Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 245
LSG บทที่ :245 ราชันคนไหม่ของเมืองราชันมาร
ลัทธิกระบี่มารจากไป และไม่ได้พูดถึง เพลงกระบี่จอมมาร ของ ซูหยุน
แต่ ซูหยุน มีความคิดที่แตกต่างจากคนที่ต้องการเข้าร่วมลัทธิ
ทุกอย่างเป็นเหมือนความฝันของเขา
เขาถอนหายใจและรู้สึกไม่น่าเชื่อ แต่ทำไม? ทำไมเฉินเทียนเสียถึงอยากให้เขาเข้าร่วมลัทธิ?
“นายท่าน”
เสียงเตือนดังขึ้น
ซูหยุนกลับสู่จริง เมองไปที่ หยิงอัน ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่
เมืองราชันมาร ตั้งอยู่ที่แนวเขตเส้นแบ่ง ทุกๆวันชาวมารที่มีชื่อเสียง พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนมหาอำนาจใด เมืองราชันมารมีการรักษาสมดุลอยู่เสมอ ไม่มีใครคืดว่า ลัทธิมารจะมีความแข็งแกร่งแบบนี้ วันนี่มีผู้คนล้มตายไปมาก หยิงอัน และ หวูเซียง จะไม่คิดถึงชีวิตหรอ ?
ซูหยุน รู้อยุ่แล้วว่าทั้งสองคิดอะไร
การพูดคุยของเขากับเจ้าลัทธิกระบี่มารคนทั้งสองต่างก้ได้ยิน ผู้เฒ่าคุมกฏระดับสูงยอมรับในตัว ซูหยุน ที่ได้รับการสนับสนุนจากลัทธิกระบี่มาร การสังหารคนระดับสูงของเมืองราชันได้อย่างง่ายๆ พวกเขาจะทำอะไรได้ แล้วเหตุใดตอนนี้พวกเขาจะไม่รีบเรียกว่า ราชัน
“ลุกขึ้นแล้วว่ามา!”
ซูหยุน สั่ง ซูหยุน ทำท่าทางนึกคิดแล้วเดินไปที่บัลลังก์ ซูหยุน โบกมือ ” ราชันจักรพรรดิ ได้ตายไปแล้ว ในเมืองราชันมารไม่มีผู้ใดที่จะสู้กับข้าอีกใช่มั้ย ข้าจะเป็น ราชันจักรพรรดิ แห่งเมืองราชันนี้! หยิงอัน หวูเวียง พวกเจ้าจงติดตามข้า ข้าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า! โดยเฉพาะเจ้า หยิงอัน! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไร! หากข้ารู้ว่าเจ้ามีแผนการอะไร ข้าจะกินดวงวิญญาณของเจ้าไม่ให้ได้ผุดได้เกิด! “
หยิงอัน ได้ยินต้องทรุดเข่าลงทันที “ครับ นายท่าน หยิงอัน จะติดตามท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากว่าข้าน้อยผิดคำสาบาน ขอให้มีอันเป็นไป”
“หวูเซียง ก็สาบานเช่นเดียวกัน”
หวูเวียง จริงจังมาก ชาวมารคนอื่นๆ ก็รีบคำนับ ซูหยุน เช่นกัน
ถึงเวลาที่จะเปลียน จักรพรรดิ แล้ว เทียนเสีย ได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับ ซูหยุน และได้สังหารจอมมารคนอื่นๆ เหล่าผู้คนคิดว่า นี่ไม่เหมือนกับว่า ยกเมืองราชันมารให้กับเขาอย่างนั้นหรือ?
“ดีมาก!!” หากพวกเจ้าติดตามข้า ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างงาม! ข้ายังขาดมือขวา 2 คน! ที่จะช่วยแบ่งเบาภาราะในเมืองนี้ มีคนไหนที่จะยินดีติดตามข้าจนกว่าจะตายหรือไม่ “
“เจ้านาย ข้ายินดีจะบุกน้ำลุยไฟไปกับท่าน! “
“ข้ายินดีจะใช้!”
“นายท่าน ข้าน้อยยินดี!”
ทุกคนรีบเดินออกมายอมรับ แม้ว่าพลังยุทธของพวกเขาจะไม่สูงเท่าหยิงอันและหวูเซียงแต่พวกเขาต่างไม่สนใจ
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เมื่อพวกเขาได้อยู่ที่นั่นพวกเขาจะได้ทรัพยากรอีกมาก พวกเขาจะไม่กลัวว่าพลังบ่มเพาะของเขาจะต่ำ?
“ไปตายซ่ะ! เจ้ากระจอก เจ้าไม่คู่ควรเป็นมือขวาของนายท่าน? ถอยไป! “
หวูเวียง ตะหวาดใส่ชาวมารพวกนั้น
พวกเขาตกใจ แต่ไม่ถอย
ราชาจักรพรรดิ อยู่ที่นี่ พวกเขาต้องกลัวอะไร
“ข้ากำลังหาคนสนิท เพราะงั้นพวกเขาต้องมีพรสวรรค์และความสามารถ! ระดับพลังบ่มเพาะไม่ได้สำคัญ ข้าไม่ต้องการให้คนขี้ขลาดรับตำแหน่งนี้ เอาเป็นว่า ในเมื่อทุกคนต่างมีความสนใจ เอาอย่างนี้หากมีใครผ่านการทดสอบของข้าได้คนผู้นั้นจะได้เป็นคนสนิทของข้าและช่วยจัดการเรื่องในเมืองนี้ ทุกคนว่าดีมั้ย “
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ต่างก็มองไปที่ ซูหยุน แท่นบูชาเกิดความเงียบ
“ถ้าใครสามารถหา ดอกม่วงเจ็ดกลีบ และ โลหิตแดงเผา ได้ก็รับตำแหน่งนี้ไป!”
****************
แสงจันทร์ส่องลงบนเงาบภูเขาแสงสว่างแลดูงดงามมาก
สายลมพัดผ่านกับสีของจิตสังหาร ครึ่งทางขึ้นภูเขากองทัพของคนเดินผ่านไปอย่างช้าๆ
ที่ด้านบนของภูเขา
หูเชี่ยนเหม่ย เหลือบมองที่ภูเขาและพูดกับหญิงสาวในชุดอาภรณ์สีเขียว”เขาควรจะมา! “เป็นไงบ้าง? เจ้ามั่นใจหรือ? “
“สำหรับคนที่กำลังจะเข้าสู่ ระดับดาราวิญญาร เว้นแต่ข้าจะห่างกับเขาไม่กี่ขั้น ข้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ในเวลาอันสั้น!”
“ถึงเจ้าจะฆ่าเขาไม่ได้ แต่เจ้าก็ทำให้เขาพิการได้!” ดวงตาของ หูเชี่ยนเหม่ย เต็มไปด้วยจิตสังหาร “แค่ทำให้พลังของเขาตกลง แค่นี้ก็พอแล้ว! “
“ทำไมเจ้าไม่ลองวางยาพิษเขา? พิษของ เต๋าปีศาจวิญญาณ ไร้สีไร้กลิ่นแถมยังแทรกซึกได้รวดเร็ว! นี่เป็นอาณาเขตของ สำนักหมิงเจี้ยว หากเขาสู้กับข้าไม่ได้ เขาก้จะหนีเข้าสำนัก ติดอยู่ที่ประมุขของพวกเจ้า ข้ายังมีแผนอื่น ข้าไม่อยากปล่อยเรื่องนี้ งานนี้กระทันหันเกินไป ข้าไม่ค่อยจะมั่นใจ! “
“หากว่าข้าใช้พิษได้ ข้าใช้ไปนานแล้ว เจ้ายังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับยาพิษ มันจะไม่ได้ผลแน่หากเราใช้พิษ ตอนนี้ข้าสามารถใช้ได้แต่เหตุผลแต่งงานเพื่อล่อเขาออกมา ถ้าเป็นเรื่องอื่น เขาจะไม่มาที่นี่! “
“เรื่องนี้หากเทียบกันแล้ว เขาเหมือนสุนัขจิ้งจอกมากกว่า?”
“แน่นอน เขาคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!”
“น่าสนใจดีนี่ ฮ่าๆๆ” “แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเจ้าไม่ยอมเป็นคู่บ่มพลังกับเขาซ่ะล่ะ? พลังบ่มเพาะของเขาก้ไม่ได้แย่ หรือว่าแค่ว่าเจ้าไม่ชอบเขา หากว่าเจ้ายอมมอบกายให้กับเขา เจ้าก้ไม่ได้บุบสลายนี่นา เขาแข็งแกร่งกว่าซูหยุนใช่มั้ย? ทำไม? หรือว่าเจ้าตกเป็นของ ซูหยุน? “
หูเชี่ยนเหม่ย ได้ยินอย่างนั้นถึงกับเปลี่ยนแปลง “เป็นของ ซูหยุน? ซูหยุน มีอะไรดีอย่างนั้นหรอ? เจ้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น! ไม่ว่า ซูหยุน หรือ หลิววินตง ใครจะแข็งแกร่งข้าก้ไม่สนใจทั้งนั้น ข้า หูเชี่ยนเหม่ย จะอยู่เพียงคนเดียวชั่วชีวิตนี้ ทำไมข้าต้องพึ่งพาผู้ชาย? หากเจ้าหมายถึงสิ่งที่พูด ข้าจะแนะนำ หลิวซินตง ให้เจ้า? ด้วยรูปลักษณ์ของเจ้าเขาจะไม่ปฏิเสธ “
ขระนั้นเอง มีร่างเหี่ยวแห้งเข้ามา และกระซิบข้างหูผู้หญิงชุดเขียว หญิงสาว ดก่งคิ้วขึ้น
“มีอะไร?”
“มีข่าวดีเข้ามาตอนนี้ ไม่ว่างานนี้จะสำเร็จหรือไม่ ข้าจะขึ้นไปที่ทวีปทางเหนือ”
“โอ้ ป๊ศาจวิญญาณอย่างพวกเจ้าได้รับเลือกเมล็ดพันธ์? ให้ข้าไปที่นั่นเพื่อสนับสนุนเจ้าดีมั้ย “
“ที่เรามาทวีปนภายุทธเพื่อหาวิญญาณชั้นดีเพื่อทำอาวุธวิญญาณที่แข็งแกร่ง ไม่มีทรัพยากรมากนักใน เต๋าปีศาจวิญญาณ เราหวังว่าจะได้ประโยชน์จากทวีปนภายุทธ เพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในรายชื่อต้นน้ำ เราสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก ข้าจึงอยากจะไปให้เร็วๆ “
“เกี่ยวกับ สำนักกระบี่เซียน? อ้อ เจ้าเคยสู้กับพวกเขาสองครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ สำนักกระบี่เซียนไม่ได้สูญเสียอะไร หากเจ้ายังจัดการกับ สำนักเล็กๆอย่าง สำนักกระบี่เวียน ได้ทำไมเจ้ายังคิดถึง รายชื่อต้นน้ำ? เจ้ากำลังรนหาที่ตาย? “
“ประมุขสำนักกระบี่เซียนไม่ได้จัดการง่ายๆ แต่ตอนนี้มันต่างกัน ข้ามีกองกำลังเสริม “
“กำลังเสริม? “ใคร ?”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
หูเชี่ยนเหม่ย ไม่ได้มีความสุขแต่นางก้ไม่สามารถจะบังคับให้นางบอกได้
“องค์หญิง พวกเขามาแล้ว”
ตอนนั้นเองมีคนเข้ามารายงานต่อผู้หญิงชุดเขียว
“ให้ทุกคเตรียมพร้อม เราจะลงมือได้ทุกเมื่อ! “
“รับทราบ”
“หลังจากงานครั้งนี้ หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมสัญญาญาของเรา”
“ไม่ต้องห่วง! “ ข้าจะมอบแผนที่ สำนักกระบี่เซียน ให้เจ้า “
หูเชี่ยนเหม่ย ยิ้มที่มุมปาก
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น”
ผู้หญิงในเสื้อคลุมสีเขียวน่ารักพยักหน้า จากนั้นนางก็เดินไปที่มุมหนึ่งเพื่อซ่อน
หูเชี่ยนเหม่ย พาคนติดตามสองคนไปรอ
หลังจากนั้นไม่นานหลิวซินตง ก็ได้มาถึงยอดเขา เมื่อได้เห็น หูเชี่ยนเหม่ย หลิวซินตงก ยิ้มให้
“ผู้พิทักษ์หู เหตุใดถึงเรียกข้ามาดึกดื่นป่านนี้?”
เขาเดินผ่านและเสียงของเขานุ่ม
แต่หูเชี่ยนเหม่ยทำหน้าตาน่าเกลียด “ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าให้มาคนเดียว? ทำไมเจ้าถึงพาคนมามากมาย? จะไม่สะดวกที่จะทำอะไรในภายหลัง “
หลิวซินตง ประหลาดใจกับสิ่งนี้ เขาไม่เคยเห็น หูเชี่ยนเหม่ย เย้ายวนใจ เขาแทบจะไม่สามารถตอบสนองได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หัวเราะ
“ผู้พิทักษ์หู ไม่ใช่ว่าท่านไม่บอกข้า แต่ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรอว่าท่านคิดอะไร? ท่านคิดจะยอมข้าหรือ? เฮ้อ ข้าไม่ตำหนิท่านหรอก ข้าระวังตัวเสมอ ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าผู้พิทักษ์หู กำลังคิดอะไรอยู่ “ข้าต้องขออภัย!” มันกำระทันหันไปหน่อย ข้าได้กลิ่นบางอย่าง และข้าคิดว่ามีคนอื่นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ข้าจึงนำคนมาด้วย “
“อย่างนั้นหรือ?” กลิ่นบางอย่าง อาจมาจากน้ำหอมของข้า? การได้พบผู้พิทักษ์หลิวในวันนี้ ข้าได้เอาใจใส่เป็นพิเศษที่จะได้พบกับท่าน น้ำหอมนี้เป็นน้ำหมอที่ดีที่สุดของตลาดในเมืองเลยน่ะ?
“โอ้! นี่คือน้ำหอม? ไม่น่าแปลกใจที่มีกลิ่นหอม แต่ก็ไกลเกินไป ข้าไม่ค่อยได้กลิ่นมัน. “
“เข้ามาใกล้ ๆสิ “ หูเชี่ยนเหม่ย หัวเราะกระซิกให้ หลิวซินตง
หลิวซินตง ลังเล
“ทำไม? ท่านคิดว่า เชี่ยนเหม่ยจะทำอะไร? ใช่ เชี่ยนเหม่ยได้ทบทวนดูแล้ว กพลังบ่มเพาะของ ผู้พิทักษ์หลิว สูงมาก ของขวัญที่ท่านมอบ ก็น่าอัจศจรรย์ยิ่งนัก หากเชี่ยนเหม่ย ได้เป็นคู่ครองก็นับว่าเชี่ยนเหม่ยได้พบคู่บ่มเพาะที่ยอดเยี่ยม มีอะไรที่ไม่เข้าใจ? “
“ในที่สุด ผู้พิทักษ์หู ก็เข้าใจหัวใจของข้า ไม่เสียแรงที่ข้าได้พยายาม ฮ่าๆๆๆ! “ แต่ในสายตาของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น
เหตุผลที่เขาต้องการแต่งงานกับหูเชี่ยนเหม่ยเพราะร่างกายของนางและพลังบ่มเพาะก้าวหน้าเท่านั้น ทุกคนรู้
แต่หลิวซินตง จะต้านทานผู้หยิงที่กระโดดเข้ามาหาแบบนี้ได้หรอ? หูเชี่ยนเหม่ย เดินเข้าไป
เช่นเดียวกับ หลิวซินตง พอเขาเข้ามาไกล้ หูเชี่ยนเหม่ยคว้ากริชสีแดงขึ้นมา แล้ววิ่งไปหา หลิวซินตง นางเคลื่อนไหวเร็วมาก
หลิวซินตง มองเห็นกริชท่าทางเปลี่ยนแปลงเล้กน้อย “ผู้พิทักษ์หู อย่าบอกนะว่าน้ำหอมป้ายทั่วกริช?”
“ใช่แล้ว! ท่านลอมาดมดู! “
หูเชี่ยนเหม่ย ถุยน้ำลายแล้ววิ่งเข้าไป
ตูม ตูม !! นัความหนาวเย็นแผ่อออกมาจากนิ้วมือของ หลิวซินตง เข็มสีดำบินออกจากเอวของเขาเช่นมีดสีแดง
หูเชี่ยนเหม่ยจับอาวุธแน่นพร้อมกับตะโกน”ลงมือ!”
“ย่าห์ๆๆๆๆ!”
แต่เมื่อหญิงสาวชุดเขียวให้สัญญาณ แสงสว่างคล้ายดาวตกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
มันระเบิดขึ้น เหมือนดอกไม้ไฟไปทั่วท้องฟ้า
“อะไร?”
หุเชี่ยนเหม่ย ตกตะลึง
“ขอโทษด้วยน่ะ ผู้พิทักษ์หู ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าได้แจ้งท่านประมุขไว้แล้ว เผลอๆอาจจะมีสหายของท่านมาด้วย “
หลิวซินตง ยิ้มเยาะกว้างปากเกือบถึงหู
“เจ้า…”