Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 214
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 214
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :214 ลัทธิกระบี่มาร
ในความมืดซอยเล็ก ซูหยุน สวมชุดและหมวกสีดำ
บริเวณโดยรอบสงบเงียบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่รอบ ๆ พื้นเต็มไปด้วยโคลนที่เหนียวเหนอะหนะ ตรงหน้าเป็นเมืองมีแสงสีเขียวเรืองๆ เมืองนั้นตั้งอยู่บนที่สูง มีกลิ่นอายมารแผ่ออกมา มีอาคมใหญ่ครอบคลุมทั้งเมือง ไอมารจากชาวมารจะขึ้นมาจากพื้นดินด้วยตัวเองเมื่อไกล้เมืองและเดินเข้ามา
นี่คือสถานที่บำเพ็ญของ จอมมารโหย่วเซี๋ย ใครก็ตามที่เข้ามาในสถานที่ของ จอมมารโหญ่วเซี๋ย พวกเขาจะได้รับการปกป้อง! แน่นอนที่เป็นที่ๆมีชาวมารขวักไขว่และอยู่ไกล้ ลัทธิกระบี่มาร
จากเขาเมฆา ซูหยุนรู้จักที่ตั้งของลัทธิกระบี่มาร แต่เขาก็ยังดูแตกต่างจากชาวมารที่นี่ แม้ว่ามันจะมีแก่นแท้วิญญาณมาร และกลิ่นอายปราณมาร แต่มันยังไม่แรงพอ หากชาวมารรู้ว่ามันเป็นมนุษย์ มันจะถูกโจมตี จากอุปสรรคนี้มันจึงสวมชุดคลุมอำพรางตัว
เขาเดินทางมาประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะมาถึง สถานที่บำเพ็ญของจอมมารโหย่วเซี๋ย
ชาวมารต่างจากชาวทวีปภายุทธ ชาวมารมีความโลภและมีตัณหาและมักมีเจตนาไม่ดี นี่คือธรรมชาติของชาวมาร ชาวมาอย่าง หลี่ชงเทียน นั้นหายากมาก มีเพียงนิกายเดียวในอาณาจักรมารนั่นคือ ลัทธิกระบี่มาร ลัทธิกระบี่มาร ได้รับคัดเลือกบุคคลที่มีสภาพเข้มงวดมาก การมาเยือน ลัทธิกระบี่มาร ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
การบอกว่า ซูหยุนคือชาวทวีปนภายุทธนั้นตัดออกไปได้เลย เพราะลัทธิกระบี่มารรู้ว่าเขาคือชาวทวีปนภา เขาจะถูกฆ่าแล้วกลืนกินดวงวิญญาณเพื่อบ่มเพาะแก่นแท้กระบี่ของลัทธิกระบี่มาร
ชาวมารไร้ความปราณีต่อผู้ที่มาจากภายนอก เพราะพวกเขาคิดว่าคนภายนอกไว้ใจไม่ได้ ดังนั้นคนที่อยู่ภายนอกจึงเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาอย่างแน่นอน
และเนื่องจากความคิดของพวกเขาความปรารถนาของพวกเขาที่จะได้รับความแข็งแกร่งเกินกว่าอาณาจักรอื่น ๆ ผู้คนจากชาวมารจึงแข็งแกร่งโดยเฉพาะ
เขาต้องคิดหาวิธีที่จะเข้าสู่ ลัทธิกระบี่มาร เพื่อหาแหล่งที่มาของต้นกำเนิดและกลับไปยังทวีปนภายุทธ
“ไอมารข้างหน้าหนาแน่นมาก นี่คงเป็นพลังอาคมมารสิน่ะ?”
ในเวลาเดียวกันกับที่ซูหยุนก้าวเท้าไปด้านหน้า ผู้บำเพ็ญของดินแดนจอมมารก็โผล่มา
บอบบาง อ่อนหวาน และอ่อนโยน หลิงฉิงหยู ได้หลับมานานแล้ว
“ฉิงหยู ท่านตื่นแล้ว?”
“เกือบแล้ว! หลิงฉิงหยู โผล่ออกมา ผ่านกระบี่ด้วยท่าทางตกใจ “เรายังคงอยู่ในอาณาจักรมารหรือ?”
“ใช่แล้วล่ะ ข้ายังหาทางออกจาที่นี่ไม่ได้เลย”
“แล้วเจ้ารวบรวมส่วนผสมตามที่ข้าบอกหรือยัง ข้าจะช่วยเจ้า กลับกันเถอะ “
“ข้าเกรงว่า ต้องใช้เวลาอย่างน้อย3ปีเพื่อรวบรวมสิ่งที่ท่านบอกมา มันเสี่ยงมากเกินไป ข้าต้องเดินทางไปทั่วทั้งอณาจักรมารเพื่อตามหามัน! เป็นงานที่ยากมาก ตอนนี้ข้ามีวิธีที่ง่ายกว่า ข้าอยากจะลองดู! “
“ลอง? วิธีอะไร? “
หลิงฉิงหยู ถามด้วยความอยากรู้
“ก่อนอื่นให้ข้าจัดการเรื่องตรงหน้าก่อน!”
ซูหยุนหัวเราะและดึงหมวกคลุมหน้าออกแล้วเดินเข้า สถานที่บำเพ็ญของจอมมารโหย่วเซี๋ย
ที่ทางเข้ามีชาวสองคนยืนเฝ้าอยู่ ชาวมารแต่ละคนมองหน้าเขา
“เจ้าไม่ใช่คนแถวนี้นี่!”
เมื่อซูหยุนเดินเข้ามาไกล้ มีชาวมารคนหนึ่งตะโกนออกมา เสียงแหบแห้ง
“ข้าจะไม่อยู่ในอนาคตอันใกล้นี้”
ซูหยุนเงยหน้าขึ้นแล้วแผ่ไอมารบนใบหน้าของตัวเอง
เขาคือผู้บ่มเพาะ ดวงจิตวิญญาณ ขั้นแรกและทรงพลัง แก่นแท้วิญญาณมารของเขาทลวงขึ้นและปราณมารของเขาแข็งแกร่งมาก เมื่อปลดปล่อยออกมาแบบนี้ยามเฝ้าประตูตัวสั่นเล็กน้อย
ชาวมารทั้งสองไม่แข็งแกร่งเท่าซูหยุน เขาไม่กล้าทำร้ายมันเลย ได้แต่หัวเราะกลบกลื่น “นายท่านโปรดเข้ามา”
ซูหยุนลดหัวลงและถอนปราณมารเดินเข้าไป
พลังอำนาจคือตัวแทนของพลัง พวกเขาเป็นเจ้าของอณาเขตพร้อมทั้งเขตไหม่หรือยอดเขาที่ทำจากขุมสมบัติเพื่ออ้างสิทธิ์ของตนเอง เมื่อพวกเขาจัดตั้งสถาที่บำเพ็ญ พวกเขาจะเรียกชาวมารมาคอยดูแลรักษาเพื่อที่พวกเขาจะได้บำเพ็ญอย่างสงบ
ผู้มีฤทธิ์เดชได้ปกป้องชาวมารทุกคนที่มาหาเขา และชาวมารเหล่านั้นก็เป็นดังกระบี่และดาบ กองกำลังผู้ทรงฤทธิ์ มันเป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มันเป็นรูปแบบที่หาดูได้ยากในอาณาจักรมาร
เมื่อเขาเข้ามาในสถาณที่บำเพ็ญแล้ว เขาก็เห็นชาวมารหลายคนอยู่ในอณาเขตของตัวเองนั่งเข้าฌาณเพื่อบำเพ็ญ บางคนก็ใช้อณาเขตเพื่อวางสินค้าบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับคนอื่น ๆ ดูพลุกพล่าน
ชาวมารบางรายก็ถืออาวุธมารและส่วนผสม พวกเขาเดินอยู่ภายในเขตอาคมและติดต่อแลกเปลี่ยนและได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ไม่มีสกุลเงินในอณาจักรมาร นอกเหนือจากบรรดาผู้ทรงอำนาจที่ซื้อขายกับโลกภายนอกพวกเขาอาศัยอยู่เหมือนสัตว์ป่า พวกเขาล่าหาอาหารของพวกเขาและบำเพ็ญสำหรับชีวิตของพวกเขา มันง่ายมาก
ซูหยุนเดินท่ามกลางชาวมารอย่างเงียบ ๆ ขณะที่มองไปรอบ ๆ
หนึ่งปีแล้วที่เขามาถึงอณาจักรมาร ครั้งแรก เฉิงซีพาเขาไป คฤหาสน์ถ้ำมารทมิฬ เขาไม่ใช่คนแปลกหน้ากับชาวอณาจักรมาร เขาได้ทำความคุ้นเคยกับกลยุทธ์การสื่อสารทั้งหมดที่เฉิงซีได้สอนให้เขาและได้รับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับผู้คนจาก ลัทธิกระบี่มาร
ลัทธิกระบี่มาร ไม่เหมือนกับนิกายใหญ่ๆในทวีปนภายุทธ พวกเขาเป็นเพียงผู้มีอำนาจเผด็จการ พวกเขาอาศัยอยู่เพื่อชาวมาร แน่นอนมันแตกต่างจากบรรดาผู้ทรงอำนาจ ลัทธิกระบี่มาร จะรับสมัครชาวมารบางส่วนเพื่อเลี้ยงดูและสอนวิชากระบี่ของตัวเองเพื่อให้กลายเป็นกระบี่ของพวกเขาเอง
แต่สถานะของ ลัทธิกระบี่มาร ดีกว่าผู้ทรงอำนาจอื่นๆ แม้ว่าผู้คนจาก ลัทธิกระบี่มาร เป็นคนน่ารังเกลียดจากโลกภายนอก แต่พวกเขาก็ผูกมัดกันและกัน พวกเขาปฏิบัติกับคนอื่นๆด้วยความซื่อสัตย์สุจริตซึ่งแตกต่างจากชาวมารส่วนใหญ่ที่ต้องการจะฆ่ากันและกันเพื่อขโมยสมบัติของกันและกันและพลังมารของพวกเขา
ซูหยุนเดินเข้าไปพร้อมกับหมวกสีดำมีกระบี่มรณะแขวนที่เอว สายตาของเขามองไปรอบๆ แล้วสายตาของเขาก็ไปตกที่ชาวมารที่กำลังคุยกันในเขตอาคม
ผู้ชายคนนั้นสวมชุดเกราะหนังสีน้ำตาลอ่อนผิวของเขาดำและดวงตาที่ชั่วร้ายของเขาลุกโชติช่วงด้วยไฟ รูปร่างเตี้ย พลังยุทธน่าจะอยู่ที่ระดับขอบเขต แก่นแท้วิญญาณขั้นที่6 เขากำลังพยายามจะแลกเปลี่ยน “บุปผากระดูกโปรยปราญ” สำหรับ ‘กลีบดอกทมิฬล้วนอื่นๆ แต่เป็นอันว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเรื่อง “บุปผากระดูกโปรย”
ซูหยุนตรึงสายตาอยู่บนผ้าใบที่ติดบนตัวชาวมารตัวเตี้ย ผ้าใบมีขนาดเท่าฝ่ามือ มีความมันวาวสดใสในความมืดแห่งอณาจักรมาร มันโดดเด่นและมีคำว่า “กระบี่” ปักอยู่
มัมันคือตราประทับ กระบี่มาร
บ่อยครั้งที่ ลัทธิมาร จะมีคนออกมาหาสิ่งต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยน ดูเหมือนว่ามันเป็นความจริง
ซูหยุน สูดหายใจลึกๆแล้วเดินเข้าไป
“ข้าต้องการแลก บุปผากระดูกโปรย ไม่ทราบว่าท่าต้องการสิ่งใด “
ซูหยุนเดินเข้าไปพูดคุยกับ ชาวมารที่นั่งอยู่ในข่ายอาคม
ชาวมารมีดวงตาสีแดงเลือด ชั้นปราณมารห่อหุ้มร่างของเขาไว้ราวกับว่าเขาเป็นจิตวิญญาณ
เขาเงยหน้าขึ้นมองซูหยุนแล้วเขาก็ตอบด้วยเสียงแหบแห้งว่า “นอกจาก พิษจิ้งจอกสวรรค์ ศิลาห้าเหลี่ยมล่องลอย วุ้นเจ้าปัญญา โมราวิญญาณอสูร นอกนั้นข้าไม่ต้องการ!”
“โอ้!
ซูหยุนพยักหน้ามอง สาวกลัทธิมารที่อยู่ด้านข้าง เขาหยิบชิ้นเนื้อเปื้อนเลือดที่แผ่รัศมีออกมา “ท่านไม่ต้องการหัวใจของปีศาจ 6 หาง?”
“อะไร?” ชาวมารเงยหน้ามองหน้าซูหยุน
ชาวมารรอบๆก็มองเขา
ปีศาจ 6 หางคือสมบัติในอาณาจักรมาร ถึงแม้ว่าพลังของมันจะไม่สูง แต่ก็หายากมาก อวัยวะของปีศาจ 6 หางมีค่ามาก พวกเขาสามารถใช้เพื่อกลั่นยา โดยเฉพาะหัวใจก็เป็นสิ่งล้ำค่า มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ซูหยุนได้พบกับปีศาจที่มีชื่อว่า “6 หาง” ตลอดเส้นทาง เขาพยายามที่จะฆ่ามันและเอาหัวใจของมัน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถประหยัดเวลาในการวางแผน
“ข้าจะแลก! ข้าจะแลกกับมัน! “ ชาวมารตะโกนกลัวว่าซูหยุนจะเปลี่ยนใจ
“เยี่ยม!!”
ซูหยุนส่งหัวใจไปและหยิบ ‘กลีบดอกไม้ทมิฬล้วน’ จากมือของเขา
สาวกจากลัทธิ์มาร ดูการสูญเสียสิ้นค้าของเขาต่อหน้สต่อตา เขามองผิดหวังและกำลังจะจากไป
“ช้าก่อน”
ซูหยุนเรียกเขา
“มีอะไรรึ?”
“ข้าต้องการแลก กลีบดอกไม้ทมิฬล้วน กับ บุปผากระดูกโปรย ข้าขอ?”
ซูหยุนถาม
“หืม? ชาวมารดูตะลึง เขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น
“เจ้าแลกหัวใจกับ กลีบดอกทมิฬล้วนของข้าเพื่อแลก บุปผากระดูกโปรย อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่!” ซูหยุนพยักหน้า
“นี่ … ” สาวกขบคิด แต่ก็ตกลง “ถ้าอย่างนั้น ก็ได้! ข้าจะแลกกับท่าน! “
“ขอบคุณมาก!”
“ข้ายินดี ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน ในแง่ของมูลค่า บุปผากระดูกโปร มิอาจเทียบได้กับ กลีบดอกทมิฬล้วน หรอก ข้าแค่ลองเสี่ยงโชคแลกมันกับสิ่งนี้เท่านั้น! “
ชาวมารยิ้ม
ซูหยุนไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนา เขาแลกเปลี่ยนสินค้ากับเขาอย่างสุดความจริง
ด้วย กลีบดอกทมิฬล้วน สาวกดูมีชีวิตชีวา เขาถือ กลีบดอกทมิฬล้วน อย่างมีความสุข
“อ้อ ข้ามีเรื่องจะถามท่านได้มั้ย?”
ซูหยุน โยน บุปผากระดูกโปรย ไว้ในแหวนเก็บแล้วเริ่มถาม
“ได้สิ!” ชายคนนั้นยิ้มกว้าง ๆ
“ทำอย่างไร ข้าจะผ่านประตูลัทธิมารได้?” ซูหยุนตัดพุ่มไม้และเดินตรงไปยังจุดนั้นทันที (พูดตรงประเด็น)
ด้วยเหตุนี้ชายผู้นี้จึงตะลึง
เขาคือผู้ดูแลระดับสูงที่ถูกจัดตั้งขึ้นตอนนี้ เขารีบหันกลับมามองซูหยุน จากนั้นเขาก็ถามว่า “ทำไมท่านถึงถามเรื่องนี้? นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านมา สถานที่บำเพ็ญของจอมมารโหย่วเจี๋ย หรือ? “
“ใช่แล้ว! ซูหยุนหยิบยกขึ้นมาและกล่าวต่อว่า “ข้าคือ ผู้ติดตามของจอมมารทมิฬ ตอนนี้ถูกส่งมาขอความกรุณาจาก ลัทธิกระบี่มาร ข้าสงสัยว่า จะไปที่นั่นได้อย่างไร หากท่านรู้ช่วยบอกข้าได้ไหม “
ซูหยุนสุภาพและจริงใจ ชาวมารพึมพำกับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
เขาอาจมีเจตนาดีใช่ไหม? เพราะเขาต้องการสอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งของ ลัทธิกระบี่มาร หลายคนรู้ว่า ลั อยู่ที่ไหน เขาไม่จำเป็นต้องถามเขาอย่างตั้งใจ มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ประจวบเหมาะ
คิดอย่างนั้นชาวพยักหน้าและยิ้มอย่างมีเลศนัย “อืม… ข้ามาจาก ลัทธิกระบี่มาร ท่านมาจากคฤหาสน์ถ้ำมารทมิฬ อย่างนั้นหรือ? “
“ถูกต้อง!” ซูหยุนดูมีความสุข “ข้าไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ “เยี่ยมไปเลย!!” ท่านสามารถพาข้าไปที่นั่นได้หรือ? “
“อย่างพึ่งดีใจเร็วไปนัก ท่านมีอะไรพิสูทน์ตัวเองหรือไม่? “
“ข้ามีป้าย แต่มันถูกแย่งไปโดยชาวมารคนอื่น แต่ไม่ต้องห่วง ข้าแค่ระดับดวงจิตวิญญาณขั้นแรก ข้าจะสร้างความวุ่นวายแบบใดได้? ข้าแค่ต้องการความช่วยเหลือ ข้าอยู่ในลัทธิกระบี่มาร ไม่นานหรอก “
ซูหยุนเคร่งขรึง แต่หัวใจเต้นระรัว
หากไม่มีอะไรพิสูทน์เขาจะต้องเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากแน่ๆ หวังว่าผู้ชายคนนี้จะพาเขาไปใน ลัทธิกระบี่มาร ได้เนื่องจากมันช่วนให้เขาได้สิ่งที่ต้องการ
คำพูดของซูหยุน ทำให้เขาต้องคิด เขาก้มหน้าคิดเรื่องนี้
ซูหยุนจ้องตาไม่กระพริบแอบหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ
หลังจากนั้นไม่นานชายคนนั้นก็พยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะข้าจะพาท่านไป ลัทธิกระบี่มาร!”