Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 253
LSG บทที่ :253 ไร้ความปราณี
แสงสีแดงย้อมทั้งเทือกเขาหมิงหยิง
ภาพเงาของนกเพลิงและมีงกรแหวกว่ายบนท้องฟ้าส่งเสียงร้องคำรามออกมาเป็นภาพที่วิจิตงดงามมาก
พวกมันถูกสร้างจากหินวิญญาณที่ สำนักได้จัดทำขึ้น
พวกมันบินได้ดีและไม่ดี พวกมันดูเหมือนมีชีวิตแม้แต่อยู่ห่างออกไปไกลก็ยังมองเห็น พวกมันดึงดูดความสนใจผู้คนที่มองมันทำให้เจ้าสำนักรู้สึกภูมิใจมาก
มังกรทยานหงห์เพลิงร่อน คือสัญลักษณ์ที่บอกได้ถึงอำนาจและความร่ำรวยซึ่งนักบ่มพลังธรรมดาๆไม่สามารถสร้างได้
หูเชี่ยนเหม่ย ถูกนำตัวกลับไปยังกระโจมของนางที่ดูเหมือนจะเป็นที่คุมขังของนางซะมากกว่า นางยืนอยู่ริมหน้าต่าง
นางมีใบหน้าขาวซีดจ้องมองท้องฟ้าด้วยความข่มขื่น หัวใจของนางเย็นชา
หยิงหยิง ยืนอยู่ด้านหลังนางใบหน้าบิดเบี้ยวราชันตะขาบพิษ ต้องการลงโทษ หยิงหยิง แต่หูเชี่ยนเหม่ยขู่ฆ่าตัวตาย หยิงหยิงจึงรอด
แต่ทั้งนี้ทั้งสองคนก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี
จำนวนคนคุ้มกันได้เพิ่มขึ้นรวมทั้งราชันตะขาบพิษกับราชันวาฬยักษ์ด้วย
แม้แต่แมลงวันหรือมดก็ไม่รอดพ้นสายตา!
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
“เกือบเที่ยงแล้วเจ้าค่ะ!”
“เกือบเที่ยง?”
หูเชี่ยนเหม่ย ทอดถอนหายใจแล้วมองไปด้านนอก
เมื่อเวลาผ่านไปเสียงดังจากด้านนอกเริ่มทยอยดังขึ้น ครมารวมแสดงความยินดีและส่งมอบของขวัญเรื่อมเดินทางเข้ามา เห็นได้จากลมปราณวิญญาณต่างๆที่ปรากฏขึ้นมา
หูเชี่ยเหม่ย กำหมัดเล็กๆของนางแน่น
ตอนนั้นเองมีคนรีบเดินเข้ามาในศาลาผู้ที่นำมาคือรองประมุข เหรินจื้อเหิง!
“คาราวะท่านรองประมุข!”
สองราชันตะขาบพิษและราชันวาฬยักษ์รีบคาราวะทันที่
“นี่จวนได้เวลาแล้ว ราชันตะขาบพิษรีบพาเจ้าสาวไปแต่งตัวรอคำนับฟ้าดินที่เรือนหอ! ”
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง?”
“เรื่องนี้เราต้องผ่านไปได้ด้วยดี!”
“ข้าน้อยรับบัญชา”
ราชันตะขาบพิษยิ้มมุมปากก่อนเดินไปที่กระดจม
รชันตะขาบพิษเดินขึ้นบรรไดไปที่ห้องของหูเชี่ยนเหม่ย
“่วาไง..สาวงามของข้า..ตอนนี้ได้เวลาแล้ว! ข้าจะช่วยเจ้าแต่งตัวข้าจะทำให้เจ้าสวยที่สุดในวันนี้! เจ้าจะเฉิดฉายจนทำให้คนตาบอดได้ทีเดียว “
“ช่วยแต่งตัวงั้นหรอ? หึ..ไม่จำเป็น! “
หูเชี่ยนเหม่ย หัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปทางราชันตะขาบพิษ
ราชันตะขาบพิาเห็นอย่างนั้นนางก็รู้สึกหงุดหงิดทันที นางคิดว่า หูเชี่ยนเหม่ย ไม่สนว่าจะอยู่หรือตายหรือจะอยู่ในกระโจมตลอดทั้งวัน นางไม่คิดว่า หูเชี่ยนเหม่ย จะเชื่อฟังนางอยู่แล้ว
แต่นั่นก็ดีด้วยเพราะมันจะช่วยนางได้บ้าง
“เฮ้! “เฮ้! “เฮ้! ทางนั้น! ผู้พิทักษ์หู มากับข้า! “
ราชันตะขาบพิษ หะวเราะและให้คนรับใช้ช่วยพยุงหูเชี่ยนเหม่ยเดินไป
“โอ้ใช่!”
“มีอะไร?”
“หยิงหยิง เป็นคนติดตามข้ามานาน หากว่าข้าแต่งงานแล้วนางก็ไมาสามารถติดตามข้าได้อีก ดังนั้นข้าต้องการให้ท่านเขียนตั๋วเงินวิญญาณให้นางออกจากสำนักไป”
“คุณหนู!
หยิงหยิง ตกใจวิ่งไปคุกเข่าตรงหน้า หูเชี่ยนเหม่ย ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“หยิงหยิง ไม่ต้องการไปจากคุณหนู … “
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในสำนักไม่ได้มีความสุข เจ้ากลับไปที่บ้านจะดีกว่า”
“คุณหนูแล้วท่านละ .. “
“นี่เป็นช่วงเวลาที่เส้นทางชีวิตของข้าเปลี่ยน ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้ว หยิงหยิง เจ้ารีบไปเถอะหาคนแต่งงานอยู่กับครอบครัวไม่ต้องห่วงข้า “
หยิงหยิง ได้ยินแบบนั้นยิ่งโศรกเศร้ามากยิ่งขึ้น
“ว่ายังไง ราชันตะขาบพิษ?”
“ไม่มีปัญหา! ข้าจะจัดการให้! “
“ดี งั้นเราไปกันได้แล้ว!”
หูเชี่ยนเหม่ย ไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปนางจึงเดินออกจากกระโจม
ราชันตะขาบพิษ นำตัวหูเชี่ยนเหม่ยไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนชุดและเครื่องประดับ
หูเชี่ยนเหม่ย ยังไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ปกติที่พวกเขาจะช่วยแต่งตัวได้
หลังจากนั้นไม่นานสาวน้อยน่ารักได้เปลี่ยนโฉมไหม่เป็นสาวที่งดงามมากแม้แต่ราชันตะขาบพิษมองยังตกใจ
นางคือจิ้งจอกวิญญาณจริงๆหรอ แม้ว่านางจะตัวเล็กแต่ใบหน้าของนางก็สามารถทำให้ผู้ชายคลั่งไคล้ได้
ราชันตะขาบพิษ เกิดความอิจฉาอยู่ในใจ แต่เมื่อนางนึกถึงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้นางจึงสงบสติอารมณ์ลงได้
“คลุมหน้าเจ้าได้แล้ว รอเวลาที่มังกรกับหงห์เพลิงบินกลับมาก็จะเริ่มำิธีไหว้ฟ้าดินและส่งตัวเจ้าเข้าเรือนหอ “
“อืม”
คนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่พื้นที่หลัก
เวทีหลักตั้งอยู่กลางแจ้งเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ ประดับด้วยหินแก้วและอัญมณีราคาแพงมากมาย หากว่าใครได้ยืนอยู่ที่ตรงนี้ จะได้รับการฟื้นพลังลมปราณและได้รับผลประโยชน์มากมาย
ตรงกลางเวทีใหญ่ของสำนักจะเป็นมังกรกับหงหืเพลิงบินอยู่รอบๆด้านบนแสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของสำนัก มันดูวิจิตตรการตามาก
แขกที่มาเริ่มนั่งลง
ผู้อาวุโสคนสำคัญของ นิกายศิลาวรรณะ ประมุขของพลับพลาใจทมิฬ หวังเซียงหมิง ผู้อาวุโสของสำนักอัคคีโหม หยางกู่ และเขตรับเชิญที่มีชื่อเสียงตระกูลกุย ตระกูลเเฟิง และตระกูลใหญ่อื่นๆ
นี่เป็นเพียงแขกรับเชิญแรก ๆ ยังมีแขกรับเชิญจำนวนมากที่ยังเดินทางมาไม่ถึงอีก
“ฮ่าฮ่า ยินดีด้วยผู้พิทักษ์หลิว! ท่านโชคดีมากที่ได้แต่งานกับคู่บ่มเพาะที่ดีแบบนี้ ยินดีด้วย!
“ไม่คิดเลยว่า ผู้พิทักษ์หลิวจะได้หัวใจของผู้พิทักษ์หูมาครอบครอบ ขอให้รักกันยั้งยืนตลอดไป!
“ผู้พิทักษ์หลิว แล้วเจ้าสาวของท่านไม่ออกมาชมหงห์ร่อนมังกรบินด้วยกันหรือท่าน? เรารอมานานแล้วฮ่า ๆ ๆ “
“เอาละๆ พวกเราไปที่สะพานกันเถอะ!”
เมื่อเห็นหลิวซินตงเข้ามาทุกคนก้ยืนขึ้น
หลิวซินตงสวมชุดสีแดง เขาโบกมือให้กับแขกทุกคน เขาพูดคุยกับแขกที่มาร่วมงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่นานตัวเเทนจาก หุบเขาฮวาวิน กุ่ยโม่เจี๋ย มาถึง เขาได้รับการต้อนรับจากสำนักใหญ่ๆและผู้มีอำนาจต่างๆมากมายเมื่อเขามาถึง แม้ว่ากุ่ยโม่เจี๋ยจะมีพลังยุทธไม่สูงนัก แต่ตำแหน่งของเขาในหุบเขาฮวาซิน เป็นที่รู้จักกันดี ทุกเรื่องในหุบเขาได้รับการจัดการโดย กุ่ยโม่เจี๋ย ดังนั้นทางหุบเขาจึงส่งเขามาร่วมแสดงความยินดี
“อาจารย์กุ่ย !!”
“อาจารยืกุ่ย ดูท่านยังแข็งแรง! ฮ่าๆๆ ไม่พบกันเสียนาน ท่านสบายดีรึ! “
กุ่ยโม่เจี๋ย พูดคุยทักทายกับแขกที่มาแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ที่สำนักวิชาหมิงหยิงจัดไว้ให้ด้านหน้าสุด
สำนักวิชาหมิงหยิง จัดงานนี้ยิ่งใหญ่มากและได้เชิญแขกมาร่วมงานมากมาย! “
กุ่ยดม่เจี๋ย นั่งลงและดื่มชา เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ รู้สึกทึ่งอยู่ในใจ
“หลังจากที่ผู้พิทักษ์ทั้งสองได้ผูกความสัมพันธ์กัน พวกเขาจะยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นแน่นอนเลย !” ศิษย์ข้างๆหัวเราะและตอบกลับ
“ต่อไปจะมีอาหารเลิสรถมาให้ท่านได้ลองชิมมากมาย!”
“ข้าแน่ใจว่าทุกคนจะได้รับความประทับใจกลับไปจากการมาที่นี่!”
สาวก หุบเขาฮวาวิน บางคนกล่าวว่าตื่นเต้น
สำหรับงานแต่งงานที่เกี่ยวกับผู้บ่มเพาะไม่ใช่แค่การกินและดื่มเท่านั้น ผู้บ่มเพาะไม่สนใจรสชาติอาหารแต่พวกเขาให้ความสำคัญกับอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะ อาหารและเครื่องดื่มจะไม่เหมือของคนธรรมดา
“พวกอย่างเห็นแก่กิน! รักษามารยาทหน่อย อย่าทำให้หุบเขาฮวาซินของเราต้องขายหน้า! “
กุ่ยโม่เจี๋ย ตำหนิลูกศิษย์ของเขา
“ตำหนักสามเทพ มาถึงแล้ว!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกน มีกลุ่มคนเดินเข้ามาตรงทางเข้า
“คนจาก หุบเขาสายหมอ!”
“ตระกูลไป๋ มาถึงแล้ว !!”
เสียงตะโกนดังต่อเนื่อง
กลุ่มผู้มีอำนาจต่างมารวมตัวกันที่นี่
แต่วลีเหล่านี้ไม่สามารถเอาชนะประโยคสุดท้ายที่ออกมาได้
“เจ้าสาวกำลังมา!”
ผุ้คนต่างส่งเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกันนั้น บนที่ราบในเทือกเขาหมิงหยิง
จุ้ยหมิง และ จุ้ยชา กำลังมองคนที่อยู่ด้ายหน้า
ร่างที่ยืนอยู่ข้างในอาคมด้านหน้าพวกเขา มีปราณมารแผ่ซ่านออกมาสีแดงฉาน
ลมปราณ!
ลมปราณรุนแรงและน่ากลัว! ดุจดั่งพายุหมุน หากนี่ไม่ใช่ผู้บ่มพลังคงไม่อาจต้านทานกระแสพลังที่รุนแรงนี้ได้
หลิงฉิงหยู ไม่สามารถต้านทานลมปราณอันรุนแรงนี้ได้ จึงซ่อนตัวอยู่ในฝักกระบี่ไม่กล้าโผล่ออกมา
“นี่คือเวทอาคมอะไร!”
จุ้ยหมิงทนไม่ไหวจึงต้องถามออกมา
“อาคมเชื้อสายปีศาจสวรรค์!”
คนที่ยืนตรงกลางอาคมค่อยๆเปิดตาขึ้นและพูดด้วยใบหน้าอันน่าสยดสยอง
ดวงตาของเขาเป็นสีเลือดแดงบริสุทธิ์
“เชื้อสายปีศาจสวรรค์?”
ตอนนี้ลมปราณของ ซูหยุน แข็งแกร่งมากจนทั้งสองไม่อาจยืนต้านทาน
ด้วยพลังของผลึกสวรรค์และอาคมนี้ ปัจจุบันพลังบ่มเพาะของเขาได้มาถึงจุดสูงสุด หากมากกว่านี้ ร่างกายของเขาจะระเบิดเพราะทนรับพลังไม่ไหว
“ตอนนี้ท่านเทียบได้กับท่านประมุข ท่านจะสู้กับใคร? “
“หลายคน!”
ซูหยุน เดินออกจากอาคมด้วยพลังปราณสีแดงเลือด
จุ้ยหมิง จุ้ยชา เดินตามออกมา
พริบตา ซูหยุนกลายเป็นแสงสีแดงฉานมุ่งไปทางประตุใหญ่
ในขณะนี้ในสำนักวิชาหมิงหยิง กำลังวุ่นวายกับการต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานจนไมสามารถต้อนรับได้ทั่วถึง
“ยินดีด้วย! ยินดีด้วย!
ทุกคนในสายตาจะจับมือและแสดงความยินดีในขณะที่หัวเราะอย่างมีความสุข
แต่เมื่อมีปราณมาณอันแกร่งกล้าทั้งสามปรากฏแผ่ออกมาจากประตูใหญ่ทุกคนต่างตื่นตระหนก
ซูหยุน สบัดเสื้อคลุมเดินเข้าไปในประตูใหญ่พร้อมกับ จุ้ยหมิง และ จุ้ยชา เดินขนาบซ้ายขวา
“หยุด!” ท่านเป็นใคร?ท่านมีบัติเชิญหรือไม่” “
ผู้ดุแลที่อยู่ข้างดูผิดสังเกตุจึงได้ถามออกไป
แต่ถัดมา ซูหยุน ย่ำเท้าอย่างแรงเข้าไป
ปัง!
ซูหยุน พุ่งทยานออกไปเหมือนกระสุน รูปปั้นขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังพังทลายลงมาทับผู้คนไม่รู้เป็นตายร้ายดีและทิ้งรอยเท้าสองรอยไว้บนพื้น
ร่องรอยปราณ รั่วไหลกระจายออกไปในทุกทิศทางทำให้ทุกคนตกตลึงถอยกรูออกไปและมองอย่างระวัง
“ข้าต้องการบัติเชิญของเจ้าหรือ?”
ซูหยุนมองหน้าและเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ
ซูหยุนเดินตรงไปที่มังกรและหงห์เพลิง
“ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”
จางอู่หมิง เอียงตัวถามชายที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ครับ! ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว “
“ดีมาก! เข้าไปข้างในกัน! “
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเท้า เข้ารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“ท่านประมุข มีอะไรหรอครับ?”
“ดูเหมือนจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมา!”
ในพริบตาหลังจากนั้น มีร่างสามร่างปรากฏขึ้น
“ลมปาณแปลกประหลาดมากและหนาแน่น มีกลิ่นเหมือนเลือด!”
“พาซินตง ไปเข้าพิธี ข้าจะไปดูว่าใคร”
“ครับ”
เหรินจื่อเหิง พยักหน้าและหันไปออก
จางอู่หมิง ขมวดคิ้วแล้วเดินไปทาง ซูหยุน
เพียงแค่นั้น.
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ ซูหยุน เขาเห็น ซูหยุน ยกกระบี่สีดำสนิทขึ้นมา
เจตนาฆ่าได้เพิ่มสูงขึ้นทันที
ไม่มีความลังเล จิตใจเด็ดเดี่ยว!
จางอู่หมิง เริ่มกังวลใจ”ข้าถามท่านได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใคร?”
“เจ้าคือจางอู่หมิง?”
“ใช่ข้าเอง!
“เจ้าคือประมุขของสำนักวิชาหมิงหยิง?”
“ท่านมาที่นี่เพื่อร่วมงานหรือ?”
“ไม่!
ซูหยุน เงยหน้าจ้องมอง จางอู่หมิง ด้วยคู่ดวงตาสีแดง
“ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่า !!”
พอพูดเสร็จ จุ้ยหมิง จุัยชา ที่ยืนอยู่ด้านข้างร่างกลายเป็นควันพุ่งไปหาจางอู่หมิงทันที
“อะไรกัน?
จางอู่หมิง หน้าซีดจากความหวาดกลัว
จางอู่หมิง ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่กล้าเดินเข้ามาในสำนักวิชาหมิงหยิงเพื่อมาสังหารเขาแบบนี้ !!
เมื่อจางอู่หมิงเห็นจุ้ยหมิงกับจุ้ยชาพุ่งเข้ามาแบบนั้นทำให้เขาอ่อนแรงแทบจะขาทรุด!
ระดับดาราวิญญาณสองคน!
“นั่นมันอะไรกัน?