Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 252
LSG บทที่ :252 แผนการทำลาย
บนเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยว
“ซูหยุน เจ้าคิดจะทำอะไร?” หลิงฉิงหยู ถาม ซูหยุน
“แล้วจะเป็นยังไงถ้าข้าจะทำ?”
“หูเชี่ยนเหม่ย จะแต่งกับใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? อย่าบอกข้าน่ะ ว่า เจ้าหลงรักนาง หา? “
หลิงฉิงหยูเพิ่มเข้ามาเลยไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นแบบไหน
“ข้ารู้ว่า มันก็แค่ประมุขของนางอยากให้เป็นคู่บ่มพลังเท่านั้น?”
“ถ้าเจ้าบอกว่า พวกเขาสองคนมีพลังระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่10 งั้นก็แสดงว่า ประมุขของพวกเขาต้องการให้ทั้งสองบรรลุพลังระดับ ดาราวิญญาณ งั้นสิน่ะ! แสดงว่า พวกนั้นกำลังทำเพื่อผลประโยชน์ของสำนัก! “
เป็นเพราะว่า การบ่มพลังของพวกเขานั้นกำลังประสบปัญหาคอขวดการบ่มพลังคู่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“จะทำให้ทั้งสองเข้าสู่ระดับพลัง ดาราวิญญาณอย่างนั้นหรอ? ผิดแล้ว คนที่จะบรรลุระดับพลังนั้นจะมีแค่ หลิวซินตง เท่านั้น! สำหรับ หูเชี่ยนเหม่ย นั้นไม่มีทาง “
“อ้อ แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง?”
“นั่นเป็นเพราะ จางอู๋หมิง!”
“จางอู๋หมิง? แล้วเกี่ยวอะไรกับหูเชี่ยนเหม่ย? “
“อืมม! นั่นเป็นเพราะตอนนี้ประมุขของนาง มีพลังระดับดาราวิญญาณ หากว่านางบรรลุระดับดาราวิญญาณ นางจะก่อกบฏ! นางจะเห็นสำนักเป็นศัตรู ประมุขของนางจึงไม่ยอม? ข้าเกรงว่านี่จะเป็นแผนการ! พวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากนางหรือไม่ก็ฆ่านาง! “
“ฆ่านาง? ทำไม? หากว่าเขาฆ่านาง แล้วหลิวซินตงล่ะ? “
“เจ้าคิดว่าประมุขของนางจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นหรอ!” ประมุขของนางคงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแแน่ ข้าคิดว่า จางอู๋หมิง ต้องมีแผนการบางอย่าง! ข้าคิดว่า หลังจากที่หลิวซินตงได้บรรลุระดับดาราวิญญาณแล้ว ประมุขของมันต้องมีวิธีการบางอย่างที่สามารถตัดความเชื่อมต่อพรสวรรค์การบ่มพลังของทั้งสองคนได้! เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าหูเชี่ยนเหม่ยจะตาย หลิวซินตงก็จะไม่เป็นอะไร! เพื่อประโยชน์ของ สำนักวิชาหมิงหยิง จางอู๋หมิง จะยอมปล่อยำูเชี่ยนเหม่ยไปอย่างนั้นหรอ! “
“จางอู๋หมิง ฉลาดมาก!”
เรื่องนี้ได้มีการวางแผนมาอย่างดี ดวงจิตวิญญาณขั้น10 สิบคนก็สู้ ดาราวิญญาณคนเดียวไม่ได้! ถ้าหากจะทำให้บรรลุระดับพลังนั้นแค่คนเดียว มันจะไม่คุ้มหรือ? หากว่าทำสำเร็จ สำนักวิชาหมิงหยิง จะมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นมากเลย! หากว่าจางอู๋หมิงกับหลิวซินตงรู้ว่าข้ากับหูเชี่ยนเหม่ยมีความสัมพันธ์กันพวกเขาต้องทำลายวรยุทธของนางแน่นอน นางจะกลายเป็นคนพิการ “
“ข้าต้องพานางออกไป!”
“โอ้วว เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวจะสู้คนทั้งสำนักได้หรอ?”
“ด้วยพลังระดับดาราวิญญาณ ข้าสามารถถลุ่มพวกเขาได้ทั้งหมด!”
“ระดับดาราวิญญาณ?”
“เจ้าจะทำยังไง?”
ซูหยุน เดินต่อไป
ซูหยุน หยุดเดินเมื่อเจอช่องเขาขนาดใหญ่
ฟู่ๆๆๆๆ
ส่วนผสมมากมายปรากฏบนพื้น ส่วนมากเขาได้มาจากอณาจักรมาร ของทุอย่างนั้นล้วนมีค่าไม่ได้หามาง่ายๆและมีราคาแพง
ซูหยุน หยิบของที่อยู่ในส่วนลึกของแหวนออกมา มันเป็นของเหลวแล้วชะโลมกระบี่มรณะพร้อมกับวาดขักขระบนพื้น
“แค่สองวันก็น่าจะเพียงพอ!”
“อะไร?”
“อาคมปีศาจ!”
“อาคมปีศาจ? เจ้าสร้างอาคมปีศาจได้หรอ? “
“ข้าเคยอยู่ทีทวีปปีศาจสองสามปีน่ะ?”
“ห่ะ?
“เจ้าเคยไปทวีปปีศาจมาแล้วหรอ ข้าไม่เห็นรู้เลย? “
“เจ้ายังไม่รู้อะไรอีกหลายๆอย่างเกี่ยวกับข้า!”
ผ่านไปครึ่งวันใบหน้าปีศาจเริ่มปรากฏ
แสงสีขาวลอยออกมาจากฝักกระบี่ หลิงฉิงหยู ลอยมายืนอยู่ข้าง ซูหยุน
“นี่มันอาคมปีศาจอะไร?”
“นี่คืออาคมขั้นที่หนึ่ง ของอาคมปีศาจระดับแปดบริสุทธิ์ อามคมที่สืบทอดมาจากอามคมปีศาจสวรรค์”
“อาคมที่สีบทอดมาจากปีศาจสวรรค์?”
“ใช่แล้ว มันสามารถขยายขอบเขตได้อย่างมหาศาลและยังเป็นการสร้างภาพมายาของปีศาจสวรรค์ แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูง”
“ยังไง?”
“ครึ่งแก่นแท้วิญญาณ หมายความว่าภายในสามเดือนนี้พลังของข้าจะลดลงถึงขั้นระดับกึ่งแก่นแท้วิญญาณ ข้าจะอ่อนแอมากๆ”
“นี่คือผลข้างเคียงของมัน”
“ใช่แล้ว ข้าได้ส่วนผสมพวกนี้มาจากอณาจักรมาร ไม่อย่างนั้นแล้วข้าคงสร้างอาคมนี้ไม่ได้แน่!”
ซูหยุน นำเอากระดูกสีเขียววางไว้บนเขตอาคมเพื่อทำเป็นฐาน
ความจริงแล้วยังมีผลเสียอีกอย่างที่เขาไม่ได้พูดออกมา
นั่นคือการใช้อาคมนี้จะทำให้เขาเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์ไร้ซึ่งสติ เขาจะกลายเป็นเทพปีศาจอำมหิต แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา
“หึ น่าสนนิ”
“ใช้ของที่เอามาจากอณาจักรมารสร้างอาคม
“น่าสนอย่างนั้นหรือ เจ้ายังไม่รู้จักสุดยอดอาคม ของพวกนี้มันก็แค่เป็นตัวช่วยกักเก็บพลังพลังเท่านั้นมันไม่เกี่ยวว่าจะมาจากที่ไหน “
“โอ้ว!” หลิงฉิงหยู หยิบก้อนหินขึ้นมาดูอย่างสนใจ
หลิงฉิงหยู มองดู ซูหยุน ที่กลังวาดวงเวทอย่างชำนาญ มันเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่นานวงเวทใหญ่ก็ได้ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์
“ต่อไปก็จะเป็นเส้นเขต!”
ซูหยุน กลืนเม็ดยาฟื้นฟูแล้วก้าวเข้าไปในวงแหวนเวท
ท้องฟ้ามืดสนิท
“เกือบเสร็จแล้ว!”
ซูหยุนเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า
“เสร็จหรือยัง?” หลิงฉิงหยู วางมือไปที่หน้าอก ซูหยุน แล้วถ่ายพลังช่วยซูหยุนฟื้นฟูพลัง
“ไหล้แล้ว!
ซูหยุน หยิบหินสีเขียวขึ้นมา
“ถ้าโยนหินนี่ลงไปก็จะเป็นการเปิดใช้งานเวท”
“เจ้าจะลมือตอนนี้แล้วหรือ?”
“ยังก่อน ตอนนี้ข้าต้องฟื้นพลัง เวทนี้จะกินพลังของข้ามาก”
หลังจากผ่านไปกว่าชั่วยาม ด้วยยาฟื้นฟูที่ได้มาจากเมืองราชันมาร ซูหยุน เหือบฟื้นพลังเต็มที่
เสร็จแล้ว ซูหยุน หยิบเหริยญตราที่ได้มาจากอณาจักรมารออกมา
“นั่นป้ายของ ลัทธิมารนี่?”
“ใช่! ข้าไม่สามารถดูแลหูเชี่ยนเหม่ยได้ ข้าต้องหาคนช่วย!”
“แต่พวกเขาเป็นคนที่มาจากอาณาจักรมาร!”
“แล้วไง? ถึงพวกนั้นจะมาที่นี่แล้วคนจากทวีปนภายุทธจะไล่ตามพวกเขาไปอณาจักรมารได้อย่างงั้นหรือ? “
“มันก็จริง”
ซูหยุนถ่ายพลังลงไปในป้ายเพื่อใช้งาน
พร้อมกับส่งพลังปราณมารลงไป
“ซูหยุน? เจ้าเป็นยังไงบ้าง? “
“ผู้อาวุโสคุมกฏ?” ซูหยุนรู้สึกประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“ข้าเจอกับปัญหาเล็กน้อย”
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“พวกดวงจิตวิญญาณขั้นที่เก้า!”
“มีพวกดาราวิญญาณหรือไม่?”
“พวกดาราวิญญาณ ข้าจะจัดการเอง!”
ผู้อาวุโสเงียบ
“วางป้ายลงบนพื้น!”
“ข้าจะให้ท่านประมุขส่ง จุ้ยหมิงกับจ่ายชาไปช่วยเจ้า!”
“จุ้ยหมิง? จ่ายชา? “
ซูหยุนตกตลึง ชื่อนี้มีความหมายคือ ไล่ล่า และ ยอมตาย
ซูหยุน ไม่เคยรู้จักพวกเขามาก่อน และไม่รู้ระดับพลังของพวกเขาด้วย
ไม่นาน ก็มีพลังปราณแผ่ออกมาจากป้าย
“พวกเขาไว้ใจได้หรือไม่?”
หลิงฉิงหยูสงสัย
“ข้าไม่รู้ หากว่าประตูช่องว่างไม่มีข้อกำหนดแล้วละก็ ข้าจะพาคนจากอณาจักรมารมาที่นี่ให้หมด ฮ่าๆๆๆ “
ไม่นานป้ายสถานะบนพื้นก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง
ป้ายบนพื้นแผ่ปราณมารออกมาแล้วสร้างก้อนพลังสีดำ ไม่นานมันก็ระเบิดออกมาคล้ายดอกบัว มันแผ่รัศมีขนาดใหญ่ในช่วงเวลาไม่นาน มันแผ่พลังออกมาเหมือนเป็นช่องว่างหลุมสีดำ
หมอกสีดำขยายออกไปทั่ว จนซูหยุนมองไม่เห็นอะไร ก่อนที่ซูหยุนจะรู้สึกตัวได้มีร่างเงาสองร่างปรากฏขึ้นในใจหลางหลุม
เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นพวกเขาก็คุกเข่าลงทันทีต่อหน้าซูหยุน
“พวกเรามาแล้วครับนายน้อย!”
เสียงของพวกเย็นชามาก
“ระดับดาราวิญญาณ !!”
ซูหยุน หัวใจเต้นระรัว
“ข้าน้อยคือ จุ้ยหมิง เป็นผู้อาวุโสกระบี่ยุทธแห่งลัทธิกระบี่มาร”
“ข้าน้อยคือจ่ายชา เป็นผู้อาวุโสกระบี่คลั่งแห่งลัทธิกระบี่มาร’”
ซูหยุน แปลกใจมากๆ พวกเขาทั้งสองดูอายุราวๆ20ถึง30ปีเท่านั้น นี่หากซูหยุนไม่มีเนตรเกล็ดสวรรค์ซูหยุนจะไม่มีทางรู้ระดับพลังของพวกเขาทั้งสองเลย เพราะพวกเขาไม่มีพลังปราณใดๆแผ่ออกมาให้เห็น
ด้าหลังของพวกเขามีกระบี่สีดำดูลึกลับคล้ายดั่งขุนเขาที่ไม่สามารถขยับได้
“ทำไมลัทธิถึงส่งพวกท่านทั้งสองมาช่วยข้า?”
แม้ว่าลัทธิกระบี่มารจะมีชื่อเสียงบ้าง แต่ระดับดาราวิญญาณไม่ได้มีมาก ทำไมลัทธิจงใจส่งพวกเขามา?
“นายน้อยได้ช่วยบุตรตรีท่านประมุข และได้ช่วยเหลือลัทธิกระบี่มารมากมายเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ และยังเป็นศิษย์โดยตรงของท่านประมุข ด้วยฐานะแล้วแม้ข้าน้อยจะเป็นผู้อาวุโสก็ยังมีศักดิ์รองลงมาจากนายน้อยขอรับ
“และอีกอย่างที่ลัทธิส่งพวกเราทั้งสองมาเพราะนายน้อยอยู่ในเขตมนุษย์ขอรับ พวกเราใช้วิชาลับของลัทธิของเราและจะมีแต่ระดับดาราวิญญาณเท่านั้นที่จะผ่านมาได้ขอรับ! “
“อ้อ…เป็นอย่างนี้นี่เอง”
ซูหยุน พยักหน้าตำแหน่งของเขาในลัทธิกระบี่มารของเขานั้นสูงมาก
“ข้ายังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ว่าน่ะซูหยุนเจ้ามีอิธิพลในอณาจักรมารไม่น้อยเลยล่ะ” หลิงฉิงหยูเอ่ยขึ้น
“ข้าก็คิดว่าน่ะ!ฮ่าๆๆๆ”
มีผู้เชี่ยวชาญระดับดาราวิญญาณมาช่วยแบบนี้แล้วซูหยุนจะกลัวอะไร?
ซูหยุนมองดูรอบๆแล้ววางหินสีเขียวไปในวงเวทเหิดการทำงานของ อาคมสายเลือดปีศาจสวรรค์
“เรามาเริ่มงานเลี้ยงกันเถอะ!”