Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 322 แค่โจมตีครั้งเดียวก็พอแล้ว!
- Home
- All Mangas
- Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ
- ตอนที่ 322 แค่โจมตีครั้งเดียวก็พอแล้ว!
ตอนที่ 322 แค่โจมตีครั้งเดียวก็พอแล้ว!
“ศิษย์น้องถัง ศิษย์พี่เฉินจื่อพยายามช่วยเหลือเจ้ามาตั้งหลายครั้งแต่เจ้าก็ไม่เคยเห็นคุณค่าในสิ่งที่ศิษย์พี่ได้กระทําให้เจ้าเลย หรือว่าเจ้ากับชายหนุ่มคนนั้นเป็นคู่รักกันอย่างนั้นหรือ!” สาวกหญิงคนหนึ่งพูดออกมา พร้อมกับยิ้มเยาะ
“ใช่! ศิษย์พี่เฉินจื่อ คอยดูแลเจ้ามาตลอดแต่เจ้ากลับไม่สนใจใยดี ขนาดอาวุธวิญญาณอย่างพิณเทียนโม่ ศิษย์พี่ยังยินดีมอบให้เจ้านําไปใช้ในวันพรุ่งนี้เลย แต่เจ้านั้นกลับไม่เห็นคุณค่า และยังไปยอมรับพิณของเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนคนนั้นเสียอีก ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ากับเขาจะเป็นเพียงแค่เพื่อนกันธรรมดาเท่านั้นหรอกนะ!”
สาวกหญิงและชายหลายคนของสํานักเสียงสวรรค์พูดจาล้อเลียนถังหยินซวง ก่อนที่จะหันไปมองยังหวังเสียน
เมื่อโอรสสวรรค์เฉินจื่อ ได้ยินสิ่งที่สาวกคนอื่นๆพูด เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจกับการกระทําของถังหยินซวงมากขึ้นไปอีก
เขานั้นเป็นถึงโอรสสวรรค์แห่งสํานักเสียงสวรรค์ และอาจจะได้เป็นถึงเจ้าสํานักคนต่อไป เขาคอยตามถังหยินซวง มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ของขวัญหลายอย่างที่เขาเคยมอบให้กับเธอ ก็ถูกเธอปฏิเสธเสียทั้งหมด และการคัดเลือกธิดาสวรรค์ที่สําคัญมากในวันพรุ่งนี้เขาก็ยังเสนอจะให้เธอยืม พิณเทียนโม่ ที่เป็นอาวุธวิญญาณชิ้นสําคัญของเขาเธอก็ยังจะปฏิเสธความหวังดีของเขาอีก
เขาถึงกับยอมไม่สนใจความไม่พอใจของท่านรองเจ้าสํานัก เพราะลูกสาวของรองเจ้าสํานักและถังหยินซวงต้องต่อสู้กันในวันพรุ่งนี้
และในท้ายที่สุด ถังหยินซวง ก็ยังปฏิเสธความช่วยเหลือที่จริงใจของเขา แต่เธอกลับไปรับพิณจากเจ้าหนุ่มหน้าหล่อคนนี้ มันจะไม่ทําให้เขารู้สึกโกรธได้อย่างไร!
และหากมีคนมาบอกว่าทั้งสองคนนั้นไม่มีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน เขาไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด
ถังหยินซวง ได้ยินคําพูดของเหล่าสาวกคนอื่นๆ เธอก็เริ่มรู้สึกโกรธและอับอายขึ้นมาในทันที เมื่อถูกพวกเขานั้นกล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเช่นนี้
“อ่ะแฮ่ม…แฮ่ม!” ในขณะนี้หวังเสียน ก็กะแอมไอขัดจังหวะออกมา สองสามครั้ง เขามองไปที่เหล่าสาวกของสํานักเสียงสวรรค์และพูดออกมาว่า “พวกเจ้าทุกคนควรพูดจาให้มันมีเหตุผลมากกว่านี้ ข้ากับแม่นางถัง นั้นเป็นแค่เพื่อนที่บริสุทธิ์ใจต่อกันอย่างแท้จริงแล้วอีกอย่างข้าก็มีคู่รักอยู่แล้ว!”
หวังเสียน กล่าวต่อว่า ”และสิ่งของที่ข้านํามาให้แม่นางถังในครั้งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งของห่วยๆ อย่างที่พวกเจ้าพูด หรือว่าพวกเจ้านั้นชอบนําของห่วยๆมอบให้เป็นกับผู้อื่นเพื่อเป็นของขวัญอย่างนั้นหรือ?”
“แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่เคยรู้จักพวกเจ้า! การกล่าวหาผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเช่นนี้พวกเจ้าเคยเรียนรู้เรื่องมารยาทกันมาก่อนบ้างหรือไม่?”
คําตอบของ หวังเสียน ทําให้กลุ่มสาวกของสํานักเสียงสวรรค์ เริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาในทันที
“เจ้าไม่รู้จักโอรสสวรรค์เฉินจื่อแห่งสํานักเสียงสวรรค์อย่างนั้นรึ? ไอ้บ้านนอกเอ้ย! ข้าจะบอกให้เอาบุญ ศิษย์พี่เฉินจื่อคือเทียนเจียวอันดับที่ 9 ของกลุ่มเยาวชนที่โดดเด่นมากที่สุดในโลกยุทธภพในตอนนี้ ฮึๆๆ! ที่นี้รู้แล้วหรือยังว่าเจ้ากําลังพูดอยู่กับใครอยู่ไอ้เจ้าคนบ้านนอก!”
“มันเป็นแค่เพียงกบกันบ่อตัวนึงที่ไม่รู้จักท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ข้าก็อยากจะถามเจ้ามากจริงๆว่าเจ้านั้นมาจากสํานักอะไร ถึงได้กล้าอวดดีและหยิ่งผยองเช่นนี้” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปที่หวังเสียน อย่างเย้ยหยัน
“ฮึๆๆ! ถ้ามีเวลาพวกเราคงได้ทําความรู้จักกันมากกว่านี้!” หวังเสียน ยิ้มแล้วตอบออกมาอย่างคลุมเครือ
” ดูเหมือนว่าเจ้าก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก! แล้วจะต้องรอวันอื่นทําไมล่ะ พวกเราสามารถลองดูเดี๋ยวนี้เลยก็ได้!”
เมื่อเห็นว่าหวังเสียนปฏิเสธที่จะพูดถึงสํานักของตัวเองและบ่ายเบี่ยงที่จะทดสอบฝีมือกับพวกเขา โอรสสวรรค์เฉินจื่อ ก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา เขาสะบัดมือเล็กน้อย ในทันใดนั้นก็มีขลุ่ยยาวปรากฏขึ้นบนมือของเขาขึ้นมาในทันที
ขลุ่ยสีทองหมุนอยู่ในมือของเขาและชี้ไปที่หวังเสียนอย่างท้าทาย ออร่าและบรรยากาศโดยรอบนั้นถูกบิดเบือนขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
“นี่คืออาวุธสํารองของข้ามันชื่อว่า ขลุ่ยจิ๋วหลั่ว [ขลุ่ยประกายทอง]!”
“ศิษย์พี่เฉินจื่อ เจ้าอันธพาลน้อยหน้าอ่อนคนนี้ไม่เหมาะจะเป็นคู่มือกับศิษย์พี่หรอกขอรับ! มันจะทําให้มือของศิษย์พี่นั้นสกปรกเสียเปล่าๆ ศิษย์พี่เฉินจื่อปล่อยให้ข้าลงมือสั่งสอนมันเองเถอะ เพียงแค่ข้าคนเดียวก็สามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดายแล้วขอรับ!”
สาวกหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นศิษย์น้องของโอรสสวรรค์เฉินจื่อ มองไปที่หวังเสียน ด้วยสายตาที่ดูถูกพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยออกมา ก่อนที่เขาจะกางมือของเขาทั้งสองข้างออกมาช้าๆเหมือนกับนักร้องที่เตรียมร้องเพลงแร็พ พร้อมกับเปล่งเสียงร้องออกมาจากปากของเขา
“♪ เก็บทรงไม่อยู่ … ♩♬♭♯…♪♪♫ …มันเป็นเพราะควันใช่ไหม…♫♩♪~!”
ทันใดนั้นเสียงเพลงและอ่อร่าอันแปลกประหลาดก็พุ่งตรงเข้าไปยังจิตใจของหวังเสียน อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นรอบๆตัวของหวังเสียน ก็เกิดลมหมุนคล้ายกับควันสีขาวที่เปลี่ยนเป็นโน้ตดนตรีลอยเข้าไปที่หูของหวังเสียน เพื่อโจมตีจิตใจและสร้างผลกระทบให้กับเขา ซึ่งหากเป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปหรือตัวผู้แปลเองจะต้องลุกขึ้นมาเต้นท่าเมาๆในทันทีอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มจ้องไปที่หวังเสียนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทําให้ หวังเสียน แสดงความน่าอับอายของเขาออกมา
เหล่าศิษย์รอบข้างของสํานักเสียงสวรรค์ก็มองเขาด้วยท่าทางเยาะเย้ย
ในฐานะสาวกของสํานักเสียงสวรรค์วิธีการโจมตีของพวกเขานั้นน่ากลัวกว่าสํานักอื่นๆ เป็นอย่างมากเพราะมันเป็นการสร้างภาพลวงตาและโจมตีจิตใจโดยตรง
พวกเขาสามารถรวมพลังงานของพวกเขาเป็นเสียงเข้าไปสะกดและตรึงจิตใจของคู่ต่อสู้ได้โดยตรง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณหากไม่ระวังตัวให้ดี ก็อาจจะสูญเสียความนึกคิดของตัวเองไปได้เช่นกัน
ในมุมมองของพวกเขาอีกไม่นานหลังจากนี้ หวังเสียน ที่ทําท่าเย่อหยิ่งและอวดดี จะต้องลุกออกมาเต้นท่าแปลกประหลาดที่น่าขายหน้าอย่างแน่นอน
เปรี๊ยะ! เพล้งงงง!
แต่ในทันใดนั้นเองเสียงคล้ายกับกระจกบานใหญ่แตกก็ดังขึ้นมา จนเสียงดังสะท้านไปทั่วบริเวณ
กระแสพลังสีทองของธาตุโลหะได้กระจายตัวออกไปคล้ายกับเป็นมีดแหลมคม ทําลายออร่า พลังที่เป็นรูปร่างของตัวโน้ตดนตรีจนแตกสลายลงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นคมมีดโลหะขนาดเล็กก็พุ่งตรงไปยังฝ่ามือของชายหนุ่มคนนั้นที่กําลังแสดงท่าสแคสแผ่นเสียงกลางอากาศ
อ๊ากกกก!
ชายหนุ่มคนนั้นร้องออกมาด้วยความตกใจและเจ็บปวด เขารีบยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาดูในทันที
บาดแผลที่ยาวและลึกมากจนเห็นกระดูก ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเขา เลือดสดๆไหลทะลักออกมาจนเหมือนกับก๊อกน้ำรั่ว
“แก…แกกล้าลงมือทําร้ายข้าเชียว”
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา เขากุมมือข้างที่บาดเจ็บของเขาไว้ พร้อมกับจ้องมองไปที่หวังเสียน อย่าเคียดแค้น
อึก!
เมื่อเหล่าสาวกของสํานักเสียงสวรรค์เห็นบาดแผลที่มือของชายหนุ่มคนนั้น พวกเขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก บางคนกลืนน้ำลายลงคอจนเสียงดังออกมา
“หืมมม?”
โอรสสวรรค์เฉินจื่อ ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที แววตาของเขาแสดงเจตนาสังหารออกมาอย่างรุนแรง เขาจ้องมองไปที่ดาบในมือของหวังเสียน และพูดออกมาว่า “ ถือว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว แต่ก็อวดดีมากเกินไป เจ้ากล้าลงมือทําร้ายศิษย์ของสํานักเสียงสวรรค์ เจ้าอยากตายมากนักใช่ไหม!”
ในขณะที่เขาพูดเขาขยับขลุ่ยจิ๋วหลั่วในมือของเขาและชี้ตรงไปที่หวังเสียน ช่วงเวลาต่อมาพลังคลื่นเสียงอันรุนแรงก็พวยพุ่งออกมา
สาวกชายคนนั้นของสํานักเสียงสวรรค์เป็นฝ่ายที่เริ่มโจมตีหวังเสียน ก่อน แต่พอหวังเสียนตอบโต้กลับ คนพวกนี้กลับตั้งข้อกล่าวหาว่าหวังเสียนนั้นทําร้ายพวกเขา ช่างไร้เหตุผลเป็นอย่างมากทีเดียว
“ศิษย์พี่เฉินจื่อ เขาเป็นเพื่อนของข้า ได้โปรดไว้หน้าข้าด้วย!”
ถังหยินซวง ตกใจมาก เธอรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการโจมตีของโอรสสวรรค์เฉินจื่อ
เธอกลัวจริงๆว่าหลังจากที่เฉินจื่อโจมตีหวังเสียนแล้ว หวังเสียนจะฆ่าโอรสสวรรค์เฉินจื่อในทันที หลังจากนั้นเรื่องคงไม่จบลงง่ายๆอย่างแน่นอน
และนอกจากนี้เธอยังรู้สึกประหลาดใจกับคุณลักษณะธาตุประจําตัวของหวังเสียนอีกด้วย
ถ้าเธอจําไม่ผิดในก่อนหน้านี้ระหว่างการต่อสู้กับเหล่ามือสังหารจากองค์กรมือสังหารมนต์ดําที่ทะเลสาบเหลียนเฟิงเขานั้นใช้การโจมตีด้วยธาตุน้ำ แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขานั้นกลับใช้พลังของธาตุโลหะ
(จากตอนที่ 278-280)
“ฮึ! เพื่อนของเจ้าอย่างนั้นรึ?”
เมื่อเห็น ถังหยินชวง เอาตัวเข้ามาปิดกั้นการโจมตีของเขา ใบหน้าของเฉินจื่อก็มืดมนลงในทันที
“มันผู้นี้นั้นกล้าโจมตีลูกศิษย์ของสํานักเสียงสวรรค์ ข้าในฐานะโอรสสวรรค์แห่งสํานักเสียงสวรรค์จะต้องสั่งสอนมันให้รู้สํานึกว่าคนของสํานักเรานั้นไม่ใช่จะมารังแกกันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เจ้าในฐานะที่เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของสํานักเสียงสวรรค์ต้องการที่จะหยุดข้าจริงๆอย่างนั้นหรือ?”
ขณะที่เขาพูดเขาจ้องเขม็งไปที่ถังหยินซวงด้วยความโกรธ เจตนาสังหารที่มีต่อหวังเสียนก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทันที
“ฮึๆๆ! เป็นพวกเจ้าที่ลงมือกับข้าก่อนเองแท้ๆ แต่ยังกลับหาว่าข้านั้นไปลงมือทําร้ายคนของพวกเจ้าก่อนช่างน่าขํายิ่งนัก แล้วอีกอย่างนึงโอรสสวรรค์ของสํานักเสียงสวรรค์อะไรนั่นข้าไม่เห็นจะรู้จัก แล้วยิ่งเทียนเจียวอันดับที่ 9 แห่งโลกยุทธภพที่เจ้าว่าข้าก็ไม่เคยคิดจะสนใจ!”
“ในสายตาของข้าโอรสสวรรค์หรือเทียนเจียวอันดับที่ 9 เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวของข้าก็มากจนเกินพอแล้ว!”
ควับๆ!
เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าเขาพยายามที่จะโจมตีเขาการแสดงออกของหวังเสียนก็เปลี่ยนไป เขายกดาบซานลู่ของเขาออกมาพร้อมกับกวักมือท้าทายด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา
“ฮึ่มไอ้บัดซบ! ข้าจะทําให้เจ้าหุบปากเหม็นๆของเจ้าเสีย!”
เมื่อเห็นว่าหวังเสียนยกดาบขึ้นมาและท้าทายเขา เจตนาสังหารของเฉินจื่อที่มีต่อหวังเสียนอยู่แล้วก็ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เขายกขลุ่ยจิ๋วหลั่วของเขาออกมาพร้อมกับเป่ามันขึ้นมาในทันที
วูวูวว!~~
ออร่าคลื่นเสียงของขลุ่ย แทรกมาพร้อมกับคมมีดของธาตุโลหะที่แหลมคม พุ่งตรงเข้าไปโจมตีที่หวังเสียนอย่างรวดเร็ว
แต่อย่างไรก็ตามหวังเสียนได้ดึงดาบซานลู่ ออกมาจากฝักครึ่งนึงแล้ว เพียงแค่เผยคมดาบออกมา คลื่นเสียงและคมมีดโลหะที่พุ่งเข้ามานั้นก็สลายหายไปในทันที
แต่กระนั้นกระแสคลื่นแสงคมดาบของดาบซานลู่ก็ยังไม่ได้หยุดลง มันพุ่งตรงเข้าไปเฉือนขลุ่ยจิ๋วหลิ่วในมือของเฉินจื่ออย่างรวดเร็ว
พิ้งงงง!
ก่อนที่โอรสสวรรค์เฉินจื่อจะทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ คลื่นแสงคมดาบได้ผ่าขลุ่ยจิ๋วหลั่วจนขาดครึ่ง และคลื่นแสงคมดาบยังเลยทะลุออกไปโดนไหล่ของเฉินจื่ออีกด้วย
“อ้าาา! นี่มัน! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
โอรสสวรรค์เฉินจื่อรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบกระโดดถอยออกไปทางด้านหลังในทันที
แต่อย่างไรก็ตามไหล่ของเขานั้นได้รับบาดเจ็บไปก่อนแล้ว เสื้อของเขานั้นจึงถูกย้อมจนเป็นสีแดงไปครึ่งตัว
เคร้งงงง!
พร้อมกันนั้นขลุ่ยจิ๋วหลั่วที่โดนผ่าครึ่งในมือของเขาก็ตกลงมาบนพื้นจนเกิดเสียงดัง
การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทําให้อาวุธในมือของโอรสสวรรค์แห่งสํานักเสียงสวรรค์ถูกผ่าครึ่ง และตัวเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
“ฮึ! ช่างอ่อนแอเสียจริงๆ!”
หวังเสียน สอดดาบซานลู่ที่ชักออกมาได้เพียงครึ่งเดียวกลับเข้าไปในฝัก พร้อมกับมองไปยังเหล่าสาวกของสํานักเสียงสวรรค์ด้วยสายตาที่เย็นชา
เขาสามารถสยบโอรสสวรรค์แห่งสํานักเสียงสวรรค์โดยที่ยังไม่ทันได้ชักดาบออกมาจนสุดดาบเสียด้วยซ้ำ
“แล้วเราคงจะได้พบกันอีกครั้ง หากมีโชคชะตาที่เกี่ยวพันกัน!” หวังเสียนมองไปที่ถังหยินช่วงและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินจากไปอย่างสงบเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ถังหยินซวงยืนจ้องมองไปที่ด้านหลังของหวังเสียน ที่กําลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอรู้สึกใจหายและเหมือนกับว่ากําลังสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป!