Martial God Space - ตอนที่ 299
Martial god space ตอนที่ 299 ไขกระดูกมังกร
เย่ ซีหวิน หันไปสบตาสองพี่น้อง ชายหนุ่ม รีบกล่าวอย่างรีบร้อน ” ข้า โม่ ยั่น ส่วนหญิงสาวคนนี้คือ โม่ เซียง เป็นน้องสาวของข้า ขอบคุณพี่ชายอย่างสุดซึ้ง ที่ท่านช่วยชีวิตพวกเราทั้งสองเอาไว้ “
” เรื่องเล็กน้อย อย่าได้เกรงใจ ” เย่ ซีหวิน ประสานมือรับการขอบคุณ เดิมทีเขาไม่ได้วางแผนจะเข้าไปแทรกแซง แต่นักรบของ กองกำลังเทพเจ้า โจมตีเขาอย่างไร้เหตุผลบีบบังคับให้เขาต้องลงมือ
” เหตุใด นักรบของ กองกำลังเทพเจ้า ถึงต้องไล่ติดตามพวกเจ้าทั้งสอง? ” เย่ ซีหวิน กล่าวถาม
” นี่ พี่ชาย ไม่รู้จริงๆ เหรอ? ” โม่ ยั่น กล่าว และมองไปที่ เย่ ซีหวิน ด้วยความแปลกใจ
” ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้อะไรมากนัก ” เย่ ซีหวิน ตอบ
” เป็นเช่นนี้นี่เอง! ” โม่ ยั่น พยักหน้าแล้วกล่าวว่า ” เมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังเทือกเขานี้ มันถูกเรียกว่า เมืองหย่งอัน และเดิมทีมันเคยเป็นที่ตั้งของนิกายใหญ่ที่มีเขตแดนมิติโลกใบเล็กเป็นของตัวเอง จากข่าวลือกล่าวกันว่ามันซ่อนสมบัติล้ำค่าเอาไว้มากมาย และมีสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยให้จอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดไปยังขอบเขตลมปราณระดับตำนานได้โดยตรง มันเรียกว่า ไขกระดูกมังกร! “
” ไขกระดูกมังกร? ” เย่ ซีหวิน พูดออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขารู้ว่า ไขกระดูกมังกร มันคือสิ่งใด? ไขกระดูกมังกร คือสิ่งที่หลงเหลืออยู่เมื่อ เส้นชีพจรมังกร ที่ตายลง หรือ หมดอายุขัย
สิ่งที่เรียกว่า เส้นชีพจรมังกร เป็น เส้นชีพจรจิตวิญญาณอีกแบบหนึ่ง แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของ เส้นชีพจรจิตวิญญาณ ไม่เพียงเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ปราณจิตวิญญาณ ที่มันปลดปล่อยออกมาจะเข้มข้นมากกว่า เส้นชีพจรจิตวิญญาณทั่วไป นิกายส่วนใหญ่ที่แข็งแกร่งจะมี เส้นชีพจรมังกร อยู่ในครอบครอง และ เส้นชีพจรมังกร เหล่านี้ไม่เพียงแค่ปลดปล่อยปราณจิตวิญญาณออกมามากมาย มันยังช่วยยกระดับลมปราณในระหว่างการฝึกฝนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หากนิกายเล็กๆ ได้รับ เส้นชีพจรมังกรที่ทรงพลัง นิกายของพวกเขาก็จะเติบโตและยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็วในเวลาในช่วงเวลาสั้น ๆ เส้นชีพจรมังกรยิ่งทรงพลังมากเท่าใด ยิ่งเท่าให้นิกายเหล่านั้นแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ย่อมมีช่วงเวลาที่รุ่งเรือง และร่วงโรย เช่นเดียวกับ เส้นชีพจรมังกร เมื่อมันตายส่วนที่หลงเหลืออยู่ของมัน ถูกเรียกว่า ไขกระดูกมังกร
แม้ว่า ไขกระดูกมังกร จะเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของ เส้นชีพจรมังกร ที่ตาย แต่ก็นับว่าเป็นสมบัติระดับสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเหลวไหลที่กล่าวเกินจริงว่ามันสามารถทำให้จอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณระดับตำนานได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือ มันสามารถชำระล้างไขกระดูก และเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณกระดูกซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ฝึกวิชา ไขกระดูกมังกร จะช่วยยกระดับลมปราณ และพลังชีวิตของพวกเขาได้อย่างก้าวกระโดด ดังนั้น ไขกระดูกมังกร จึงเป็นสิ่งล้ำค่ามาก แม้แต่สำนักยี่หยวน เองก็ไม่มีวันมอบ ไขกระดูกมังกร นี่ให้กับลูกศิษย์ เพราะสำนักยี่หยวนมีเส้นชีพจรมังกรเพียงอันเดียว ถ้าเส้นชีพจรมังกรตาย สำนักยี่หยวน ก็จะล่มสลาย ด้วยเหตุนี้นิกายดังกล่าวถึงถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้เบื้องหลัง
มีความเป็นไปได้ว่ามันจะต้องมีขนาดใหญ่มาก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเส้นชีพจรมังกรตาย ขนาดของพวกมันก็หดตัวอย่างรุนแรง เส้นชีพจรมังกรที่มีขนาดเล็กส่วนใหญ่จะหายไปโดยไร้ร่องรอยเมื่อพวกมันตาย เฉพาะเส้นชีพจรมังกรขนาดใหญ่บางตัวเท่านั้นที่จะทิ้ง ไขกระดูกมังกร เอาไว้เบื้องหลัง
และเมื่อมันเกิดขึ้น เหล่าจอมยุทธมากมายนับไม่ถ้วนจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงสมบัติล้ำค่านี้
” ใช่ ไขกระดูกมังกร กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่ถ้าพี่ชายต้องการที่จะเข้าสู่โลกใบเล็ก พี่ชายจำเป็นต้องมีกระบี่อาญาสิทธิ์ทั้งหมดแปดเล่ม หลังจากรวบรวมกระบี่อาญาสิทธิ์ทั้งแปดเล่มประตูเขตแดนมิติของโลกใบเล็กก็จะเปิดออก ” โม่ ยั่น กล่าว ” เพราะตัวข้ามีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่เล่มหนึ่ง ดังนั้นข้าจึงถูกคนของกองกำลังเทพเจ้าจึงไล่ตาม “
” ตอนนี้เรายินดีจะมอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้กับพี่ชาย ข้าจะยินดีมากหากพี่ชายรับมันเอาไว้? ” โม่ ยั่น กล่าว และส่งมีดเล็กๆ เล่มหนึ่งให้กับ เย่ ซีหวิน มีดเล็กๆ เล่มนี้มีรูปแบบงดงามมาก และยากที่จะบอกได้ว่ามันสร้างขึ้นจากวัสดุอะไร และมันเรืองแสงประหลาดๆ ออกมา
” เจ้าไม่ต้องการมันแล้วเหรอ? ” เย่ ซีหวิน ถาม
” แม้ว่าจะไม่มีกระบี่อาญาสิทธิ์ ในความเป็นจริงแล้วพี่ชายก็สามารถเข้าประตูไปกับคนอื่นๆ ได้เมื่อมันเปิดขึ้น แต่ข้าเป็นเพียงจอมยุทธผู้ต่ำต้อย หากเก็บมันเอาไว้รั้งแต่จะนำพาความเดือดร้อนมาให้ ข้าและน้องสาวคงไม่อาจเอาชีวิตรอดได้อีกครั้ง ” โม่ ยั่น กล่าวอย่างเปิดเผย แม้ว่าเขาจะเป็นจอมยุทธระดับลมปราณปัจฉิมบท แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับจอมยุทธที่น่าเกรงขามอีกมากมาย ดังนั้นจะเป็นการณ์ดีกว่า ถ้าเขามอบมีดเล่มนี้ให้กับ เย่ ซีหวิน
ในความเป็นจริงพวกเขาสองพี่น้องยินดีจะมอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้กับกองกำลังเทพเจ้าเพื่อแลกกับความอยู่รอด แต่ดูเหมือนกองกำลังเทพเจ้าจะไม่ใช่พวกที่รักษาคำพูด และข่มเหงพวกเขามากเกินไป และข่าวลือที่ว่าพวกเขาเป็นผู้ถือครองกระบี่อาญาสิทธิ์ได้แพร่กระจายออกไป มันเป็นทางออกเดียวที่พวกเขาจะรอดพ้นจากวิกฤตเช่นนี้
” ขอเพียงพี่ชายยอมให้พวกเราติดตามท่าน ไปจนกว่าเวลาประตูจะเปิดขึ้น พวกเราจะขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก ” โม่ ยั่น กล่าว
” หากกล่าวเช่นนั้น ข้าคงจะปฏิเสธไม่ได้ ” เย่ ซีหวิน กล่าว แม้ว่าไม่ต้องมีกระบี่อาญาสิทธิ์ เขาก็สามารถเข้าประตูไปกับคนอื่นๆ แต่ถ้ามีกระบี่อาญาสิทธิ์เขาอาจใช้ประโยชน์จากมันได้ในภายหลัง
ตอนนี้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป และตัดสินใจที่จะเข้าร่วมชิง ไขกระดูกมังกร ในครั้งนี้แล้ว
หลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บ เย่ ซีหวิน และ โม่ ยั่น และ โม่ เซียง ก็เดินทางข้ามภูเขามาถึงเมืองหย่งอัน เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่าเมืองชุนอัน และถือว่าเป็นหนึ่งใน 50 เมืองที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรต้าหมิง
กำแพงเมืองยักษ์ขนาดใหญ่ตั้งสูงจากพื้นดินจนไปถึงเมฆบนท้องฟ้า ความยิ่งใหญ่ของมันพอๆ กับเมืองหลวงของเมืองจักรพรรดิ
พวกเขาทั้งสามเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อมองหาโรงเตี๋ยม และหลังจากนั่งลงในร้านอาหารของโรงเตี๋ยม พวกเขาก็ได้ยินผู้คนพูดคุยเกี่ยวกับการสำรวจซากปรักหักพังของนิกายแทบจะทุกโต๊ะ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมข่าวการสำรวจซากปรักหักพังจึงเป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก เมื่อครั้ง องค์ชายแปด ออกสำรวจเขาก็ได้รับสมบัติล้ำค่าเป็น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ทำให้ได้รับความสนใจจากเหล่าราชวงศ์ เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ ตราประทับศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ แล้ว ซากปรักหักพังของนิกายแห่งนี้มีขนาดใหญ่ และเก่าแก่มากยิ่งกว่า
” ข่าวการสำรวจซากปรักหักพังของนิกายแห่งนี้ ข้ากลัวว่ามันจะดึงดูดเหล่าจอมยุทธมากมายนับไม่ถ้วนมายังเมืองของพวกเรา “
” ใช่ ยิ่งมันเป็น ไขกระดูกมังกร ด้วยแล้ว จอมยุทธที่ต้องการก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณระดับตำนาน ต่างให้ความสนใจ ไม่ต้องพูดถึงแม้แต่จอมยุทธที่อยู่ในขอบเขตลมปราณระดับตำนานก็ต้องการมันเพื่อยกระดับลมปราณ “
” คราวนี้คงมีจอมยุทธรุ่นเยาว์ระดับผู้นำเข้าร่วมการสำรวจ ไม่ได้มีเพียงแค่จอมยุทธรุ่นเก่า! “
” เจ้ากำลังพูดถึงกองกำลังเทพเจ้าใช่มั้ย? ข้าได้ยินมาว่าสมาชิกทั้งหมดของพวกเขากำลังออกค้นหากระบี่อาญาสิทธิ์ทุกหนแห่ง นอกจากนี้ เซียนคนที่ห้า ยังมาด้วยตัวเองเพื่อนำ ไขกระดูกมังกร กลับไป “
” แต่ข้าได้ข่าวมาว่ากองกำลังเทพเจ้าของพวกเขาถูกสังหารมากโดยจอมยุทธที่น่าเกรงขาม และพวกเขาเองก็ต้องการครอบครองกระบี่อาญาสิทธิ์ นั้นเป็นเหตุผลที่ เซียนคนที่ห้า มาด้วยตัวเองเพื่อไล่ล่าพวกเขา “
” กองกำลังเทพเจ้า เป็นองค์กรใหญ่ที่ประกอบไปด้วย 5 เซียน ซึ่งจัดอันดับตามความแข็งแกร่งของพวกเขา แม้ เซียนคนที่ห้า จะอยู่เป็นอันดับท้าย แต่พวกเขาก็สามารถบรรลุขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานได้เมื่ออายุยังน้อย เมื่อสองสามวันก่อนเขาได้สังหารจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนาน เป็นข่าวที่ทำให้แผ่นดินต้องสะเทือน! “
” เฮ้ เดี๋ยวก่อน แต่ข้าได้ยินมาว่ามี หมาป่าปีศาจ ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ เป็นฝ่ายมีปากเสียงกันกับพวกเขาจนเป็นเรื่อง? “
” เฮ้ ข้าชักไม่แน่ใจว่ามันเป็นข่าวเดียวกับ หมาป่า หรือ สุนัข ที่เป็นข่าวลือแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งภูมิภาคในตอนนี้ มันกำลังก่อปัญหาให้กับกองกำลังเทพเจ้า วันก่อนเมื่อวานนี้ เซียนคนที่ห้า พยายามจะหยุดมัน และทำให้มันเชื่อฟัง แต่มันใช้เคล็ดความว่องไวบางอย่างหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ เซียนคนที่ห้า ก็ไม่สามารถไล่ตามมันทัน แม้ว่าเขาจะเป็นจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนานขั้นต้นก็ตาม “
เย่ ซีหวิน รู้ได้ในทันทีว่าเป็น ลูกหมาป่า ที่พวกเขากำลังพูดถึง? ถือเป็นโชคร้ายของกองกำลังเทพเจ้าที่ไปมีเรื่องกับลูกหมาป่า มีคำโบราณที่กล่าวเอาไว้ว่า แก้แค้นสิบปีก็ไม่สายเกินไป แต่สำหรับ ลูกหมาป่า มันจะเอาคืนเป็นเท่าตัว
เย่ ซีหวิน กำลังยิ้มอย่างมีความสุข โม่ ยั่น และ โม่ เซียง มองไปที่ เย่ ซีหวิน และไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา!
ทั้งๆ ที่บรรยากาศทั้งหมดภายในร้านอาหาร ถูกปกคลุมไปด้วยความเครียด
” สามหาว พวกเจ้ากล้าพูดจาลบหลู่กองกำลังเทพเจ้าของเรา ดูท่าทางพวกเจ้าคงไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่มั้ย? ” ในเวลานี้มีนักรบหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางโต๊ะอาหารของพวกเขา ตะโกนเสียงดังขึ้นมา สามารถสังเกตเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า กองกำลังเทพ สลักเอาไว้ที่กลางหน้าอกบนเครื่องแบบของพวกเขา
ทันใดนั้นบรรดาผู้คนที่พูดคุยกัน และนินทาต่างพากันเงียบในทันที หลายคนไม่กล้าหันไปมอง และสบสายตาพวกเขา ถึงแม้จะมีอีกหลายคนที่ไม่พอใจกับความเย่อหยิ่งของ กองกำลังเทพเจ้า แต่อำนาจของ กองกำลังเทพเจ้า ต่างเป็นที่ยอมรับ บางคนก็ไม่ได้เกรงกลัวพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะประมาทความแข็งแกร่งของกองทัพ
การยั่วยุ กองกำลังเทพเจ้า ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย เพราะจะต้องเผชิญกับการไล่ล่าของกองทัพไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
” พวกเจ้าหลายคนพูดมากเกินไป พวกเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะมาตัดสิน กองกำลังเทพเจ้า ของเรา? บรรดาผู้ที่กล้าท้าทาย กองกำลังเทพเจ้า มักมีจุดจบไม่สวย ” สมาชิกของกองกำลังเทพเจ้า กล่าวขึ้นมาเสียงดัง และกวาดสายตามองดูฝูงชนด้วยสายตาอันเย็นชา เป็นการแสดงให้เห็นอำนาจของกองกำลังเทพเจ้า ไม่ต้องพูดถึงไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายพวกเขา
” พวกเจ้าฟังให้ดี ตอนนี้หมาป่าปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านนอกของเมือง กองกำลังเทพเจ้าจำนวนมากของเรากำลังออกไล่ล่าตามจับมัน “
หลังจากได้รับแจ้งข่าวการเคลื่อนไหวของหมาป่า นักรบของกองกำลังเทพเจ้าหลายคนต่างพากันลุกขึ้นยืน
” ดี หมาป่าปีศาจตัวนี้มันกำลังรนหาที่ตาย มันกล้ามากที่ปรากฏตัวขึ้นตอนนี้ พวกเราไปกันเถอะ!”
สมาชิกของกองกำลังเทพเจ้า พากันบินกลายเป็นลำแสงตรงออกไปนอกเมืองทันที
เย่ ซีหวิน ยิ้ม และส่ายหน้า สมาชิกของกองกำลังเทพเจ้าเหล่านี้ เป็นเพียงแค่จอมยุทธขอบเขตลมปราณปัจฉิมบท ในขณะที่ ลูกหมาป่า นั้นอยู่ในขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน พวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายไปรนหาที่ตาย