Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 233
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 233
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :233 ราชันจักรพรรดิ (III)
ไม่กี่วัน ทุกคนได้มาถึง น้ำพุหลิงไท่ มันคล้ายกับ คฤหาสน์ล้อมรอบวารีมารมีผนังล้อมรอบ กำแพงมีอาคมกางป้องกัน มีกระจกขนาดใหญ่ ทั่ว น้ำพุหลิงไท่
มีชาวมาร8ตนเฝ้าน้ำพุหลิงไท่
จื่อเสวีย จางจิ้วหลิว มองหน้ากัน จางจิ้วหลิว เข้าใจทันทีรีบวิ่งไปเขตอาคมแล้วใช้กรรไกรตัดปราณมารเป็นโพรงอย่างรวดเร็ว
ซูหยุน จ้องมองไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนหน้ากระจก กรรไกรนี้ต้องเป็นกรรไกรสมบัติ
หลังจากสร้างโพรงแล้ว จื่อเสวีย หยิบลูกบอลสีม่วงออกมาปิดกั้นปราณทั้งหมดดูเหมือนมันจะเป็นสมบัติอีกชิ้น
จื่อเสวีย ได้วางแผนงานนี้มาอย่างดีพร้อมกับสืบข้อมูลทุกอย่าง เหมือนอยู่ในปลายนิ้วของนางรวมทั้งแผนที่ของน้ำพุหลิงไท่ จุดที่ยามยืนเฝ้า ทุกคนเข้ามาถึงในน้ำพุหลิงไท่อย่างรวดเร็ว
น้ำพุหลิงไท่ เป็นสระน้ำสีดำขนาดใหญ่ น้ำมีฟองอากาศผุดขึ้นมา หากสีใสถือว่ามันคือน้ำพุร้อน
“น้ำพุหลิงไท่ ช่างมีปราณมารหนาแน่นนัก พลังงานข้างในต้องมากแน่ๆ หากเราแช่สักหนึ่งวันคงได้ประโยชน์ไม่น้อย! “
จางจิ้วหลิว ก้มลงวักน้ำ
“ด้วยผลของน้ำ การบ่มเพาะคู่จะรวดเร็วมาก! จอมมาร ช่างรู้วิธีสนุก! ข้าเคยดินยินมาว่า เขามีคู่บ่มเพาะนับสิบตน”
ซูหยุน ฟางหลินหลาน มองที่ผิวน้ำโดยไม่พูดสักคำ
“จื่อเสวีย ท่านมีแผนไงต่อ?”
“ง่ายมาก!”
จื่อเสวีดึงของบางอย่างออกมาจากแหวนแล้วโยนลงพื้น “เราจะสร้างตราประทับไว้ทุกมุม แล้วปิดด้วยอาคม แล้วเราก็กลับออกไปด้านนอกเพื่อสร้างอาคมอื่นๆ ด้วยพลังของอาคมเราจะสามารถสลับตำแหน่งตัวเราได้ แล้วเราจะสามารถฆ่า จอมมาร ได้! “
“วิชาเคลื่อนย้าย? ท่านรู้จักอาคมนี้ “ เฟิงหลินหลาง ตกใจ วิชา ช่องว่างประเภทนี้มีระดับสูงมากโดยไม่คำนึงถึงว่าอยู่ในขอบเขตใดและคนธรรมดาจะไม่มีทางเรียนรู้ได้และสมบัติที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่หรือการเคลื่อนย้ายเป็นสมบัติล้ำค่าทั้งหมด
“ข้าเอาสมบัติทั้งหมดของข้าแลกกับวิชานี้ อาคมเคลื่อนย้าย นี้ต้องใช้สิ่งของเฉพาะ และนั่นคือของที่ต้องใช้ ของที่ต้องใช้หายากมากและมันใช้ได้ครั้งเดียว นั่นหมายความว่าเราสามารถเคลื่อนย้ายได้ครั้งเดียว อาคมนี้ยังมีจุดอ่อน แต่มันจำเป็นที่สุดสำหรับพวกเราตอนนี้ ! “
ใครจะไปรู้ว่านางเตรียมการมามากแค่ไหน
“แค่นั้น?”
“แน่นอน ไม่ใช่แค่นั้น!”
จื่อเสวัย นำขวดสีเขียวออกจากแหวนเก็บของนางซึ่งปิดสนิท หลังจากนั้นนางเทลงไปในน้ำพุหลิงไท่
เมื่อของเหลวหยดลงน้ำพุ มันก็หายไปโดยไร้ร่องรอย มันไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
“นี่คือ ‘พิษพันชีพ’ มันสามารถทำให้แก่นแท้ปราณผู้บ่มเพาะเป็นอำมพาตชั่วคราว ทำให้พวกเขาใช้ลมปราณไม่ได้ ผู้บ่มเพาะพลังดับ ดาราวิญญาณ ไม่สามารถต้านทานพิษนี้ได้ เมื่อ จอมมาร ลงไปในน้ำพุข้าจะปรดชีวิตเขา! “
จืื่อเสวีย ทำสีหน้าน่ากลัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า จื่อเสวีย ดูเบาท่านไปหน่อย ข้าไม่คิดเลยว่า ท่านจะมีความคิดลึกล้ำถึงเพียงนี้ ครั้งนี้ จอมมาร ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! “
หวังจื่ออู่ หัวเราะเสียงดัง
พวกเขาเริ่มแผนการทันที รีบลงมือสร้างอาคม เพียงไม่นาน พวกเขาก้ไปถึงทั้งสี่มุมของน้ำพุ จอปรารม่วงเริ่มจางหายไป พวกเขาต้องรีบหนี
ไม่นานยามที่เฝ้าน้ำพุได้เดินยังที่พวกเขาอยู่ แต่ก็เหลือเพียงความว่างเปล่า
อาคมเคลื่อนย้าย เสร็จเรียบร้อยทุกคนออกห่างไปกว่าพันลี้แล้วเริ่มสร้างอาคมอื่นๆ จื่อเสวีย และซูหยุน คือคนสุดท้ายที่ประกอบอาคม เมื่อทั้งสองด้านของอาคมเสร็จสมบูรณ์มันจะปล่อยลมปราณแรงมาก มันปิดบังยากมาก แม้แต่จอปราณมารม่วงยังไม่สามารถปกปิดได้ พวกเขาต้องรอใส่ส่วนประกอบสุดท้ายภายใน
หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งสมาธิ
“อีกหนึ่งวัน จอมมารสามประสาน จะมาถึงน้ำพุหลิงไท่ ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ครั้งนี้เรต้อวฆ่าเขาให้ได้! “
ตาของ จื่อเสวีย เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“เจ้าทึ่ม เจ้าต้องเปิดเส้นทางหลบหนีให้เรา! เราจะใช้อาคมเคลื่อนย้ายเข้าไปในน้ำพุหลิงไท่ เจ้าต้องจัดการยามและเปิดเส้นทางให้พวกเรา! เข้าใจมั้ย”
หวังจื่อเอ้อ โยนขวดเหล้าให้ ซูหยุน
ซูหยุนพยักหน้า
ทุกคนคุยกันและเริ่มนั่งสมาธิ
บริเวณโดยรอบเงียบมาก
เวลากำลัเดินไป
อีกสองชั่วยามผ่านไป การต่อสู้เด็ดขาดกำลังใกล้เข้ามา ตามที่คาด จอมมารสามประสาน จะเข้าสู่น้ำพุเวลานี้
“จื่อเสวีย!”
“อะไร?” จื่อเสวีย เปิดตาของนางจากการนั่งสมาธิและมอง จางจิ้วหลิว ในความงุนงง
“เกือบถึงเวลาแล้ว ข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ มีคนติดตามมากับจอมมารหลายคน เราจะได้คิดหาวิธี โจมตีเขาได้ “
“อืมม..ทีแรกข้าว่าจะไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ในเมื่อท่านพูดออกมาแบบนี้ งั้นก็ฝากด้วย!”
“ได้!” รอข่าวจากข้า! “ จางจิ้วหลิว มุ่งหน้าไปทันที
“ดุแลตัวเองด้วย”
“อืม!”
ซูหยุนเปิดตาข้างหนึ่งเพื่อดู จางจิ้วหลิว ที่รีบไป เขาเงยศีรษะขึ้นเพื่อคิดและส่ายหน้าเบา ๆ
เฟิงหลินหลาง หวังจื่อเอ้อ มุ่งแต่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพที่ดีที่สุดในขณะที่พวกเขากำลังรอคอยการต่อสู้ครั้งใหญ่
หากสิ่งที่ จื่อเสวีย เตรียมไว้สามารถใช้งานได้ พวกเขาจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้โดยไม่มีปัญหา แตกหาก พิษพันชีพ ใช้ไม่ได้ผลพวกเขาต้องละทิ้งภาระกิจนี้ แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยในการสู้รบ 5 ต่อหนึ่ง แต่ จอมมาร ก็ผู้เชี่ยวชาญอยู่รอบกาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เวลานานในการต่อสู้ พวกเขาต้องรีบจบอย่างรวดเร็ว
ครึ่งชั่วยามต่อมามีควันสีดำลอยขึ้น
ทุกคนยืนขึ้นขณะมองดูควันสีดำที่เข้ามา
เมื่อควันสีดำถึงพื้น จางจิ้วหลิว ก็ปรากฏตัว
“เป็นไงบ้าง?”
“ข่าวดี!” จางจิ้วหลิว ฉีกยิ้ม “ครั้งนี้ จอมมาร พาคู่บ่มเพาะมา10ตนปกติ กับคอื่นอีกสองคน เป็ผู้บ่มเพาะดวงจิตวิญญาณขั้น7! เขาไม่ได้พาคนอื่นมา! “
“ทำไม?” แค่สองคน? “
“ท่านแน่ใจน่ะว่าดุไม่ผิด?”
“ใช่ ข้าแน่ใจ!”
หวังจื่อเอ้อ ตบหน้าผากตัวเองขณะที่เขาร้องว่า “เยี่ยม! ฮ่า ๆ สวรรค์เข้าข้างเรา! ตอนนี้แม้แต่พระเจ้าก้ไม่สามารถช่วยจอมมารสามประสานได้ “ฮ่า ๆ ๆ ๆ….”
“จิ้วหลิว เจ้าพูดจริงหรือ?” จื่อเสวีย ไม่อาจระงับความตื่นเต้นของนางได้ หากสิ่งที่ จางจิ้วหลิว กล่าวว่าเป็นความจริงความเสี่ยงก็น้อยลง
จางจิ้วหลิว หัวเราะ ” ข้าเห็นกับตาตัวเอง ทีแรกข้าก็ไม่มั่นใจ ข้าเลยไปดูรอบๆ และเห็นว่าไม่มีคนจากเมืองสามประสานอยู่ข้างกายเขาเลย ข้ามั่นใจว่าเขาน่าจะนำคนมาสองสามคนเท่านั้น! “
“สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว!” จื่อเสวีย ถอนลมหายใจหันไปมอง ซูหยุน กับ เฟิงหลินหลาง “ดูเหมือนว่าเราจะเริ่มภาระกิจของเราได้แล้ว”
“จอมมาร น่าจะลงไปในน้ำพุแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะลงไปในน้ำ เราจะรออีกสักพัก แล้วค่อยเปิดอาคมเข้าไปในน้ำพุหลิงไท่! “
“ไปกัน! หวังจื่อเอ้อ ทนรอไม่ไหว
เฟิงหลินหลาง กับ ซูหยุน ยังคงเงียบอยู่
ปฏิกิริยาของทั้งสองทำให้ทั้งสามคนตกใจ
“เฟิงหลินหลาง ทำไมพวกเจ้าไม่พูดอะไรบ้าง?”
“ไม่มีอะไร”
การมองของ เฟิงหลินหลาง ไม่คงที่ เขาลุกขึ้นยืนและยังคงเลือกที่จะยังเงียบ
ตอนนั้น ซูหยุน ตัดสินใจพูดออกมา
“ข้าขอแนะนำ อย่างใช้อาคมเคลื่อนย้ายเข้าไปใน น้ำพุหลิงไท่”
ด้วยเหตุนี้ทุกคนต่างตกใจ
“เพราะอะไร? จื่อเสวีย กำลังสับสน
ซูหยุน ชี้นิ้วไปที่ จางจิ้วหลิว ” หากเข้าพูดความจริง เราจะเข้าไปทางด้านหน้า แล้วเราจะใช้อาคมเคลื่อนย้าย หลบหนี มีเพียงสองผู้เชี่ยวชาญการป้องกันต้องอ่อนแอ พวกเราเข้าไปคงไม่ยาก อาคมนี้นี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วทำไมเราไม่ใช้มันเพื่อหลบหนี? “
“ใช้หลบหนี?”
จื่อเสวีย รำพึงก่อนที่นางจะพยักหน้า “คำแนะนำของเจ้าเข้าท่า”
“ไม่ได้! จางจิ้วหลิว ตะโกน
ทุกคนหันมามองเขา
เม็ดเหงื่อเท่าไข่มุกหยดลงบนหน้าผาก ท่าทางของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติ “จื่อเสวียกับพวกเราอีกสามคนสามารถฆ่า จอมมาร ได้ หากเราไม่ใช้วิธีนี้เข้าไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว เราจะฆ่าเขาได้อย่างไร? หากเราเข้าจากด้านหน้าเราต้องจัดการกับผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าประตู ข้าเกรงว่า เมื่อตอนที่เรากำลังจัดการกับผู้เชี่ยวชาญ จอมมาร จะหลบหนีไปได้ “
“ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก แต่อาคมเคลื่อนย้ายเหมาะกับการหลบหนีมากกว่าที่จะเข้าไปน้ำพุหลิงไท่ อีกอย่าง เราสามารถที่จะแอบเข้า้ำพุหลิงไท่ได้ ว่ามั้ย? “
จื่อเสวีย พึมพำก่อนที่นางจะยักไหล่และพูดว่า “ไปกันเถอะ เราจะเดินเข้าน้ำพุหลิงไท่ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ไปกันเถอะ”
“ได้!”
หวังจื่อเอ้อ เฟิงหลินหลาง พยักหน้าและเดินตาม จื่อเสวีย ไป ซูหยุน ไล่ตาม
ดวงตาของ จางจิ้วหลิว เป็นประกายกำหมัดแน่น เขาไม่ได้พูดอะไร เขารีบตามไป
พวกเขามาถึง น้ำพุหลิงไท่ เร็วมาก
จื่อเสวีย พาทุกคนหลบมุมเข้ามาโดยใช้วิชาลับ ทุกคน จ้องมองแต่น้ำพุหลิงไท่
หลังจากนั้นพวกเขาจ้องตาไม่กระพริบกับภาพที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขา
เมื่อพวกเขามองที่ น้ำพุหลิงไท่ ร่างของชาวมารนอนอยู่ไม่กระดิก ร่างชาวมารเปลี่ยนเป็นสีเขียวหายใจรวยรินเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะตาย
จื่อเสวีย สังเกตเห็นและในสายตาของนางส่องแสงสีทองจาง ๆ ออกมา นางกระโดดออกจากที่ซ่อนทันที
“จอมมารถูกโจมตี! ทุกคนตามข้าไปฆ่ามัน! “