Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 308
“ค่ะท่านพี่! ขอบคุณพี่ชายและพี่สาวสําหรับของขวัญ!”
กวนชูชิง โค้งตัวคํานับพร้อมกับกล่าวคําขอบคุณไปยังชายชราและหญิงชรา ทั้งสองคนด้วยความเคารพ
” ฮ่าๆๆ! ยินดีต้อนรับเจ้านะน้องสาว หลังจากนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วหากมีสิ่งใดที่พวกเราสามารถช่วยเจ้าได้ก็อย่าลังเลที่จะบอกกับพวกเราเลยนะ!” ชายชราสูงอายุซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของผู้เฒ่าซุยพูดออกมาตัวยทําทางที่ใจดี
“ใช่แล้วน้องสาวซูชิง! ถึงแม้ว่าพวกเราจะอายุห่างกันค่อนข้างมากแต่ในตอนนี้เจ้าก็ถือได้ว่า เป็นน้องสาวของพวกเราคนนึงเลยทีเดียว!” หญิงชรา บุตรสาวของผู้เฒ่าขุยพูดเสริมออกมาด้วย รอยยิ้มและจับมือเธอด้วยความเอ็นดูและรักใคร่
ผู้เฒ่าทั้งสองนั้นน่าจะมีอายุมากกว่า 90 ปีแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังดูแข็งแรงเหมือนกับผู้เฒ่าซุย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอายุมากแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็มีสุขภาพที่ดีเนื่องจากพวกเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณเช่นเดียวกัน
ลักษณะของพวกเขานั้นเหมือนคนแก่ที่ใจดีทั่วๆไป อาจจะเป็นเพราะพวกเขานั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารภายในตระกูลมานานแล้ว จึงไม่มีความตึงเครียดและอาการเหนื่อยล้าจากการที่ต้องทํางานหนัก พวกเขาจึงดูมีความสุขและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
“น้องสาวนี้คือลูกแก้วเปลวเพลิงสมบัติจิตวิญญาณชนิดหนึ่ง แต่มันค่อนข้างที่จะมีข้อบกพร่องอยู่บ้างเล็กน้อย น่าเสียดายจริงๆที่ข้านั้นไม่สามารถหาของขวัญที่ดีกว่านี้มาให้เจ้าได้ แต่ข้าก็หวังว่าสิ่งนี้อาจจะมีประโยชน์กับน้องสาวไม่มากก็น้อย เพราะอย่างไรเสียสิ่งนี้ก็สามารถใช้เพื่อป้องกันการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณขั้นสูงสุดได้ถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว!
“น้องเล็กนี่คือเม็ดยาระดับ 3 ที่ข้านั้นปรับแต่งและปรุงขึ้นมาเองกับมือ มันเป็นเม็ดยาระดับสูงที่สุดที่ข้านั้นสามารถปรุงออกมาได้ สรรพคุณของยาชนิดนี้สามารถช่วยบํารุงผิวพรรณของหญิงสาวให้สดใสและขาวผ่องนวลเนียนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว!”
“ส่วนนี้คือกริชหยกเขียว อาวุธที่ข้าหลอมสร้างขึ้นมาเองมันทํามาจากหยกระดับสูงที่ได้มา จากประเทศหินหยก ข้านั้นไม่รู้ว่าน้องสาวคนเล็กใช้อาวุธชนิดใด แต่กริชเล่มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจในบรรดาอาวุธทั้งหมดที่ข้าสร้างออกมาเลยทีเดียว!”
ชายชราอีกสามคนนของขวัญของพวกเขาออกมาและส่งมอบให้กับ กวนชูชิง
“ข้าขอขอบคุณท่านพี่ทุกๆท่านเป็นอย่างมากเลยค่ะ!” กวนอูชิง ยิ้มและกล่าวขอบคุณพวกเขาออกมาด้วยความเคารพในทันที
“เอ้อ!! พวกเราได้ยินมาว่าน้องสาวนั้นเพิ่งจะเริ่มฝึกฝนวิชายุทธได้เพียง 1 เดือนเท่านั้นเอง แต่ก็สามารถก้าวเข้าสู่ระดับนักรบขั้นที่ 9 ได้แล้วอย่างนั้นหรอ? พวกเรารู้สึกละอายใจมากเลยจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าแล้ว เจ้านั้นอาจจะสามารถก้าวไปถึงระดับเดียวกับท่านพ่อในอีกไม่นานหลังจากนี้ก็เป็นได้
ขายและหญิงชราทั้ง 5 คนนี้คือบุตรชายและบุตรสาวของจักรพรรดิซุย
และพวกเขายังมีสถานะเป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิซุยอีกสถานะหนึ่งด้วย
ฉะนั้นเมื่อพวกเขาเห็นความสามารถในการฝึกฝนและบ่มเพาะของ กวนชูชิง ที่มีพรสวรรค์ระดับสูงและสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็รู้สึกดีใจแทนบิดาของพวกเขาเป็นอย่างมาก
พวกเขารู้ว่าบิดาของพวกเขานั้นตะเวนออกตามหาลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเขามานานกว่า 20 ปี แล้ว และในตอนนี้บิดาของพวกเขานั้นก็สามารถได้พบกับลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์อย่างที่เขาต้องการได้แล้ว
“ข้าขอขอบคุณอีกครั้งสําหรับของขวัญที่มีค่าทุกๆชิ้นที่พวกท่านที่นํามามอบให้กับข้า ข้าชอบพวกมันมากเลยค่ะ!”
กวนชูชิง รู้สึกลําบากใจเล็กน้อยกับของขวัญที่มีมูลค่าสูงมากเช่นนี้ ถึงแม้ว่า เธอจะชอบของขวัญพวกนี้มากก็ตาม แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าของพวกนี้นั้นมันมีค่ามากเกินไปเธอจึงรู้สึกเกรงใจและกระดากอายเป็นอย่างมาก
หวังเสียนที่มองดูเหตุการณ์อยู่นั้นยิ้มออกมาบางๆ ผู้คนในตระกูลซุยนั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี และใจกว้างมากเลยจริงๆ? ลักษณะนิสัยพวกนี้คงจะได้มาจากตาเฒ่าซุยอย่างแน่นอน!
“ข้าจักรพรรดิซุย ไม่ได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งของพวกเจ้ามาเกือบ 10 ปีแล้ว ลูกหลานรุ่นที่ 5 ของตระกูลซุยในตอนนี้ก็คงจะมีอายุเกือบจะ 20 ปีกันแล้วกระมัง เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจงแสดงความสามารถและปีกขั้นการบ่มเพาะของพวกเจ้าให้ข้าตรวจสอบดูว่าในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเจ้านั้นอยู่ที่ระดับใด?” ซุยหวาง มองไปยังเบื้องล่างและพูดกับเหล่าสาวกของตระกูลฮุยทุกคน
“ครับท่านปู่! ลูกหลานรุ่นที่ 5 ของตระกูลซุยก้าวออกมามาข้างหน้าเดี๋ยวนี้! และแสดงความสามารถของพวกเจ้าให้ท่านบรรพบุรุษได้ดู!”
ผู้นําตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลฮุยยืนขึ้นและตะโกนใส่กลุ่มสาวกรุ่นที่ 5
กลุ่มเด็กชายเด็กหญิงและวัยรุ่นหนุ่มสาวลุกขึ้นยืนในทันที และที่น่าตกใจมากนั่นก็คือ เด็กในตระกูลซุยรุ่นที่ 5 นี้มีกันเกือบร้อยคน
“ยกหม้อน้ำหนัก!” ผู้นำตระกูลซุยตะโกนสั่งออกมาเสียงดัง
กลุ่มลูกหลานตระกูลซุยรุ่นที่ 5 ต่างพยักหน้าและก้าวเดินไปยังหม้อขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางลานพิธี
ฮ๊าาาา!
ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังในขณะที่เขาจับขาหม้อขนาดใหญ่ยกขึ้นโดยใช้กําลังทั้งหมดเท่าที่เขามีด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
ฮ๊าาา! ย๊ากก! จุ๊กกรู้!
เหล่าลูกหลานตระกูลซุยหลายคนต่างเดินเข้าไปยกหม้อน้ำหนักเพื่อแสดงพละกําลังของพวกเขา
หวังเสียนสังเกตว่าน้ำหนักของหม้อแต่ละใบนั้นมีน้ำหนักที่แตกต่างกัน เมื่อสังเกตดูจะสามารถบอกถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาได้โดยดูจากขนาดหม้อที่พวกเขานั้นยกขึ้นมา
หม้อน้ำหนักแต่ละใบนั้นเทียบได้กับระดับนักรบขั้นที่ 5, ขั้นที่ 6, ขั้นที่ 7 ขั้นที่ 8, ขั้นที่ 9
หวังเสียน มองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น นอกจากชายหนุ่มที่สามารถยกหม้อน้ำหนักระดับ 9 ได้แล้วส่วนที่เหลือล้วนอ่อนแอลดหลั่นกันลงไป
มันค่อนข้างน่าประทับใจสําหรับชายหนุ่มอายุ 25-26 ปีที่ยกหม้อน้ำหนักระดับ 9 ได้ แต่อย่างไรก็ตามสําหรับกองกําลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้นถือได้ว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำมากพอสมควรเลยที่เดียว
ในขณะนี้ซุยหวางซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางงานพิธีได้แสดงสีหน้าออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า เขานั้นรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อคนรอบข้างสังเกตเห็นความไม่พอใจบนใบหน้าของซุยหวางพวกเขาก็เริ่มรู้สึกกลัวกันขึ้นมาเล็กน้อย
“สาวกที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นนี้คือซุยอ่าวและเราใช้ทรัพยากรมากมายไปกับเขา เขามาถึงในระดับครึ่งขั้นก่อกําเนิดลมปราณแล้ว มันช่างน่าเสียดายนักที่เขามันเป็นคนหยิ่งผยองและอวดดีชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แล้วในที่สุดเขาก็ไปเตะโดนแผ่นเหล็กจนหมดสิ้นอนาคต…”
เมื่อเห็นความไม่พอใจของซุยกวาง สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลซุยต่างกระซิบกระซาบกันด้วยน้ำเสียงที่เบา
“อืมม! ขนาดพวกเจ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับยังมีทรัพยากรในการฝึกฝนอยู่อย่างมากมายเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งและความสามารถของเด็กๆในตระกูลซุยของข้าจะไม่สามารถเทียบกับรุ่นก่อนๆได้เลยแม้แต่น้อย! ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!” ซุยหวางพูดออก มาด้วยน้ำเสียงเชิงตําหนิ ถึงแม้ว่าคําพูดของเขานั้นจะดูรุนแรง แต่มันก็เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“ท่านปู่ครับ! ข้าในฐานะผู้นําตระกูลถือได้ว่ารับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง มันเป็นความล้มเหลวของข้าเองครับท่านป!”
ผู้นําตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลยุยคุกเข่าลงในทันทีและขอให้ซุยหวางยกโทษกับเขาให้
” ท่านพ่อได้โปรดใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ!” กลุ่มบุตรชายของผู้เล่าขุยหวางรีบลุกขึ้นและพูตออกมาเพื่อระงับอารมณ์บิดาของพวกเขา
“ฮีมม! มันเป็นเพราะพวกเจ้าหลงระเริงในอํานาจและสุขสบายมากกันจนเกินไป ลูกหลานในตระกูลบางคนถึงกับตั้งกลุ่มตั้งแก๊งเป็นอันธพาลขับรถซิ่งเกเรสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านชาวช่องไปจนทั่ว มิหนําซ้ำยังถึงกลับกล้าปิดล้อมลูกศิษย์ของข้าอีกด้วย! พวกเจ้านี้มันช่างกล้ามากเสียจริงๆ”
“และข้าจะบอกให้พวกเจ้าได้รู้เอาไว้สักเรื่องหนึ่ง ในวันนั้นหากลูกศิษย์ของข้าไม่โทรมาแจ้งเรื่องนี้ให้กับข้าได้รู้ เด็กชายในตระกูลคนนั้นคงจะต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน! ในโลกยุทธภพ แห่งนี้มีเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่อย่างมากมาย หากวันใดที่พวกเจ้าหลงระเริงมากเกินไป วันนั้นพวกเจ้าจะตายไม่รู้ตัว!” ซุยหวาง กวาดสายตามองไปยังคนในตระกูลซุยของเขาและตะคอกออกมาเสียงดัง ก่อนที่เขาจะหันมาชำเลืองมองหวังเสียนเล็กน้อย
สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลยรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเต้นระรัว คนในรุ่นปัจจุบันของตระกูลซุยนั้นได้ทําให้บรรพบุรุษของพวกเขานั้นโกรธและผิดหวังเป็นอย่างมาก!
ไม่มีใครในสนามกล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังเพราะกลัวว่าจะสร้างความโกรธเคืองให้กับบรรพบุรุษของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอีก
“ยามที่ตาเผ่าซุยโกรธขึ้นมาออร่าและแรงกดดันของเขาช่างทรงพลังและน่ากลัวมากเลยจริงๆ
หวังเสียน จิบชาแล้วมองไปยังกลุ่มคนของตระกูลซุย ที่นั่งตัวสั่นกันอยู่อย่างหวาดกลัว ด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ ตาเฒ่าซุยเด็กรุ่นหลังในตระกูลของท่าน ค่อนข้างที่จะอ่อนแออย่างที่ท่านว่าจริงๆ ครั้งก่อนข้าได้ไปเยือนสํานักวังเปลวไฟที่พึ่งเลื่อนระดับชั้นเป็นสํานักศักดิ์สิทธิ์ สาวกรุ่นเยาว์ของพวกเขานั้นอยู่ในอันดับเทียนเขียวถึงสองคนด้วยกันและจากที่ข้าได้สังเกตดูเด็กรุ่นเยาว์ในตระกูลของท่านนั้นน่าจะไม่มีใครติตอันดับที่ว่านี้เลยสักคน!” หวังเสียน แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาเสียงดังคล้ายกับกําลังเยาะเย้ย
ทุกคนสามารถได้ยินคําพูดของเขาได้อย่างชัดเจน
คนในตระกูลซุยต่างมองไปที่หวังเสียน ด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มหน้าอ่อนที่น่าจะอายุไม่เกิน 20 ปี ดูแล้วเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง กล้าพูดตําหนิและวิพากษ์วิจารณ์ลูกหลานในตระกูลซุยให้กับท่านบรรพบุรุษของพวกเขาฟังได้อย่างไร?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเช่นนี้
เมื่อขุยกวางได้ยินคําพูดของ หวังเสียน ใบหน้าของเขาก็มีดมนลงในทันที นอกจากนี้เขายังรู้ ว่าลูกหลานของเขาไม่มีประสิทธิภาพที่ดีอย่างที่หวังเสียน พูดจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ต้อง การให้บุคคลภายนอกมาตําหนิคนในตระกูลของเขา เขาจึงรู้สึกหดหูใจเป็นอย่างมาก
“กรุณาระวังคําพูดของเจ้าด้วยเจ้าหนุ่ม! ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถมาดูถูกได้อย่างง่ายๆ!”
“กล้าน้ำตระกูลซุยของพวกเราไปเปรียบเทียบกับสํานักวังเปลวไฟอันอ่อนแอที่พึ่งจะถูกทําลายล้างลงไปได้อย่างไรกัน? เจ้าหนุ่มเจ้าต้องกล่าวคําขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้!” ชายชราสองคนที่เป็นผู้อาวุโสในรุ่นที่ 3 ของตระกูลซุยมองไปที่หวังเสียน ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรพร้อมกับเรียกร้องให้เขาพูดขอโทษออกมา
การพูดวิพากษ์วิจารณ์และตําหนิคนในตระกูลซุยต่อหน้าพวกเขาโดยตรงนั้น ทําให้พวกเขานั้นรู้สึกโกรธกันขึ้นมาในทันที ถึงแม้ว่าหวังเสียนจะนั่งอยู่ในระดับเดียวกันกับบรรพบุรุษของพวกเขาก็ตาม
“ฮีๆๆ! ความคิดและจิตใจของคนในตระกูลพวกท่านช่างคับแคบยิ่งนัก พวกท่านทําไมไม่มองถึงสาเหตุที่ข้านั้นพูดออกมาว่าจริงหรือไม่กันเล่า? แต่พวกท่านนั้นกลับแสดงความโกรธแค้นข้านี้เท่ากับว่าพวกท่านไม่สามารถยอมรับความจริงได้อย่างนั้นใช่หรือไม่?” หวังเสียน มองลงมาจากที่นั่งของเขาและพูดกับคนในตระกูลซุยด้วยสีหน้าที่จริงจัง เหมือนกับตั้งใจเตือนสติ
เมื่อได้ยินคําพูดและพฤติกรรมที่แสดงออกของหวังเสียน คนทั้งหมดของตระกูลซุยก็รู้สึกอับอายและโกรธแค้นกันมากยิ่งขึ้น
“เจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงกล้ามาวิพากษ์วิจารณ์คนในตระกูลของพวกเราเช่นนี้? เจ้ามีความแข็งแกร่งมากอย่างนั้นหรือไร?” ชายหนุ่มคนหนึ่งจากตระกูลซุยลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ถูกต้อง! เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้กล้าพูดเช่นนั้นออกมา!” ชายหนุ่มอีกคนในตระกูลซุยก็ลุกขึ้นยืนและพูดเสริมออกมาเช่นเดียวกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเสียนอยู่ใกล้กับบรรพบุรุษของพวกเขา พวกเขาอาจจะตรงเข้าไปโจมตีหวังเสียนในทันทีเลยก็ได้
“ไม่ใช่ว่าข้านั้นตั้งใจจะดูถูกพวกท่านหรอกนะ! แต่สิ่งที่ข้าพูดออกมานั้นเป็นความจริงหากว่าพวกท่านไม่เชื่อก็ก้าวออกมาเถอะข้าจะแสดงให้พวกท่านได้เห็นเองว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่!”
มุมปากของ หวังเสียน โค้งเป็นรอยยิ้มขึ้นมา ในขณะที่เขานั่งไขว่ขาขึ้นมาข้างหนึ่งและจิบชา ด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง เหมือนกับว่าผู้อื่นนั้นเป็นเพียงแค่เด็กน้อยในสายตาของเขา
คําพูดที่อวดดีและการแสดงออกที่เย่อหยิ่งของเขา นั้นได้ไปกระตุ้นความโกรธแค้นสมาชิกทุกคนของตระกูลยในทันที!