Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 231
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 231
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :231 ราชันจักรพรรดิ (I)
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงระเบิดออกมาจากภายในวังลับ ทำให้ทุกคนใน ลัทธิกระบี่มาร ได้ยิน ผู้อาวุโสคุมกฏนำกลุ่มสาวกจำนวนมากมาทางเข้าวังลับ เมื่อมาถึงเขาก้ตะโกนฃึ้น
“รายงานผู้อาวุโส เราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงดูเหมือนจะมาจากฝั่งตะวันตกเราได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว”
“ทางด้านทิศตะวันตก?”
ผู้อาวุโสคุมกฏเริ่มแสดงสีหน้าเปลี่ยนไป “เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!”
“ผู้อาวุโส มีอะไรหรอ?”
ผู้ผู้อาวุโสคุมกฏ เดินพลังตัวเองบินไปทางทิศตะวันตกพร้อมกับกลุ่มคนตามมาด้าหลัง
พวกเขาบินมาพร้อมกันเป็นรัศมีสีดำปกคลุมท้องฟ้า ไปทางเนินเขาทิศตะวันตกของลัทธิกระบี่มาร ขณะที่ทุกคนลงไปพวกเขาทั้งหมด ต้องประหลาดใจ มีหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกระเบิดออกไปข้างนอก
เนินเขาทั้งสองร่วงหล่นแตกร้าวดั่งใยแมงมุม มันดูน่ากลัวมาก มันมีควันหนาลอยขึ้นจากรอยแตกพร้อมกับเจตจำนงกระบี่ที่น่าขนลุกซึ่งยังหลงเหลืออยู่
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
สาวกคนหนึ่งจ้องมองไปที่ถ้ำดำมืดใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ผู้อาวุโสคุมกฏเดินไปหน้าถ้ำ แล้วโชงกหน้ามองเข้าไปพร้อมกับขมวดคิ้วราวกับว่าเขากำลังคิดถึงอะไรบางอย่างและดูเหมือนเขาจะคิดออก ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความไม่อยากเชื่อ
จากนั้นก็มีเสียงเคลื่อนไหวจากด้านในถ้ำ มองเข้าไปมีหัวชาวมารค่อยโผล่ออกมา พวกเขาคือผู้ที่เฝ้าหน้าทางเข้าสุสาน
“เฉินเหมา เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่ว่าเจ้าเฝ้าทางเข้าหรอกรึ? เจ้ามาที่นี่ทำไม? “ ชาวมารคืนสติแล้วเรียกคนที่ออกมา
เมื่อได้ยินเขารีบคุกเขาลงรายงานด้วยสีหน้าตื่นกลัว “รายงานท่านผู้อาวุโส ตอนที่พวกเราเฝ้าทางออกอยู่นั้น พวกเราได้ยินเสียงระเบิดขึ้นจึงได้วิ่งออกมาดู แต่ตอนนั้น ก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นตรงจุดอื่นอีกครับ! พอพวกเรากลับมา ก็เจอหลุมนี่แล้วครับ! “
“ทำลายออกมาสร้างหลุมใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ? ฝะ…ฝีมือใคร? “
“เมื่อตอนที่พวกเราไปที่จุดระเบิดแรก พวกเราไม่เห็น ซูหยุน อยู่ที่นั่น เป็นไปได้ว่าหลุมนี้ นะ…นะ…น่าจะเป็นฝีมือของ ซูหยุน … ครับ… “
“เป็นไปไม่ได้!”
ชาวมารตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“ซูหยุนพลังยุทธแค่ระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่1! กำแพงสุสานพวกนี้ อย่างน้อยต้องพลังยุทธระดับดาราวิญญาณเป็อย่างน้อยถึงจะทำลายมันได้ แล้วฝีมืออย่างเจ้า ซูหยุน มันจะทำได้ยังไง! เจ้าต้องโกหกข้า! ชายคนหนึ่งดึงคอเสื้อเขาขึ้น !! “
ชาวมารตะโกนด้วยความโกรธ
เฉินเหมา สั่นไปทั้งตัว
“อย่างพึ่งผลีผลาม!”
ผู้อาวุโสคุมกฏตะโกนขึ้น
ทุกคนหยุดนิ่งมองมาที่เขา
พวกเขามองสีหน้าของผู้คุมกฏที่กำลังน่าเกลียด เขาเดินไปทางด้านข้างของถ้ำยื่นมือออกและแตะผนังที่พังทลาย
“ลมปราณแบบนี้ เป็นพลังกระบี่มารที่แข็งแกร่งมาก … ดูเหมือนว่าจะเป็นเพลงกระบี่มารของเรา แต่มีความโหดเหี้ยมกว่าเพลงกระบี่มารของเรา … หากเฉินเหมาพูดความจริง ข้าเกรงว่าคนที่สร้างหลุมยักนี่น่าจะเป็นฝีมือของ ซูหยุน และตอนนี้ มันน่าจะหนีไปลัทธิกระบี่มารเรียบร้อยแล้ว! “
“แต่ว่ามัน…มันมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน? มันไม่ใช่ดวงจิตวิญญาณขั้นแรกหรอกหรือ? “
“ดวงจิตวิญญาณขั้นแรกอย่างนั้นหรือ? ผิดแล้ว ระดับการบ่มเพาะเป็นแค่เกณฑ์เท่านั้นไม่สามารถเอามาวัดพลังทำลายล้างได้ ตราบใดที่เจ้าเข้าถึงระดับพลังทำลายล้างได้ ใครจะสนระดับพลังดวงจิตวิญญาณขั้นหนึ่ง? ซูหยุน อาจได้พลังของสมบัติที่ทรงพลัง ดังนั้นมันจึงสามารถทำลายกำแพงหินนี้ได้! “
“สิ่งที่พลาดคือ การปล่อยให้มันหลบหนี! หากข้าลงมือก่อนหน้านี้ กำแพงสุสานก็คงจะพังแล้ว ข้ากังวลเกี่ยวกับการรับผิดชอบลัทธิมากเกินไปและไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ทำให้มันหนีรอดไปได้! แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป มันหนีไปไม่พ้นหรอก! ตอนนี้ลัทธิกระบี่มาร จะออกคำสั่งสูงสุด ส่งกลุ่มกระบี่มารออกไปตามล่ามันด้วยพลังทั้งหมดของเรา ไม่ว่ามันจะหนีไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว พวกเราก็ต้องจับตัวมันมาให้ได้! “
“ครับ ผู้อาวุโส!”
………
………
ภายในพระราชวังสีเขียวเข้ม ปราณอสูรวิญญาณ หมุนวนขึ้น มังกรปีศาจนับไม่ถ้วนยังคงหมุนวนอยู่ด้านบนของเสาหนาและแข็ง
ภายในพระราชวัง มีหญิงสาว สวมชุดสีเขียวเดินลงบันไดมา มันคือบันไดกระดูกดูน่าขนลุกมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ หญิงสาวถือกะโหลกศีรษะมนุษย์สีขาวบริสุทธิ์บนมือ ส่วนราบเลียบของหัวกะโหลก มีไฟอสูรวิญญาณ ติดอยู่ด้านบน ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด
ด้านล่างเป็นอสูรวิญญาณชายที่มีลมปราณหนาแน่นคุกเข่าอยู่
หัวอสูรวิญญาณถูกฉาบบนพื้นทำให้ตัวเขาสั่นไปทั้งตัวกดขี่ลมปราณของเขาสลายไป
หญิงสาวถือหัวกะโหลกและเดินไปข้างหน้าและยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“นั่นหมายความว่าเจ้ายังไม่เจอเขา?”
เสียงอันอ่อนโยนและชัดเจนราบเรียบราวกับกำลังคุยกับคนแปลกหน้า
แม้กระนั้นก็ตามปราณในอากาศหนาวเย็นลงและทำให้อสูรวิญญาณสั่นมากกว่าเดิม
“ฝ่าบาท กละหม่อมได้นำคนบุกไปอณาจักรมารแล้ว แต่ว่า…อณาจักรมารนั้นกว้างใหญ่มาก รวมทั้งครั้งนี้ฝ่าบาทมิได้เป็นผู้นำ…กละหม่อมจึงมิอาจหาคนได้? บางที … บางทีเขาอาจจะถูกชาวอณาจักรมารกินไปแล้ว เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาจะอยู่รอดในนั้นได้อย่างไร … “
ฟึบ!
ก่อนที่เขาจะพูดจบ นิ้วเรียวยาวปานหยกกดลงไปที่หัวของเขาจนติดพื้นทำให้เขาไม่มีโอกาสเงยหน้าขึ้นหรือพูดได้
“ชายคนนั้นกล้าหลบหนีต่อหน้าต่อตาข้า ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? หากเขายังมีชีวิตอยู่ข้าอยากเจอเขา หากเขาตาย ข้าต้องการเห็นศพของเขา นางจิ้งจอกยังห่วงเขาอยู่ หากข้าไม่ได้พูดกับนาง นางคงไม่ช่วยเรานี่จะทำให้เราได้ทรัพยากรของทวีปนภายุทธ! ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้วถ้าเราได้ทรัพยากรมาพวกเราจะฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง! หากเจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะไม่เก็บเจ้าไว้? “ เสียงอันอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นจิตสังหารทันที
“ฝ่าบาท … ฝ่าบาท …. กะ…กะ…กละหม่อมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง … ” อสูรวิญญาณกลัวมาก
หญิงสาวถอนนิ้วออกมาแล้วเดินไปท้องพระโรง
นางโยนหัวกะโหลกบนมือน้ำเสียงของนางคืนสู่สภาพปกติ
“ส่งคนไปค้นหาในอณาจักรมาร และส่งคนไปทางตอนใต้ของทวีปนภายุทธ ข้าอยากรู้รายชื่ล่าสุดของกลุ่มต้นน้ำ บางทีเราอาจจะพบนางอยู่ที่นั่น หากเราได้ตัวนางเราจะมีโอกาสมากขึ้น “
“รับบัญชา ฝ่าบาท”
“รีบไป!
อสูรวิญญาณรีบกราบลงแล้วออกไป
พระราชวังเงียบสงบอีกครั้ง
หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้หยก นางงดงามมากและมีเสนห์ นางประกายเต็มไปด้วยความคิดบางอย่าง
ปัง!
เสียงฝีเท้าบางเบาเดินเข้ามาจากด้านนอกของพระราชวัง ประตูถูกเปิดเพียงเล็กน้อย มีร่างเล็กๆเดินเข้ามา
หญิงสาวมีดวงตาสีเขียวรูปร่างมีขนาดกระทัดรัดและมีหางจิ้งจอก
“พวกเจ้ามีพลังมากพอที่จะสามารถสร้างสถานที่แบบนี้ในทวีปนภายุทธ ไม่เลว ไม่เลว … ” ดวงตาของนางจิ้งจอกมองไปรอบ ๆ ใบหน้าของนางยิ้มกว้าง
“เจ้าต้องการอะไร”
“ข้าได้ข่าวว่า สมุนของเจ้ากลับมาจาก อณาจักรมารแล้ว”
“เราไม่พบร่องรอยของชายคนนั้น … “
“หึ ตอนนี้ที่สำคัญคือเรามาหารือเรื่องของ สำนักกระบี่เซียน ไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้ที่สำนักกระบี่เซียนอ่อนแอมาก ผู้อาวุโสใหญ่ เสิ้นหง ตาย ผู้อาวุโสสี่ เฟิงเจี้ยน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้หลงเชี่ยนหลี่ก็เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาสอนลูกศิษย์ ผู้นำก็ปิดด่านฝึกตน มีแต่ผู้อาวุโสถังเทียนเท่านั้นที่จัดการเรื่องต่างๆภายในสำนัก พลังยุทธของเขาก็อ่อนแอ ตอนนี้เป็นโอกาสที่เหมาะที่เราจะลงมือ ..เจ้าว่ามั้ย? “
หูเชี่ยนหลี่ หัวเราะ
นางไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของ ซูหยุน เพราะนางรู้ว่า พรสวรรค์ของนางเติบโตขึ้นเรื่อยๆไม่ได้หายไป ความจริงอันน่าอัศจรรย์สองวาระนี้ทำให้นางต้องตกตะลึง แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าซูหยุนปลอดภัย แต่ในความจริงนางมักจะสงสัยเกี่ยวกับพรสวรรค์ของซูหยุน เพราะตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ พื้นที่ทำลายรากฐาน5ธาตุ ร่างนางถูกเขายึดครอง แต่นางรู้สึกได้ว่าพรสวรรค์ของนางสูงกว่าคนปกติถึงห้าเท่า นางจึงไม่รู้ว่าพรสวรรค์ปกติของซูหยุนเป็นอย่างไร
แต่หลังจากตลอดเวลานี้นางก็ตระหนักว่าพรสวรรค์ของนางค่อยๆกลายเป็นความมืดมิด … และเมื่อนางได้รับการฝึกฝนด้วยวิชาลับที่มีหยินมากขึ้นมันก็ง่ายมาก
ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น?
ช่างมันตราบเท่าที่เขายังความปลอดภัยดี! หูเชี่ยนเหม่ย คิดและจิตใจของนางผ่อนคลายลง หากซูหยุนเกิดปัญหา ตัวนางก็จะไม่สบายด้วยทั้งสองคนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
คำพูดของ หูเชี่ยนเหม่ยไม่ได้สร้างความสนใจหยิงสาวชุดเขียวมากนัก นางมอง หูเชี่ยนเหม่ย ด้วยสายตาชั่วร้ายก่อนเอ่ยว่า “ข้าต้องการให้คนของข้า ยืนยันเรื่องสำนักกระบี่เซียนที่เจ้าพูดมาก่อน ข้าถึงจะลงมือ เราจำเป็นต้องวางแผน! “
“แปลว่าเจ้ายังไม่ลงมือ?” หุเชี่ยนเหม่ย เสียอารมณ์เล็กน้อย “เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรอ? หึ หากเราไม่ลงมือตอนนี้แล้วจะไปลงมือตอนไหน? เมื่อ เฟิงเจี้ยน ฟื้นตัวเต็มที่? เมื่อประมุขสำนักออกจากการปิดด่านฝึกตน? หรือจนกว่า หลงเชี่ยนหลี่ ฟื้นสติ? หากเป็นเช่นนั้นเจ้ารู้มั้ยว่าเราจะลงมือกับสำนักกระบี่เซียนยากขึ้น? “
“เชี่ยนเหม่ย อย่างห่วงไปเลย ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่ตอนนี้ข้ายังลงมือไม่ได้ หลังจากเกิดเรื่องที่ หุบเขาฮวาซิน สำนักต่างๆในทวีปนภายุทธ ต่างรวมตัวกันค้นหาปีศาจตนอื่นๆทั่วทุกสารทิศ ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญเต็มไปหมดด้านนอก หากพวกเราคลื่นไหวพวกเขาจะเห็นพวกเรา อย่าว่าแต่จัดการกับสำนักกระบี่เซียนเลย พวกเราเองนี่แหละที่จะพังพินาศ “
“หืม?
หูเชี่ยนเหม่ย กอดอกอันเย้ายวนที่ยื่นออกมาจากเสื้อผ้าแกว่งหางไปมา “เต๋าอสูรวิญญาณของเจ้ามีฝีมือแค่ไหน? หากเป็นเช่นนั้น ทำไมข้าต้องร่วมมือกับเจ้าทุกอย่าง? “
“อย่าห่วงเลย”
หญิงสาวชุดเขียวไม่ได้โกรธ หูเชี่ยนเหม่ย ที่พูด “เรากำลังรอโอกาส”
“โอกาส! โอกาสอะไร? “
“โอกาสที่เรากำลังสร้าง!” เสียงของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์แปลก ๆ และกล่าวว่า “ผลึกสวรรค์ ราชันพลังลี้ลับ เทพารักษ์เงา ซูหยุน ใช้สมบัติทั้งสามชิ้นนี้ สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งยุทธภพ ตอนนี้ผู้คนของทวีปนภายุทธต่างต้องการสมบัตินี้ทั้งหมดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การจัดการกับสำนักกระบี่เซียน เพียงแค่ใช้ของบางอย่างก้เพียงพอแล้ว”
“ของบางอย่าง?” หูเชี่ยนเหม่ย ตกใจแล้วนางก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง “เจ้าหมายถึง … “
“ถูกต้อง สิ่งที่เกิดขึ้นในสงคราม หุบเขาฮวาซิน”
หูเชี่ยนเหม่ย กลิ้งดวงตากลมโตของนางหลายครั้ง