Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 229
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 229
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :229 เพลงกระบี่จอมมาร
วิชาลับก้คือวิชาลับไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับใดๆก็ตามมันขึ้นอยู่กับการเดินลมปราณ พร้อมกับการปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่ง
วิชาลับธรรมดาสามารถใช้ร่วมกับปราณวิญญาณได้ แต่วิชาลี้ลับระดับที่สูงกว่า สามารถผสานกับปราณวิญญารได้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ปราณวิญญาณ ที่ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของวิชา
สุดยอดวิชาลี้ลับสามารถทำให้จอมยุทะสามารถเคลื่อยย้ายภูเขาแยกแผ่นดินได้ด้วยปลายนิ้วมือ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีชาวยุทธมากมายต้องการไว้ในครอบครอง
แน่นอนว่า วิชาลับที่มีระดับสูงขึ้นการฝึกฝนนั้นย่อมต้องใช้ปราณวิญญาณที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน หากปราณวิญญารไม่เพียงพอคนที่ฝึกวิชานั้นย่อมไม่สามารถเปิดใช้พลังของวิชานั้นได้ด้วย
ซูหยุน ไม่รู้ว่า เพลงกระบี่มาร นั้นเป็นวิชาลี้ลับของลัทธิกระบี่มารหรือเปล่า แต่ปราณวิญญาณที่ต้องใช้เท่ากับของเขาพอดี แต่เน้นเรื่องใช้ได้นานๆ ด้วการบ่มเพาะของ ซูหยุน ในตอนนี้สามารถใช้ได้ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
ซูหยุน ยังเข้าใจพื้นฐานเพลงกระบี่มารไม่มากนัก แต่เคล็ดวิชาเพลงกระบี่มารนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเพลงกระบี่มารธรรมดาๆมาก แน่นอนว่ามันอันตรายมาก ๆ
ตัวอย่างเช่นโดยปกติ เมื่อลมปราณเดินผ่านจุดชีพจรหลัก ของจุดซานถง สิ่งนี้จะไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ด้วยความพิเศษของเพลงกระบี่มารลี้ลับ เมื่อลมปราณวิ่งผ่านจุดซานถง พลังปราณทั้งหมดจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดถึงขีดสุด
วิธีนี้เสี่ยงต่อการที่ลมปราณอาจจะแตกซ่านได้ ทำให้ลมปราณทั่วร่างปั่นป่วน ช่องพลังอาจตีบตันเนื่องจากพลังยุทธลดลง ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเขาอาจจะตาย
ซูหยุน คิดว่าคำว่า จอมมาร เป็นคำที่เปรียบได้กับเพลงกระบี่นี้ เขาจึงตั้งชื่อว่า เพลงกระบี่จอมมาร
เพลงกระบี่จอมมาร คือเส้นทางสู่นรก ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังของตน การควบคุมเทคนิคนี้เหมือนกับเดินอยู่บนเส้นด้าย หากก้าวผิดเขาจะตาย
เขาต้องเดินลมปราณตาม เพลงกระบี่จอมมาร อย่างระวัง เขาจะไม่เดินลมปราณอื่นๆ เพลงกระบี่จอมมาร ต้องใช้ลมปราณมารเท่านั้น
ปราณมารของเขาหมดเร็วมาก
ซูหยุนใส่ลมปราณอื่นๆเข้าไปในแก่นแท้ปราณมารอย่างรวดเร็วเพื่อเกื้อหนุนปราณมาร การฝึกต้องใช้ลมปราณ ชั่วพริบตา ลมปราณทั่วร่างของเขาเหือดแห้ง หลิงฉิงหยู สังเกตุอยู่นางวางมือน้อยๆของนางไว้บนหลังของ ซูหยุน ถ่ายพลังของนางให้
ไม่นาน หลิงฉิงหยู เริ่มซีดลง เมื่อพลังของ ซูหยุน ฟื้นฟูพลังของหลิงฉิงหยูก็ว่างเปล่า นางเหลือพลังอยู่ไม่มาก
ซูหยุน ยังคงนั่งฝึกฝนอยู่ขณะที่ หลิงฉิงหยูพักฟื้นพลังของนางเพื่อเตรียมเติมให้ ซูหยุน
แต่มันยังไม่เพียงพอ เวลาไม่มีแล้ว ซูหยุนต้องควบคุมการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อหาทางออก
“สิงโตหิน!”
“สิงโตหินอะไร? น่าหยะแหยง ข้ามีชื่อ! ข้าชื่อ สือเอ้อร์! ตัวที่2ของสิงโตหินที่เฝ้าที่นี่! “
“หยุดโม้ได้แล้ว เอาพลังปราณของเจ้ามาให้ข้าเร็ว! “
“เรื่องไรอ่ะ?
สือเออร์เพิ่งจะปฏิเสธ แต่หลิงฉิงหยูเคาะฝักกระบี่ของซูหยุน มันปิดปากทันที
มันเดินไปที่หลัง ซูหยุน พร้อมกับถอนหายใจ แล้วมันก็นั่งลงยกอุ้งเท้าอันใหญ่โตแตะหลัง
สือเอ้อร์ มีพลังระดับดวงจิตวิญญาณขั้นแรก ด้วยพลังที่อยู่ในร่าง ทำให้เขาฟื้นฟูขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อพลังหมด มันก็ออกไปฟื้นฟูพลังตัวเองอยู่ด้านข้าง ไม่นาน หลิงฉิงหยู ก็ฟื้นพลังเสร็จและส่งให้ ซูหยุน
สิงโตและหลิงฉิงหยูผลัดกันส่งพลังให้ ซูฆยุน เหมือนเครื่องจักร ซูหยุนเก็บสะสมพลังของทั้งสองไว้ ด้วยศิลานิรันดร์ พรสวรรค์ของหูเชี่ยนเหม่ย และพรสวรรค์ของ จักรพรรดิมารซินอู่ ทำให้ ซูหยุนฝึกฝนวิชาเพลงกระบี่จอมมาร ได้เร็วขึ้น
เวลาเดินไป
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงดังมาจากข้างนอก พวกชาวมารไม่เคยหยุดมือ พวกเขาถือกระบี่มารไว้ในมือเดินลาดตระเวนไปทั่วมองดูการโจมตีประตูหิน
ผู้อาวุโสคุมกฏ นำพวกชั้นแนวหน้า ด้านหลังคือ หลี่กวง หลี่ซิน ตู่ไป๋ลี่
“ทำไมถึงมีที่นี่?”
บางคนก็กระซิบ
“วังลับ ลึกลับมาก พวกเรามาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเห็นที่นี่เลย
“เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้มั้ย?”
“ส่วนใหญ่น่าจะรู้”
การพูดคุยเริ่มดังขึ้น เมื่อผู้อาวุโสคุมกฏเดินเข้ามา พวกเขาก็หยุดพูดคุยกันในทันที
ผู้อาวุโสคุมกฏ ชำเลืองสายตาก่อนจะถามชาวมารที่กำลังโจมตีประตูหิน “สิงโตหินที่มันเฝ้าประตูไปไหน?”
“เรียนท่านผู้อาวุโส มันวิ่งหนีเข้าไปพร้อมกับ ซูหยุน ข้างในครับ “
“หนี?” ผู้อาวุโส ตกใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วง เพียงแค่โจมตีประตูนี้ต่อไป แม้ว่าวัสดุและโครงสร้างของประตูจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทำลายได้ ซูหยุน แอบฝึกวิชาของเรา มันมากเกินไป! เราต้องจับตัวมันมาส่งให้ลัทธิ! “
“ครับ!
“หลี่ซิน!”
“ศิษย์อยู่นี่ค่ะ”
“เจ้ารู้รึไม่ ว่าเจ้ามีความผิด?”
ผู้อาวุโสคุมกฏถามอย่างไร้อารมณ์
หลี่ซิน และคนอื่นเดินมาคุกเข่าต่อหน้า ผู้อาวุโสคุมกฏ “หลี่วิน ทราบค่ะ หลี่ซินยินดีที่ยอมรับการลงโทษทุกอย่างค่ะ “
“บอกเหตุผลมา!”
หลี่ซิน ลังเลก่อนจะเล่าว่า ซูฆยุน ช่วยพวกนางไว้อย่างไร
“ข้าเข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสคุมกฏ พยักหน้า “ซูหยุน ใช้เพลงกระบี่มารที่แอบฝึกมาช่วยพวกเจ้าอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ถือว่าดี “
“ได้โปรดเมตตาด้วย ท่านผู้อาวุโสคุมกฏ! อย่าทำโทษ ซูหยุน เลย! “
ถึงยังไง ซูฆยุน ก็คือผู้มีพระคุณของนาง นางจะทนดูโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร?
“ข้าคือผู้คุมกฏ แม้ว่าซูหยุนจะทำไปเพราะช่วยพวกเจ้า แต่ข้าก็ละเว้นโทษให้ไม่ได้ เขาได้แอบเรียนวิชาของเรา โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อปกป้องกฏ ข้าต้องทำโทษเขาสถานหนัก หลี่ซิน ข้าจะไม่เอาผิดเรื่องนี้กับเจ้า! สำหรับคนอื่น ๆ ให้โจมตีประตูต่อไป
“ครับ! “ผู้อาวุโส?”
ประตูหินถูกโจมตีซ้ำ ๆ หลี่ซินหมดหวัง นางมองประตูหินอย่างทอดถอนใจ
แต่ยังไงก็ตาม ประตูนี้สร้างขึ้นโดยท่านบรรพบุรุษ มันจะถูกทำลายได้ง่ายๆหรือ? แต่ผู้อาวุโสคุมกฏไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้ วังลับเป็นเขตของลัทธิกระบี่มาร หากทำลายไม่ได้ในหนึ่งวันพวกเขาก็จะโจมตีไปเรื่องไม่วันที่สองก็วันที่สาม พวกเขาจะสลับคนไปเรื่อยๆจนกว่าประตูจะถูกทำลาย
ไม่เพียงแค่นั้นเขาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเพื่อหาทางเข้าอื่น ๆ ดูเหมือนเขารู้จักที่นี้เหมือนปลายนิ้วของเขา หลังจากที่เขาได้พบทางเข้าอื่น ๆ พร้อมกับความช่วยเหลือของสิงโตหินเขาสามารถเข้าไปในสุสานได้ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกผิดหวังที่เห็นประตูอื่นๆถูกทำลาย ไม่มีทางที่เขาจะเปิดได้
ลัทธิกระบี่มารต้องการเข้าไปจับตัว ซูหยุน มาก
เวลาผ่านไป
ในสุสาน ชายหนุ่มคนหนึ่งร่ายรำเพลงกระบี่อย่างดุเดือด
ปราณมารสีดำพร้องกับระลอกคลื่นสีแดงวิ่งผ่านไปทั่วสุสาน หลิงฉิงหยู ยืนอยู่ด้านข้างมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าซีดเผือก สิงโตหินขดตัวอยู่ในมุม มันส่ายสายตามองไปที่เงากระบี่ขนาดใหญ่
“น่ากลัวมาก! ราวกับว่าหากกระบี่นี้สัมผัสโดนตัวเจ้ามันจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆได้ ! เจ้ากล้าฝึกวิชานี้ได้ยังไง? “
สิงโตหินตัวสั่นขณะที่ถาม
“นี่เป็นเพลงกระบี่ที่ทำลายทุกอย่าง เขาไม่มีทางป้องกันอื่น ๆ ปราณวิญญาณถูกใช้ในการโจมตีทั้งหมด และยังเหลือไว้ป้องกันร่างกาย มันเป็นเพลงกระบี่ที่เหมาะกับการต่อสู้จริงๆ? “
หลิงฉิงหยู งง
เปรี๊ยะ….
เสียงหวีดหวิวของกระบี่หยุดลง เมทื่อกระบี่มรณะหยุด
ซูหยุน แทงกระบี่ลงพื้นดินแล้วโน้มตัวไปด้านหน้า เม็ดเหงื่อเท่าไข่มุกหยดลงบนหน้าผาก
“กี่วันแล้ว?”
ซูหยุนปาดเหงื่อออกและวางกระบี่ลง เขานั่งสมาธิ
“ประมาณหนึ่งเดือน”
หลิงฉิงหยู ตอบเบา ๆ
หนึ่งเดือนมานี้ ซูหยุนไม่ได้หยุดพัก นางด้วย หน้าตานางซีดเซียวมาก แต่นางก็ให้ความสำคัญต่อ ซูหยุน นางเหลือพลังไม่มากนัก เหมือนกันกับสิงโตหิน ทั้งสองกำลังฟื้นฟูพลัง เมื่อพวกเขาฟื้นฟูได้เล็กน้อยก็ต้องใช้มันออกไป
แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ ซูหยุน สามารถควบคุมและ ฝึกวิชาเพลงกระบี่จอมมาร ได้อย่างรวดเร็ว
“‘เพลงกระบี่จอมมาร สร้างจาก เพลงกระบี่มาร เป็นเพราะข้าได้ฝึกท่าแรกของเพลงกระบี่มาร ทำให้สามกระบวนท่าแรกของ เพลงกระบี่จอมมาร ฝึกได้เร็วขึ้น ท่าที่สี่ เร่งรีบไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป หากรีบไปจะผิดพลาดได้! “
ซูหยุน มองไปที่ประตูเห็นรอยแตกที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ประตู เขารู้ว่าคงเหลือเวลาไม่นานที่ประตูจะพัง “เราต้องเริ่มเตรียมที่จะออกไป!”
“ออกไป?”
สิงโตหินมองเขาด้วยความสับสน ” เจ้าคิดว่าการที่เจ้าเรียนวิชานี้สำเร็จ เจ้าจะสู้กับพลังยุทธระดับดาราวิญญาณขั้นที่5ได้หรือ? เจ้าต้องบ้าไปแล้ว!”
ซูหยุน ไม่อาจอภิบายได้ “ฉิงหยู ดูที่ประตู อาจจะเหลือเวลาแค่เจ็ดหรือแปดวัน สองวันเพื่อฟื้นพลัง! ทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด สื่อเอ้อร์ เจ้าก็ด้วยรีบฟืนฟูพลัง ข้าต้องยืมพลังของเจ้า! “
“เฮ้อ…ก็ได้”
สื่อเอ้อร์ ไม่กล้าปฏิเสธ ซูหยุน เขาฟังอย่างตั้งใจ
หลิงฉิงหยู ไม่รู้ว่า ซูหยุนคิดอะไรแต่เพลงกระบี่นั่นก็พิศดารยิ่งนัก นางเองยังตกใจ
หลิงฉิงหยู คิดขณะที่นางนั่งสมาธิ