[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 63 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ End Chapter
- Home
- All Mangas
- [LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก
- ตอนที่ 63 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ End Chapter
Part 6
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร งานเลี้ยงก็นำความสุขมาสู่ผู้คน ไม่ว่าจะเกิดความวุ่นวายทางตะวันตกหรือการคืบคลานของมหาอำนาจทางตอนเหนือ
นี่เป็นตังบ่งชี้ว่ามหาจักรวรรดิแกรนท์แข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้แม้จะมีข่าวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ผู้กังวลใจ แต่หากพวกขุนนางนั้นตื่นตระหนก ก็จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเหล่าขุนนาง
นี่คือเหตุผลที่หลายๆคนเข้าร่วมงานเลี้ยงเพื่อสร้างคอนเนคชั่นและผ่อนคลาย
“――ถ้างั้นก็หวังว่าจะได้รวมงานในอนาคต.”
“ครับถ้าเช่นนั้นไว้พบกันใหม่”
หลังจากเห็นขุนนางจากไป ฮิโระก็นั่งลงบนโซฟาข้างกำแพง
(นี่ชั้นจะจัดการเรื่องนี้ไหวรึเปล่านะ?)
ฮิโระมองลงไปยังกองจดหมายจำนวนมาก ขุนนางหลายคนเข้าหาเขาและต่างยื่นจดหมายที่เต็มไปด้วยความรักของเหล่าลูกสาวพร้อมจะยกลูกสาวของตัวเองให้ฮิโระ ที่พบเห็นได้มากสุดก็คือจากขุนนางตะวันออก ตามด้วยขุนนางส่วนกลาง นอกเหนือจากนี้ยังมีพ่อค้าทางตอนใต้ได้อยากซัพพอร์ตด้านการเงิน
(นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าอำนาจของตระกูลโครนกำลังสั่นคลอนยังงั้นเหรอ?)
เมื่อหันไปมองห้องโถงเขาก็เห็นเหล่าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีจำนวนมากกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
สถานที่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดน่าจะมาจากตรงเจ้าหญิงลำดับที่หก
บางทีอาจเป็นเพราะว่าลิซไม่ค่อยชินกับงานแบบนี้ เธอจึงสับสนเล็กน้อย แต่ต้องขอบคุณการบริหารฝูงชนของโรซ่า
(ทุกอย่างมันอยู่ในหัวหมดแล้ว ดังนั้นที่ต้องทำก็ต้องตรวจสอบประวัติพวกนั้น)
หลังจากนี้เขาจะต้องเลือกอย่างรอบคอบ เขาคิดว่าจะต้องหยิบใครมาใช้งานและใครที่ต้องกำจัด เพื่อจะเข้าใกล้ศูนย์กลาง มีคำกล่าวที่ว่ายิ่งเร่งรีบมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้โลกหมุนเร็วขึ้นเท่านั้น
ก่อนอื่นเขาต้องจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าทางฝั่งเฟลเซ็น
(แล้วหลังจากนี้แซทโทเบลมันคิดจะทำอะไรกันแน่…?)
หลังจากตรวจสอบอำนาจและการถ่วงดุลทั้งหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่แซทโทเบลจะเคลื่อนไหวในอนาคต จากนี้เขาต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังและพยายามชิงไหวพริบแข่งกับฮิโระ
(แล้วก็การเคลื่อนไหวของเจ้าชายลำดับที่สองนั่นทำให้ขนลุกนิดหน่อย)
เขาสงสัยว่าขุนนางทางเหนือที่สนับสนุนเจ้าชายลำดับที่สองจะทำอย่างไร
(ไม่มีใครมาเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เหมือนครั้งที่แล้ว)
พวกเขายังคงเงียบต่อไปราวกับไม่สนใจกับศึกชิงบัลลังก์ ด้วยเหตุนี้เลยขาดข้อมูลของขุนนางทางตอนเหนือ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฮิโระจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าเขาเผยช่องว่างเพียงเล็กน้อยก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
เพราะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอให้เจ้าชายลำดับที่สองติดต่อเขามา
(หลายๆสิ่งพังลงไม่เป็นท่า ดูเหมือนว่าหลังจากนี้จะมีแต่ความวุ่นวายรออยู่)
ฮิโระลูบผ้าปิดตาและยิ้มมากกว่าเดิม
(เพราะแบบนี้ไงมันถึงได้น่าสนใจ ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากเท่าไร ตัวชั้นเองก็ยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น.)
ฮิโระยืนขึ้นและเดินไปหาลิซที่กำลังเหนื่อยล้า โรซ่าที่สังเกตเห็นก็หันมามองทางนี้ด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงของเราจะถึงขีดจำกัดแล้วนะคะ”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น แต่นี่มันเพิ่งจุดเริ่มต้นเองนะ”
งานเลี้ยงเพิ่งเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่าการทักทายตามธรรมเนียมเพิ่งเสร็จสิ้น ปัจจุบันมีเพียงขุนนางใหญ่และเหล่าคนใกล้ตัวเข้ามาทักทาย ยังเหลือขุนนางเล็กๆที่ต้องทักทายอีกเพียบ
เมื่อลิซหันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ ฮิโระก็มองเธออย่างเห็นอกเห็นใจ
“ทำให้ดีล่ะ เธอจะต้องเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน เหนือสิ่งอื่นใดอาจมีบางคนมาอยู่ใต้บังคับบัญชาเธอด้วย ด้วยเหตุนี้จึงรับฟังทุกสิ่งที่พวกเขาพูด นั่นคือหน้าที่ของผู้ที่ปรารถนาจะเป็นราชินี.”
นั่นคือสิ่งที่จักรพรรดิองค์แรกกล่าวเอาไว้ และฮิโระก็ได้แต่พึมพำในใจ ลิซพยักหน้าเล็กน้อยกับความคิดเห็นของฮิโระ
“…..ฉันจะพยายามนะ.”
“วันนี้ทำตัวแปลกๆนะเหมือนคนอื่นคนไกลเลยนะคะ”
โรซ่าตบไหล่ฮิโระ
“มีขุนนางตัวน้อยมากมายก็อยากทักทายนายเหมือนกันนะ.”
เมื่อได้รับแจ้งเช่นนั้น และหันไปเหลือบมอง หากมีใครสักคนเริ่มต้น————มันก็จะมากันอย่างไม่หยุดยั้ง
“…ไม่หรอก ทักทายพวกเขามาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นสำหรับวันนี้คงไม่มีอีกแล้ว”
หลังจากพูดแบบนั้น ฮิโระก็พยายามจะวิ่งหนี แต่โรซ่าก็คว้าไหล่เขา
“แต่ว่ารอบนี้มีขุนนางมากกว่าเดิมนะคะ ยังไม่รู้จักพวกเขาส่วนใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ? นอกจากนี้ยังเป็นคนพูดเองนะว่านี่คือหน้าที่ของคนที่จะขึ้นเป็นราชัน?”
ฮิโระนั้นมีลำดับที่สี่ในการขึ้นครองบัลลังก์ บัลลังก์นั้นอยู่ใกล้กับเขาแค่เอื้อม
“จะพักเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่าหรอกนะคะ แต่จะต้องไม่หนีจากพวกเขา จะต้องคุยกับพวกเขาทุกคนค่ะ.”
จากนั้นโรซ่าก็มองไปที่มือของฮิโระหยิบจดหมายรักที่ลูกสาวขุนนางส่งให้เขา
“หืมมมม….ดูเหมือนว่าจะมีขุนนางตะวันออกอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยสินะคะ.”
โรซ่าทำสีหน้าลามกเล็กน้อยเมื่อเห็นจดหมายรัก ฮิโระถอยหลังกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว และเขาพยายามจะซ่อนมันเอาไว้
“ดูเหมือนว่าจะไปกระตุ้นเหล่าผู้ชมมากเกินไปหน่อย เพราะงั้นขอไปสูดอากาศสดชื่นที่ด้านนอกสักหน่อยนะ”
“โอ่วว…อย่างที่คิดเจ้าชายทมิฬ ได้ยินหลายคนเขากล่าวกันว่าชอบทำตัวเป็นวีรบุรุษมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ.”
โรซ่าถอนหายใจออกมาและพิงโต๊ะข้างหน้าเธอ
“แค่เกลี้ยกล่อมเจ้าหญิงแห่งเปลวเพลิง และยังใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของแม่ม่ายสาวคนนี้และพยายามจะกลืนกินเธอด้วยสายตาอันแสนลามกนั่น นอกจากนี้ยังอยากจะเล่นกับหัวใจบริสุทธิ์ของเหล่าขุนนางสาวด้วยมือของตัวเอง เท่าไหร่ถึงจะพอใจกันนะคะเจ้าชายทมิฬผู้ทรงเสน่ห์?”
เธออธิบายออกมาอย่างยาวเหยียด มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกมาในที่สาธารณ เขาไม่เคยล่อลวงลิซ และไม่เคยคิดจะใช้ประโยชน์จากโรซ่า เขายายามจะเถียงเธอ แต่ทำไม่ได้เพราะโรซ่าใช้นิ่วกดปากเขา
“ดิฉันรู้ดีค่ะ ว่าคุณจะพูดอะไรกำลังจะบอกเป็นชายผู้ที่สืบทอดชื่อเล่นของจักรพรรดิองค์ที่สองด้วยสินะคะ[จอมโจรพิฆาตนารี]’” (T/N: ตอนนี้บอกตรงคิดชื่ออะไรที่มันดูหล่อเท่ไม่ออกเลยสักนิด 555)
“หาาาาา? เขามีชื่อเล่นอะไรแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ?”
“ก็อยู่ในละครค่ะ”
ฮิโระไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย หากมีอะไรแบบนั้นมันควรจะเป็นอัลทิอุสสิเฟ้ย แต่ประวัติศาสตร์อาจถูกบิดเบือน โดยส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือของผู้คนเนี่ยแหละ
“ดะดะดะได้ยินว่าจักรพรรดิองค์แรกเองก็เป็นนักล่าสาวเหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องของจักรพรรดิองค์ที่สองเลยสักนิดนะครับ.”
“ดูเหมือนว่าฝ่าบาทอัลทิอุสจะล่อลวงราชินีและเจ้าหญิงของประเทศที่พระองค์พิชิตมา มีการเขียนไว้ว่าแต่ก็ไม่เท่ากับน้องชายของเขา.”
ไอ้บ้านั่น…..แม้ว่าจะสาบานอยู่ในใจ แต่เขาไม่รู้ว่างูมันจะตื่นเมื่อไรถ้าเขาแหวกหญ้าออกมา ฮิโระพยายามเก็บความกระวนกระวายใจออกจากใบหน้าของเขาและเงียบ ไม่พูดอะไรอีก
ยังไงก็ตาม เมื่อเห็นฝั่งโรซ่านี่ปากเธอพูดเหมือนกันถาน้ำมัน
“หากบรรพบุรุษของคุณเป็นเช่นนั้น ลูกหลานเองก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ ไม่เพียงแต่สืบทอดความหล่อเหลาของเขามาเท่านั้นแต่รวมถึงบุคลิกภาพจากบรรพบุรุษของคุณด้วยแน่ๆ มันเป็นเรื่องน่าเศร้าเหลือเกินค่ะที่รูปลักษณ์อันงดงามนั่นซ่อนสัตว์ร้ายอยู่ภายใต้หน้าอันหล่อเหลา…”
โรซ่าเกาะลิซและคร่ำครวญ สำหรับท่าทางแบบนั้น ฮิโระได้แต่ขำแห้ง
“ท่านพี่โรซ่าดื่มมากเกินไปเหรอคะ?”
ลิซโอบแขนของเธอและชี้ไปยังคางของพี่สาว เธอต้องการความช่วยเหลือจากพี่สาว ด้วยความกังวลฮิโระจึงรีบมุ่งหน้าไปที่ประตู
“อืมมมมม น้อสาวที่น่ารักของฉัน พี่สาวคนนี้มีคำขออย่างหนึ่ง”
“…อะไรเหรอคะ?”
“กระดูกพี่มันกำลังกรีดร้องแล้วถ้าน้องกอดพี่แรงขนาดนี้น่ะ?”
“ดื่มมากเกินไปแล้วค่ะ”
“ฉันไม่ได้ดื่มเยอะน้า――.”
ราวกับได้ยินเสียงกระดูกแตก เขาจึงหันกลับมามอง และประตูก็ถูกปิดลง
(เฮ้อ——–สงสัยนี่เป็นความผิดชั้นสินะ)
ฮิโระเดินตรงเข้าไปในลานกว้าง มีคนมากมายในห้องโถง แต่ไม่มีใครอยู่ที่นี่และมันก็เงียบสงบ มันเป็นสถานที่ที่มีเพียงน้ำพุ ฮิโระนั่งลงที่ขอบน้ำพุรับสายลมยามค่ำคืน
“….. รู้สึกมาสักระยะหนึ่งแล้วนะ.”
ฮิโระหยิบเครื่องรางออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งเครื่องรางนั่นมีสีดำกลืนกินไปหนึ่งในสามซึ่งเป็นสิ่งที่อัลทิอุสให้เขามา
“อัลทิอุส ต้องการอะไรกันแน่?”
ฮิโระเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและพึมพำกับตัวเอง มีเพียงลมที่พัดผ่านสัมผัสแก้วหูของเขา
เมื่อฮิโระหลับตาลง
“โอยะ……..ดูท่าทางแปลกๆนะ”
“!?”
เมื่อฮิโระหลับตาลงเขาก็รู้สึกว่าสัมผัสของตัวเองเฉียบคมขึ้นและเตรียมตัวให้พร้อมทันที
“โอยะ ทำให้เจ้าตกใจรึ?”
“มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“…พูดอะไรตลกๆจังเลยนะ ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เริ่มแล้ว.”
ร่างที่สวมเสื้อคลุมอยู่ตรงหน้าเขา เสียงของเขาทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนว่าเป็นชายหรือหญิง มันเป็นตัวตนที่แปลกประหลาด สิ่งที่ดูเหมือนจะหายไปหากสัมผัส และดูเหมือนจะคลุมเครือ
“เป็นไปไม่ได้ชั้นสัมผัสตัวตนของคุณไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
ฮิโระหายใจเข้าลึกๆและเตรียมตัวพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“ฉันต้องตอบคำถามของเจ้าไหม?”
“มันจำเป็นอาจเป็นจำเป็นต้องนแนะนำตัวเองเพื่อให้ชั้นลดการระมัดระวังตัวลง.”
คนในเสื้อลคุมพยักหน้าหลายครั้ง จากนั้นก็ก้มเอวและโค้งคำนับอย่างสง่างาม
“ขอโทษด้วยที่ให้เห็นหน้าไม่ได้ แต่เป็นหนึ่งในสมาชิกของเจ้าชายแซทโทเบล ซึ่งเป็นเผ่าหูยาว.”
เขาวางมือลงบนฮู้ดและยื่นนิ้วชี้ซึ่งบอกว่านี่คือหู
“แล้วต้องการอะไรจากชั้นกันแน่?”
ดริกส์บอกว่ามีคนแบบนั้นอยู่
“ไม่เลยก็แค่สงสัยว่าตัวเจ้านั้นดูมีอะไรผิดปกติอยู่นะ.”
เผ่าหูยาวยิ้มอย่างมีความสุขและชี้ไปที่เครื่องรางของก่อนจะหันหลังให้ฮิโระ
“เอาเถอะ แน่ใจว่าพวกเราจะมีโอกาสได้พูดคุยกันเร็วๆนี้”
ฮิโระที่ทำสีหน้าสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดนั้นขณะกำลังจะถาม
“ฮิโระ~~~? อยู่ไหนเหยยยยยยยย๋อ~~?”
เป็นเสียงของหญิงสาว การปรากฏตัวของลิซทำให้เขาเสียสมาธิ
“…..นี่นายไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม?”
เมื่อเขาหันกลับไปร่างของชายเผ่าหูยาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“อ๋าาาาาา อยูนั่นเอง!”
ลิซพุ่งเข้าหาฮิโระที่ยังคงระมัดระวังตัวอยู่
“ฉันเป็นห่วงแทบแย่เพราะนายไม่ยอมกลับมาซ้ากกกกกกกที.”
“ขอโทษด้วยนะงานเลี้ยงจบลงแล้วเหรอ?”
“ช่ายยยยยยยยยย จบลงแล้ววววในขณะที่คนอื่นกำลังพักอยู่”
“…แล้วโรซ่าเมางั้นเหรอ?”
เธออุ้มโรซ่าไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
“ช่ายยย เธอหมดสติไปตอนที่ฮิโระออกไปนั่นแหละ สิ่งที่ท่านพี่โรซ่าพูดมันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
ฮิโระแก้มกระตุกเมื่อถูกพูดแบบนั้นขณะยิ้ม
“งะงั้นเหรอ เข้าใจแล้วถ้างั้นกลับไปที่คฤหาสน์ของโรซ่าและไปพักผ่อนกันเถอะ.”
ฮิโระอุ้มโรซ่าไว้บนหลังแทนลิซและมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตระกูลเคลไฮนต์ คฤหาสน์ของโรซ่าตั้งอยู่ในพระราชวัง เธอเป็นอดีตเจ้าหญิงลำดับที่สาม ดังนั้นคฤหาสน์ของเธอหรูหรากว่าคฤหาสน์ขุนนางคนอื่นๆ
มีกองทัพส่วนตัวเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและแม้จะอยู่ในเขตของพระราชวัง ก็ไม่มีการลดการป้องกันลงแต่อย่างใด
เมื่อเขาเปิดประตูอันหรูหราของคฤหาสน์และเข้าไปเขาก็ได้รับการต้อนรับจากคนรับใช้
“อะ ฮิโระ เดี๋ยวฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ.”
ลิซพูดพลางโบกมือขณะที่เธอออกห่างจากฮิโระ
“ถ้างั้นโปรดมาทางนี้ค่ะนายท่าน.”
คนรับใช้พาพวกเขาไปที่ห้องนอนเดิมเหมือนเดิม ฮิโระวางโรซ่าไว้บนเตียง
“ฟู่ววววว…”
เขานั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆและหายใจเข้า จากนั้นก็มีการถอนหายใจจากเตียง
“ดะเดี๋ยวถอนหายใจแบบนั้นมันอะไรกันคะ จะบอกว่าดิฉันตัวหนักงั้นเหรอคะ!”
คนเมาตื่นแล้ว โรซ่าจ้องฮิโระด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าตื่นแล้วก็เดินเองสิ.”
“ไม่เลย โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่งนักที่เจ้าชายทมิฬจะแบกสาวเข้าห้องนอนด้วยตัวเอง นี่มันจะเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์แน่นอน ตั้งตารอได้เลย.”
“…ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันน่าจะมอมเหล้าตัวเองด้วยดีกว่านะ.”
เสียงดังขึ้นจากประตูห้องเมื่อฮิโระหันไปมองเขาก็เห็นลิซยืนอยู่ที่นั่นในชุดนอนโดยปิดประตูข้างหลังล็อคกลอน
“ฟุฟุฟุ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ ลิซทำไม่ได้หรอกนะ เพราะลิซน่ะเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็ก”
“อะไรนะ?ตอนนี้ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ยังเซ็กซี่ขยี้ใจชายไม่พอหรอกนะน้องสาวเอ๋ย.”
“นั่นสินะ ฉันไม่มีหน้าอกใหญ่ๆเหมือนกับพี่สาวแต่ว่า…”
ดวงตาของลิซมองลงด้วยความเศร้ามองไปยังหน้าอกของโรซ่าของตนเองสลับกัน จากนั้นโรซ่าก็ปรบมือราวกับคิดอะไรบางอย่างออก
“ฉันเคยได้ยินมาว่าหากพวกผู้ชายบีบหน้าอกให้ หน้าอกจะใหญ่ขึ้นนะ”
“จริงเหรอ?”
ลิซผู้ที่คิดอะไรง่ายๆดูเหมือนจะฟังคำพูดของพี่สาวแบบสุดใจ ฮิโระอึ้งเกินกว่าจะพูดอะไรได้
“ฮิโระ! บีบมันสิ ของชอบไม่ใช่เหรอ!”
ยัยนี่ ฮิโระถอนหายใจ——-จากนั้นเขาก็มองลิซอย่างงงๆ โดยไม่ลืมที่จะจ้องมองโรซ่าที่สอนอะไรบ้าๆให้น้องสาวของเธอที่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
“อย่ามาพูดบ้าๆน่า และเหนือสิ่งอื่นใดผู้หญิงจริงๆเขาไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัวกันได้ง่ายๆหรอกนะ.”
เมื่อเขาตอบอย่างคิดถี่ถ้วนแล้ว ทั้งสองก็มองด้วยความเบื่อหน่าย กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือความแตกต่างระหว่างคนเมากับคนสมองกลวง มันเลยเกิดฉากไม่โรแมนติกเลยสักนิด
“อืม ฮิโระตาบ้า.”
ลิซที่กำลังอารมณ์เสียกระโดดขึ้นไปบนเตียง โรซ่าเองก็นอนลงไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
“….. โอ้ยยุ่งยากจริงเฟ้ย.”
ฮิโระไม่เข้าใจความคิดของหญิงสาวเลยสักนิด แต่ไม่ว่าจะมีความรู้สึกเช่นไร แต่ค่ำคืนก็ยังดำเนินต่อไป
Part 7
――วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ส่องแสงบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเปนแสงระยิบระยับและสายลมอ่อนๆพัดผ่านพื้นดิน แผ่ขยายออกไปบนพื้นผิวคือเมืองหลวงมหาจักรวรรดิคลาดิอุส ซึ่งเป็นเมืองที่คู่ควรกับคำว่างดงาม
ที่ประตูทางทิศเหนือ มีม้าศึกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ตรงกลางมีทหารม้าสองพันในชุดเกราะสีดำสนิท ทางด้านตะวันตกของแนวมีทหารสำรองห้าพันนายของกองทัพจักรวรรดิที่หนึ่งพร้อมผ้าทางพันรอบไหล่อย่างสม่ำเสมอ ทหารม้าอีกสามพันนายกองทัพจักรวรรดิที่สี่พร้อมผ้าสีแดงที่พันรอบไหล่
ทหารของขุนนางตะวันออกมากกว่าห้าพันนายเข้าแถว และผู้ถือธงก็วิ่งผ่านช่องว่างแนวกองกำลังชูมันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ การยืนยันคำสั่งอีกครั้ง และเหตุผลอีกหลายประการ ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวแตกต่างกันไป
องค์ประกอบทั้งสองรวมกันเพื่อสร้างบรรยากาศอันแปลกประหลาดให้กับที่แห่งนี้ ประชาชนที่เฝ้าดูจากกำแพงเมืองรู้สึกตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่
“ฮิโระ อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น หากกลับมาแม้แต่รอยขีดข่วน จะสวดให้ยับเลย.”
คนที่ลูบแก้มของฮิโระด้วยความเป็นห่วงคือลิซเจ้าหญิงลำดับที่หก ฮิโระพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจื้อนๆให้ลิซที่เอ็นดูเขาเกินเหตุ
“รู้แล้วน่าถ้าบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆก็ไปหาหมออยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล”
“ไม่ นายไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด นั่นคือเหตุผลที่ฉันบอกนายอยู่หลายรอบ นายอาจจะโดนโจรซุ่มโจมตีระหว่างทาง แม้ว่าฮิโระจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้หรอกนะ.”
“…อืมนั่นสินะ”
ฮิโระที่รู้สึกเหมือนกับโดนแม่ดุก็ตอบกลับด้วยท่าทางเชื่อฟัง
“หนอยยยยยย ฟังที่ฉันพูดจริงๆรึเปล่าเนี่ย!”
เธอพองแก้มอย่างน่ารักเหมือนเช่นเคย บางทีเป็นเพราะเหตุนี้ โรซ่าเองก็เข้ามาจากด้านข้าง
“พอแค่นั้นแหละ ฉันไม่อยากให้เป็นแม่ม่ายอีกรอบก่อนที่จะแต่งงานหรอกนะ อย่างที่ลิซพูดเลย อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นจริงๆล่ะ.”
“นั่นสินะ ก่อนพิธีแต่งงานของสองเรา——-ห๊าาาาาาาาาาาาา?”
ระหว่างคำพูดของเธอลิซมองไปยังพี่สาวของเธอ โรซ่าวางมือลงบนไหล่ของน้องสาวพร้อมกับรอยยิ้ม
“เป็นอะไรไป?”
“พิธีแต่งงาน งั้นเหรอ…”
“เสียงม้าร้องมันดังเกินไปอาจจะหูฟาดก็ได้ ฉันไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นนะน้องสาวเอ๋ย.”
“…งะงั้นเหรอคะ?”
ราวกับจะแก้แค้นเมื่อวานที่เป็นลมไป โรซ่ามองหน้าน้องสาวที่งุนงง
“ไม่ต้องห่วงพี่จะยอมนางสนมให้เอง.”
“หาาาาาาาาาาาาา นางสนม?”
“เพราะเจ้าชายมักจะมองไปยังทิศตะวันออกอยู่เสมอ ฉันไม่อยากให้เขาตายหรอกนะ.”
“โม่วววววววววววววว ท่านพี่ก็เอาแต่สนเรื่องเงินอยู่ได้…”
เมื่อเห็นโรซ่าที่เล่นกับลิซ ฮิโระถอนหายใจลึกๆการปล่อยให้เธอพูดอะไรไร้สาระต่อไปมีหวังเขาได้หัวใจวายแน่ๆ ดังนั้นฮิโระตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง
“ระวังตัวด้วยล่ะ ลิซ โรซ่าเองก็ด้วยนะ.”
เพื่อตอบสนองต่อเสียงของฮิโระ ลิซหันดวงตาแดงๆของเธอมาทางนี้
“อะอื้ม ปล่อยให้ฉันจัดการเอง จะจัดการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.”
“แล้วก็โรซ่า ถ้าทำได้ ช่วยจัดหาคนที่มีความสามารถเยอะๆมาไว้รอบตัวด้วยล่ะ.”
“รู้อยู่แล้วน่าาา ได้ถามพวกเขาแล้ว ไปข้างหน้าโดยไม่ต้องกังวล”
โรซ่าตบไหล่เขาราวกับจะให้ความมั่นใจกับเขา ฮิโระยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“ถ้างั้นจะไปแล้วนะ!”
ฮิโระถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ใบหน้าของลิซอันแสงงดงามเข้าหาเขา
“เดี๋ยวจะส่งม้าเร็วเขียนจดหมายไปหา ดังนั้นอย่าลืมตอบกลับด้วยล่ะ มีการเดินทางอันยาวไกลรออยู่ อย่าลืมนอนหลับ กินข้าวให้อิ่มท้องด้วยนะ”
ลิซวางนิ้วชี้ของเธอบนปลายจมูกของฮิโระ
“แล้วก็อย่างที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ อย่าประมาทล่ะ หากตกอยู่ในอันตรายจริงๆ จะหนีก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ.”
เธอพูดเหมือนกับแม่ที่ห่วงลูก และปากของฮิโระกระตุกเล็กน้อย เขาพยายามจะบอกเธอว่าอย่ากังวลเกินไป แต่โรซ่าก็ขัดจังหวะ
“ฉันเองก็จะกลับไปทางตะวันออกเร็วๆนี้ ถ้าต้องการเงินหรือเสบียง ก็ส่งจดหมายให้ฉันทราบได้เลย แล้วจะส่งขุนนางที่ใกล้ที่สุดส่งน้ำส่งอาหารไปให้โดยไม่ต้องบอกองค์จักรพรรดิ อาจจะบอกได้ว่าตอนนี้ฉันกำลังรักษาความปลอดภัยในภาคตะวันออก”
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร ทั้งคู่จะเป็นห่วงชั้นมากเกินไปแล้ว”
การเดินทางในครั้งนี้มันคุ้มค่าและมีนักรับชั้นยอดอยู่กับเขา ไม่มีปัญหากับอาหารและเครื่องดื่ม และเกือบจะรับประกันเรื่องความปลอดภัยระหว่างเดินทาง
“ฝ่าบาทฮิโระ พวกเราพร้อมออกเดินทางแล้ว”
คนที่โผล่มาตรงหน้าเขาคือกาด้าที่สวมชุดเกราะสีดำซึ่งสมกับเป็นนักรบ แต่บรรยากาศที่ถูกปลดปล่อยนั้นมันดูไม่เข้ากัน
“แน่ใจนะว่าโอเค?”
กาด้าถามเพื่อความมั่นใจ ฮิโระพยักหน้า
“นายไม่ต้องกังวลเรื่องชั้นหรอก แต่ดูแลโรซ่าให้ที อยากให้เธอกลับไปยังเขตของเธออย่างปลอดภัย.”
มีโอกาสน้อยที่คู่แข่งจะทำอะไรสุดโต่ง แต่ก็ควรระมัดระวังพวก”แบล็คเดธ” (T/N: ชื่อย่อของไอ้กลุ่มนั่น)
“วางใจข้าได้เลย จะทำให้แน่ใจว่าเธอกลับไปอย่างปลอดภัย.”
“จากนั้นกลับไปทางใต้แล้วไปฝึกที่ป้อมเบิร์กใช่ไหม?”
“เอาล่ะ….แต่ข้ามีเงื่อไขอย่างหนึ่ง.”
“หืม?”
ฮิโระเกาหัวขณะที่ได้ยินกาด้าขอร้องอะไรเขาสักอย่าง
“ดริกส์จะไปกับเจ้าที่เลเบอริ่งสินะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้พา ฮุกิน และ มุนิน ไปด้วยได้ไหม”
(T/N: ตอนแรกก็พึ่งมาสังเกตชื่อของสองคนนี้ มันเป็นชื่อขงอีกาของโอดินนี่ใช่มะ)
ก่อนที่เขาจะถามว่าทำไม กาด้าก็พูดขึ้น
“พวกเขาเก่ง ข้ารู้จักพวกนั้นก่อนที่จะเข้ากองทัพปลดแอค และพวกเขาสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาจะมีประโยชน์”
“นายเอาไปด้วยไม่ได้เหรอ แต่ถ้าชั้นเอาไปชั้นจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้นะ.”
“ไม่เป็นไร พวกเขาพร้อมสำหรับเรื่องนั้น แต่อย่าประมาทพวกเขาจะดีกว่า พี่น้องเหล่านั้นจะทำตามหน้าที่ๆได้รับมอบหมายแน่นอน.”
เมื่อเขามองลึกเข้าไปในตาของกาด้า ก็เห็นว่าเขามุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
“ก็ได้จะพาไปก็ได้.”
“โอเคถ้างั้นข้าจะไปบอกพวกนั้นได้ ระวังด้วยล่ะ.”
หลังจากเฝ้าดูกาด้าหายไปฮิโระก็หันไปหาลิซ
“ลิซ ที่เฟลเซ็นมันยังมีสงครามอยู่ ดังนั้นฟังคำสั่งของออร่าให้ดีและค่อยลงมือทำอย่างระมัดระวังอย่าใจร้อนเด็ดขาด”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามแผนของออร่าอย่างถูกต้อง เพราะฉันเองก็ไม่เก่งด้านกลยุทธ์อยู่แล้ว.”
“ค่อยๆเรียนรู้อย่างช้าๆ ใช้เวลาอย่างระมัดระวังก็พอ.”
“อืม โชคดีนะฮิโระ.”
พวกเขากอดกันและให้กำลังใจกันจากนั้นก็แยกจากกัน ลิซยิ้มอย่างเขินอาย ฮิโระยิ้มให้กับเธอ แต่ความไม่สบายใจยังคงค้างคาใจเขาอยู่
“จะรีบกลับมาจากอาณาจักรเลเบอริ่งโดยเร็วที่สุด เพราะงั้นอย่าประมาทเด็ดขาด”
“น่าฉันไม่เป็นไรหรอก และไว้นายจะต้องถึงกับการเติบโตของฉันเมื่อเราได้พบกันอีกครั้ง!”
ต่อหน้าฮิโระที่พยายามจะโน้มน้าวเธอ ลิซเอามือวางบนเอวแล้วสูดลม
“ฮ่ะฮ่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็เยี่ยมไปเลยนะ ฝากด้วยล่ะลิซ.”
จากนั้นเธอก็หันไปมองโรซ่า และเธอก็แสดงความตกใจเล็กน้อย
“ถ้าเหงาละก็ ส่งม้าเร็วมาหาพี่สาวคนนี้ได้เลย พี่สาวคนนี้พร้อมจะไปหาเสมอ.”
เธอกอดเขาและพูดอะไรบางอย่างที่เหมือนกับแม่
“ไม่หรอกถ้าทำแบบนั้นจักรพรรดิโกรธแหงๆ…”
“ฉันจะดูแลตลอดไปแม้จะสูญเสียตำแหน่ง นายเองก็ไม่ได้อยากโดดเด่นอยู่แล้วนี่”
“…แต่ชั้นเองก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบชีวิตที่ต้องมาเป็นแมงดาหรอกนะ.”
ฮิโระยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถอยห่างจากโรซ่า
“ถ้างั้นไปแล้วนะ.”
ฮิโระหันหลังและกลับไปที่รถม้า
“กำลังรออยู่เลย ท่านฮิโระ!”
มุนินเปิดประตูให้เขา เขาขอบคุณและเข้าไปข้างในซึ่งฮุกินก็โค้งคำนับให้กับเขา
“ฉันจะเป็นคนคุ้มกันของพี่ชายสุดฉลาดคนนี้เอง”
(T/N:ฮุกินนับถือฮิโระในฐานะพี่ชายนะครับ ไม่ใช่ในฐานะเจ้าชายหรืออะไร)
ฮิโระนั่งลงบนที่นั่งที่เตรียมไว้ให้ คิดว่าทั้งคู่ดูตื่นเต้นจนเกินเหตุ เขามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นลิซและโรซ่าโบกมือให้เขา
“ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ ชั้นจะรีบกลับมาเร็วๆนะ ออกรถได้”
แม้ว่าเขาจะเป็นห่วงมากแค่ไหนแต่ก็พยายามทำใจให้สงบและไม่ว่าอะไรจะรอเขาอยู่ เขาจะไม่ยอมแพ้
นอกเรื่องเล็กน้อย
วันนี้อาจจะได้ตอนเดียวนะครับ ช่วงนี้มีอาการนอนไม่หลับมา 7-8 วันแล้ว ที่บอกว่าเหนื่อยมากและเพลีย ก็เพราะเรื่องนอนไม่หลับ เข้านอนสองสามทุ่มแต่กลับตื่นตีหนึ่งตีสองแล้วก็ไม่หลับอีกเลย ช่วงนี้เองก็พยายามจะพักผ่อนให้มากๆแล้วแต่ก็รู้สึกว่าร่างกายเพลียลงเรื่อยๆ เพราะงั้นวันนี้อาจจะขอไปพักแบบเมื่อวาน พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์งานก็ไม่รู้ว่าจะได้งานไหม ไว้จะลงChapter ถัดไปในวันรุ่งขึ้นครับ
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ
ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง