Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 307
“สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลของท่านจักรพรรดิขุยผู้ยิ่งใหญ่มากเลยจริงๆ ระดับของตระกูล ชั้นศักดิ์สิทธิ์นี้ช่างแข็งแกร่งและร่ำรวยมากเลยทีเดียว!”
เมื่อหวังเสียนได้เห็นสวนยาจิตวิญญาณของตระกูลซุย เขาก็กล่าวชื่นชมออกมาในทันที
บริเวณพื้นที่โดยรอบตรงหน้าเขานั้นเต็มไปด้วยต้นพืชสมุนไพรระดับสูงและยาจิตวิญญาณ ชนิดต่างๆ มากมายหลายร้อยชนิด แต่ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นยาจิตวิญญาณประเภทธาตุไฟ
ต้นยาจิตวิญญาณทั้งหมดเปล่งประกายระยิบระยับ กระจายกลิ่นหอมอันสดชื่นของยาจิตวิญญาณระดับสูงตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณและยาจิตวิญญาณที่อยู่ในสวนแห่งนี้นั้นมีตั้งแต่ระดับ 3 จนถึงระดับ 5
ที่ตรงกลางคือกลุ่มต้นหญ้าวิญญาณซึ่งถือได้ว่าเป็นยาจิตวิญญาณระดับ 6
และไม่ใช่มีเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้น ยาจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับ 6 นี้มีจํานวนหลายชนิด เลยทีเดียวและ มีอยู่หลายร้อยต้น มูลค่าสวนสมุนไพรแห่งนี้ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้เลย
“ฮึ่มม! หยุดเลย! ไม่ต้องมาพยายามพูดประจบเอาใจข้า ยังไงข้าก็ไม่สอนเทคนิคการหลอม กลั่นและการปรุงยาให้กับเจ้าเด็ดขาด จนกว่าจะได้ในสิ่งที่เราได้ทําข้อตกลงกันเอาไว้!”
ซุยหวางคํารามออกมาเสียงต่ำ แต่แววตาของเขาแสดงออกถึงความภาคภูมิใจและการเป็นผู้ชนะ
เขาจําได้ว่าตอนที่พบเจ้าหนุ่มที่เหมือนกับปีศาจร้ายตัวนี้ครั้งแรก เขาแสดงท่าที่กดขี่ข่มเหงตัว เขาโดยตรงอย่างไร
และยังใช้เขาให้ช่วยสอนลูกศิษย์ของตัวเองอีกด้วยเหมือนกับว่าตัวเขานั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้เลยทีเดียว
ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้กลับมาเหนือกว่าเขาได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว ฮึๆๆ!” ซุยหวางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“ฮีๆๆ!” หวังเสียน หัวเราะออกมาเบาๆเขาไม่รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อยที่ถูกมองออกและ จับไต๋ได้ “นี่ตาเฒ่าซุย! ท่านไม่นึกสงสัยบ้างเลยเหรอว่าข้านั้นสามารถหายาจิตวิญญาณระดับสูง มาอย่างง่ายๆได้อย่างไร? ข้าจะบอกเคล็ดลับให้เล็กน้อยว่ามันเป็นเพราะร่างกายพิเศษของข้าและ ทักษะลับทางการแพทย์ของข้านั้นเอง!”
ในขณะที่หวังเสียนพูดเขาก็เดินเข้าไปในสวนยาจิตวิญญาณพร้อมกับยื่นมือออกไปช้าๆ
ต้นยาจิตวิญญาณที่อยู่ในรัศมีใกล้ๆกับเขา เริ่มเรื่องแสงและเปล่งประกายสีสันออกมาจางๆ ในขณะที่พวกมันเริ่มดูดซับพลังงานธาตุไม้ของมังกรศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้ ที่หวังเสียนส่งออกไปโดยรอบ
ชู่ววว!
หวังเสียนแสร้งทําเป็นเหนื่อยในขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาที่ไม่มีอยู่จริง จากนั้นเขาก็ยิ้มให้ผู้เฒ่าขุย “เป็นยังไงบ้างล่ะ! ท่านคิดว่าสวนยาจิตวิญญาณของท่านมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่ม ขึ้นบ้างหรือไม่?
” นี่มัน!… เรื่องจริง…?!”
ผู้เฒ่าซุยหวาง ผงะไปอยู่ครู่หนึ่งเมื่อมองไปที่สวนยาจิตวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าเขา หญ้าจิตวิญญาณที่อยู่ในรัศมีพลังของหวังเสียน เติบโตขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาหลังจากที่หวังเสียน ยื่นมือออกไปเพียงเท่านั้น แม้แต่ต้นยาจิตวิญญาณบางชนิดที่กําลังจะตายก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อย่างสมบูรณ์
“ไม่เป็นไร! ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก!” หวังเสียน ยิ้มและแสร้งทําเป็นโบกมือ
ใบหน้าของผู้เฒ่าซุยเปลี่ยนเป็นสีดําในทันทีที่เขาได้ยินคําพูดของหวังเสียน “ใครอยากจะขอบคุณเจ้ากัน?”
” ได้เวลาแล้ว! งานพิธีรับศิษย์คืนนี้กําลังจะเริ่มในไม่ช้า!” ซุยหวางหันไปพูดกับหวังเสียน
“เอาล่ะข้าจะขอสังเกตดูการจัดพิธีการรับลูกศิษย์ตามแบบธรรมเนียมโบราณของพวกท่าน จากด้านข้างอย่างเงียบๆก็แล้วกันนะ!” หวังเสียนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มในขณะที่เขาเดินตามหลังซุยหวางไป
” ท่านพ่อ!”
” ท่านบรรพบุรุษ!”
” ท่านปู่ทวด!”
” ท่านปู่”
ทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากถ้ําพวกเขาก็เห็นลูกหลานของตระกูลซุยเดินไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาผงะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซุยหวางเดินออกมา พวกเขารีบโค้งคํานับด้วยความเคารพ
“อืมม!” ซุยหวางพยักหน้าและเข้าไปในห้องเดียวกับที่เขาออกมาเมื่อครู่
สมาชิกตระกูลยมองไปที่หวังเสียนด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทําไมชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีคนนี้ถึงได้เดินอยู่ข้างๆ ท่านบรรพบุรุษของพวกเขาอย่างเท่าเทียม
“เสียวเสี้ยน! ท่านอาจารย์!”
ในทันทีที่หวังเสียนและผู้เฒ่าซุยหวางเดินเข้ามา กวนชูชิงซึ่งรออยู่ในห้องก็รีบเดินเข้ามาหาพวกเขาในทันที
” โอ้ว! ศิษย์ข้าสวยมากจริงๆ! “
ซุยหวางมองไปที่กวนซูชิงและพยักหน้าตัวยสีหน้าที่พึงพอใจ
กวนอูชิง สวมเครื่องแต่งกายย้อนยุคที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องแบบในช่วงก่อนปี 1950 เสื้อผ้าของเธอเป็นสีดําล้วน และมีดอกไม้ที่สวยงามพร้อมตัวอักษรคําว่า “สอง [ เอ้อร์ ] ปักอยู่บนหน้าอกของเธอ
นี้เป็นตัวแทนของตระกูลซุยรุ่นที่สองและยังเป็นศิษย์สายตรงคนเดียวของจักรพรรดิซุย
เครื่องแบบของตระกูลซุยดูเหมือนกันทั้งหมด ยกเว้นตัวเลขที่หน้าอกเพื่อแยกความแตกต่างของรุ่น
“ใช่! ซูชิงคุณสวยมากเลยทีเดียว!”
หวังเสียน ยืนยิ้มอยู่ที่ด้านข้างเนื่องจากการออกแบบชุดเครื่องแบบของตระกูลซุยนั้นสวยงาม มากแล้วยิ่งกวนอูชิงเป็นผู้หญิงที่สวยงามและหุ่นดีอยู่แล้วเมื่อสวมชุดนี้ทําให้ดูเหมือนกับนาง เขียนในยุคโบราณเลยที่เดียว
” ไปกันเถอะน่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว!”
กวนชูชิง พยักหน้า เดินไปพร้อมกับจักรพรรดิซุยและหวังเสียน
สมาชิกของตระกูลชุยกลุ่มใหญ่ก็เดินตามพวกเขาไปด้วยเช่นเดียวกัน
มีจัตุรัสเล็ก ๆ ขนาดครึ่งหนึ่งของสนามกีฬาบนยอดเขา มันดูไม่แออัดแม้จะมีคนมากกว่าหนึ่งพันคนยืนอยู่ที่นั่นก็ตาม
ในลานกว้างบนยอดเขามีโต๊ะอาหารพร้อมอาหารและเครื่องดื่มอยู่อย่างมากมาย
อาหารนั้นค่อนข้างเรียบง่ายเหมือนกับปรุงกันเองในแบบของครอบครัวทั่วไป
ย้อนกลับไปตรงกลางมีหม้อขนาดใหญ่เก้าใบ อันที่อยู่ตรงกลางนั้นใหญ่ที่สุดมีขนาดประมาณ 5 เมตรมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา มันถูกล้อมรอบด้วยหม้อขนาดเล็กกว่าอีกแปดหม้อ!
หม้อที่อยู่ตรงกลางเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ หม้อทั้งแปดนั้นเป็นตัวแทนของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทิศทั้ง 8 คือ
ทิศเหนือ แทนตําแหน่งของฟ้า หมายถึงการสร้างและปกป้อง
ทิศใต้ แทนตําแหน่งของดิน หมายถึงความมั่นคงและแข็งแกร่ง
ทิศตะวันตก แทนตําแหน่งทะเลสาบหมายถึงความอ่อนโยนและความสดชื่น
ทิศตะวันออก แทนตําแหน่งของสายฟ้าหมายถึงความตื่นตัวและกระตือรือร้น
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือแทนตําแหน่งของน้ําหมายถึงความลึกลับและความมีชีวิตชีวา
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ แทนตําแหน่งของไฟหมายถึงความเที่ยงตรงและเที่ยงธร
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แทนตําแหน่งของภูเขาหมายถึงความสงบ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ แทนตําแหน่งของลมหมายถึงฤดูกาล
หม้อทั้งเก้าแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและครอบครัว นั่นหมายความว่าตระกูลซุยจะรุ่งเรืองตลอดไป
มีที่นั่งหลักอยู่ตรงกลางและที่นั่งเสริมสองตัวอยู่ด้านข้างเยื้องต่ำลงมาเล็กน้อย
ในตอนนี้ทั้งสามที่นั่งนั้นว่างเปล่า สมาชิกทุกคนของตระกูลซุยที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปทั้งหมดจะต้องมาเข้าร่วมและจะต้องมายืนรอก่อนเวลาที่จักรพรรดิซุยจะมาถึง
“น้องขายหวังเสียนเจ้านั่งข้างๆข้าศิษย์รักเจ้าจงยืนที่ตําแหน่งตรงกึ่งกลาง!” ซุยหวางพูดกับหวังเสียนและกวนชูชิง
การอนุญาตให้หวังเสียนนั่งอยู่ในตําแหน่งระดับเดียวกันกับเขา นั้นแสดงออกให้เห็นว่าเป็นการให้เกียรติเป็นอย่างมากและถือได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นอยู่ในระดับเดียวกันและเท่าเที่ยมกับเขา
ที่นั่งเสริมตรงกลาง ถูกสงวนไว้สําหรับ กวนชูชิง ซึ่งเป็นตัวละครหลักของวันนี้
หวังเสียนและคนอื่น ๆ พยักหน้า กลุ่มสาวๆที่เหลือและโม่ชิงหลง นั่งที่นั่งเสริมที่ต่ำลงไปเล็กน้อย
จักรพรรดิขุยเดินไปนั่งที่ตรงตําแหน่งกึ่งกลาง หวังเสียนก็เดินไปนั่งอยู่ที่ด้านข้างพร้อมกันกับเขา
สมาชิกในตระกูลซุยต่างประหลาดใจเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ตรงนั้น พวกเขาทั้งหมดค่อนข้างที่จะสับสน
เด็กหนุ่มคนนี้นั้นสามารถนั่งคู่กับบรรพบุรุษของเขาได้อย่างไร? ขนาดสมาชิกระดับอาวุโสของ ตระกูลซุยทั้งหมดยังต้องนั่งอยู่ต่ํากว่าเขา
แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขานั้นไม่ได้พูดและแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา สมาชิกที่เหลือของตระกูลซุยก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือกล้าพูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน
“ข้าแน่ใจว่าพวกเจ้าทุกคนรู้ว่าทําไมในวันนี้พวกเราถึงได้มารวมตัวกันและจัดพิธีนี้ขึ้นมา ฉะนั้นข้าจะขอประกาศให้วันนี้เลยว่ากวนอูชิง สาวน้อยผู้นี้เธอจะเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของข้า และจะเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของข้าอีกด้วย…”
ซุยหวางยืนขึ้นช้าๆ ขณะที่เขามองไปยังทุกคนในตระกูล ในขณะที่เขาพูด
หวังเสียน ไม่ได้ใส่ใจกับขั้นตอนพิธีการที่กําลังจะเตรียมขึ้นของตระกูลซุย แต่เขาสังเกตมองไปยังกลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลซุย
ตระกูลซุยนั้นถือได้ว่าเป็นตระกูลที่อยู่ในระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ คนทั้งหมดของพวกเขานั้น มารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคนระดับชั้นในตระกูลศักดิ์สิท ธิ์ได้เป็นอย่างดี
“23 ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณ! ตระกูลซุยมีความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามมากเลยจริงๆ และตระกูลของพวกเขายังมีนักปรุงยาอยู่อีกมากมาย พวกเขาสามารถสร้างกลุ่มผู้เชียว ชาญระดับสูงได้อย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ!” หวังเสียน บ่นพึมพำออกมาด้วยความที่ง เขาจําได้ว่า สํานักวังเปลวไฟนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณเพียงแค่ 16 คนเท่านั้น และยังเป็นผู้ฝึก ยุทธที่พึ่งเข้าร่วมใหม่อีกด้วยไม่ใช่กลุ่มคนดั้งเดิมของสํานัก
แต่คนในตระกูลซุยกลับมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากถึง 23 คน สํานักวังเปลวไฟนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบได้จริงๆ
โดยปกติแล้วพิธีการแบบโบราณนี้ค่อนข้างที่จะยุ่งยากเป็นอย่างมาก ต้องมีขั้นตอนมากมายอย่างเช่นการคุกเข่าโค้งคํานับการเสิร์ฟชาและการแสดงความเคารพ รวมแล้วต้องใช้เวลาเกือบๆชั่วโมง
“เอาล่ะศิษย์ข้าเข้ามานี่”
หลังจากทําตามขั้นตอนเสร็จแล้วซุยหวางก็กวักมือเรียกกวนซูชิงให้เข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่ ยิ้มแย้มแจ่มใส
“ค่ะท่านอาจารย์”
กวนชูชิง ยิ้มและนั่งลงข้างๆเขา
“ขอแสดงความยินดีกับท่านพ่อที่ได้รับลูกศิษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด และพวกเราในฐานะพี่ชายและพี่สาวนี้คือของขวัญสําหรับน้องสาวของพวกเรา หวังว่าเจ้าคงจะชอบ!” ในเวลานี้ชายชราและหญิงชราหลายคนที่เป็นบุตรชายและบุตรสาวของจักรพรรดิซุยที่นั่งอยู่เยื้องลงมาจากเขา พวกเขาทําการโค้งคํานับจักรพรรดิซุยและหยิบของขวัญออกมาหลายชิ้นมอบให้กับ กวนชูชิง เพื่อแสดงความยินดี
” พวกเราทุกคนยินดีต้อนรับน้องสาวของพวกเรา เสี่ยวชิง นี้คือของขวัญของพี่ชายและพี่สาว ที่มอบให้กับเจ้า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้านั้นได้เป็นน้องสาวคนเล็กของพวกเราแล้ว!”