Martial God Space - ตอนที่ 306
Martial god space ตอนที่ 306 ลูกหมาป่า เผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์
บางทีแม้แต่ผู้ก่อตั้งสำนักยี่หยวน ก็ไม่ทราบตำแหน่งที่แท้จริงของพื้นที่โลกใบเล็ก มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะทำลายพื้นที่บริเวณรอบๆ เพื่อหาตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่โลกใบเล็ก
พื้นที่มิติอวกาศมีความผกผันอยู่ตลอดเวลา! ราวกับการระเบิดของบิกแบง เศษชิ้นส่วนของพื้นที่มิติอวกาศกระจายออกไปทั่วทุกหนทุกแห่ง มันเป็นฉากที่น่าตื่นเต้นงดงาม แต่ก็อันตรายอย่างมากในเวลาเดียวกัน
แม้ว่า เย่ ซีหวิน จะมีความมั่นใจมากเกี่ยวกับเคล็ดวิชาราชันย์ร่างทองคำของเขา แต่เขากลัวว่าเศษชิ้นส่วนพื้นที่มิติเหล่านี้จะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ หากเขาอยู่ในขอบเขตลมปราณระดับนักปราชญ์ เขาอาจจะมีความสามารถในการต้านทานเศษชิ้นส่วนพื้นที่มิติอวกาศอย่างแท้จริง
” วูบบบบ! ” ทันใดนั้นความผันผวนของพื้นที่มิติก็สงบลง และมีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้น!
หลังจากปรับทัศนวิสัยในการมองเห็น พวกเขาก็มองเห็นซากปรักหักพังของนิกายสวรรค์อยู่เบื้องหน้า
มันเป็นสถานที่รกร้างบนที่ราบสูง ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหน อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าพันปี โดยปกติแล้วสถานที่แห่งนี้จะถูกหล่อเลี้ยงด้วยเส้นชีพจรจิตวิญญาณ และปลดปล่อยปราณจิตวิญญาณออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นพลังงานให้แก่โลกใบนี้ แต่พื้นที่แห่งนี้ถูกทอดทิ้งมานานเกินไปแต่แม้ปราณจิตวิญญาณก็เริ่มหืดแห้ง!
พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง พืชพรรณจำนวนมากก็ล้มตาย มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเสื่อมสภาพ หากไม่มีใครจัดการกับพื้นที่แห่งนี้ มันก็จะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ในหนึ่งพันปี!
ทันทีที่เส้นชีพจรมังกรตายลง สถานที่แห่งนี้ก็จะไม่สามารถฟื้นฟูได้อีกต่อไป
เมื่อมองไปยังซากปรักหักพัง จะเห็นโครงสร้างของอารยธรรมโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน
” ก๊าซซซซ์! ” มีเสียงคำรามดังมาจากระยะไกล ซากปรักหักพังแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจขนาดใหญ่ สัตว์ปีศาจเหล่านี้เดิมทีถูกส่งมายังพื้นที่โลกใบเล็ก เพื่อใช้สำหรับฝึกฝนเหล่าสาวกของนิกายสวรรค์ หลังจากสาวกของนิกายสวรรค์ได้หายตัวไปเป็นเวลานาน สัตว์ปีศาจเหล่านี้ได้ขยายพันธุ์กระจายไปทั่วพื้นที่โลกใบเล็กแห่งนี้ มันเป็นสถานที่รวมตัวของสัตว์ปีศาจอย่างแท้จริง
” โฮกกกกกก! “
” ก๊าซซซซ์! “
” แกว๊กก! “
เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจที่ดังจากระยะไกล ก็ค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทันใดนั้นกริฟฟอนยักษ์สีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ มันพุ่งเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรกไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันนกชนิดใด ปากขนาดใหญ่ของมันเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคม เมื่อมันมองเห็น เย่ ซีหวิน มันก็พุ่งตรงเข้ามาโจมตีเขาทันที
” ป้าบบบ! ” ทันทีที่กริฟฟอนมาถึงด้านของ เย่ ซีหวิน เขาก็ตบเข้าไปที่หน้าของมันทันที หัวของมันหมุนได้รอบหนึ่งแล้วก็ล้มลงเสียชีวิต
” สัตว์ปีศาจในโลกใบเล็กๆ นี้ ทรงพลังอย่างน่าประหลาดใจ! ” เย่ ซีหวิน กล่าวออกมา ถึงแม้เขาจะฆ่ากริฟฟอนด้วยการตบเพียงครั้งเดียว สัตว์ปีศาจที่น่ากลัวนี้อยู่ในขอบเขตลมปราณปัจฉิมบท
จากนั้นไม่นาน เย่ ซีหวิน ก็พบว่ามีฝูงของกริฟฟอนขนาดใหญ่กำลังบินมาทางพวกเขา แต่ละตัวอยู่ในขอบเขตลมปราณปัจฉิมบทไม่ต่ำไปกว่านี้ และที่น่าตกใจที่สุดคือในกลุ่มของพวกมันยังมีกริฟฟอนขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานรวมอยู่ในฝูงด้วย
” ซูมมม! ” เย่ ซีหวิน ระเบิดปราณหยวนออกมาทันที มันก่อตัวขึ้นเป็นดาบในมือของเขา เย่ ซีหวิน ไม่รอช้ายิงปราณดาบขนาดใหญ่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า ปราณดาบอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่ากลัวราวกับว่ามันสามารถฉีกท้องฟ้าออกเป็นสองส่วนได้ กริฟฟอนที่อยู่ในแนววิถีของดาบก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับใบไม้ร่วง
” ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ” เส้นทางที่ปราณดาบกวาดออกไป กริฟฟอนยักษ์หลายตัวร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผลขนาดใหญ่ หลายตัวถูกตัดออกเป็นสองส่วนทันที ทำให้ฝูงกริฟฟอนยักษ์เหล่านี้ดุร้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อถูกจู่โจม พวกมันรีบบินพุ่งตรงเข้ามาหากลุ่มของ เย่ ซีหวิน อย่างรวดเร็ว
เย่ ซีหวิน เผยให้เห็นสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือ! “
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ฝูงกริฟฟอนยักษ์ขนาดใหญ่ก็กรูกันเข้ามาราวกับสายน้ำ
ขอบเขตลมปราณของลูกหมาป่าตอนนี้อยู่ในระดับครึ่งก้าวตำนาน มันสามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างดี แต่สำหรับสองพี่น้องตระกูลโม่แล้วถือว่าเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะพวกเขาอยู่ในขอบเขตลมปราณปัจฉิมบทเท่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่สามารถรับมือกับฝูงกริฟฟอนยักษ์จำนวนมากมายที่กำลังรุมล้อมตอนนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงหากต้องเผชิญกับกริฟฟอนยักษ์ขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน
แต่ยังนับว่าพวกเขาโชคดี เย่ ซีหวิน สามารถรับมือกับพวกมันได้ง่ายดาย กริฟฟอนยักษ์ตัวแล้วตัวเล่าถูกสังหารโดย เย่ ซีหวิน ได้ก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงสองพี่น้องตระกูลโม่
ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้พวกเขาทั้งสองรู้สึกขอบคุณ และซาบซึ้งใจมาก เพราะ เย่ ซีหวิน คอยอยู่เคียงข้างพวกเขามาโดยตลอด และคอยปกป้องพวกเขาไม่ให้ได้รับอันตรายใดๆ
ตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา เย่ ซีหวิน และกลุ่มของเขา ยังคงสังหารสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าในเวลานี้สัตว์ปีศาจเหล่านี้ได้ขยายพันธุ์ไปเป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด การเดินทางของ เย่ ซีหวิน และกลุ่มของพวกเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากสัตว์ปีศาจเหล่านี้พวกมันมีมากเกินไป
การสังหารสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการถึงได้ว่าร่างกายของพวกเขาจะต้องแบกรับภาระมากแค่ไหน เย่ ซีหวิน และกลุ่มของเขาสังหารสัตว์ปีศาจจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนมากนัก หากเป็นจอมยุทธระดับสูงทั่วไปการสังหารสัตว์ปีศาจตลอดหลายวันเช่นนี้ มันคงทำให้พวกเขาเป็นบ้าและเสียสติไปในที่สุด
เมื่อพวกเขาเดินสำรวจลึกเข้าไปมากขึ้น ก็ได้พบกับสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลังจากช่วงนั้นมาได้พวกเขาก็พบเพียงสัตว์ปีศาจขอบเขตลมปราณปัจฉิมบทเท่านั้น
สองพี่น้องตระกูลโม่เข้าร่วมการต่อสู้หลายต่อหลายครั้งขอบเขตลมปราณของพวกเขาก็เสถียรมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นอีกครึ่งเดือนในที่สุดสองพี่น้องตระกูลโม่พวกเขาก็สามารถเข้าสู่ขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน
” หมาป่าสวรรค์เทวะจันทรา! ” ลูกหมาป่า ส่งเสียงหอนดังยาว แผ่นภาพดวงจันทน์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า สัตว์ปีศาจที่ตรงหน้าของมันก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น ขอบเขตลมปราณของมันในตอนนี้มาถึงจุดสูงสุด มันกำลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณระดับตำนานในอีกไม่ช้า
ลูกหมาป่า กำลังดูดซับแกนปีศาจของสัตว์ปีศาจ ทันใดร่างของลูกหมาป่าก็ล้อมรอบไปด้วยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ขนบนตัวของมันตั้งชัน ขณะที่มันกำลังยืนอยู่ออร่าที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายของมันก็ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
” มันกำลังจะทะลวงขอบเขตลมปราณ ด่านภัยพิบัติสวรรค์! ” เยโม่ สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ จึงรีบตะโกนบอก เย่ ซีหวิน
ออร่าภายในร่างของมันกำลังเดือดระอุ จู่ๆ เมฆสีดำก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ด่านภัยพิบัติสวรรค์ เริ่มก่อตัวขึ้นมาในทันที!
ดูเหมือนลูกหมาป่าต้องการทะลวงขอบเขตจากลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน เพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานขั้นต้น ด่านภัยพิบัติสวรรค์ ถือเป็นการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่สำหรับจอมยุทธ ร่างกายของพวกเขาจะได้รับการชำระล้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หากต้องการจะก้าวไปยังระดับที่สูงขึ้น
( NT : การทะลวงขอบเขตในแต่ละขั้นของขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน จอมยุทธผู้นั้นจะต้องเผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ เพียงลำพัง แต่ละคนจะมีระยะเวลาไม่เท่ากัน ด่านภัยพิบัติสวรรค์ สำหรับจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนาน จะกินเวลายาวนานมากกว่าขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน และหากผู้ใดเข้าให้การช่วยเหลือ หรือ แทรกแซง พวกเขาจะถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งด้วยสายฟ้าจาก ด่านภัยพิบัติสวรรค์ โดยไม่มีข้อยกเว้น )
เย่ ซีหวิน เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบบอกคนอื่นๆ ในกลุ่มทันทีว่า ” พวกเราต้องรีบถอยห่างออกจากเขา! “
ครั้งสุดท้ายที่เขาเผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ มันคิดว่าเขาให้การช่วยเหลือและโจมตีเขาด้วยสายฟ้า คราวนี้เขาไม่ต้องการให้ลูกหมาป่าได้รับบาดเจ็บจากเขาโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่า ด่านภัยพิบัติสวรรค์ จะยังไม่ปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ แต่ เย่ ซีหวิน สามารถสัมผัสถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของมันได้
และครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่ขอบเขตลมปราณปัจฉิมบท ด่านภัยพิบัติสวรรค์ จะยกระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกตามความแข็งแกร่ง ไม่อาจจินตนาการถึงขอบเขตอำนาจทำลายล้างของมันได้ เมื่อ เย่ ซีหวิน คิดถึงมันเขาก็รู้สึกเสียวแวบขึ้นมาที่หนังศีรษะ
หลังจากเขาถอยห่างออกมาจากลูกหมาป่า ในเวลานั้น ด่านภัยพิบัติสวรรค์ ก็เริ่มส่งสายฟ้าจำนวนมากออกมาราวกับสายฝน ร่างที่เต็มไปด้วยขนสีดำของมันก็ถูกฟ้าผ่าในทันที บรรยากาศรอบตัวของมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นไหม้
ลูกหมาป่า พยายามกระโดดหลบไปมาเพื่อเลี่ยงหลีกการถูกโจมตีด้วยสายฟ้า เย่ ซีหวิน และสองพี่น้องตระกูลโม่ ได้แต่มองดูด้วยความระทึกใจ พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือมันได้
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสถึงผู้มีพลังลมปราณกล้าแข็งหลายจุด และพบว่ามีขอบเขตลมปราณระดับตำนาน พวกเขาเป็นจอมยุทธอาวุโสรุ่นก่อน ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดจะโจมตี เย่ ซีหวิน และสมาชิกคนอื่นๆ ในช่วงเวลานี้กลุ่มของพวกเขาจะอ่อนแอที่สุด เพราะหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มกำลังทะลวงขอบเขตลมปราณทำให้กลุ่มของพวกตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เย่ ซีหวิน สื่อสารทางจิตวิญญาณกับพวกมัน ใครที่กล้าท้าทายเขาจะต้องพบจุดจบเช่น 3 จอมยุทธโฉด? แต่ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่สนใจและต้องการกำจัด เย่ ซีหวิน และกลุ่มของเขา เพราะพวกเขาไม่มีกลุ่มผู้มีอิทธพลให้การสนับสนุน หากพวกมันสามารถกำจัดเขาได้ พวกมันก็จะยึดทรัพย์สมบัติต่างๆ ที่เขาเก็บสะสมเอาไว้ระหว่างการผจญภัย เพียงแค่นึกทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจากซากศพของ เย่ ซีหวิน กลับทำให้พวกมันทวีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
ในบรรดากลุ่มของจอมยุทธที่เข้ามาสำรวจในพื้นโลกใบเล็ก กลุ่มของกองกำลังเทพเจ้า สมาชิกของพวกเขาเต็มไปจอมยุทธรุ่นเยาว์ระดับหัวกะทิ ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มของนายน้อยขององครักษ์เสื้อแพร และผู้ติดตามทั้ง 8 ล้วนอยู่ในขอบเขตลมปราณระดับตำนาน พวกเขาต่างได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอิทธิพลจึงไม่มีใครกล้าคิดที่จะแตะต้องพวกเขา
ถึงแม้คนแรกที่ก้าวเข้ามายังพื้นที่โลกใบเล็กจะเป็นจอมยุทธในชุดคลุมสีดำ แต่ก็ไม่มีใครพบแบะแส หรือ เห็นเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เช่นเดียวกับ กองกำลังกวาดล้าง เบื้องหลังของพวกเขาก็ได้รับการสนับสนุนจาก องค์กร 7 ดาวราชันย์ กองกำลังกวาดล้าง มีความแข็งแกร่งพอๆ กับ กองกำลังเทพเจ้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา
เมื่อเทียบจำนวนคนแล้ว กลุ่มของ เย่ ซีหวิน เป็นตัวเลือกดีที่สุด กลุ่มของพวกเขาถือว่าเป็นแกะอ้วนในสายตาของคนอื่นๆ
” ดูเหมือนว่าข้าจะฆ่าไม่มากพอ! ” เย่ ซีหวิน กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
” ฮาา ฮ่ะ ฮ่า งั้นก็ฆ่าพวกมันซะทั้งหมด! ” เยโม่ พูดพร้อมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เลือดและเนื้อของคนที่ถูกสังหารโดย เย่ ซีหวิน ถูกดูดกลืนโดย กระจกเทียนหยวน ยิ่งเขาฆ่ามากเท่าไหร่ กระจกเทียนหยวน ก็ยิ่งฟื้นตัวเร็วยิ่งขึ้น
” พวกเจ้าสองคนรอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปกำจัดแมลงวันที่น่ารำคาญ! ” เย่ ซีหวิน กล่าว
สองพี่น้องตระกูลโม่ พยักหน้า พวกเขาสัมผัสถึงความโลภ และเย่อหยิ่งของพวกมันได้ หลังจากใช้การสืบค้นทางจิตวิญญาณ
จากนั้นดาบใบมีดยาวในมือของ เย่ ซีหวิน เปลี่ยนเป็นสีทองทันที เขาตวัดดาบในมือและปลดปล่อยปราณดาบอันทรงพลัง พุ่งตรงไปหาเหล่าจอมยุทธที่หลบซ่อนตัวอยู่ห่างไกลออกไป