Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 232
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 232
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :232 ราชันจักรพรรดิ (II)
หลายเดือนต่อมา
จำนวนกลุ่มไล่ล่า ซูหยุน เริ่มลดลง
ซูหยุน ออกจากที่ซ่อนของตัวเองในหุบเขาลึกมุ่งหน้าไปยังเขตอื่นๆของอณาจักรมาร
ตอนนี้เจ้ามีพลังยุทธระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่2 ด้วยกระบี่มรณะ กระบี่อำมฤตโลหิตแดงอาถรรพ์ (เปลี่ยนจาก*กระบี่โลหิตแดงอมตะลึกลับ*) ยังมีผลึกสวรรค์ เพทารักษ์เงา ราชันพลังลี้ลับ เป็นสุดยอดสมบัติทั้งหมด แถมยังมี เพลงกระบี่จอมมาร ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องกลัว .”
“การสร้างจุดเคลื่อนย้ายเพื่อกลับไป ทวีปนภายุทธ เจ้าต้องต้องมีของอย่างน้อย 5 อย่าง เกล็กซึ่งเรียกว่า ‘ธาตุเหล็กอาคม’, ‘กลีบดอกเจ็ดม่วง’, ‘หัวใจกระจก’, ‘เลือดแดงย่าง’ และ ‘ศิลาระทม’ เจ้าได้ ศิลาระทม จากในวังลับแล้ว เจ้าต้องหาอีกสี่อย่าง” “แต่ของเหล่านี้ มีลักษณะพิเศษ การตามหามันไม่ง่ายนัก มีวิธีเดียวที่จะหาได้ง่ายและรวดเร็ว นั่นคือเจ้าต้องตามหาพวกพญามาร พวกเขาอย่างน้อยต้องมีสมบัติเกือบทุกอย่างในอณาจักรมารนี้ ทรัพยากรทุกอย่างถูกพวกพญามารพวกนี้ครอบคลุม หากเจ้าตามหาตามที่ต่างๆมันไม่ใข่เรื่องง่ายๆ “
สองเดือนที่ผ่านมา หลิงฉิงหยู ได้ทิ้งข้อความเหล่านี้ไว้ และเข้าไปพักฟื้นในฝักกระบี่ ทุกครั้งหลังจากที่นางนำกระบี่ไร้พ่ายออกมา ทำให้นางนั้นเหนื่อยล้ามาก วิธีเดียวที่จะฟื้นฟูพลังคือนางต้องเข้าไปพักฟื้นในฝักกระบี่เท่านั้น
ซูหยุน ไม่ขอให้ หลิงฉิงหยู ช่วยเขาอีกต่อไป เพราะนางช่วยเขามามากแล้ว ภายในวังลับ นางส่งพลังให้กับ ซูหยุน ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นคือการทำเวียนซ้ำไปซ้ำมาอย่างยากลำบากแต่นางมิเคยปริปากบ่น ซูหยุนรู้ว่าการที่นางทำอย่างนั้นเพราะหนี้บุญคุณของท่านบรรพบุรุษกระบี่ แต่ถึงอย่างไร ซูหยุน ก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้นาง
เขายกเสื้อคลุมของเขาถือดาบเลือดสีแดงบนท้องหลังของเขาและดาบคอร์และดาบมรณะที่แขวนอยู่ข้างเอวเขาจึงเดินทางไปข้างหน้า
ปลายทางอยู่ข้างหน้า
เมืองสามประสาน
สนามฝึกยุทธที่เมืองสามประสานมีชื่อเสียงเป็นที่ลื่อลือมากและการค้าแห่งอณาจักรมาร ชาวมารมากมายได้เข้ามาที่นี่เพื่อทำการค้าแลกเปลี่ยนสมบัติ ชาวมารที่อ่อนแอบางคนถูกจับมาที่นี่เพื่อขายทำอาวุธมาร
การใช้ชีวิตเพื่อทำเป็นอาวุธไม่มีอะไรแปลกที่นี่ มันเป็นวิธีปกติของชาวมารทั้งหลายแต่หลังจากที่ ซูหยุน อยู่ที่นี่มาหลายปีเขาก็ยังยอมรับมันไม่ได้ต่างจากพวกปีศาจ
เมื่อเข้าเมืองมา ซูหยุน ได้ตรงไปโรงเตี้ยม
มีโรงเตี้ยมน้อยมากที่อณาจักรมาร เพราะสุรามักทำมาจากเลือดชาวมารซึ่งส่วนใหญ่ไม่นิยม ผู้ที่ซื้อมักมีจุดประสงค์แลกกับสิ่งอื่นๆ
ภายในโรงเตี้ยม มีเพียงไม่กี่ตนที่รอ ซูหยุน อยู่
เมื่อ10วันก่อน ซูหยุน บังเอิญได้พบกับพวกนอกรีตคฤหาสน์ถ้ำพญามาร พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน คือมีการมีอิจธิพลในเมืองสามประสาน
ซูหยุน ได้พบกับชาวมารเพศหญิงเพียงคนเดียว จื่อเสวีย และได้แยกตัวจากกันไปนางได้ติดต่อเพ่อรวบรวมชาวมารตนอื่นๆ
“จอมมารสามประสานได้จับตัวน้องของข้าไปเพื่อสร้างลูกประคำมารบนคอของเขา เหตุผลที่ข้ารวบรวมคนในวันนี้ เพื่อต้องการแก้แค้นให้กับน้องชายข้าและปลดปล่อยดวงวิญญาณของพวกเขาและฆ่า จอมมารสามประสาน! “
จื่อเสวีย พุดในโรงเตี้ยมด้วยเสียงเบาๆ
นางเป็นชาวมาร ผมยาวสีม่วงใบหน้าสวยงามดูน่ารักและเยาว์วัย มีข่าวว่า จางจิ้วหลิว ชอบนางมานานแล้ว คนอื่นๆรู้ว่า จางจิ้วหลิว อยากได้นางเป็นผู้บ่มเพาะคู่
ผู้ชายหัวล้านที่นั่งข้าง จางจิ้วหลิว นามว่า จื่ออู่ มีข่าวลือว่าเขาเคยกินชาวมารด้วยกันเพาะคุยกันไม่รุ้เรื่อง เขาไม่ใช่คนดี เหตุผลที่เขาต้องการ กำจัด จอมมารสามประสาน เพราะสหายไหม่ของจอมมารสามประสานเป็นคนที่เขารักและทำให้เขาโกรธ
ส่วนอีกคนใบหน้าของเขามีปราณมารแผ่ครอบคลุมใบหน้าทำให้มองเห้นไม่ชัดเจนว่าเขามีลักษณะอย่างไร เขามีชื่อว่า เฟืงหลินหลาง ร่างของเขาเหมือนผีที่ล่องลอยไปมา ในอณาจักรมาร การฝึกวิชา จะมีผลอย่างมาก เขานั่งอยู่ด้านหลังเงียบๆไม่ปริปาก ซูหยุนรอฟังความคิดของทุกๆคน
จื่อเสวียถามว่า “เหตุผลใดที่เจ้ามาที่นี่”
“ข้าต้องการชิงตัวคนรักของข้า!” หวังจื่ออู่ พูดขึ้นมาก่อน
“จื่อเสวีย ข้าต้องการจัดการ จอมมารสามประสาน เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”
“ดี!
“จอมมารสามประสาน ฆ่าอาจารยืของข้า ข้าจะฆ่ามัน” เฟิงหลินหลาง พูดด้ยอารมณ์เรียบๆ
ส่วนซูหยุนบอกสิ่งที่เขาต้องการ “ข้าต้องการ หัวใจกระจก ของจอมมาร”
“ดี! ทุกคนมีเป้าหมายการเจรจาจึงเป็นไปได้ด้วยดี จื่อเสวีย พยักหน้าอย่างพอใจ ” ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว จอมมาร มีพลังยุทธระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่10 อีกครึ่งก้าวจะถึงระดับดาราวิญญาณ ข้ามีพลังยุทธระดับ ดวงจิตวิญญาณขั้นที่6 เหมือนกับจางจิ้วหลิว หลินหลาง ขั้น5 หวังจื่ออู่ ขั้น7 ซูหยุน ขั้น2 ขึ้นอยู่กับพลังยุทธของพวกเรา แม้ว่าเราจะเผชิญหน้ากับจอมมารแล้วฆ่าเขาได้ แต่เราก้ต้องสูญเสียไม่น้อย การลอบดจมตีน่าจะดีกว่า “
“ลอบโจมตี? มันจะเป้นไปได้รึ? แค่สู้กับเขายังยากเลย “ หวังจื่ออู่ ยกเหล้าขึ้นซด
“สหายหวัง เจ้าเบาเสียงหน่อย หน้าต่างมีหูประตูมีปาก หากพวกของจอมมารรู้เข้า มันจะไม่ดีมั้ง”
“เจ้ากลัว!” ถึงข้า หวังจื่ออู่จะมีพลังยุทธด้อยกว่าสามขั้น แต่ข้ามีวิชาลับและสมบัติ! หากมันสูกับข้า ก็ต้องเหนื่อยสักหน่อย! “
“อย่าโม้ไปหน่อยเลยน่า”
หาก หวังจื่ออู่ มีความสามารถอย่างนั้นจริงเหตุใดเขาต้องหาพักพวก?
“ข้ามีแผน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของ เมืองสามประสาน มีบ่อน้ำพุ หลิงไท่ ช่วยให้ชาวมารอย่างเราแข็งแกร่งขึ้นมาก จอมมารได้ยึดเอาไปเป็นของตัวเอง ต้นเดือนเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวง จอมมารจะพาสหายบ่มเพาะ10ตนเข้าไปในบ่อน้ำพุ เพื่อฝึกฝนคู่ ถึงตอนนั้เมือสามประสานจะมีกองกำลังแน่นหนา เราจะลงมือไม่ได้ แต่สามวันหลังจากนั้น จอมมารจะออกจากบ่อน้ำพุ นั่นคือโอกาสของเรา! “
“แต่ว่าในบ่อน้ำพุต้องมีการคุ้มกันแน่นหนา พวกเรามีคนน้อยเกินไป แม่นาง จื่อเสวีย ท่านมีคนอื่นอีกหรือไม่? จะดีมากหากท่านเรียกพวกเขามาเพิ่มอีก จะทำให้โอกาสของเราสำเร็จสูงขึ้น. “
“ไม่มี!” ข้ามาที่นี่ปีกว่าแล้ว คนที่มีปัญหากับ จอมมาร ก้มีแต่พวกท่านแค่นี้!”
“อย่างนั้นหรือ?”
“แม่นาง จื่อเสวียที่ท่านพูดมาทั้งหมดข้าไม่มีปัยหาอะไร แต่การรับคนเข้ามาท่านต้องเลือกสักหน่อย ท่านพาคนที่มีพลังยุทธแค่ระดับดวงจิตวิญญาณขั้นสองมาได้อย่างไร? “ หวังจื่อเอ้อร์ พูดต่อว่า “เจ้าโง่นี่จะพาพวกเราซวย”
“สหายหวัง ท่านอย่าพูดอย่างนั้น การมีคนช่วยเราเยอะขึ้น มันก็ดีไม่ใช่รึ แม้พลังยุทธเขาจะต่ำ แต่แล้วยังไง? พลังยุทธท่านด้อยกว่า จอมมารแต่ท่านก็บอกว่าท่านสู้ได้ บางทีซูหยุนอาจจะสู้ด้วยพลังยุทธขั้นนี้ก็ได้! “
หวังจื่อเอ้อ ได้แต่อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ได้
“ขอบคุณท่านมาก!”
“ไม่เป็นไร!” นับตั้งแต่ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นศัตรูคนนี้ เราต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ข้าได้ของที่พวกเราต้องการครบแล้ว พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาง แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องไปที่น้ำพุวิญญาณหลิงไท่ “
“ทำไมท่านไม่แอบซุ่มโจมตีเขาระหว่างทาง?”
“จอมมาร ระวังตัวมาก เขาจะลดการระวังตัวต่อเมื่อฝึกพลังยุทธคู่เท่านั้น หยุดถามคำถามไร้ประโยชน์ ทุกคนพักผ่อนคืนนี้ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาง “
เมื่อหมดเรื่องคุยแล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันไปที่ห้อง
เมื่อ ซูหยุน กลับถึงห้องเขาก็ฝึกพลังยุทธ เขาคิดถึง เรื่องชาวมารที่เขาไปติดตามาในวันนี้
ด้วยการช่วยเหลือนี้จะทำให้เขามีโอกาสได้ หัวใจกระจก สูงขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อถือคนเหล่านี้สนิทใจ เขารู้กจักคนเหล่านี้มาได้สักพักแล้ว
จื่อเสวีย กับ จางจิ้วหลิว มาจากที่เดียวกัน หวังจื่อเอ้อ ทำตามคำสั่ง มีแต่ เฟิงหลินหลาง เท่านั้นน่าห่วงสุด เขาเป็นเหมือนผี
“หวังว่าพวกเขาจะฆ่า จอมมารสามประสาน”
ซูหยุน พูดกับตัวเองแ้วเริ่มฝึก เพลงกระบี่จอมมาร ต่อ
วันต่อมา ซูหยุน ออกจากห้องและพบกับ จื่อเสวีย จางจิ้วหลิว หวังจื่อเอ้อ และ ฟางหลินหลาง นอกเมือง
ทุกคนมีกิล่นไอปราณที่รุนแรงจนมองเห็นพลังได้
“ไปกันเถอะ รีบด้วยอย่าให้คนสังเกตุพวกเจ้า “
“จื่อเสวีย ท่านคิดว่างานนี้เราจะทำสำเร็จมั้ย?”
“ข้าก็ไม่รู้!”
“จื่อเสวีย หากเราฆ่าจอมมารได้ เจ้ามีแผนจะทำยังไง?”
“ถ้าหากช่วยดวงจิตน้องของข้ามาได้ ก็จะมีโอกาสทำให้ดวงวิญญาณของเขากลับเข้าร่าง เพื่อฟื้นคืนชีพไหม่”
“จะได้หรอ? หึหึหึ…”
ซูหยุน สงสัย ทำไมจางจิ้วหลิว ดูมีความสุขมาก? เว้นเสียแต่ เขาก็มีเรื่องบาดหมางกับจอมมารเหมือนกัน?
“โอ้ว ว่าแต่ว่า จางจิ้วหลิวเมื่อวานตอนข้าออกไปหาของ ข้าเห็นท่านด้วย ท่านไปไหน? “
จางจิ้วหลิว ตกใจมาก เขารีบตอบ “ข้าไปซื้อเหล้ามาน่ะ ข้าเดินทางมารู้สึกเซ็งๆเลยอยากจะดื่มสักหน่อย เจ้าจะเอาสักหน่อยมั้ย? “
“ไม่เป็นไรขอบคุณ”
“ท่านแลกกับอะไร?”
เฟิงหลินหลาง ตอนนี้ยังเงียบอยู่
แต่ จื่อเสวีย กับ หวังจื่อเอ้อ ต้องขมวดคิ้ว ดูเหมือนไม่พอใจ
ทุกคนรู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ไว้วางใจกัน เหตุผลที่พวกเขารวมตัวกันเป็นเพราะ จื่อเสวีย
“เจ้าบ้า ข้าขอเตือนเจ้าอย่ามาตลก เมื่อถึงตอนที่เราสู้กับ จอมมาร เจ้าต้องเป็นคนแรก เจ้าเข้าใจใช่มั้ย?”
เฟิงหลินหลาง ไม่ได้พูดอะไร
“ฮ่า ๆ ๆ พี่หวัง ท่านคิดมากไปรึเปล่า เราทุกคนอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว ใครจะมาล้อเล่นกันเล่า? มาๆมาดื่มกันดีกว่า “
จางจิ้วหลิว ส่งขวดเหล้าให้ เมื่อเห็นเหล้ามมาร หวังจื่อเอ้อ หยิบขึ้นมาดื่ม
“เหล้าดี!”
“ฮิฮิ…”
“เรามาถึงแล้ว!”
จื่อเสวีย ตะโกนออกมา
ทุกคนต่างมองไปที่ด้านหน้าพร้อมกัน