[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 62 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ Part 5
- Home
- All Mangas
- [LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก
- ตอนที่ 62 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ Part 5
Part 5
ณ ห้องบัลลังก์ดูเหมือนกับเมื่อพันปีก่อน เพดานยังคงโค้งและพรมแดงทอดยาวเป็นเส้นตรงบนพื้นหินอ่อน
พื้นที่กว้างใหญ่เรียงรายไปในแนวตั้งด้วยเสาสีขาวทั้งสองด้าน ภายในช่องว่างเหล่านั้นมีขุนนางผู้มีอิทธิพลมากมาย ในขณะที่ต้องรับมือกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา ก็ไปเข้าเฝ้ากับองค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่ปลายทางเดินได้
ต่อหน้าพระพักตร์ของจักรพรรดิ ฮิโระคุกเข่าลงข้างหนึ่งและก้มศีรษะ ลิซที่อยู่ข้างๆก็ทำเช่นเดียวกัน จักรพรรดิยังคงเงียบและยกมือขึ้น
จากนั้นอธิการบดีกิลล์ที่ยืนข้างๆก็ก้าวมาข้างหน้า
“จากนี้พวกเราจะเริ่มพิธีมอบเกียรติยศ”
เสียงของเขาดังไปทั่วท้องพระโรง ขุนนางส่วนใหญ่ก็ปรับท่าทางและมองไปทางอธิการบดีกิลล์
“เจ้าชายลำดับที่สี่ ฮิโระ ชวาร์ชตชและเจ้าหญิงลำดับที่หก เซเลีย เอสทรีย่า โปรดเงยหน้าขึ้น”
ฮิโระและลิซเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ต่อหน้าของอธิบการบดีกิลล์ซึ่งสวมเครื่องแบบขุนนางที่ประดับประดาไปด้วยทองและเงินอย่างหรูหรา ในมือของเขามีกระดาษแผ่นหนึ่ง ซึ่งเขายกขึ้นชูเหนือหน้าอกและพูด
“ก่อนอื่น พลตรี เซเลีย เอสทรีย่า ในการต่อสู้กับราชอาณาจักรลิชไทน์ได้แก้ไขความผิดพลาดที่นายพลไคโลก่อขึ้นและรวบรวมกองทัพจักรวรรดิที่สี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเป็นการยกย่องความสำเร็จของท่าน จะถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพที่สี่อย่างเป็นทางการ และให้เป็นผู้บัญชาการของ หน่วยอัศวินกุหลาบ”
“ดิฉันขอน้อมรับ”
ลิซก้มศีรษะลงและราวกับจะโยนก้อนหินลงในน้ำเกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่แผ่กระจายไปทั่วห้องบัลลังก์
“……เดี๋ยวนะเธอมีกองกำลังอัศวินเป็นของตัวเองงั้นเหรอ?”
“ยิ่งกว่านั้น แล้วนายพลลอโอิ่ล่ะ? เดิมทีเขาควรจะเป็นผู้บัญชาการ.”
“ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอิทธิพลของเจ้าหญิงลำดับที่หกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากทางตอนใต้”
เสียงของขุนนางที่ตื่นตระหนก ฮิโระกำลังฟังอย่างพอใจ แต่ในใจก็ตกใจเล็กน้อย
อัศวินกุหลาบเป็นหน่วยอัศวินชั้นยอดที่สุดในมหาจักรวรรดดิแกรนท์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านความคล่องตัว กองทัพจักรวรรดิที่สองซึ่งนำโดยเจ้าชายลำดับที่สามประกอบด้วยทหารม้าเกราะเบา เช่นเดียวกับ อัศวินดำแห่งจักรวรรดิที่ประกอบด้วยทหารม้าเกราะหนัก
ยังไงก็ตาม แม้แต่ไคโลที่เป็นนายพลก็ไม่ได้รับอนุญาต และอัศวินกุหลาบเองก็ไม่ได้เข้าร่วมด้วยในการต่อสู้กับราชอาณาจักรลิชไทน์ ดังนั้นนี่จึงถือเป็นสิทธิพิเศษระดับสูงสุด
แต่นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยลิซได้กลายเป็นตัวตนที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ไปแล้ว
“ต่อมา ฮิโระ ชวาร์ชตช นายทหารชั้นสาม ได้ยินว่าเป็นคนวางกลยุทธ์ซึ่งสร้างหนทางสู่ชัยชนะของมหาจักรวรรดิในการต่อสู้กับราชอาณาจักรลิชไทน์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพันธสัญญาขององค์จักพรรดิอัลทิอุสและมิโกะของวิหารราชันภูติ จึงเป็นไปไม่ได้ นอกจากข้อยกเว้นพิเศษ เพราะงั้นจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสองตำแหน่งกลายเป็นนายทหารชั้นหนึ่ง และได้รับเหรียญทองแกรนท์หนึ่งร้อยเหรียญเป็นรางวัล.”
“ครับ กระผมทราบซึ้งอย่างยิ่ง”
จากนั้นก็มีเสียงปรบมือค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆทำให้ห้องโถงนั้นคึกคัก
แต่ว่าคงจะไม่ดีที่จะหยุดในตอนนี้ อธิการบดีเลยเงียบและหลับตาลง จักรพรรดิก็เงียบไปครู่หนึ่งขณะเฝ้าดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยกมือขึ้นราวกับรู้สึกว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้คงไม่ดี
แรงกดดันอันมหาศาลถูกปลดปล่อย แม้ว่าจะไม่มีการเปิดหน้าต่าง แต่ก็มีบรรยากาศเย็นเฉียบเกิดขึ้นในห้องบัลลังก์ ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบลง ความร้อนถูกบดขยี้เหลือแต่ความตึงเครียด จากนั้นจักรพรรดิก็มองไปยังอธิการบดีกิลล์
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนั้นอธิการบดีกิลล์ก็หยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมา
“ถ้างั้นต่อไปจะเริ่มทบทวน วาระการประชุมเรื่องเฟลเซ็น.”
ด้วยเหตุนี้ฮิโระและลิซลุกขึ้น เมื่อการอธิปรายจบลง โดยปกติแล้วพวกเขาจะลุกขึ้นยืนเหมือนกับขุนนางคนอื่นๆ
“กังวลงั้นเหรอ?”
ขณะที่ฮิโระมองไปทางลิซ เธอก็มีสีหน้าลำบากใจ
“ฉันไม่ชอบบรรยากาศที่นี่เลย มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก”
ห้องบัลลังก์ที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง และสิ่งต่างๆมากมาย แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่ก็เป็นผู้ถือครองลิเวียธาน และได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพจักรวรรดิที่สี่
ต้องมีคนจำนวนมากที่มีความขุ่นเคืองและโกรธแค้นต่อเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่มีเสียงปรบมือไม่คาดคิดปรากฏขึ้น
“ฟุฟุ ทั้งสองคนทำหน้าน่ากลัวเชียว”
ขณะที่เธอเดินผ่านขุนนางและลอร์ดทั้งหลาย เธอนั่งลงบนเก้าอี้และขุนนางตะวันออกยังล้อมรอบเธอ
“เอ๋ท่านพี่โรซ่า? เสียงปรบมือนั่นเป็นของท่านพี่ใช่ไหม.”
เมื่อลิซพูดแบบนั้นพร้อมกับอ้าปากค้าง เธอก็เอานิ้วแตะริมฝีปาก
“ฟุฟุ เมื่อคนรอบข้างปรบมือ มันจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ขุนนางเป็นสิ่งอ่านออกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นศัตรูกันขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถแสดงความต่อต้านออกมาตรงๆได้ ดังนั้นเลยบีบทางเลือกให้พวกเขาต้องเข้าร่วมไงล่ะ”
โรซ่าพูดเช่นนั้นพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่พอใจงั้นเหรอน้องสาวเอ๋ย? พวกเขาเหล่านั้นล้อเลียนเธอมาตลอด เพราะงั้นพี่สาวคนนี้ไม่ยอมให้พวกนั้นมองเธอเป็นตัวตลกอีกต่อไปแล้ว”
“หนอยยยย ยิ่งท่านพี่ทำแบบนี้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งสร้างศัตรูมากขึ้นเท่านั้นนะคะ ช่วยเป็นห่วงตัวเองด้วยค่ะ”
เมื่อเธอพูดอย่างนั้น สิ่งที่ลิซพูดมันก็ถูก ถ้าฮิโระเป็นคนพูดคงโดนสวนกลับแน่นอน
“ไม่ต้องห่วงตอนนี้เรามีพันธมิตรมากขึ้น เมื่อถึงเวลาเจ้าชายขี่ม้าขาวจะมาช่วยพวกเรา จริงไหม~?”
โรซ่ามองมาที่เขาอย่างกระตือรือร้น ฮิโระพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากลังเล บางทีเพราะแบบนั้นบรรยากาศในห้องโถงจึงสงบ
จากนั้นฮิโระก็หันไปสนใจบัลลังก์
“เตือนครั้งแล้วครั้งเล่าถึงเรื่องนี้ พวกนั้นเข้ามาเพราะจะมาทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา!”
“พูดอะไรน่ะ?หากพวกเราทุ่มเทกองกำลังให้กับเฟลเซ็นมากขึ้น อาจสร้างความระคายเคืองให้กับประเทศเพื่อนบ้างได้โดยไม่จำเป็น พวกเราควรสร้างสันติภาพกับส่วนที่เหลือของเฟลเซ็นและแบ่งดินแดนให้กับพวกเขา.”
บางคนก็ของขึ้น บางคนก็ระมัดระวัง บางคนก็เสนอถึงด้านกำไรขาดทุน
“ไม่มีราชวงศ์รอดชีวิตแล้วในเฟลเซ็น พวกเราไม่จำเป็นต้องแบ่งดินแดนให้กับพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ พวกมันในตอนนี้ก็เหมือนกับโจรที่ไม่มีเจ้าของ.”
“ใช่แล้ว เดิมทีดินแดนเหล่านั้นเป็นของมหาจักรวรรดิแกรนท์พวกมันได้รับดินแดนไปเพราะช่วงยุคมืดในอดีต”
มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับเฟลเซ็น แต่ยังไม่มีข้อสรุป
(ถ้าบดขยี้พวกเขาด้วยกำลังอย่างเดียว แน่นอนมันคงจะเกิดขึ้น มันซับซ้อนเพราะพวกเราไม่ได้เตรียมเส้นทางลงให้กับพวกเขาเลย)
หากมีราชวงศ์เฟลเซ็นรอดชีวิตมาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันได้ ราชวงศ์ทั้งหมดถูกประหารในการต่อสู้ครั้งล่าสุด
ตอนนี้มีทางเลือกสามอย่างเหลือให้สำหรับมหาจักรวรรดิแกรนท์ อย่างแรกคือบุกยึดดินแดนด้วยกองทัพที่ท่วมท้น สองคือถอยชั่วคราวและแบ่งขั้วกองทัพที่เหลือ ทำลายพวกเขาในคราวเดียว หรือถอยกลับอย่างสิ้นเชิงและยุยงปลุกปลั่นให้ประชาชนของพวกเขาตัดขาดกับกองทัพ
(มันยากที่จะนำความสงบกลับมา จักรพรรดิไม่มีทางปล่อยเฟลเซ็นแน่.)
หากเขาปล่อยมันไป ณ จุดนี้ เสถียรภาพของตะวันตกจะแตกสลายทันที ซึ่งอาจส่งผลต่อมหาจักรวรรดิแกรนท์ หากเป็นเช่นนั้น ความทะเยอทะยานของจักรพรรดิ รวมทวีปกลางจะหายไป
(เขาพึ่งจะอายุหกสิบเจ็ดในปีนี้ เขามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว.)
แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิของมหาจักรวรรดิแกรนท์ ชีวิตเองก็มีเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ความตายไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ นี่คือเหตุผลที่ลงมือบุกเฟลเซ็นด้วยตัวเองเพื่อสร้างฐานที่มั่นซึ่งเขาสามารถขยายมันไปทางทิศตะวันตกได้
ในขณะที่ฮิโระคิดเช่นนี้ ประตูห้องโถงเปิดออก มีข้าราชการเข้ามา เขาเดินผ่านพวกขุนนางทั้งหลาย เข้าไปใกล้อธิการบดีกิลล์ แนบปากเข้ากับหูของเขาและกระซิบอะไรบางอย่าง
“…เอาล่ะ ตอนนี้ถอยไปได้แล้ว.”
ขณะที่อธิการบดีกล่าวด้วยสีหน้าลึกลับข้าราชการคนนั้นโค้งคำนับแล้วถอยไป จากนั้นก็พูดคุยกับจักรพรรดิหลังจากหารือกันเล็กน้อย สีหน้าของจักรพรรดิก็ดูน่ากลัวขึ้น ดูเหมือนจะมีอะไรไปกระตุ้นความโกรธเขา
หลังจากรับคำสั่งของจักรพรรดิ อธิการบดีกิลล์ก็หันไปหาขุนนาง แต่เขาก็ยังแสดงสีหน้าทุกขใจ
“ได้รับข่าวว่าแกรนด์ดัชชีแห่งดรัลกำลังรวบรวมกองทัพ.”
“ไร้สาระ!”
ไม่มีใครบอกได้ว่าใครเป็ฯคนพูด แต่คำพูดนั่นทำให้เกิดความโกลาหล
“ไม่ใช่ว่าพวกนั้นเซ็นสัญญาสงบศึกกับสไตน์เชินเมื่อวันก่อนเหรอ?”
“พวกมันมีอำนาจมากขึ้นเหรอ แต่นี่ไม่ใช่โอกาสอันดีเหรอ หากพวกมันบุกไปทางตะวันตก ก็จะเป็นเหตุผลอันดีที่พวกเราจะบดขยี้พวกมัน.”
“อย่าพูดบ้าๆน่า ไม่มีทางที่ตะวันตกจะทำอะไรแบบนั้นพวกมันกำลังจดจ่ออยู่กับเฟลเซ็นนะ”
“หากเป็นแบบนั้น การส่งกองกำลังนอกจากตะวันตกก็พอแล้วนี่.”
“แล้วใครจะเป็นคนส่งไปละ?”
“ขุนนางส่วนกลางไง ไม่เคยส่งกองทัพออกไปเลยสักครั้ง ดังนั้นนี่คือเวลาอันดีแล้ว”
“อย่ามาพูดบ้าๆน่า หากพูดแบบนั้นพวกขุนนางตะวันออกก็เช่นกัน!”
“อย่ามาทำให้พวกเราเหมือนกับพวกแกได้ไหม อันที่จริงพวกเราไม่มีกองกำลังด้วยซ้ำ แต่นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้่ด้วยเพราะระยะทางอันห่างไกล นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราแบกรับค่าใช้จ่ายในด้านสงครามมาตลอด ในทางตรงกันข้ามขุนนางส่วนกลางทำอะไรบ้างหะ? แม้แต่บริจาคเพื่อการสงครามก็ยังไม่ทำเลย จะงี่เง่าไปถึงไหน นอนกินภาษีไปวันๆไม่ทำห่าไรเลย”
จากนั้นก็มีเสียงระเบิดขึ้นในห้องบัลลังก์ทำให้ห้องโถงเงียบ และบรรยากาศแปลกๆปกคลุมห้อง
กล่าวอีกนัยหนึ่งราวกับคมดาบอากาศที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่ากำลังทิ่มแทงใส่พวกเขา ซึ่งเป็นความกดดันแปลกประหลาดราวกับมีเข็มบางๆกำลังเจาะร่างกายพวกเขา ขณะที่ฮิโระพยายามปลอบประโลม “แบล็คคามิเลีย”ที่กำลังโกรธ เขาก็มองไปรอบๆและเห็นขุนนางกำลังหงุดหงิด
(ตามที่คาดไว้เลยจักรพรรดิคนนี้……………แต่ก็ไม่เก่งเท่าอัลทิอุส.)
เมื่อฮิโระกลับมาสนใจทางบัลลังก์จักรพรรดิก็ลุกขึ้น
“อยากจะพูดอะไรก็จงก้าวมาข้างหน้า ไม่ใช่เอาแต่หลบอยู่ในเงามืด”
เสียงของจักรพรรดิดังก้องกังวานไปทั่วห้องบัลลังก์ ทุกคนถูกบังคับให้ฟัง
(ต้องอีกรอบหนึ่งสิ มันถึงจะมีประสิทธิภาพ)
ณ จุดนี้ต้องการเห็นใครสักคนที่มีพลังมากกว่านี้เพื่อเป็นตัวพลักดันองค์จักรพรรดิกลับไป ไม่ว่าคำอธิษฐานของเขาจะได้รับคำตอบหรือไม่เจ้าชายแซทโทเบลก็ก้าวไปข้างหน้า
“ถ้างั้นข้ามีความเห็นจะเสนอ.”
ชายร่างใหญ่กล้ามเนื้อแน่นหนาสวมเครื่องแบบหลวมๆ แม้จะซ่อนเร้นร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถปกปิดร่างกายอันใหญ่โตและหนักแน่นได้ เมื่อใดก็ตามที่เขาก้าวไปข้างหน้า อากาศจะสั่นสะเทือน แต่จักรพรรดิมองอย่างไม่ลังเล
“…หืมมม ไหนลองพูดมาสิ”
“กองทัพที่เหลือของเฟลเซ็นจะเริ่มเคลื่อนไหว ในขณะเดียวกันแกรนด์ดัชชีดรัล และสาธารณรัฐสไตน์เชินได้ลงนามสงบศึก และตอนนี้พวกมันกำลังก่อการเคลื่อนไหวอันน่ารำคาญ เห็นได้ชัดว่าพวกมันรวมหัวกัน สถานการณ์ที่เป็นแบบนี้อาจจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมด้วย พวกเราควรบดขยี้เศษซากของเฟลเซ็นให้หมดสิ้น เพื่อแสดงให้ประเทศเพื่อนบ้างเห็นว่าอย่าริอาจต่อกรกับมหาจักรวรรดิแกรนท์.”
แซทโทเบลคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมก้มศีรษะ
“ฝ่าบาท ตัดสินใจด้วย”
จักรพรรดิหลับตาคิดและพิงบัลลังก์
“มีใครคนไหนจะเสนอความเห็นอีกไหม?”
“ถ้างั้นฝ่าบาท กระผมขออนุญาตเสนอความคิดเห็น”
ภายใต้บรรยากาศตึงเครียด ฮิโระก้าวไปข้างหน้าและพูด ปากของจักรพรรดิกำลังยิ้มอย่างสนุกสนาน แต่มันเกิดขึ้นเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น
“ข้าอนุญาต ลองเสนอมาสิ.”
“คงจะเร็วเกินไปที่จะสัษนิษฐานว่าเพียงเพราะแกรนด์ดัชชีดรัลเตรียมกองทัพสำหรับทำสงครามเพื่อจะโจมตีพวกเรา.”
จักรพรรดิพยักหน้า อาจเป็นไปได้ว่ากระตุ้นให้ฮิโระพูดต่อ ฮิโระคิดคำพูดออกมา
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะเพิกเฉยต่อพวกมันได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่สำคัญว่าจะเป็นทหารจำนวนเท่าใด ถ้าเราสามารถตรวจสอบพวกเขาได้โดยส่งกองกำลังออกไป.”
“ฟุมุ………..ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไรกับกองทัพเฟลเซ็นที่เหลือ?”
ฮิโระยิ้มและพูดกับจักรพรรดิที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ส่งกองทัพใหม่ไปทำงานร่วมกับกองทัพจักรวรรดิที่สอง กระผมคิดว่าพวกเราควรขนาบข้างโจมตี หากกองทัพของเฟลเซ็นซ่อนตัวอยู่ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเกณฑ์ผู้ที่จะให้ความร่วมมือกับพวกเรา”
จักรพรรดิเงียบไปชั่วครู่จากนั้นก็พูดขึ้น
“….ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรับฟังความเห็นของเจ้า ฮิโระ ชวาร์ชตช”
การตัดสินใจได้เกิดขึ้น ไม่มีที่ว่างให้คัดค้านอีกต่อไป หากใครบางคนคิดจะบิดเบือนสิ่งที่จักรพรรดิตัดสินใจลงไปแล้ว มันจะต้องอับอายไปหลายชั่วอายุคน
(ตอนนี้ที่เหลือก็มีเพียงให้ลิซเป็นผู้บัญชาการ.)
ขณะที่จะเดินเกมต่อไป อธิการบดีกิลล์มองไปรอบๆและถาม
“ตอนนี้เกี่ยวกับผู้บัญชาการกองกำลังจู่โจม――.”
ฮิโระพยายามจะพูด
“ข้าขอแนะนำให้เซเลีย เอสทรีย่า เจ้าหญิงลำดับที่หกเป็นคนบัญชาการ”
น่าแปลกที่แซทโทเบลเสนอชื่อของลิซ
กำลังคิดอะไรอยู่? ฮิโระขมวดคิ้วและมองไปที่แซทโทเบล บางทีอาจจะสังเกตฮิโระที่มองอยู่ แซทโทเบลยิ้มออกมา และหันกลับไปมองจักรพรรดิ
“พัฒนาการของเจ้าหญิงลำดับที่หกนั้นน่าทึ่งมาก ปล่อยให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องนี้ อาจมีขุนนางและลอร์ดบางคนยังเคลือบแคลงใจในตัวเธอ.”
“เจ้าชายลำดับที่หนึ่งพูดถูก เป็นความคิดที่ดีที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหญิงลำดับที่หก.”
“แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่มีประสบการณ์มากนักในการนำทัพ ดูเหมือนว่าหากเกิดการเคลื่อนไหวสุ่มเสี่ยงเกิดขึ้นก็คงต้องให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ?”
“แต่ว่า เจ้าหญิงลำดับที่หกก็ได้แสดงศักยภาพของเธอให้เห็นในศึกที่ผ่านมา.”
ท่ามกลางขุนนางที่กระซิบกันแซทโทเบลพูดขึ้น
“จากนั้นข้าจะมุ่งหน้าไปหาแกรนด์ดัชชีดรัลเอง หากปล่อยข้าจากการกักบริเวณ แน่นอนว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พึ่งพอใจ.”
ฮิโระตัดสินใจว่าเขาควรแทรกซึมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าแซทโทเบลคิดอะไรอยู่ แต่เขาอาจจะทำให้เกิดความสับสนโดยไม่จำเป็น
“กระผมไม่คิดว่ามันเป็นไปได้สำหรับการยกเลิกการกักบริเวณของเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามไม่สามารถมอบภารกิจสำคัญเช่นนี้ให้กับคนที่ละเมิดการตัดสินใจของจักรพรรดิได้.”
ฮิโระยิ้มให้แซทโทเบลอย่างเย็นชา
“ไม่มีการรับประกันว่าเขาจะไม่ซ้ำรอยเหมือนตอนที่ทำกับเฟลเซ็น.”
“ไอ้หนู……อย่าบอกนะว่า.”
สายตาแหลมคมพุ่งมาจากแซทโทเบล
เมื่อฮิโระเผชิญหน้ากับมัน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงยั่วโมโหใส่แซทโทเบล
“โฮ่ววว อยากจะเล่น “เซอร์ไพร์ส” อีกครั้งงั้นเหรอครับ?”
ณ ตอนนั้นเองจิตสังหารของทั้งสองคนก็ถูกปล่อยออกมา
อากาศในพื้นที่ถูกแรงกดดันมหาศาลจากจิตสังหารของทั้งสองคน สายฟ้าแพร่กระจายไปทั่วร่างของแซทโทเบล
ฮิโระเองกลับยืนนิ่งๆ อย่างไรก็ตามพื้นที่รอบตัวเขาเองก็แตก ส่งเสียงน่าขนลุก และรอยแตกก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะไม่มีลม แต่แบล็คคามิเลียเองก็เริ่มสยายออกและแพร่กระจายความมืดมิด
ท่ามกลางทั้งสองที่ปลดปล่อยจิตสังหารอันรุนแรง อย่างไรก็ตามบางคนก็ทึ่งกับปรากฏกาณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆฮิโระ
เมื่อแสงส่องเข้ามาทุกทิศทางของฮิโระ
“――หยุดได้แล้วพวกเจ้าทั้งสองคน!”
เสียงอันสง่างามของจักรพรรดิขัดจังหวะพวกเขา บรรยากาศแห่งความตายก็หายไปจากห้องโถง
“ข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้าใช้ความรุนแรงต่อหน้าข้าอีกต่อไป พวกเจ้าทั้งสองคนใจเย็นๆหน่อย ทำเป็นหมาแย่งชามข้าวกันไปได้”
“อ๋อพอดีอารมณ์กระผมมันพาไปนิดหน่อยครับ”
ฮิโระลูบผ้าปิดตาและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แซทโทเบลเองก็อยู่ใกล้ๆ
“แต่ว่าครั้งนี้ ความคิดเห็นของเจ้าชายลำดับที่สี่ ฮิโระ ชวาร์ชตช นั้นถูกต้อง”
ดังนั้นจักรพรรดิจึงประกาศ
“เซเลีย เอสทรีย่าจะรับผิดชอบกองกำลังใหม่ที่จะส่งไปยังเฟลเซ็นและบากิส หนึ่งในห้านายพลที่ได้รับมอบหมายให้ป้องกันทางทิศตะวันตกจะรับผิดชอบในการควบคุมแกรนด์ดัชชีดรัล”
ฮิโระยิ้มออกมาก้มหน้าลงเพราะสามารถดึงกระแสมาทางเขาได้
(ตอนนี้ก็ได้ก้าวไปอีกขั้นตามที่ต้องการแล้ว)
อาจมีผู้บัญชาการที่ยอดเยี่ยมมากกว่าลิซ มหาจักรวรรดิแกรนท์ไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะให้เจ้าหญิงลำดับที่หกเป็นคนดำเนินงาน ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครมาสนับสนุนเธอเลยก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใดไม่ใช่แค่เอาชนะราชอาณาจักรลิชไทน์เท่านั้น แต่ยังบังคับให้ยอมจำนน ดังนั้นไม่น่าจะมีคำครหาใดๆ
เวทีถูกเตรียมไว้เรียบร้อย สิ่งที่เหลือคือชัยชนะและตั้งเป้าไปสู่ระดับถัดไป
“ฮิโระ ชวาร์ชตช ข้ามีภารกิจใหม่ให้กับเจ้า.”
“ครับ ฝ่าบาท”
“ใกล้จะถึงพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงคลอเดียในอาณาจักรเลเบอริ่งแล้ว เจ้าจงไปที่นั่นในฐานะฑูต”
ฮิโระเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ
“เป็นอะไรไป? ไม่พอใจยังงั้นรึ?”
“เปล่าครับ กระผมทราบซึ้งในพระทัยของท่าน.”
เขาคาดหวังว่าจะได้เป็นผู้ช่วยของลิซ ฮิโระที่แผนพังไม่เป็นท่าได้แต่กัดฟัน
(นี่ชั้นทำมากเกินไปเหรอ…?)
นับตั้งแต่มายังโลกนี้ ฮิโระก็สะสมความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เหมือนกับการต่อสู้ครั้งก่อนที่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางตะวันออก และจุดไฟใส่ขุนนางฝ่ายคู่แข่งและมีไฟจากนอกประเทสจะลามเข้ามาอีก มหาจักรวรรดิจะคงล่มสลายลงหากมีผู้ใดที่คัดค้าน
ถ้าคิดถึงอนาคตที่ตามมา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะแยกฮิโระและลิซออกจากกัน
(ไม่มีปัญหา สิ่งที่ชั้นต้องทำคือรีบไปรีบกลับแล้วไปเข้าร่วมกับลิซให้เร็วที่สุด.)
เขาพยายามจัดระเบียบความคิด หันไปมองจักรพรรดิ จากนั้นจักรพรรดิก็กล่าวแบบเกริ่นๆ
“อาณาจักรเลเบอริ่งก่อตั้งในห้านายพลแห่งความมืด ซึ่งรวมตัวกันภายใต้บรรบุรุษของเจ้า เทพเจ้าแห่งสงคราม ความผูกพันระหว่างพวกเขามิอาจแยกออกจากกันได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าฝากฝังทุกอย่างให้กับเจ้า”
ฮิโระรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของจักรพรรดิ แต่เขาไม่แสดงให้เห็น
“ครับ”
จักรพรรดิพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อได้ยินคำตอบของฮิโระ
“และสำหรับซุยต์ มันจะอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าโดยตรง หากมีข้อสงสัยอะไร ให้แจ้งมาหาข้า.”
ไม่มีทางที่เขาจะบ่นอะไรได้ หากอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเขตของไวเคานต์เวิร์สต์ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ขุนนางส่วนกลางจำนวนมากจะเสียตำดแหน่งและทำให้ฟันเฟืองเหล่านั้นแหลกสลายลง นี่คือเวลาที่ขุนนางและลอร์ดกับจักรพรรดิต้องยุติสงครามภายใน จากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องหน้าก็จะมีแต่สงครามการเมืองแสนน่าเกลียดของพวกกลุ่มต่างๆ
“ถ้างั้นไม่มีใครค้านอะไรใช่ไหม? ขอจบการวาระประชุม ณ ทีนี้.”
จักรพรรดิประกาศ และอธิการบดีกิลล์ก็เข้าตำแหน่ง
“ถ้างั้น ฮิโระ ชวาร์ชตช เจ้าชายลำดับที่สี่ และ เซเลีย เอสทรีย่า เจ้าหญิงลำดับที่หกได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากจักรพรรดิในภายหลัง ในระหว่างนี้โปรดเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงตามอัธยาศัย.”
ด้วยเหตุนี้ จึงจบวาระการประชุมและสิ้นสุดพิธีมอบเกียรติยศ ส่วนที่เหลือของวันจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือราชอาณาจักรลิชไทน์
จักรพรรดิและอธิการบดีกิลล์ออกจากห้องบัลลังก์ ขุนนางและลอร์ดที่รอการจากไปของพวกเขาจะคลายความตึงเครียดลง และทันใดนั้นก็เกิดเสียงเจี๊ยวจ๊าวทั่วห้องโถง
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ
ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง
ป.ล.บ่นนิดหน่อยขนาดมังกรที่ไม่ได้ลงนานแล้วยังมีคนเอาไปทำคลิปให้ AI อ่านนิยายผมแปลอีกนะ 5555555555
ป.ล.2 เนื้อเรื่องหลังจากนี้ตรึงเปรี๊ยไม่มีผ่อนคลายละ