[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก - ตอนที่ 20 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part 2
- Home
- All Mangas
- [LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก
- ตอนที่ 20 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part 2
Part 2
สนามรบอยู่ในความโกลาหล ในแนวหน้าที่นำโดยมาร์เกรฟกรินด้ากำลังดิ้นรน ในใจกลางค่ายหลักของศัตรู ฮิโระกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับนายพลฝั่งศัตรู
ไม่ อาจกล่าวได้ว่าฮิโระเป็นฝ่ายโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
อาวุธภูติที่โผล่ขึ้นจากห้วงมิติตัดผ่านอากาศ ฟันเรย์ฮิลล์และพุ่งเข้าจุดบอด จากนั้นรอยแยกมิติในมือขวาของเขาแตกออก อาวุธภูติชิ้นใหม่ก็ปรากฏขึ้น
หลังจากฟันเสร็จเขาก็แทงอาวุธทั้งสองเข้าไปในร่าง เขากระโดดข้ามหัวเรย์ฮิลล์ลงจอดทางด้านหลังหยิบอาวุธภูติออกมาอีกครั้งแทงเข้าไปในหลังเรย์ฮิลล์
―ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในพริบตา
จากมุมมองของคนภายนอก จะสามารถเห็นแสงระยิบระยับสีขาวเงินที่ทอดยาวไปทุกทิศทางเหมือนกับใยแมงมุม นอกจากนี้ฮิโระกระหน่ำโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งและอาวุธภูติก็ถูกแทงเข้าไปด้วยความเร็วสูงจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
เรย์ฮิลล์ที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดขณะส่งเสียงกรีดร้อง
“อ่ออกกกกกกกกกกก!”
ไม่มีบาดแผลที่แขน ขา หรือ หน้าอก ทุกการโจมตีนั้นไม่ถึงชีวิต ถึงกระนั้นเรย์ฮิลล์ก็ต้องทนรับความเจ็บปวดต่อไปเพราะออร่าสีดำที่เกาะตัวอยู่กับเรย์ฮิลล์ ซ่อมแซมบาดแผลในพริบตา
อาวุธภูติที่ติดอยู่ในร่างก็หายไปและกลับสู่ความว่างเปล่า มีความรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่แรกแล้ว ฮิโระเคยเห็นมันมาก่อน
“…ผู้ร่วงหล่นยังงั้นเหรอ?”
เป็นชื่อของ “คนเขลา”ที่พยายามครอบครองพลังภูติ เมื่อพันปีที่แล้วกษัตริย์องค์หนึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงบดขยี้หินภูติด้วยวิธีพิเศษที่เรียกว่า “เซมะมารุ” และมอบให้ทหารของเขาคนหนึ่งดื่มมัน
ว่ากันว่าหลังจากให้เขาดื่ม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลานั้น กษัตริย์จึงผิดหวัง
พอตกกลางดึกที่ทุกคนหลับชายคนนั้นเริ่มทุกข์ทรมาน รูปร่างหน้าตาแปรเปลี่ยนและสูญเสียซึ่งเหตุผลและกลายเป็นมอนสเตอร์ เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนที่สังเกตเห็นก็กลายเป็นเหยื่อรายแรกจากนั้นมอนสเตอร์นั่นก็ได้กินกษัตริย์คนยนั้นและฆ่าทุกคนในปราสาทโดยไม่เว้นสักคนเดียว
ความสับสนเกิดขึ้นประเทสนั้นวอดวายและเข้าหาประเทศอื่น และฮิโระเองก็มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนั้น
“ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้ เมื่อเหล่าภูติ กลายเป็น “ปีศาจ” มันจะกลืนกินชีวิตของแกและแกจะไม่สามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้อีก”
แท้จริงแล้วพรของภูติอาจจะน่าดึงดูดใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ มันไม่ใช่พลังที่จะสามารถบรรจุในร่างของมนุษย์ได้
แต่ถึงกระนั้น ฮิโระก็จำได้ว่ามีผู้ร่วงหล่นจำนวนมากมายไร้ที่สิ้นสุด
มีแม้แต่ราชาที่ดื่มมันเพื่อแก้แค้นอีกประเทศ แม้กระทั่งคนใช้ที่อยากฆ่านายจ้างของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็น “ยุคมืด” ในตอนนั้น
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะสูญเสียเหตุผล มีคนที่ทนได้ในบางครั้ง มีผู้ที่ก้าวข้ามมนุษย์ได้ด้านกายภาพในขณะที่รักษาความเป็นตัวตนได้
ผู้คนเรียกมนุษย์ที่ถูกปีศาจครอบงำไว้ว่า
ราชันปีศาจ――.
ยังไงก็ตาม ร่างของเรย์ฮิลล์ที่ใหญ่กว่าฮิโระสองเท่าตัว บวมมากขึ้นเรื่อยๆใหญ่กว่าเดิมประมานหกเท่า
ตอนนี้เขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เป็นเหมือนพวกโอเกอร์หรือกิกัส หรืออะไรที่ใกล้เคียงกับ มอนสเตอร์
(สุดท้ายก็ล้มเหลว)
ทันทีที่ฮิโระยกจักรพรรดิสวรรค์ขึ้นมอนสเตอร์ก็เริ่มเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เข้าหาฮิโระแต่เข้าหาพวกเดียวกันแทน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!?”
เขาสะบัดแขนหนึ่งครั้ง แรงลมที่เกิดขึ้นพัดทหารห้าคนของราชอาณาจักรปลิวไปและเซลล์สมองกระเด็นไปทั่วพื้น
“เชี้ยไรวะนั่น?”
“โจมตีมอนสเตอร์บุก!”
“ก๊าซซซ!”
“นายเหนือหัวของเราอยู่ไหน?”
แม้จะมีความโกลาหลเกิดขึ้นแต่ทหารของราชอาณาจักรลิชไทน์ก็เริ่มโจมตี การอาละวาดของมอนสเตอร์มันโจมตีพวกเดียวกันเอง ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่านั่นคือเรย์ฮิลล์
ไม่มีวี่แววของเรย์ฮิลล์หลงเหลืออีกแล้ว ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่พวกเดียวกันจะฆ่ากันเอง มีทั้งผู้ที่ยืนหยัดอย่างกล้าหาญ และผู้ที่หันหลังให้กับมันทั้งน้ำตา ทั้งหมดถูกมอนสเตอร์นั่นเข้าโจมตี
ผู้คนล้มตายจำนวนมากราวกับว่ากำลังเหยียบย่ำมด ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นใจกลางกองทัพของราชอาณาจักรลิชไทน์
“มะมะไม่มีทาง.”
“เฮ้ย เอาจริงดิ ที่นั่น?”
“นั่นมันหน่วยเสบียง…”
“อะไรกันมันกำลังลุกไหม้ท่ามกลางสายฝน?”
เสียงกรีดร้องดังมาจากทหารศัตรูเมื่อฮิโระมองไปยังเปลวเพลิงที่ลุกโชนท่ามกลางสายฝน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคือการกระทำของลิซ ท่ามกลางสายฝนมีเเพียงจักรพรรดิเพลิงที่ทำเช่นนั้นได้ คงจะบอกได้ว่าชัยชนะครั้งนี้ถูกตัดสินแล้ว หลังจากสูญเสียหัวหน้าและเสบียง เหลือเพียงแค่ถอยกลับหรือยอมจำนน
แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะยอมจำนนได้อย่างเงียบๆ เพราะหากทิ้งอาวุธก็จะโดนมอนสเตอร์ฆ่าตาย หากพวกเขามีผู้บัญชาการอยู่อาจจะฟื้นตัวได้ แต่ฮิโระได้ฆ่าส่วนใหญ่ทิ้งไปหมดแล้ว
ทางเดียวที่เหลืออยู่คือทิ้งอาวุธและหนีเอาตัวรอด
“ถอย ! ออกจากที่นี่เร็วเข้า ! พวกเราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!”
“ข้าเองก็จะหนี”
“บ้าเอ้ย ข้าไปด้วย !”
ไม่มีใครอยากตาย ไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสี่ยง พวกเขาเริ่มวิ่งกลับไปยังประเทศของตนเอง เมื่อมองลงมาจากท้องฟ้า มันเหมือนกับหิมะถล่ม มุ่งหน้าไปยังราชอาณาจักรลิชไทน์ด้วยพลังอันท่วมท้น
ฮิโระไม่ได้ไล่ตามไป เป็นเพราะมีสิ่งอื่นที่เขาต้องรับมือ ฮิโระหลับตาลงและควบคุมลมหายใจ
วิธีที่เขาจับด้ามของจักรพรรดิสวรรค์ด้วยมือทั้งสองข้างยกขึ้นทำให้นึกถึงรูปปั้นของจักรพรรดิองค์ที่สอง หน้าม้าของเขาแกว่งไปมาเมื่อมอนสเตอร์คำราม ฮิโระมองไปที่มอนสเตอร์ตัวนั้นอย่างเงียบๆและกระโดด
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบ “มอนสเตอร์”ในอเลเทีย อาจกล่าวได้ว่าพบเห็นได้ทั่วไป พวกมันมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันออกไป และถ้าพวกมันตัวใหญ่พอ พวกมันก็จะถูกกลุ่มหทารตามล่า หากมีใครสักคนคิดท้าทายกับมอนสเตอร์สุดหิน ผู้คนต่างหัวเราะเยาะให้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะพวกทหารที่ไร้ซึ่งการฝึกใดๆ
แต่หามีใครหัวเราะใส่ชายหนุ่มที่ถูกขนานนามว่า “วีรบุรุษ”ที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์อย่างกล้าหาญ
ชายหนุ่มคนนั้นคือ โอกุโร่ ฮิโระ หรือที่รู้จักกันในนาม เฮอร์ธ เรย์ ชวาร์ตซ์ ฟอน แกรนท์ เขาเป็น “วีรบุรุษ” ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งสงคราม”เมื่อหนึ่งพันปีก่อน
ณ ตอนนี้เขาเป็นวีรบุรุษ ใน “ตำนาน” จากตำนานกล่าวไว้ว่าหลังจากพิชิตชัยทั่วหล้าทวีปกลางเขาก็กลับสู่โลกของเขา
ดาบเงินที่อยู่ในมือของชายหนุ่มคือดาบในตำนานที่กล่าวว่าหายสาปสูญ แถมยังเป็นดาบที่ไม่มีบันทึกในตำนาน หนึ่งในดาบห้าจักรพรรดิภูติ “จักรพรรดิสวรรค์” ทั้งยอดและด้ามดาบล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์และสวยงามเหมือนปกคลุมไปด้วยหิมะ และดาบก็เปล่งประกายราวกับว่าเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับนับไม่ถ้วน
“อึก”
กำปั้นขนาดใหญ่ผ่านจมูกของฮิโระ ความกดอากาศเกิดเสียงระเบิดอยู่หลายครั้งเขาลอยไปในอากาศและบิดตัวฟาด จักรพรรดิสวรรค์ เลือดกระเด็นออกจากอ้อมแขนของมอนสเตอร์ แต่บาดแผลก็ปิดลงในทันที
สิ่งมีชีวิตนี้จะไม่ตายต่อให้ถูกฟันด้วยพลังมากแค่ไหนก็ตาม ส่วนใหญ่ก็คงจะวิ่งหนีไม่กล้ายืดหยัดต่อต้านมัน
ฮิโระเป็นฝ่ายหลังที่เลือกจะยืดหยัดต่อสู้กับมัน ไม่มีความกลัวหรือความร้อนรนในใจเขา มีเพียงความหงุดหงิด
(ช้าเกินไป ต้องเร็วกว่านี้อีก!)
จงร่ำร้อง ถ้าเพียงแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะหยุดมันได้
“วังวน!”
ฮิโระใช้ดาบจักรพรรดิสวรรค์ด้วยความหงุดหงิด แขนยักษ์ลอยไปในอากาศ ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ตามตรงหน้าคือมอนสเตอร์ที่แม้แต่ดาบภูติวิญญาณในตำนานยังชนะอย่างยากลำบาก
เลือดจำนวนมากอาบหน้าของฮิโระ แต่เขาก็ยังเร่งความเร็วต่อไป
“บ้าเอ้ย!”
เป็นเวลาสามปีกว่าแล้วที่เขาไม่ได้ออกกำลังกายเลยตั้งแต่กลับโลกเดิม อาจกล่าวได้ว่าตัวเขาในตอนนี้อ่อนแอกว่าตัวเขาในเมื่อก่อน แต่เขาไม่อยากใช้สิ่งนั้นเป็นข้อแก้ตัว เนื่องจากประสบการณ์มากมายที่ผ่านมาจนถึงจุดนี้ สิ่งสำคัญมันยังคงอยู่
(ไม่อยากให้ทุกอย่างที่สั่งสมมาต้องสูญเปล่าหรอกนะ.)
ทุกปมในร่างกายของเขากำลังกรีดร้อง ฮิโระกัดฟันอดทน หลังจากการต่อสู้หลายครั้งร่างกายของเขาก็ถึงขีดจำกัด ถึงกระนั้นฮิโระก็ยังกระหน่ำฟันศัตรู
แสงสีขาวเงินวูบวาบหายไปราวกับถูกดูดเข้าไปในร่างของมอนสเตอร์ ทุกครั้งที่เลือดของมอนสเตอร์ย้อมดินเป็นสีดำมันจะคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดทำให้อากาศสั่นสะเทือน
(นายยังคงอยู่ นายยังอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ชั้นจะเอาชนะทุกอย่าง)
เขาคุกเข่าลงกับพื้นและแทกฝ่ามือลงบนพื้น
(…ทุกๆคนจากไปกันหมดแล้ว.)
อาวุธภูตินับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบตัวมอนสเตอร์ เมื่อมอนสเตอร์สั่นสะเทือน จักรพรรดิสวรรค์ก็ลอยขึ้นไปในอากาศเหนือหัวของมอนสเตอร์
――ชั้นจะค้นหาชัยชนะเพื่อประโยชน์ของตัวนายเองที่วาดฝันเอาไว้เบื้องหลัง
ฮิโระหลับตาลงและเริ่มหายใจเข้า เมื่อเห็นสถานการณ์ของฮิโระ มอนสเตอร์จึงใช้โอกาสนี้เปิดฉากโจมตี ถ้าโดนเพียงนิดเดียวเขาตายทันที มันตวัดไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหนือหัวของเขา
แต่ที่น่ากลัวคือมันไม่โดนฮิโระเลย
“เอาล่ะ ได้เวลาเปิดม่าน”
ฮิโระเบิกตากว้าง ไม่มีหลุมดำในดวงตา มีเพียงแสงบริสุทธิ์เท่านั้น หยดฝนกลับมาเป็นเลือดราวกับจะรักษาทุกสรรพสิ่ง อนุภาคที่ผสมในอากาศสว่างขึ้นเหมือนกับได้รับพร
ชายหนุ่มคนนี้เห็นลมหายใจของโลกและรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
(อัลทิอุสถึงนายจะไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว)
ข้างหลังเขามีหญิงสาวผมสีแดงเพลิงที่เฝ้ามองด้วยความกังวล
(แต่เจตจำนงของนายยังคงอยู่อดีตและอนาคตล้วนเชื่อมโยงกัน.)
การเริ่มต้นอย่างกระทันหันและจุดจบที่ไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าเราจะอยู่ห่างกัน แต่เราก็ยังเชื่อมถึงกัน แม้ว่าเราจะไม่มีวันเจอกันอีกแล้ว ในโลกที่ไม่มีนาย โลกที่ไร้ซึ่งตัวชั้น ชั้นได้แต่สงสัยว่านายจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง มีความสุขดีรึเปล่า? หรือกำลังเศร้าอยู่? ชั้นอยากเห็นรอยยิ้มของนายและอยากให้นายได้มีความสุข และถ้าคิดแบบเดียวกันล่ะก็
―ชั้นจะเล่าขานให้พวกเขาได้ฟัง
(วางใจชั้นได้เลย.)
เขาจ้องมองมอนสเตอร์ตรงหน้า
(อย่าได้อาลัยอาวรณ์อีก)
พลังแห่งภูติเติมเต็มร่างกายฮิโระทุกส่วน
(ตอนนี้ชั้นกำลังสนุก)
เขาพุ่งกระโจนออกไป
―ทิ้งเสียงของโลกไว้เบื้องหลัง
อาวุธภูติ หนึ่ง สาม แปด สิบสี่ อาวุธที่ลอยอยู่รอบๆมอนสเตอร์หายไปด้วยความเร็วที่น่ากลัวเสียงเดียวที่แพร่กระจายคือเสียงตัดผ่านผิวหนังในสนามรบที่ชุ่มไปด้วยเลือด
เนื้อของมอนสเตอร์ถูกตัดออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแสงวูบวาบสีขาวที่ห่อหุ้มมอนสเตอร์ กลบแม้กระทั่งเสียงคร่ำครวญของมัน แทนที่จะหยุด การฟันยังคงเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เหนือความเร็วเสียง เหมือนโครงสร้างของดวงดาวหลายหมื่นดวงที่โคจรเข้าหากัน แสงสว่างนับร้อยถูกจุดประกายขึ้นรอบๆตัวกลายเป็นแสงส่องประกายนับพัน
เป็นพลังของผู้ที่ถือครองจักรพรรดิภูติสวรรค์
ชายหนุ่มที่เคยลืมเลือนได้รับพรจากจักรพรรดิสวรรค์ “ความเร็วศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งทำงานอย่างเต็มที่
――แสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนก่อกลุ่มขึ้น
มันถูกปลดปล่อยด้วยความเร็วสูงพิเศษ เมื่ออาวุธภูติทั้งหมดหายไปดาบที่สวยงามก็ตกลงมาจากฟ้าหาฮิโระ ฮิโระกระโจนเข้าไปพร้อมกับจักรพรรดิสวรรค์ในมือเพื่อปิดฉาก
“ฮ๊ากกกกกกกกกกห์!”
เมื่อหัวของมอนสเตอร์ถูกตัดออกปลายดาบก็ปักลงสู่พื้น เสียงคำรามสั่นสะเทือนยก้องไปทั่วพื้นที่ ในขณะเดียวกันพื้นดินก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างของมอนสเตอร์แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และก้อนเนื้อที่กระจัดกระจายก็จมลงไปในโคลน ท่ามกลางทุกอย่าง ฮิโระหอบหายใจอย่างรุนแรงเงยหน้าขึ้นเพื่อรับออกซิเจน
เมฆฝนได้จางหายไปและดวงอาทิตย์ส่องแสงอย่างอบอุ่นผ่านเมฆสีเทาที่หมุนวนเพื่อฉลองการกลับมาของวีรบุรุษ
“ฮิโระ!!”
หญิงสาวผมแดง ลิซ วิ่งเข้าหาฮิโระและกอดเขาไว้ ฮิโระที่ทุ่มเททุกอย่างล้มลงกับพื้นเขาไม่เหลือแรงหยอดน้ำข้าวต้มอีกแล้ว
เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ปากของเขาไม่ขยับทำได้เพียงแค่รับออกซิเจน
“มีหลายอย่างอยากจะพูดเลยแต่ดีใจที่นายปลอดภัย….”
ลิซถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่เธอบีบแก้มของฮิโระและหัวเราะคิกคัก ฮิโระพูดอะไรไม่ได้ ดังนั้นเธอเลยจิ้มหน้าฮิโระได้ตามใจอยาก
จากนั้นเซอร์เบอรัสก็เข้ามาหาฮิโระลูบหัวบนไหล่เขา จากมุมมองของเขา ออร่าซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเหล่าทหารกำลังจ้องมองเขา สปิตซ์ยังคงหมดสติและได้รับการรักษาจากแพทญ์ ทริสและมาร์เกรฟกรินด้าต่างเข้าหาเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“สุดยอด สุดยอดเกินไปแล้วสามารถเอาชนะมอนสเตอร์แบบนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว…”
มาร์เกรฟกรินด้า บีบแก้มของตัวเองคิดว่าเขาฝันอยู่รึเปล่า
ข้างๆกันนั้น
“เห้ย ถามจริงๆเหอะเอ็งเป็นใครเนี่ยไอ้หนู?”
เป็นทริสที่พึมพำราวกับว่านึกถึงจุดเริ่มต้น ทางด้านหลังเองก็มีเสียงเชียร์ตามมา
“ว้าว การโจมตีนั่นพวกเอ็งเห็นปะ?”
“อ่า ใช่ ต้องเห็นอยู่แล้วสิ!”
“ไม่มีทาง ไม่มีทางเห็นได้หรอก.”
“เฮ้ย เห้?”
“อะไรฟะ――!?”
ความตื่นเต้นของเหล่าทหารลดลงอย่างรวดเร็วเสียงคำรามของเกือกม้าซึ่งคล้ายกับเสียงสั่นสะเทือนพื้นที่พร้อมจะระเบิดแก้วหู
ทุกครั้งที่ระยะห่างลดลงความดันในหัวใจก็เพิ่มมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรพวกเขาอาจจะหนีหัวซุกหัวซุน ด้วยควสามรู้สึกอันน่ากลัวกองทัพขนาดใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้น
“กองทัพจักรวรรดิที่สี่…!?”
เอ๋ผมคึกเกินไปหรือเปล่านะ 20+กว่าตอนในห้า-หกวัน ฮะฮะฮะฮะ