Love Comedy Manga ni Haitte shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru - ตอนที่ 82
ฉันเดินมาถึงร้านคาเฟ่ที่สึคาสะทำงานอยู่ก่อนจะเปิดประตูที่มีเสียงกระดิ่งดัง “กริ๊งๆ”
“ยินดีต้อนรับค่า!”
คนที่ออกมาต้อนรับเธอคือ โทบิเซะ มาริโนะ ผู้หญิงที่ฉันเพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้
“มาคนเดียวเหรอคะ?”
“…ใช่ค่ะ”
“เข้าใจแล้วค่า เชิญทางนี้เลยค่ะ”
ฉันเดินตามโทบิเซะไป
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ว่าเป็นฉัน ฉันจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งใจ
(โล่งอก ดูเหมือนการปลอมตัวครั้งนี้จะได้ผล คราวก่อนๆ ก็ไม่เคยเจอคนรู้จักเลยไม่ได้ทดสอบ แต่ครั้งนี้คงได้ผลจริงๆ)
เมื่อมาถึงที่นั่งฉันก็เห็นว่ามันเป็นที่นั่งตรงเคาน์เตอร์พอดี ซึ่งสามารถมองเห็นครัวและคนทำงานได้ใกล้ๆ และคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือสึคาสะนั่นเอง
(อ๊ะ!? ไม่คิดเลยว่าจะได้นั่งที่ๆ เห็นสึคาสะอยู่ตรงหน้าเลย…)
ตอนนี้สึคาสะสวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าและผูกเนกไทสีดำ ซึ่งเป็นชุดยูนิฟอร์มของร้านอยู่
(…ชุดเข้ากับเขาดีจริงๆ แฮะ)
รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศของเขาแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย คงเป็นเพราะชุดที่เป็นทางการหล่ะมั้งเลยทำให้เขาดูจริงจังขึ้น จนทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมา
“เชิญนั่งตรงนี้ได้เลยค่ะ”
โทบิเซะที่ใส่ชุดแบบเดียวกันแนะนำที่นั่งให้กับฉัน
(…หน้าอกของผู้หญิงคนนี้ช่าง…ใหญ่จริงๆ)
ฉันสังเกตได้ว่าหน้าอกของโทบิเซะเด่นชัดจนอดรู้สึกไม่ค่อยสบายใจไม่ได้
แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันก็นั่งลงบนที่นั่งโดยมีสึคาสะอยู่ตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขามองมาที่ฉันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
(หะ-หรือว่า…เขาจะรู้ตัวแล้วเหรอ? เป็นไปได้ยังไงกัน…?)
ฉันคิดว่าตัวเองปลอมตัวมาดีแล้วนะ ไม่มีทางที่สึคาสะจะจำฉันได้ง่ายๆ แน่
“มีอะไรหรือเปล่าสึคาสะคุง?”
โทบิเซะถามเขาขณะที่มองผ่านเคาน์เตอร์
“ปะ-เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
“จริงเหรอ? ถ้าไม่สบายก็บอกผู้จัดการได้นะจ๊ะ”
“ผมไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากครับ”
สึคาสะดูแปลกๆ นิดหน่อย แต่ดูเหมือนจะว่าเขาจะยังไม่รู้ตัวว่าเป็นฉัน
(ดีหล่ะ! สึคาสะไม่ทันสังเกตแน่ๆ หมวกกับแว่นกันแดดช่วยได้มากเลย)
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเปิดเมนูขึ้นมา
ด้วยความหิวนิดน้อยฉันเลยตัดสินใจสั่งโกโก้เย็นกับชีสเค้ก
(ตอนสั่งอาหารนี่…ฉันควรจะสั่งอาหารกับสึคาสะโดยตรงเลยดีไหมนะ?)
ฉันตั้งใจจะสั่งอาหารกับสึคาสะที่อยู่ตรงหน้าเพราะคิดว่ามันคงจะสะดวกกว่าที่จะให้โทบิเซะซังเดินมาถึงโต๊ะ แต่ทันทีที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก
(อ๊ะ เกือบไปแล้ว ถ้าฉันพูดออกไปทั้งๆ แบบนี้ เขาอาจจะจำเสียงฉันได้ก็ได้ เพราะสึคาสะเคยบอกว่าชอบเสียงของฉันนี่นา…คงต้องดัดเสียงพูดหน่อยแล้วแหละ)
พอคิดแบบนั้นแล้วฉันก็กระแอมในลำคอก่อนจะพูดกับสึคาสะ
“ขอโทษนะคะ ขอสั่งอาหารได้ไหมคะ?”
ฉันเลียนแบบสำเนียงการพูดแบบคุณหนูของโทโจอิน คาโอริ
“ห๊ะ!?”
สึคาสะดูตกใจที่ถูกพูดด้วยอย่างกะทันหัน และเขาก็ทำเสียงราวกับว่ากำลังสำลัก
“สึ…คะ-คุณเป็นอะไรไหมคะ?”
ฉันเกือบจะหลุดเรียกชื่อเขาออกไปแล้ว แต่ก็หยุดตัวเองไว้ได้ทัน
“เอ่ออ..! มะ-ไม่เป็นอะไรครับ คุณลูกค้าเชิญสั่งอาหารได้เลยครับ”
สึคาสะตอบทั้งๆ ที่ตัวสั่นเล็กน้อยและหันหน้าหนีไปทางอื่นเลยทำให้ฉันมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
(เขาไม่เป็นไรใช่ไหมนะ? เขาทำตัวแปลกๆ มาสักพักแล้ว หรือว่าเขาจะไม่สบายกันนะ?)
แม้ว่าฉันจะกังวลนิดหน่อย แต่ก็สั่งอาหารไป
“ขอเป็นโกโก้เย็นกับชีสเค้กค่ะ”
“คะ-ครับ รอสักครู่นะครับ”
สึคาสะหันหลังกลับไปทั้งที่ตัวยังสั่นๆ อยู่จนทำเอาฉันแอบกังวลว่าเขาจะป่วยหรือเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ด้วยการที่ตอนนี้ฉันเป็นแค่ลูกค้าจึงไม่สามารถพูดคุยกับเขาแบบปกติได้
“อ๊ะ ลืมไปเลยค่ะ นี่น้ำดื่มค่ะคุณลูกค้า”
“…ขอบคุณค่ะ”
ฉันหยิบน้ำขึ้นมาพร้อมกับขอบคุณ และจิบไปพลางมองโทบิเซะ
เธอยังคงดูสดใสร่าเริงเหมือนตอนเจอกันข้างนอกก่อนหน้านี้เลย
หลังจากเสิร์ฟน้ำให้ฉันเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปหาลูกค้ารายอื่นและรับออเดอร์ของพวกเขา
แม้ว่าเธอจะพูดกับลูกค้าคนอื่นๆ ด้วยภาษาที่ให้เกียรติ แต่ก็เกือบจะรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังคุยกับสึคาสะเลย
สรุปแล้ว เธอคนนั้นก็ยังคงเป็นคนที่พูดคุยกับคนอื่นด้วยความสนิทสนมแบบนั้นเสมอ
(ชิโฮะเองก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่โทบิเซะซังดูจะให้ความรู้สึกแบบนั้นมากกว่านะ เป็นคนที่สุดยอดจริงๆ)
ขณะที่กำลังดื่มน้ำอยู่ฉันก็ได้ยินเสียงจากสึคาสะที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นี่โกโก้เย็นกับชีสเค้กครับคุณลูกค้า ขออภัยที่เสิร์ฟข้ามเคาน์เตอร์นะครับ”
“อะ-อ่า…ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
“ชะ-เชิญทานให้อร่อยนะครับ”
สึคาสะตอบฉันด้วยร่างที่สั่นนิดหน่อยจนทำให้ฉันเป็นห่วงว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมนะ?
“คุณพนักงานดูตัวสั่นๆ นะคะ ไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
“ปะ-เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ ขอโทษที่ทำให้คุณลูกค้าเป็นกังวลนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ แต่ก็อย่าฝืนตัวเองมากนักนะคะ”
“ครับ…ตอนนี้เริ่มจะชินแล้วหล่ะครับ”
ฉันไม่รู้ว่าเขาเริ่มชินกับอะไรแล้ว แต่ก็ดีใจที่เขาดูเหมือนไม่ได้ป่วยหรือเป็นอะไรจึงชวนเขาคุยต่อ
“คุณเป็นพนักงานพิเศษใช่ไหมคะ?”
“ครับ เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเองครับ”
“อ๋อ แล้วพนักงานหญิงคนเมื่อกี้ก็ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มทำงานเหมือนกันด้วยใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ เธอเพิ่งเริ่มทำงานก่อนผมได้หนึ่งอาทิตย์เองครับ”
ดูเหมือนว่าสึคาสะกับโทบิเซะซังจะทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงเดียวกันสินะ
“พนักงานหญิงคนนั้นสวยจริงๆ เลยนะคะ แถมดูมีเสน่ห์และยิ้มเก่งด้วย”
ตอนนี้โทบิเซะซังดูเหมือนกำลังคุยกับลูกค้าคนอื่นอย่างสนุกสนานอยู่
“ใช่ครับ เธอเป็นคนที่น่ารักและเป็นร่าเริงจริงๆ ครับ”
สึคาสะเริ่มพูดกับฉันเหมือนกับว่าเขากำลังคุยกับลูกค้า
แม้ว่าฉันจะแสร้งทำเป็นกำลังมองโทบิเซะซัง แต่ก็ยังคงแอบเหลือบมองที่สึคาสะด้วย
“การได้ทำงานกับคนแบบนั้น น่าจะทำให้คุณรู้สึกดีใจในฐานะผู้ชายสินะคะ?”
หลังจากถามออกไปฉันก็เริ่มรู้สึกเสียใจทันทีที่ตัวเองทำพลาด
(ฉะ-ฉันถามตรงเกินไปหรือเปล่านะ? จู่ๆ ลูกค้าถามอะไรแบบนี้คงดูแปลกไปหน่อยสินะ? น่าจะหาวิธีถามให้เนียนกว่านี้หน่อย…)
ฉันคิดในใจ แต่ก็พยายามรักษาท่าทีไม่ให้ดูออกแล้วมองท่าทางของสึคาสะที่อยู่ตรงหน้า
สึคาสะเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาและตอบกลับ
“ครับ โทบิเซะซังเป็นคนคุยง่ายและทำให้การทำงานสนุกจริงๆ ครับ”
“…งะ-งั้นเหรอคะ”
เมื่อได้ยินคำตอบนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม
เป็นเรื่องปกติที่สึคาสะจะชมโทบิเซะ เนื่องจากฉันเป็นคนชวนเขาคุยในลักษณะที่ชมโทบิเซะซังเอง
“แต่ถ้าถามว่าดีใจในฐานะผู้ชายไหม คงไม่ถึงขั้นนั้นครับ”
“…เอ๊ะ?”
คำตอบนั้นทำให้ฉันถึงกับเผลอหลุดเสียงปกติออกมา
สึคาสะพูดต่อราวกับว่าเขาไม่ได้สังเกต
“จริงๆ แล้วผมไม่มีทางจะมองโทบิเซะซังในฐานะผู้หญิงที่ผมชอบได้เลยครับ”
“อ๋อ…อย่างนั้นเองหรือคะ ทำไมเหรอคะ?”
“ก็เพราะว่าผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ”
ฉันที่พยายามตั้งสติแล้ว แทบจะเสียท่ากับคำตอบของเขาอีกครั้ง
สึคาสะเช็ดจานไปพลางมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเรื่องจริงที่โทบิเซะซังอาจจะสวยและมีเสน่ห์ครับ แต่คนที่ผมชอบทั้งสวยและน่ารักกว่ามาก จนผมไม่เคยมองใครอื่นเลยครับ”
“…ดะ-ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้หญิงที่พิเศษมากเลยนะคะ คนที่คุณชอบหน่ะ”
“ครับ สำหรับผม เธอเป็นคนที่สวยและน่ารักที่สุดในโลกเลยครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสึคาสะ ฉันก็ก้มหน้าลงใบหน้าที่แดงก่ำ
(สะ-สึคาสะ! พูดบ้าอะไรกันเนี่ย! น่าอายชะมัด…แต่ดีนะที่เป็นฉันที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ ไม่งั้นคนอื่นเขาจะคิดยังไงกัน…!)
สึคาสะไม่ได้รู้เลยสินะว่าตัวเองกำลังสารภาพรักกับคนๆ เดิมอีกครั้งเพียงแต่ปลอมตัวมา
จากมุมมองของคนปกติ ฉันเดาว่ามันคงเป็นแค่สึคาสะที่หลงใหลผู้หญิงที่เธอชอบ
แต่สำหรับฉันมันน่าอายเกินไปแล้ว ที่สึคาสะเล่าเรื่องความรักของตัวเองให้คนอื่นฟังอย่างภาคภูมิใจแบบนี้
(ถ้าพูดอะไรแบบนี้ให้คนอื่นฟัง พวกเขาจะต้องคิดว่าเราเป็นคู่รักติงต๊องแน่ๆ)
“อะ-เอ่อ คุณพนักงานคะ ฉันว่าไม่รู้เล่าเรื่องเมื่อกี้ในที่สาธารณะด้วยความภาคภูมิใจจะดีกว่านะคะ เก็บไว้เป็นความลับน่าจะดีกว่านะคะ ใช่ค่ะ แบบนั้นแหละดีที่สุดค่ะ”
“ฮะๆ เข้าใจแล้วครับ ขอโทษนะครับ คุณลูกค้า”
“คะ-คุณหัวเราะอะไรเหรอคะ?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”
ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงหัวเราะ แต่ก่อนที่ฉันจะถามต่อ สึคาสะก็ถูกผู้จัดการเรียกไปพอดี
“เชิญรับประทานอาหารได้ตามสบายนะครับ”
เขายิ้มกว้างก่อนจะเดินหายไป
(นะ-นี่เขายิ้มให้ลูกค้าแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ? ถ้ามีลูกค้าผู้หญิงคนไหนเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง!)
ฉันกินไอซ์โกโก้กับชีสเค้กอย่างเอร็ดอร่อย
ความอึดอัดที่มีในใจก่อนหน้านี้คลายหายไปจนฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
(มาวันนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ได้เห็นสึคาสะทำงานแล้วก็ได้ยินความรู้สึกของเขาด้วย ถึงจะไม่ได้ตั้งใจฟังมาก็เถอะ แต่…แค่นี้ก็น่าจะวางใจได้แล้ว)
หลังจากกินโกโก้เย็นและชีสเค้กเสร็จแล้วฉันก็ลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เครื่องคิดเงินใกล้ทางเข้า ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้โทบิเซะซังจะเป็นคนดูแลอยู่
“รบกวนคิดเงินให้ด้วยค่ะ”
“ค่า อาหารอร่อยไหมคะ?”
“ค่ะ อร่อยมากเลยค่ะ”
“ดีจังค่ะ คราวหน้าเชิญมาอีกนะคะเซย์จัง”
“ค่ะ…ห๊ะ!?”
ฉันเผลอตอบรับออกไปก่อนจะรู้สึกตกใจว่าโทบิเซะซังรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน
“หืม? มีอะไรเหรอจ๊ะเซย์จัง?”
“อะ-เอ๊ะ คุณรู้เหรอคะ?”
“แน่นอนสิจ๊ะ เซย์จังดูเท่มากเลยนะวันนี้”
ฉันตกใจมากที่เห็นโทบิเซะซังยิ้มและพูดแบบนั้น
“ตะ-แต่เมื่อกี้คุณยังพูดกับฉันด้วยภาษาทางการอยู่เลยนี่คะ?”
“ก็เซย์จังเป็นลูกค้าของฉันนี่จ๊ะ”
“มะ-ไม่ใช่ว่าฉันปลอมตัวได้แนบเนียนแล้วเหรอคะ?”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ? แต่ฉันรู้ทันทีเลยว่านั่นคือเซย์จัง ฉันเลยให้เธอไปนั่งตรงหน้าสึคาสะคุงไงหล่ะ”
“กะ-โกหกหน่า…”
“จริงๆ นะ แถมสึคาสะคุงก็ดูเหมือนจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกันนะ”
“เอ๊ะ…”
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ค่อยๆ หันไปมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะสบตาสึคาสะที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์และดูอึดอัดมาก
“…”
“…”
“…ขอโทษนะ เซย์จัง”
“อะ――!?”
หน้าของฉันแดงก่ำและแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อรู้ว่าการปลอมตัวของตัวเองนั้นไร้ประโยชน์
-Facebook Fanpage-
Translarator
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต