ และพยายามฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก มันจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร!
ซู่เจินรู้ว่าการที่เขาจะกลายเป็นราชาของโลกใบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ที่เขาจะทำมันเพียงคนเดียว ดังนั้นแผนการของเขาก็คือการสร้างทีมของตัวเองขึ้น และการที่เขาจะสร้างทีมของตัวเองขึ้นมาได้นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องมีพลัง พลังที่แข็งแกร่ง!
ทีมของเขานั้นต้องการคนที่มีความสามารถหลากหลาย เช่น เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เหมือนสกาย หรือเป็นนักชีววิทยาเหมือนกับเจมมา ซิมมอนส์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความแข็งแกร่งที่น่ากลัว จนไม่มีคนกล้ายั่วยุหรือหาเรื่องได้!
เขาจะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วและบรรลุเป้าหมายของเขาได้!