Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 330
ตอนที่ 330 สังหารโอรสสวรรค์!
คำพูดเขาหวังเสียนดังก้องไปทั่วทั้งสนามซ้อมหลักของสำนักเสียงสวรรค์
แต่อย่างไรก็ตามคนของสำนักเสียงสวรรค์ทั้งหมดไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ในตอนนี้แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวแต่อย่างใด พวกเขาแต่ละคนล้วนแต่ก้มหน้ามองต่ำไม่กล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้าขึ้นไปสบตามองกับหวังเสียน
บรรยากาศภายในสำนักเสียงสวรรค์เงียบเชียบและมืดมนลงจนน่าหดหู่ใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์พวกเขารู้สึกตื่นตกใจและหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
แรงกดดันอันทรงพลังที่ออกมาจากร่างกายของหวังเสียนในก่อนหน้านี้มันทำให้พวกเขาถึงกับตัวแข็งทื่อแทบจะไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสของพวกเขานั้นไม่กล้าพูดจาโต้ตอบใดๆกับนักฆ่าแห่งอเวจีทมิฬ หลังจากที่ถูกพูดจาเยาะเย้ยถากถาง พวกเขาก็ยิ่งแน่ใจในระดับความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั้ง 14 คนและยังมีวิหคยักษ์ที่เป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ฝึกยุทธที่มีระดับขั้นก่อกำเนิดลมปราณอีก 2 ตัว พวกเขายังไม่กล้าพูดจาตอบโต้กับนักฆ่าแห่งอเวจีทมิฬเหล่านี้เลยแม้แต่คำเดียว
แล้วพวกเขาที่เป็นเพียงแค่สาวกของสำนักเสียงสวรรค์ จะไม่ให้พวกเขานั้นหวาดกลัวได้อย่างไร?
“นี่!…. ชายสวมหน้ากากทมิฬคนนั้น! จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!”
ถังหยินซวง ที่ยังคงยืนอยู่มุมหนึ่งบนเวทีประลองจ้องมองไปที่ด้านข้างของหวังเสียน อย่างตั้งใจ
ถึงแม้ว่าหวังเสียน นั้นจะสวมหน้ากากทมิฬอยู่ แต่เธอก็ยังจำเขาได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือลักษณะท่าทางของเขา ถังหยินซวง สามารถจดจำมันได้อย่างแม่นยำ
เพราะรูปร่างของเขานั้นคงยังตราตรึงอยู่ในจิตใจของเธออย่างแนบแน่น!
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและมีรอยยิ้มที่อบอุ่น ได้นำอาวุธวิญญาณระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณที่เป็นเครื่องดนตรีอันดับ 1 ของโลกยุทธภพมามอบให้กับเธอเมื่อวานนี้
และในวันนี้เขาผู้นั้นยังมายืนอยู่ที่ตรงนี้ พร้อมกันนั้นคนของเขาก็ได้สังหารหลานสาวของรองเจ้าสำนักอย่างโหดเหี้ยมอีกด้วย
ฉากที่หวังเสียนยืนเผชิญหน้ากับเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์ เหมือนกับจอมเผด็จการผู้ชั่วร้าย ทำให้เธอรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ชั่วร้ายทรงพลังและเย่อหยิ่ง!
ถังหยินซวง ไม่สามารถจับคู่บุคลิกอันร้ายกาจของเขาในตอนนี้กับบุคลิกที่สงบนิ่งและมีรอยยิ้มที่อบอุ่นของเขาเมื่อวันก่อนขณะที่กำลังรับประทานอาหารร่วมกันได้
แต่สิ่งนี้กลับทำให้เธอนั้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด มันเป็นความลึกลับและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เธอสามารถรู้ตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขาได้
‘แล้วตัวตนอันแท้จริงของเขานั้นเป็นแบบไหนกันแน่นะ….!’ เธอพูดพึมพำออกมาเบาๆในขณะที่จ้องมองไปยังหวังเสียนที่ยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มของเหล่านักฆ่าแห่งอเวจี
“ฮ่าๆๆ! หากพวกเจ้าไม่ต้องการที่จะต่อสู้! ถ้าเช่นนั้นพวกข้าก็คงจะต้องขอตัวไปก่อนก็แล้วกันนะ!”
หวังเสียนหัวเราะออกมาเสียงดังและมองไปยังกลุ่มผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์อย่างหยิ่งผยอง
“โอ้วว จริงด้วยสิ!”
ในขณะนั้นเองหวังเสียน ก็หันมองไปยังทางด้านหนึ่ง
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์จ้องมองไปที่หวังเสียน ด้วยสายตาที่เคียดแค้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้พวกเขาทำได้แต่เพียงกัดฟันสะกดข่มความโกรธและความอับอายของพวกเขาเอาไว้
“บัญชีนี้ยังไม่ได้รับการชำระคืนทั้งหมด สาวกของพวกเจ้าสังหารคนของข้าสองคน ฉะนั้นตามหลักการชดใช้หนี้แล้วพวกข้าก็ต้องสั่งอาหารเพิ่มอีกหนึ่งคนเช่นเดียวกัน!”
เมื่อหวังเสียนพูดจบ เขาก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ ช่วงเวลาต่อมาหวังเสียนก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าโอรสสวรรค์เฉินจื่อจนเหมือนกับภูตผี
“เจ้ากล้าเหรอ?”
เมื่อหญิงชราเห็นหวังเสียนไปปรากฏตัวต่อหน้าโอรสสวรรค์แห่งสำนักเสียงสวรรค์ เธอก็รีบตะโกนออกมาในทันที
เธอหยิบพิณเสียงสวรรค์พร้อมกับกรีดนิ้วลงไปบนสายพินก่อนที่ใบมีดอันแหลมคมจะก่อตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับพุ่งไปทางหวังเสียนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
หวังเสียนไม่ได้หันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย แต่มังกรไฟศักดิ์สิทธิ์ที่วางหัวอยู่บนไหล่ของเขานั้นกลับพุ่งตัวออกมาพร้อมกับขยายตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ฮูมมมม!
เพียงแค่ลมหายใจที่พ่นออกมาทางจมูกของมังกรไฟศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถหลอมละลายมีดโลหะนับสิบเล่มให้ละลายหายไปได้ในทันที
เอื๊อกก!
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกลุ่มผู้อาวุโสและเหล่าสาวกแห่งสำนักเสียงสวรรค์ ก็ล้วนแล้วแต่ตกตะลึงกันไปในทันที
เพียงแค่จิตวิญญาณมังกรไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุไฟของผู้ทรงพลังระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนก็สามารถสกัดกั้นการโจมตีของผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
นี่คือขอบเขตของระดับความแข็งแกร่งที่พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้อย่างแท้จริง!
หวังเสียนไม่ได้ให้ความสนใจหญิงชราและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์เลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองไปที่โอรสสวรรค์เฉินจื่ออย่างเย็นชา
นี่คือชายหนุ่มที่ยั่วโมโหเขาเมื่อวันก่อนในตอนที่เขาเดินออกมาจากร้านอาหารกับถังหยินซวง
“มะ…ไม่! ท่านผู้อาวุโสพวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน! ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย…!”
ภายใต้หน้ากากทมิฬหวังเสียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ในตอนนี้เขาไม่สามารถมองเห็นท่าทางที่หยิ่งผยองและอวดดี ของชายหนุ่มคนนี้เหมือนที่เคยท้าทายและยั่วยุเขาเช่นในวันก่อนได้อีกต่อไป
ในตอนนี้ใบหน้าของโอรสสวรรค์เฉินจื่อซีดราวกับกระดาษขาว เขาร้องไห้และวิงวอนขอความเมตตาจนแทบจะคุกเข่าลงไปกับพื้น
“เมื่อวานนี้เจ้าเคยบอกเอาไว้ว่าต้องการที่จะสังหารข้าไม่ใช่หรอกหรือ!” หวังเสียน มองไปที่โอรสสวรรค์เฉินจื่อ ก่อนที่จะพูดทบทวนความทรงจำของเมื่อวานนี้ให้กับเขา
“อะ…อะไรน่ะ! ผะ…ผู้อาวุโสข้าจะพูดเยี่ยงนั้นกับท่านได้อย่าง…?”
ในขณะที่โอรสสวรรค์เฉินจื่อกำลังจะปฏิเสธและอ้อนวอนขอความเมตตากับชายสวมหน้ากากทมิฬที่อยู่ตรงหน้า ฉับพลันนั้นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในใจของเขาในทันที
ในตอนนี้ดวงตาของเขานั้นเบิกกว้างและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
‘มัน…มันเป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?’
ในตอนนี้หัวสมองของเขานั้นลั่นอื้ออึงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
‘ไอ้เด็กบัดซบคนเมื่อวานนี้กลับกลายเป็นผู้นำขององค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬ ที่เป็นองค์กรมือสังหารอันดับ 1 แห่งโลกยุทธภพได้อย่างไรกัน!?’
ในตอนนี้ความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเกาะกุมจิตใจของเขาจนทำให้ร่างกายของเขานั้นสั่นสะท้าน
เด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาเจ้าสำอางคนเมื่อวาน ที่เขาได้พูดจาเอาไว้อย่างกล้าหาญว่าจะตามไปสังหารในทันทีเมื่องานพิธีของสำนักเสียงสวรรค์จบลง!
กลับกลายเป็นตัวตนอันแข็งแกร่งและทรงพลังที่แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักก็ยังไม่กล้าจะต่อต้าน
ตอนนี้ร่างกายของเขานั้นสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขาของเขาอ่อนแรงจนทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังของเขาอย่างสิ้นหวัง
พรึบบบ!
รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏอยู่ภายใต้หน้ากากของหวังเสียน เขาสบัดมือเล็กน้อยก่อนที่เปลวไฟอันร้อนแรงจะเข้าปกคลุมไปจนทั่วร่างกายของโอรสสวรรค์เฉินจื่อ
ฟู่วววว!
ลูกไฟอันร้อนแรงสว่างวาบออกมาอยู่เพียงครู่เดียวก่อนที่ทั้งคนและเก้าอี้ที่อยู่ตรงนั้นจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านลอยกระจัดกระจายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
เชี่ยยยย!
เสียงของเหล่าผู้คนในสำนักเสียงสวรรค์คำรามออกมาด้วยความตกใจกลัวแทบจะพร้อมๆกัน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างและหัวสมองก็ว่างเปล่ากันไปนานเลยทีเดียว
หวังเสียหันกลับไปมองยังเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์ก่อนที่จะหัวเราะและพูดออกมาว่า
“ฮึๆๆ! เนื่องจากในตอนนี้ธุระของพวกเราก็เสร็จเรียบร้อยลงแล้ว! ต่อแต่นี้ไปองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬกับสำนักเสียงสวรรค์ของพวกเจ้าก็ไม่มีความบาดหมางกันอีกต่อไป! แต่หากว่าพวกเจ้านั้นไม่พอใจพวกเราก็พร้อมและยินดีเสมอที่จะเล่นกับพวกเจ้า ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะที่แหบพล่าอันน่าขนลุกของหวังเสียนลอดผ่านหน้ากากทมิฬ ดังก้องไปทั่วทั้งสนามฝึกซ้อมหลักของสำนักเสียงสวรรค์ ต่อจากนั้นหวังเสียน ก็พุ่งทะยานบินออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังเขาโม่ชิงหลง, โม่หยวนและเหล่านักรบมังกรคนอื่นๆ ก็พุ่งทะยานตามเขาไปอย่างใกล้ชิด แล้วค่อยๆหายลับตาไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันน่าหวาดกลัวของหวังเสียน
บรรดาผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักเสียงสวรรค์ จ้องมองไปที่ด้านหลังของพวกเขาด้วยใบหน้าที่ขมขื่นราวกับว่ากล้ำกลืนฝืนกินแมลงวันเข้าไป
“บัดซบ! หากอดีตท่านเจ้าสำนักของพวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราก็คงจะไม่ต้องทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้!” เจ้าสำนักแห่งสำนักเสียงสวรรค์ คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น เขากำหมัดแน่นจนฝ่ามือซีดขาว
กลุ่มองค์กรมือสังหารแห่งอเวจีทมิฬสิบคนได้บุกเข้ามาในสำนักเสียงสวรรค์ของพวกเขา เพื่อสังหารสาวกที่เป็นหลานสาวของรองเจ้าสำนักและยังสังหารโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์ระดับสูงของสำนักพวกเขาไปอีกด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการดูหมิ่นและหยามเกียรติของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“เฮ้ออ! ข้าจะรีบติดต่อและรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ท่านอดีตเจ้าสำนักทราบโดยเร็วที่สุด!”
หญิงชราถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวอย่างช้าๆ เธอก้มลงมองไปดูแฟ้มข้อมูลในมือของเธออย่างเงียบๆ
นักฆ่าแห่งองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬได้บุกเข้ามาสังหารสาวกของพวกเขาถึงในสำนัก สิ่งนี้ไม่สามารถยอมรับได้! พวกเขาจะต้องสะสางบัญชีนี้คืนอย่างแน่นอน
ต่อให้สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสาวกของสำนักเสียงสวรรค์ที่ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬก่อนก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำเช่นนี้กับสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในโลกยุทธภพได้
และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนนั่นก็คือต้องสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุในครั้งนี้ว่าข้อมูลที่อยู่ในแฟ้มนี้เป็นจริงหรือไม่อย่างไร?
ต่อให้หูชิงชิงผู้ที่เป็นต้นเหตุนั้นตายลงไปแล้วก็ตาม แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน หากมีผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง พวกเขาก็จะต้องได้รับการลงโทษเช่นเดียวกัน!
หญิงชรามองไปที่รองเจ้าสำนักก่อนที่เธอจะเดินออกไป
เหล่าผู้อาวุโสที่ยืนอยู่รอบๆต่างก็สูดลมหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้ง พวกเขารู้สึกค่อนข้างโล่งใจมากเลยทีเดียวที่เรื่องนี้สามารถจบลงไปได้เสียที
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทยอยกลับไปที่ภูเขาหลักเพื่อรอหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
“เฮ้อออ! ช่างน่ากลัวมากเลยจริงๆ!”
“นักฆ่าแห่งอเวจีเหล่านั้นแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว ขนาดเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของพวกเรายังไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาเลย!”
“มันน่าจะเป็นอย่างที่เขาร่ำลือกันในโลกยุทธภพว่าความแข็งแกร่งขององค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬนั้น มีมากพอๆกับสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว!”
“อาจจะเป็นเพราะท่านอดีตเจ้าสำนักของพวกเรานั้นไม่อยู่ที่นี่ก็ได้ คนพวกนั้นถึงได้กล้าหยิ่งผยองมากเช่นนี้ รวมถึงท่านเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ไม่กล้าที่จะลงมืออย่างผลีผลาม คนพวกนั้นจึงคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเราหวาดกลัวพวกเขา!”
“คงไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียวหรอก! เจ้าดูที่บนพื้นเวทีประลองให้ดีสิ ขนาดหินบนพื้นเวทีประลองนั้นทำมาจากหินภูเขาที่แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ ยังพังยับเยินเสียหายมากขนาดนั้น นี่แสดงว่าพวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนที่มีจิตวิญญาณของมังกรไฟศักดิ์สิทธิ์คนนั้นน่าจะแข็งแกร่งมากที่สุดเลยทีเดียว!”
“แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขานั้นถึงต้องลงมือสังหารโอรสสวรรค์เฉินจื่อด้วยล่ะ!”
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นความโชคร้ายของศิษย์พี่เฉินจื่อเสียมากกว่า คนพวกนั้นคงไม่ได้จำเพาะเจาะจงที่ใคร เพียงแต่ศิษย์พี่เฉินจื่อนั้นอยู่ใกล้และโชคร้ายมากก็เท่านั้นเอง!”
“ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตและไร้เหตุผลสมกับที่เป็นองค์กรมือสังหารอันดับ 1 แห่งโลกยุทธภพจริงๆ!”
เหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์ที่อยู่รอบ ๆ สบตากันและกระซิบพูดคุยกันเบา ๆ ในหมู่ของพวกเขาเอง
และหลังจากนี้หากข่าวแพร่กระจายออกไปในโลกยุทธภพชื่อเสียงของสำนักเสียงสวรรค์คงจะต้องตกต่ำลงอย่างแน่นอน
สำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกรุกรานโดยองค์กรมือสังหารเพียงแค่สิบคน แต่ไม่สามารถโต้ตอบพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย!
และสิ่งนี้ก็จะทำให้เหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์นั้นต้องลดความเย่อหยิ่งลงไปด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อต้องออกไปยังนอกสำนัก
“แล้วด้วยเหตุอันใดนักฆ่าแห่งอเวจีพวกนั้นถึงได้กล่าวว่าศิษย์พี่หญิงหูชิงชิงจ้างวานนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารมนต์ดำมาจัดการคู่แข่งจนทำให้คนของพวกเขานั้นต้องเสียชีวิตด้วยล่ะ?”
“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน! แต่เรื่องนี้ก็คงต้องรอให้เหล่าผู้อาวุโสสรุปผล พวกเจ้าอย่าพูดออกไปจะดีกว่าไม่เช่นนั้นอาจจะโชคร้ายเอาก็ได้ เจ้าไม่เห็นท่าทางของท่านผู้อาวุโสสูงสุดที่แสดงความโมโหออกมาหรอกหรือ ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่มากเลยทีเดียว!”
ในขณะนี้เหล่าสาวกหลายคนของสำนักเสียงสวรรค์ ต่างนึกถึงคำพูดของนักฆ่าแห่งอเวจีได้ พวกเขามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของหูชิงชิงที่อยู่บนเวทีประลองด้วยความสังเวชใจ
“เฮ้อออ! ใครจะคาดคิดว่าวันนี้ จะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้!”
ถังหยินซวงมองไปที่พิณห่าวจงในมือของเธอ ก่อนที่จะหันมองไปยังร่างของหูชิงชิงและจุดที่โอรสสวรรค์เฉินจื่อเคยอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมาด้วยความสงสารพวกเขา
เธอนั้นรู้ว่าทำไมหูชิงชิงถึงถูกคนขององค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬนั้นฆ่า และยังรู้สาเหตุที่หวังเสียนลงมือกับโอรสสวรรค์เฉินจื่ออีกด้วย
‘สิ่งนี้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของพวกเขาเอง หากไม่ใช่ว่าเพราะมีการต้องการตำแหน่งธิดาสวรรค์มากจนเกินไป หูชิงชิงก็คงจะไม่จบชีวิตลงเช่นนี้ และหากโอรสสวรรค์เฉินจื่อไม่ไปยั่วยุหวังเสียน ที่น่าจะมีความแข็งแกร่งในระดับขอบเขตเม็ดยาเซียน เขาก็คงจะไม่ต้องเสียชีวิตลงโดยไม่เหลือแม้แต่ซากศพเช่นนี้!”
ถังหยินซวง หลับตาลงพร้อมกับปรับอารมณ์เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะค่อยๆเก็บพิณห่าวจงอย่างระมัดระวัง
หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ตำแหน่งของเธอนั้นก็คือธิดาสวรรค์แห่งสำนักเสียงสวรรค์อย่างเป็นทางการ และยังเป็นทายาทศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถได้รับตำแหน่งว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปอีกด้วย
……….
จบบท