Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 336
ตอนที่ 336 ไสหัวไปให้พ้นๆ!
ในขณะนี้ฝูงชนโดยรอบเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกัน
สํานักสวนศาลาสมุนไพรเป็นหนึ่งในสามกองกําลังที่มีความสามารถทางด้านการปรุงยาที่สูง รวมทั้งระดับ ความแข็งแกร่งสํานักของพวกเขานั้นก็อยู่อันดับต้นๆในโลกยุทธภพเช่นเดียวกัน
ทุกการกระทําของพวกเขาจึงสามารถดึงดูดความสนใจของฝูงชนที่อยู่ในเต็นท์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้จะมาจากกองกําลังอื่นๆ ที่มีความแข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนในที่นี้ที่มาจากกองกําลังที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสํานักสวนศาลาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ได้
หวังเสียน ได้ยินคําพูดของชายชราที่พูดกับเขา เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะยกถ้วยชาตรงหน้าเขามาจิบแล้วหันไปพูดกับคนทั้งสามคนที่มาจากสํานักสวนศาลาสมุนไพรด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ว่า”ที่นั่งอื่นไม่มีแล้วหรืออย่างไร?”
“ฮ่าๆๆ!” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินคําพูดของหวังเสียนเขาไม่สนใจปฏิกิริยาของหวังเสียนอีกต่อไปเขาหันไปมองที่ซุนหลิงซิ่วด้วยดวงตาที่เป็นประกายก่อนที่จะพูดว่า
“ข้าแน่ใจว่าแม่นางนั้นต้องเป็นเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์ หมอเทวะซุนหลิงซิ่วอย่างแน่นอนข้านั้นได้ยินชื่อเสียงความงดงามของแม่นางมานานมากแล้ว แต่เมื่อข้านั้นได้มาเจอตัวจริงของแม่นางข้านั้นถึงกับต้องตกตะล็งจนใจเต้นเลยทีเดียวเพราะว่าตัวจริงของแม่นางนั้นช่างงดงามเกินกว่าข่าวลือที่ข้าได้ฟังมาเสียอีก!”
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยื่นมือออกไปพร้อมกับยิ้มและทักทายเธอ “ข้ามีนามว่า เปี่ยนเหยาฉวนจากตระกูลเปี่ยนลูกศิษย์หลักสายตรงของสํานักสวนศาลาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์!” ขณะที่เขาแนะนําตัวเองชายหนุ่มก็ยิ้มพร้อมกับสะบัดหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น
“ชายหนุ่มคนนี้คือเบี้ยนเหยาฉวนอย่างนั้นเหรอ? เขานั้นเป็นลูกศิษย์หลักสายตรงของสํานักสวนศาลาสมุนไพรและมีโอกาสที่จะได้เป็นโอรสสวรรค์ว่าที่เจ้าสํานักคนต่อไปของสํานักเลยทีเดียว!”
“ผู้อาวุโสส่วนมากที่อยู่ในสํานักสวนศาลาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเป็นคนของตระกูลฮัวและตระกูลเบี้ยนและลูกหลานของคนทั้งสองตระกูลนี้มีโอกาสที่จะเป็นทายาทของสานักสวนศาลาสมุนไพรอย่างแน่นอน!”
“โอ้ว! ดูเหมือนว่าแม้แต่สาวกหลักของสํานักสวนศาลาสมุนไพร ก็ยังไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเจียงเฉิงได้ แต่ความงดงามของเธอนั้นก็เหมาะสมกับฉายาเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์ของเธอจริงๆ!”
เมื่อฝูงชนรอบข้างได้ยินคําแนะนําตัวของชายหนุ่มพวกเขาก็หันมากระซิบกระซาบพูดคุยกันเองเบาๆ
ซุนหลิงซิ่วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เย็นชา หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแต่เธอกลับมองไปที่หวังเสียน พร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
ชายชราที่มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆของ เปียนเหยาฉวน แสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว “เด็กน้อยเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะมานั่งที่ตรงนี้!” ชายชราพูดกับหวังเสียนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครอย่างงั้นเหรอ?” เมื่อฝูงชนรอบข้างได้ยินคําพูดของชายชราที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าพวกเขาก็มองไปที่หวังเสียนด้วยความสงสัย
มีเพียงไม่กี่คนที่พอจะจดจําใบหน้าของหวังเสียนได้ แต่พวกเขาบางคนก็ยังนึกไม่ออกและพยายามจะคิดทบทวนชื่อของเขาอยู่
“อย่างนั้นเหรอ?” แววตาของหวังเสียน เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันที ก่อนที่เขาจะมองไปยังชายชราสองคนและชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ “ถ้าอย่างนั้นต้องมีคุณสมบัติแบบไหนถึงจะสามารถนั่งที่ตรงนี้ได้กันล่ะ?” หวังเสียน ถามออกมาในขณะที่เขาใช้ปลายนิ้วแตะที่ดาบซานลู่ของเขาเบาๆ
“ไอ้เด็กอวดดี! คนอย่างแกไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งที่ตรงนี้อย่างแน่นอน!” ชายชราที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกมาในขณะที่เขาโบกมือส่งกลุ่มควันสีเขียวจางๆออกไปทางหวังเสียน
“ไอ้แก่หน้าผี! เก็บกลเม็ดหมาลอบกัดของแกเอาไว้กับตัวเองเถอะเคี้ยกๆๆ!” ในขณะนั้นเองออร่าสีแดงเลือดจางๆก็ลอยไปอยู่ตรงหน้าของหวังเสียน สกัดกั้นกลุ่มควันพิษสีเขียวให้สลายหายไปอย่างง่ายดายและพร้อมกันนั้นก็มีเสียงหัวเราะของหมอโลหิตดังก้องไปทั่วทั้งเต็นท์
“ฮ่ม! ฮ!” เกิดเสียงสองเสียงที่ไม่พอใจดังขึ้นมา เสียงหนึ่งนั้นดังมาจากเบี้ยนเหยาฉวนเมื่อเห็นว่าซุนหลิงซิ่วไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที
ส่วนเสียงที่สองดังมาจากชายชราที่ใบหน้ามีรอยแผลเป็น เขารู้สึกไม่พอใจที่หมอโลหิตนั้นเข้ามาขัดขวางความตั้งใจของเขาที่จะสั่งสอนหวังเสียน
“ชายวัยกลางคนชาวยุโรปคนนั้นคือหมอโลหิตผู้มีชื่อเสียงในยุโรป ตอนนี้เขานั้นเป็นผู้รับใช้ของเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์!”
“ถ้าอย่างนั้นชายหนุ่มรูปหล่อคนนั้นก็จะต้องเป็น…หมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิงอย่างนั้นใช่หรือไม่? เขาคือหมอเทวะหวังที่อยู่ในอันดับที่ 9 แห่งหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรอกเหรอ?”
“แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับสํานักสวนศาลาสมุนไพรเช่นนี้! มันเป็นการกระทําที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย!”
เมื่อฝูงชนรอบข้างเห็นการขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนทั้งสองกลุ่ม พวกเขาก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจกับการกระทําของคนพวกนี้มากเท่าไหร่นัก
“หลบออกไปให้พ้น! ที่นี่นั้นเป็นเขตของค่ายทหารไม่ใช่สํานักของพวกเจ้า ที่จะสามารถมาแสดงความยิ่งใหญ่และอวดดีของพวกเจ้าได้ การกระทําเช่นนี้นับว่าเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจยิ่งนัก!” สีหน้าและแววตาของซุนหลิงซิวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันทีเมื่อเห็นว่าชายชราที่มีแผลเป็นบนใบหน้าโจมตีหวังเสียนด้วยยาพิษ
ถึงแม้ว่าคนอื่นนั้นจะโจมตีและทําร้ายเธอ เธอก็จะไม่โกรธและโมโหมากถึงขนาดนี้
ในใจของเธอหวังเสียนนั้นเป็นคนที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาทําร้ายเขาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าเธอนั้นยังมีชีวิตอยู่เธอจะไม่มีทางยินยอมอย่างเด็ดขาด
ประกายแสงสว่างวาบอยู่ในดวงตาของเธออย่างรุนแรง ในขณะที่เธอจ้องมองไปยัง เปี่ยนเหยาฉวนและชายชราที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
อีกก!
ฝูงชนที่อยู่รอบข้างต่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สง่างามนั้นจะแสดงความโกรธเคืองออกมาอย่างมากมายเช่นนี้!
“เจ้า.. !”
เมื่อเปี่ยนเหยาฉวนได้ยินคําพูดของเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์ ที่เขาชื่นชมออกปากไล่พวกเขาอย่างรุนแรงเขาก็รู้สึกอับอายและตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
เขานั้นชื่นชมเธอและพูดคุยกับเธออย่างสุภาพ แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า เธอนั้นจะพูดคําพูดที่รุนแรงและทําให้เขาต้องอับอายท่ามกลางฝูงชนเช่นนี้
“เจ้าพวกเด็กอวดดี ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้า ให้รู้ว่าผลของการพูดจาอวดดีเช่นนี้นั้นมันจะเป็นเช่นไร!”
เมื่อชายชราทั้งสองคนได้ยินคําพูดของซุนหลิงซิ่ว พวกเขาก็แสดงความโกรธเคืองกันขึ้นมาและตั้งท่าเตรียมโจมตีซุนหลิงซิวกันในทันที
ปังงง!
” Fu*k! ไอ้แก่หน้าผีเวรตะไล! หูของพวกแกนั้นเน่ากันไปหมดแล้วอย่างนั้นรึ? ถึงไม่ได้ยินคําพูดของนายหญิงที่สั่งให้พวกแกนั้นไสหัวออกไปให้พ้น พวกแกคิดว่ายาพิษของพวกแกนั้นแน่มากนักหรือไร?”
เมื่อเห็นว่าชายชราทั้งสองคนกําลังจ้องมองและตั้งท่าจะโจมตีนายหญิงของเขา หมอโลหิตก็กระแทกหมัดลงบนโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับลุกขึ้นยืนตะโกนด่าออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ลักษณะท่าทางของเขานั้นเป็นชายวัยกลางคนที่ดูใจดีและยังอยู่ในชุดทักซิโด้ที่ดูเหมือนพ่อบ้านชาวอังกฤษที่สุภาพแต่คําพูดกับการกระทําของเขานั้นขัดแย้งกับรูปลักษณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง
บูมมม!
ในทันทีที่หมอโลหิตพูดจบ ชายชราทั้งสองคนก็ปลดปล่อยพลังพร้อมกับออร่าสีเขียวออกมาในทันที
“เจี๊ยกๆๆ! พวกแกต้องการที่จะต่อสู้อย่างนั้นหรือ? เออมันก็ดีเหมือนกัน เข้ามาเถอะไอ้แก่ผู้โลงผุ!”
เมื่อเห็นว่าชายชราทั้งสองคนแสดงพลังของพวกเขาออกมาและตั้งท่าพร้อมจะต่อสู้ หมอโลหิตก็ปลดปล่อยออร่าสีแดงเลือดออกมารอบๆตัวเขาอย่างรุนแรง
“ทุกๆท่าน! ได้โปรดสงบลงก่อน ที่นี่นั้นไม่ใช่สถานที่ที่พวกท่านจะมาต่อสู้กัน!”
ในทันใดนั้นก็มีเสียงอันทรงพลังแทรกขึ้นมาในทันที ชายวัยกลางคนในชุดทหารเดินออกมาเดือนพวกเขาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“เจ้าไม่เห็นสิ่งที่พวกมันกระทําหรอกหรือ! ไอ้แก่หน้าผีพวกนี้นั้นโจมตีพวกเราด้วยยาพิษก่อน!แล้วพวกเราจะต้องเกรงใจพวกมันอยู่อีกทําไม!”
เมื่อได้ยินคําพูดของนายทหารวัยกลางคนที่เดินมาห้ามพวกเขา หมอโลหิตที่ยังอยู่ในอารมณ์พลุ่งพล่านก็ชี้หน้าไปทางชายชราที่มีแผลเป็นบนใบหน้าในขณะที่เขาพูด
ชายชราทั้งสองคนรู้สึกคิ้วของพวกเขากระตุกขึ้นมาในทันที ในขณะที่ฟังคําพูดของหมอโลหิตประกายตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าเมื่อจ้องมองไปยังหมอโลหิต
“แล้วไอ้เด็กหน้าอ่อนคนนี้มีสิทธิ์อะไรถึงมานั่งที่ตรงนี้ได้!” เปี่ยนเหยาฉวน ยังคงไม่มีท่าทีที่จะเลิกราการหาเรื่องกับหวังเสียน
“เขานั้นเป็นหมอเทวะที่อยู่ในอันดับที่ 9 ของการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์ เขาคือหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง และยังเป็นหมออัจฉริยะที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกยุทธภพ!”
ในทันใดนั้นเสียงของหมอพิษหยาน ก็ดังขึ้นมา เขากําลังเล่นกับงูพิษสีดําในมือของเขาในขณะที่เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
เมื่อเปี่ยนเหยาฉวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตกตะลึงอยู่นาน และเริ่มรู้สึกอับอายขึ้นมาในทันที
“เชี่ยนเหยาฉวน?”
หวังเสียนเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชายหนุ่ม พร้อมกับพูดชื่อของเขาออกมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะพูดต่อไปอีกว่า “ข้าไม่เคยเห็นได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน คงได้แต่แอบอ้างชื่อเสียงของคนในตระกูลและสํานัก ทํากร่างอวดดีไปทั่ว คงจะมีก็แต่คนในสํานักและคนในตระกูลของเจ้าเท่านั้นกระมังที่รู้จักเจ้าแต่ในตอนนี้เจ้านั้นอยู่ที่โลกภายนอกใครจะไปรู้จักเจ้าและอีกอย่างข้าว่าเจ้านั้นไม่มีสิทธิ์จะเข้ามาเสนอหน้าที่โต๊ะนี้ด้วยซ้ํา ข้าว่าเจ้ารีบไสหัวไปให้พ้นๆเสียจะดีกว่า!”หวังเสียนพูดออกมาเสียงดังจนคนที่อยู่ภายในเต็นท์ได้ยินกันทั้งหมด
ฝูงชนโดยรอบต่างมองไปที่เปี่ยนเหยาฉวนอย่างเยาะเย้ย
มีหลายคนที่มาจากกองกําลังที่ลึกลับและซ่อนเร้น แม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่ได้มาจากกองกําลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณกันทุกคน
พวกเขาอาจจะไม่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับสํานักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขานั้นไม่ได้มีความเกรงกลัวชนชั้นระดับสาวกอย่างเปี่ยนเหยาฉวนอย่างแน่นอน เพราะผู้ฝึกตนในระดับก่อกําเนิดลมปราณนั้นย่อมมีศักดิ์ศรีในตัวของพวกเขาเองกันทุกคน
หากพวกเขานั้นยังกลัวแม้กระทั่งสาวกของสํานักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ การที่พวกเขาฝึกฝนและบ่มเพาะมาได้จนถึงในระดับนี้ นั่นก็คงจะเป็นการเสียเปล่าอย่างแท้จริง
“เจี๊ยกๆๆ! ไอ้เด็กฟันน้ำนมสีเหลือง ลองหันมองดูรอบๆตัวของแกเสียก่อน คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะตัวนี้ต่างมือเสียงติดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกยุทธภพกันทุกคน มิหนําซ้ําระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังอยู่ในระดับขั้นก่อกําเนิดลมปราณอีกด้วย แต่ตัวแกได้แต่นําชื่อเสียงของคนในตระกูลและสํานักเอามาอวดอ้างคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะอยู่ที่โต๊ะตัวนี้นั่นก็คือตัวแกนั่นแหล่ะไอ้เด็กขี้เปียกเคี้ยกๆๆ!” หมอโลหิตตะโกนด่าและเยาะเย้ยออกมาอย่างเมามัน
“กะ…แก!”
ดวงตาของเปี่ยนเหยาฉวน เป็นสีแดง…ไม่รู้ว่าเกิดจากความโกรธหรือเกิดจากอาการที่อยากจะร้องไห้ เขาจ้องมองไปที่หวังเสียนและหมอโลหิตเหมือนเด็กที่กําลังถูกรังแก
นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อและแม่ของเขาปล่อยให้เขานั้นออกมาสัมผัสโลกภายนอก เขาคิดฝันเอาไว้ว่าตัวเขานั้นจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองโด่งดังไปจนทั่วยุทธภพ แต่กระนั้นเพียงแค่ออกมายังไม่ถึงวัน…
“ตะ…แต่ข้านั้นเป็นนักปรุงยาระดับ 3 เชียวน้าา! พะ..พวกเจ้าไม่สามารถดูถูกข้าด้ายยย!”
จบบท