Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 239
LSG บทที่ :239 ราชันจักรพรรดิ (IX)
ฟู่ๆๆๆๆ!
แสงสว่างเรืองรองโอบล้อมฝ่ามือของ ซูหยุน ด้วยพลังที้ง70ส่วนของปราณของเขา ตัวเขาอ่อนล้า แต่ผลึกสวรรค์ฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว ที่จะทำให้เขาได้ประโยชน์มากกว่า
เขานั่งลงฟื้นลมปราณอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มองไปที่เฉินอี่หยินขึ้นที่มุมหนึ่งของห้องเล็ก ๆ ในขณะที่นางจ้องมองอย่างงุนงง
“อี้หยิน?”
ซูหยุน พูด
เฉินอี้หยิน นั้นมีพลังยุทธเท่ากับ ซูหยุน คือระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่2
แต่คำพูดของ ซูหยุน นั้น เฉินอี้หยิน ไม่ได้ยิน นางไม่ได้ตอบหรือมอง ซูหยุน
ในดวงตาทั้งคู่ของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของนางสั่น ซูหยุน รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
แม้ว่าระดับ ดวงจิตวิญญาณขั้นสอง ในอณาจักรมารนั้นถือว่าเป็นยอดยุทธ แต่นางไร้ความหมาย โดยเฉพาะต่อหน้าราชันและสมุนของเขา ดวงจิตวิญญาณขั้นที่2 ถูกนำมาใช้เป็นเพียงอาวุธวิญญาณเท่านั้น
“อี้หยิน!”
ซูหยุน เรียกนางอีกครั้ง
คราวนี้เสียงของเขาดังขึ้น เฉินอี้หยิน หันกลับมามองอย่างงุนงง
“ไม่ต้องห่วง! “ พวกเราไม่เป็นไร “ เขายิ้ม
“เราจะไม่เป็นไร?” เฉินอี้หยิน หันไปพูดอย่างเย้ยหยัน “แม้ว่าเราจะระดับดวงจิตวิญญาณ แต่เราจะหนีจากที่นี่ได้หรอ?”
“ผู้เชี่ยวชาญของลัทธิกระบี่มารกำลังมาที่นี่”
“พวกเขาต้องการเวลา”
“ผู้เชี่ยวชาญลัทธิกระบี่มาร มาที่นี่ได้ไม่ยาก”
ศิษย์พี่ลืมเอาสมบัติสื่อสารมา ดังนั้นเขาต้องวิ่งกลับไปที่ ลัทธิ ก่อนเขาถึงจะแจ้งเรื่องนี้ได้ “ เฉินอี้หยินยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่คิดเลยว่า ครั้งแรกที่มาที่นี่ข้าจะต้องเจอเหตุการร้ายๆแบบนี้ ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเมืองราชันมารมานานแล้ว แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเลวร้ายเช่นนี้ “
“มีที่ไหนบ้างในอณาจักรมารจะไม่เป็นแบบนี้? ทุกที่ไม่ต่างกันกับที่นี่เลย “
ที่อณาจักรมารนั้น คนแข็งแกร่งกินคนอ่อนแอ และมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันคือดินแดนที่ยากจะเทียบ
“เจ้าไม่กลัวหรอ?” เมื่อเห็น ซูหยุน ดูผ่อนคลายสบาย ๆ เฉินอี้หยิน รู้สึกทึ่ง
“มันไม่มีประโยชน์ใช่หรือไม่?”
“เป็นความจริง”
“นอกจากนี้ยังมีอะไรที่ต้องกลัว?”
“ข้าไม่กลัวราชัน แต่ข้ากลัวสูญเสียทุกอย่างที่ข้าได้ทำมา ข้าบ่มพลังอย่างหนักมาเพื่ออะไร? ข้าต้องมาจบชีวิตแบบนี้หรอ หากข้ารู้ว่าต้องมาตายแบบนี้ ข้าจะเชื่อคำของปู่ข้า ฉัข้าจะไม่เรียนกระบี่ น่าจะดีกว่า “เฉินอี้หยินถอนลมหายใจอย่างไร้ความหวัง
ซูหยุน รู้ดีว่า สำหรับผู้ที่บ่มเพาะพลังแล้วไม่ว่าจะสิบปีหรือร้อยปี แต่ยังไม่มีความรู้สึกปิติแล้ว แม้ว่าจะเลวร้ายยิ่งกว่านาง พวกเขาจะถูกสังหารโดยผู้ที่เก่งกว่า ความสิ้นหวังนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้
“เจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่?” ซูหยุนถาม
“เจ้ามีทางหรอ?” เฉินอี้หยิน ไม่สนใจ เหมือนว่านางไม่เห็นความหวังใดในตัว ซูหยุน แต่มันก็ไม่น่าแปลกเพราะระดับพลังของนางก็พอๆกับ ซูหยุน มันอยู่ในความคิดของนาง ซูหยุน จะทำอะไรได้หรอ?
“ข้ามีทาง!”
“เจ้าเพียงแค่ส่งปราณวิญญาณมาให้ข้า แค่นั้น! “
“อะไรนะ? ทำไมข้าต้องทำ?”
“หากเจ้าทำตามที่ข้าพูด ข้าจะช่วยเจ้าได้”
“ไม่มีทาง ในห้องนี้มีแค่เจ้ากับข้า หากข้ามีพลังไม่พอ เจ้าก็จะฆ่าข้าแล้วดูดพลังข้า ข้าจะทำยังไง? “
“พวกเราติดอยู่ที่นี่ ทำไมข้าต้องสละจิตวิญญาณให้กับเจ้า? “
“ข้าไม่รู้ได้หรอก ทำไมข้าต้องไว้ใจเจ้าล่ะ”
“ใช่มั้ย?”
ซูหยุนครุ่นคิด จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกมาแล้วแผ่ปราณวิญญาณออกมา ทันใดนั้น ลมปราณอันแก่กล้า ที่มีใบหน้าก็โผล่ออกมา
เฉินอี้หยุน ตกใจมาก ถึงมันจะเป็นแค่แวบเดียว นางมองลมปราณด้วยความกระตือรือล้น “นั่นมันปราณกระบี่มาร? เจ้ารู้มั้ยว่ามันคือปราณกระบี่มาร? เจ้ามาจากลัทธิกระบี่มาร? “
“เจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ได้ แล้วยังไงล่ะ? ทีนี้เจ้าไว้ใจข้าได้รึยัง? หากเจ้าเชื่อใจข้า ข้าจะพาเจ้าออกไปได้อย่างปลอดภัย “
เฉินอี้หยิน ลังเล หลังจากที่นางคิดไม่นาน นางจึงพยักหน้า “ข้าเชื่อเจ้า!”
นางจึงยื่นมือทาบหลัง ซูหยุน ส่งพลังลมปราณของนางลงไป
เเมื่อนางส่งลมปราณมา ซูหยุน จึงเริ่มฟื้นฟูพลัง ผลึกสวรรค์
เมื่อพลังของ ผลึกสวรรค์ เริ่มมากขึ้นสีของมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
ด้านหน้า จวนอันเงียบสงบมีภาพเงาจางๆ
ภาพเงาดูแลดูเดียวดายอ้างว้างมาก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลยืนไพร่หลัง ด้านหลังของนางมีหางที่เต็มไปด้วยขนนุ่มสลวย
“อาจารย์!”
ตอนนั้นมีคนพูดขึ้นมา
“มีอะไร?”
“ผู้พิทักษ์หลิว มค่ะ”
“หืม?
ดวงตาของ หูเชี่ยนเหม่ย ส่องประกายครุ่นคิดก่อนออกคำสั่ง “พาเขาไปที่ห้องโถง เดี๋ยวข้าตามไป”
“ค่ะ”
ไม่นาน นางก็เดินเข้ามาพร้อมกับชุดคลุมยาวสีแดง หลิวซินตง นั่งจิบชารอนางอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
“ผู้พิทักษ์หลิวมาดึกดื่นไม่ทราบว่ามีธุระอันใด?”
หูเชี่ยนเหม่ย นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสะโพกเล็กๆของนาง
นางดูสง่างามมาก
หลิวซินตง จิบน้ำชายิ้มอย่างสบายอุรา เขาหันไปมองหูเชี่ยนเหม่ย
“ก็ไม่มีอะไรมาก” เพียงแค่ข้าไม่ได้พบ ท่านผู้อาวุโสหู มานานข้าก็เลยคิดถึง “
“หากไม่มีสิ่งใด ผู้พิทักษ์หลิว เชิญกลับ เชี่ยนเหม่ย มีเรื่องที่ต้องทำ มิอาจรับแขก โปรดอภัยให้ข้าด้วย” จากนั้นนางก้ยื่นมือออกไป”ส่งแขก!”
ดูจากความเย็นชาของนางดูเหมือนว่านางจะไม่ชอบคนผู้นี้
เพียงแต่เขาไม่สนใจ
“รอเดี๋ยว!”
“ผู้พิทักษ์หู เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมท่านต้องเย็นชากับข้า? “
“ครอบครัว?” หูเชี่ยนเหม่ย รู้สึกหงุดหงิด
“ใช่ครอบครัว!” หลิวซินตง ยิ้มกริ่ม”ท่านประมุขได้บอกข้าแล้ว”
“เขาพูดว่าอะไร?”
“ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านอนุญาตให้ข้าแต่งงานกับท่านเป็นคู่บ่มเพาะพลัง “
“ท่านไม่ได้มีสิทธิ์!” หูเชี่ยนเหม่ย กำหมัด
“นิกายได้กำหนดวันเวลาไว้แล้ว อาจจะหลังจาก การแข่งขัน รายชื่อต้นน้ำ “
“ข้าจะไปคุยกับท่านประมุข” หูเชี่ยนเหม่ย สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ลง
“ตามใจท่าน…. ข้ามาที่นี่ก็แค่มาบอกกับท่าน อีกอย่างข้าก็แค่อยากบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ท่านไม่ค่อยจะว่าง ข้าอยากจะเดินไปกับภรรยาในอนาคตของข้า “หลิวซินตง เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างมีเลศนัยน์ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปทางออก
หูเชี่ยนเหม่ย ก้มหน้างมองพื้น กำหมัดแน่น
เห็นได้ชัดว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะไปพบประมุข
“ทำไมท่านประมุขถึงได้ตกลงกับ หลิวซินตง? ท่านไม่กลัวว่าข้าจะไม่มีความสุขกับเรื่องนี้? “
หูเชี่ยนเหม่ย คิดสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“หมิงเซียง!”
ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีดำวิ่งมาจากด้านนอกคุกเข่าตรงหน้า หูเชี่ยนเหม่ย
“อาจารย์ หมิงเซียงอยู่นี่แล้ว”
“ส่งคำของข้าไปบอกนางทันที บอกกับนางก่อนที่นางจะจัดการกับ สำนักกระบี่เซียน ให้นางช่วยข้าฆ่าคนๆหนึ่ง หากนางทำไม่สำเร็จ เรื่องที่เราตกลงกันเป็นอันสิ้นสุด “
“ค่ะ อาจารย์!”
เสียงของ หูเชี่ยนเหม่ย อ่อนนุ่ม แต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาต
วูบบ!
คนที่อยู่ในห้องขัง หัวหน้าผู้คุมลืมตาขึ้นมามอง ซูหยุน เขาเห็น ซูหยุน และ เฉินอี้หยิน นั่งเข้าฌาณ เข้าก็หลับตาลงเหมือนเดิม
เฉินอี้หยิน วางฝ่ามือลง ใบหน้าของนางขาวซีด นางเหลือบตามอง ซูหยุน “พอหรือ?”
ร่างของ ซูหยุน ส่องแสงวาบนิดหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา “อีกนิดเดียว!”
เฉินอี้หยิน มองเขาอย่างเงียบ ๆ นางดูกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อนางสังเกตเห็นว่า ซูหยุน ผ่อนคลายมากนางก็สงบลง
“เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?”
“หากข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะสังหาร ราชันจักรพรรดิ แล้วออกไปอย่างปลอดภัย เจ้าจะเชื่อข้ามั้ยล่ะ?” ซูหยุน ยิ้มเข้าไปไกล้ๆนาง
“สังหารราชัน?” เฉินอี้หยิน หวาดผวาจ้องมอง ซูหยุน ด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าบ้าไปแล้ว? ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรอว่า พลังยุทธของเจ้าต่ำแค่ระดับ ดวงจิตวิญญาณขั้นที่2 เจ้าจะสู้กับ ราชันได้ยังไงกัน เจ้าไม่สามารถแม้แต่รักษาอาวุธวิญญาณขอวตัวเอง แล้วเจ้าจะสู้กับราชันได้ยังไง? “
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น”
“นี่ข้าเสียงแรงเปล่ากับคนบ้าอย่างเจ้า?”
เฉินอี้หยิน หมดแรง
ซูหยุน ยักไหล่ ไม่สนใจ
ปัง!
ทันใดนั้นประตูห้องขังเปิดออก มีชาวมารเดินเข้ามา
เฉินอี้หยุน ขดตัวหวาดผวา
พวกเขาจับชาวมารสามคนและนำพวกเขาไป
ชาวมารคนอื่นๆกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด
“พวกเขากำลังจะทำอะไร?” เฉินอี้หยิน ถามด้วยริมฝีปากซีดๆของนาง
“นับวันไกล้เวลาที่ ราชันจะสร้างนักรบศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาจะพาไปไหน? เจ้ารู้มั้ย? บางทีอาจจะเป็นพวกเราเร็วๆนี้. “
“พะ..พวกเรากำลังจะตาย?” เฉินอี้หยิน กอดเข่าร้องไห้
แม้ว่านางจะระดับดวงจิตวิญญาณ แต่นางก็อ่อนแอ
ซูหยุน มอง เฉินอี้หยิน เงียบ ๆ แล้วตบบ่าเบาๆ
เฉินอี้หยิน เงยหน้าขึ้นมองเห็นหน้าตาจาง ๆ แต่มีประกายความอบอุ่น “ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าจะไม่เป็นไร “ข้าสัญญา”
เฉินอี้หยิน ตกใจเมื่อมองไปที่ซูหยุน “เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้า?”
ซูหยุน ยิ้ม เขาไม่ตอบ
เขามีปราณมารที่รุนแรง เฉินอี้หยิน ไม่คิดว่าเขาเป็นมนุษย์
ปัง!
ประตูปิดลง มีชาวมารเดินมา
หัวหน้าผู้คุมมองห้องขัง “จงนำพวกเขาทั้งหมดไปยังแท่นบูชา!”
“ครับ!
ชาวมารด้านหลังรีบวิ่งเข้าเพื่อนำพวกเขาไปยังแท่นบูชา