Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 306
ตอนที่ 306 สี่หลักการที่สําคัญ?
เตากลั่นยาสามขาขนาดใหญ่ ว่างอยู่กลางห้องดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ด้านล่างเตากลั่นยามีเปลวเพลิงจากลาวาคอยหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา เตากลั่นยามีสีเขียวดูเก่าแก่โบราณมากเลยทีเดียว
ในตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องกลางถ้ำของภูเขาไฟที่ร้อนจัด แต่หวังเสียน ก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆเลย
“นี่คือเตากลั่นยาซานชิงข้าได้พบมันในซากอารยธรรมโบราณแห่งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เตาโบราณใบนี้สามารถกลั่นสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว ฉะนั้นการปรุงยาโดยใช้เตากลั่นยาชานชิงใบนี้จึงง่ายกว่าการใช้เตากลั่นยาทั่วๆไปมากนัก และก็เพราะเขากลั่นยาใบนี้อีกเช่นเดียวกันจึงทําให้ข้าประสบความสําเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ เตาซานชิงใบนี้นับได้ว่าเป็นรากฐานของข้าอย่างหนึ่งเลยที่เดียวก็ว่าได้!”
ขุยหวางยิ้มและมองไปที่หวังเสียน “ข้าไม่รู้ว่าปีศาจร้ายเช่นเจ้าสามารถประสบความสําเร็จใน ระดับนี้ได้อย่างไร แต่ข้าว่าเจ้าก็คงได้รับโชคลาภบางอย่างเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน!”
“ฮึฮึ” หวังเสียน ยิ้มและพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็หันมองไปที่เตากลั่นยาโบราณใบนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการปรุงยาโดยใช้เตากลั่นยาตามที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โบราณหรือที่เคยดูในหนังทีวีนั้นจะมีอยู่จริง ถ้าอย่างนั้นการปรุงยาอายุวัฒนะที่สามารถทําให้มีชีวิตนิรันดร์ได้ก็คงจะมีอยู่จริงใช่หรือไม่?
“ฮ่าๆๆ! ยาอมตะที่สามารถทําให้มีชีวิตอยู่นิรันตร์อย่างนั้นเหรอ ฮ่าๆๆ! ตามบันทึกจากประวัติศาสตร์แล้วจักรพรรดิในอดีตทุกๆคนต่างต้องการมีชีวิตอมตะ พวกเขาต่างแสวงหาวิธีสร้างและการปรุงยาขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง จนสามารถหาวิธีปรุงยาเพื่อยืดอายุไขของพวกเขาได้จริงๆ มันไม่ใช่ เพียงแค่ตํานานเท่านั้น แต่มันมีอยู่จริง แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่ามันสามารถทําให้มีชีวิตอยู่เป็นนิรันดร์ได้หรือไม่!” เมื่อพูดถึงการปรับแต่งและปรุงยาอายุวัฒนะที่ชั่วยืดอายุไข ซุยหวางก็ยิ้มออกมา บางๆเหมือนกับว่าเขานั้นมีความมั่นใจและมีความสามารถในการปรับแต่งยาชนิดนี้ได้
“มันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ? เคยมีผู้เป็นอมตะอยู่บนโลกของเราจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?” หวังเสียน ถามออกมานิ้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายออกมาตัวยความตื่นเต้น
“อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ก็ได้!” ซุยหวางตอบออกมาอย่างคลุมเครือ ในขณะที่เขาอยู่ในห้วงความคิดก่อนที่จะกล่าวเสริมออกมาอีกว่า “จากบันทึกโบราณบางส่วนที่ข้าเคยได้อ่านเจอ มีบันทึกเกี่ยวกับยาอายุวัฒนะที่สามารถเพิ่มพูนชีวิตอยู่จริงๆ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าสมัยโบราณนั้นออร่าของสวรรค์และปฐที่มีพลังแห่งจิตวิญญาณทางธรรมชาติที่สูง ต่างกับสมัยนี้มากนัก ที่ถือได้ว่าเป็นยุคเสื่อมโทรมแห่งพลังงานจิตวิญญาณทางธรรมชาติ!”
“และอีกสาเหตุหนึ่งนั่นก็คือผู้ฝึกตนสมัยโบราณแข็งแกร่งและทรงพลังเป็นอย่างมาก รวมถึงมียาสมุนไพรและยาจิตวิญญาณที่มีคุณภาพสูง การกลั่นและการปรุงยาอายุวัฒนะเพื่อเพิ่มอายุไขจึงสามารถทําได้ง่ายกว่าในปัจจุบันนี้มาก!”
หวังเสียนพยักหน้าเล็กน้อย โลกของผู้ฝึกตนนั้นลึกลับเกินไป ตามตํานานมีทั้งภูตผี ปีศาจ อสูรและเหล่าเทพเซียนที่ท่องไปทั่วโลกและมีผู้อมตะที่บินอยู่บนท้องฟ้า แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานที่จะสามารถยืนยันข้อเท็จจริงนี้ได้
“เส้นทางการกลั่นและปรุงยานั้นกว้างใหญ่และลึกซึ้งมาก หากเจ้านั้นสามารถเป็นนักปรุง ยาที่ทรงพลังได้ เจ้าก็จะสามารถได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากมัน และโดยทั่วไปแล้วมูลค่าของ เม็ดยานั้นจะมีคุณภาพมากกว่ายาจิตวิญญาณตามธรรมชาติที่อยู่ในระดับเดียวกันมากกว่า 10 เท่า!” ซุยหวางอธิบาย
“จริงๆ!” หวังเสียนถามออกไปด้วยความตกใจ
“แน่นอนผลของยาอายุวัฒนะระดับ 1 สามารถเทียบได้กับผลของยาจิตวิญญาณระดับ 2 ได้ เลยทีเดียว!” ฮุยหวางอธิบายเพิ่มเติม
“ยาจิตวิญญาณในโลกเป็นเพียงต้นพืชที่ดูดซับพลังงานของสวรรค์และโลกเอาไว้นานนับปีการกลืนกินมันเข้าไปโดยตรงบางครั้งก็อาจก่อให้เกิดการสูญสลายและเสื่อมคุณภาพของตัวยาเอง แต่การกลั่นและควบแน่นเพื่อนํามาปรุงเป็นเม็ดยานั้น เป็นการหลอมรวมคุณสมบัติทั้งหมดของมันได้อย่างสูงสุดโดยขจัดสิ่งปนเปื้อนที่ไม่พึงประสงค์หรือสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายทิ้งไป คุณภาพของเม็ดยาจึงดีกว่าการกินยาจิตวิญญาณโดยตรงอย่างเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว!”
“แต่ตามปกติแล้วการปรับแต่งและปรุงยานั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก มันต้องใช้ทักษะและพรสวรรค์หลายๆอย่าง เช่นการรู้จักคุณภาพและสรรพคุณของพืชสมุนไพรจิตวิญญาณแต่ละชนิด, การควบคุมไฟและการควบแน่นโดยการใช้พลังทางจิตวิญญาณเพื่อขึ้นรูปเป็นเม็ดยาเป็นต้น และด้วยความสามารถในปัจจุบันนี้ของข้า ข้านั้นสามารถปรับแต่งและปรุงยาได้จนถึงเมีตยาระดับ 5 เพียงเท่านั้นเอง!”
“เม็ดยาระดับ 5 ที่ข้าปรุงขึ้นมานั้นสามารถช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นก่อกําเนิดลมปราณ สามารถทะลวงคอขวดก้าวเข้าไปสู่ระดับขั้นก่อกําเนิดลมปราณได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง!”
“ส่วนเม็ดยาระดับ 6 นั้นสามารถทําให้ผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นขอบเขตเม็ดยาเซียน ก้าวเข้า สู่ระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนได้โดยไม่มีปัญหา และเม็ดยาระดับ 7 นั้นสามารถช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญ ระดับครึ่งขั้นขอบเขตหยวนอิง ก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตหยวนอิง ได้อย่างไร้ซึ่งคอขวดเช่นเดียวกัน!”
(ขอบเขตหยวนอิงหรือขอบเขตผนึกปราณเทพ]
“โอ้ว! ประสิทธิภาพของยาที่ถูกปรุงขึ้นมานี้ช่างน่าเหลือเชื่อมากเลยจริงๆ!” หวังเสียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“เส้นทางการฝึกฝนและบ่มเพาะนั้นมีปัจจัยหลักอยู่อย่างนั่นก็คือ ความมั่งคั่ง, การตระหนักรู้, วิชาและโอกาส! หากขาดอย่างหนึ่งอย่างใดในสื่อย่างนี้การฝึกฝนจะช้าลงเป็นอย่างมาก หรืออาจถึงขั้นไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้อีกเลย!”
“ข้อแรกความมั่งคั่ง นั่นก็คือทรัพยากรการเงินของผู้ฝึกตนนั่นเอง มันค่อนข้างที่จะสําคัญ มากที่สุดต่อให้บุคคลนั้นไม่มีพรสวรรค์มากนัก แต่ถ้ามีทรัพยากรและความมั่งคั่งมากมาย ที่สามารถฝึกฝนได้อย่างเชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน ดังคํากล่าวที่ว่า ถ้าลมแรงมากพอจนก่อตัวเป็นพายุ ต่อให้เป็นหมูก็สามารถบินได้!”
“ข้อที่สองการตระหนักรู้ หมายถึงการเข้าใจและการใฝ่เรียนรู้ในเทคนิควิชาการบ่มเพาะ หรือศาสตร์วิชาแขนงต่างๆ มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งผู้ฝึกตนระดับก่อกําเนิดลมปราณคนหนึ่งได้รับโอกาสผ่านเข้าไปในพื้นที่มิติทับซ้อนที่เป็นวัดเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่ง จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ในสถานที่แห่งนั้นได้อนุญาตให้เขาเลือกทักษะคัมภีร์วิชาที่อยู่ในวัดเก่าแก่แห่งนั้นออกไปได้เพียงแค่ 1 เล่มเท่านั้น แต่ด้วยความที่ตัวเขานั้นไม่รู้ภาษาโบราณเลยแม้แต่น้อย เขาจึงทําได้เพียงแค่สุ่ม เลือกออกมาเพียงเท่านั้น หลังจากที่เขาออกมาแล้วและทําการศึกษาภาษาโบราณอยู่นานปีเขาจึงได้รู้ว่าหนังสือคัมภีร์ที่เขาได้เลือกออกมานั้นเป็นเพียงแค่เทคนิควิชาการฝึกสมาธิทั่วๆไปเพียงเท่า นั้นเอง!”
“ข้อที่สามนั่นก็คือวิชา ข้อนี้นั้นก็ตรงตามหัวข้อเลยทีเดียว มันคือเทคนิควิชาการบ่มเพาะนั่นเอง หากวิชาที่เจ้าฝึกฝนนั้นมีคุณภาพที่สูงระดับขีดขั้นความสามารถของเจ้าก็จะสูงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
“ขอที่สี่นั่นก็คือโอกาสหรือโชคลาภวาสนา กล่าวก็คือมันสามารถรวมหลายๆปัจจัยสร้างโอกาสให้เราพัฒนาไปได้ไกลกว่าผู้อื่นนั่นเอง แต่สิ่งนี้บางครั้งเราก็ไม่สามารถกําหนดเองได้ ฉะนั้นสิ่งที่พอจะทําได้ในข้อที่สี่นี้นั่นก็คือ การเลือกสถานที่ในการฝึกฝนและบ่มเพาะเพื่อให้สอดคล้องกับตัวเรามากที่สุดก็ได้แล้ว!”
“เพราะฉะนั้นทั้งสี่หลักการที่ข้าได้กล่าวมานี้นั้นสําคัญและเกี่ยวเนื่องกันทุกสิ่ง โดยเฉพาะข้อแรกหากเจ้ามีความมั่งคั่งมากพอปัจจัยอื่นๆ เจ้าก็ยังพอมีโอกาสสามารถได้รับมันมาโดยการใช้ความมั่งคั่งของเจ้าซื้อหามา ฉะนั้นสรุปแล้วเจ้าก็ควรจะให้ความสําคัญกับการกลั่นและปรุงยาให้มาก เพราะการปรุงยานั้นสามารถสร้างความมั่นคั่งให้แก่เจ้าได้อย่างแน่นอนเลยทีเดียว!” ซูยหวางอธิบายและสรุปให้กับหวังเสียน
หวังเสียน ครุ่นคิดตามอย่างเงียบๆ ในฐานะที่เขานั้นเป็นราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถใช้ระบบที่เขาได้รับมานั้นแทนหลักการสามข้อใต้อย่างแน่นอน ที่เขาขาดจริงๆนั่นก็คือข้อแรก “ความมั่งคั่ง!”
เพียงแค่เขามีความมั่งคั่งและการเงินที่มากมายมหาศาลเขาก็จะสามารถฝึกฝนได้อย่างไม่ยากเย็นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการกลืนกินและวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขามันสามารถเพิ่ม การฝึกฝนให้กับเขาได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นในตอนนี้สิ่งที่สําคัญมากที่สุดสําหรับเขานั่นก็คือการสร้างความมั่งคั่งหรือการหาเงินนั่นเอง
“หากเป็นเช่นนั้นฉันควรทําอย่างไร?”
“เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการทั้งหมดของฉัน ?”
ดวงตาของหวังเสียน เปล่งประกายร้อนแรงออกมาในทันทีเมื่อเขามองไปที่เตากลั่นยาสีเขียวที่วางอยู่กลางห้อง
ระบบที่เขาได้รับมานั้นแตกต่างจากที่เขาเคยอ่านจากนิยายหลายๆเรื่อง ระบบของเขานั้นไม่เคยให้รางวัลและแจกภารกิจใดๆให้กับเขา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ระบบแจ้งเตือนออกมานั้นเขาต้องเป็นผู้ที่ต้องค้นหาด้วยตัวเอง ฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถหวังพึ่งพาระบบของเขาใต้มากนัก
” ตาเฒ่าซุยนั่นเตากลั่นยาของท่านใช่ไหม?” หวังเสียน เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจากมุมปากของเขา “ท่านช่วยสาธิตการหลอมกลั่นและปรุงยาให้ข้าดูได้หรือไม่?”
เมื่อขุยหวางได้ยินคําพูดของหวังเสียน ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ใบหน้าของเขามีดมนลงในทันที เขามองไปที่หวังเสียน อย่างรู้เท่าทันพร้อมกับพูดออกมาในทันที “เจ้าปีศาจร้าย เจ้านี้มันหนังหนา เสียจริงๆ!
“เอาเถอะน่าอย่าขี้งกไปหน่อยเลยตาเผ่าซุย!” หวังเสียนพูดออกมาอย่างหน้าด้าน “หากว่า ข้าหลอมกลั่นและปรุงยาเป็นเมื่อใด ข้าจะปรุงยาระดับ 6 ระดับ 7 และระดับ 8 ให้ท่านฟรีๆเลยที่เดียว!”
พร๊วดด!
ขุยหวาง สําลักน้ําลายตัวเองในทันที เมื่อได้ยินว่าหวังเสียน จะปรุงยาระดับ 7 และระดับ 8 “เจ้าคิดว่าการหลอมกลั่นและปรุงยา มันง่ายเหมือนการปั้นดินเหนียวหรืออย่างไร? เพียงแค่เจ้าจะหาสูตรยาหรือวัตถุดิบของยาระดับ 7 ระดับ 8 เจ้าก็หาไม่ได้แล้ว! เจ้านี้มันขี้โม้มากจริงๆ!”
“เอาเถอะอย่าพูดมากเลยตาเฒ่าขุย! รีบแสดงการปรุงยาของท่านให้ข้าดูได้แล้ว!” หวังเสียนยังคงเร่งเร้าอย่างหนาด้านต่อไป
“เจ้าปีศาจร้าย!” ซุยหวาง รู้สึกไม่พอใจเมื่อเขาได้รู้จุดประสงค์ของหวังเสียน ที่ต้องการแอบศึกษาและขโมยเทคนิคการหลอมกลั่นและปรุงยาของเขา สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นไม้เด็ดของเขาเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาจําได้ว่าลูกศิษย์คนโปรดของเขาเป็นภรรยาของเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ เขาก็ทําได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างจนใจ
เพราะเขาเดาได้ว่าเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ก็ต้องแอบไปสอบถามและศึกษาวิธีปรุงยาจากลูกศิษย์ของเขาได้อยู่ดี
“เอาล่ะ! ข้าจะยอมให้เจ้าศึกษาเทคนิคการปรุงยาของข้าก็ได้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อน หากวันใดที่ตระกูลขุยของข้านั้นเกิดวิกฤตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองขึ้นมา ข้าหวังว่าเจ้าคงจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตระกูลของข้าได้ และนอกจากนี้เจ้าต้องมอบสมบัติจิตวิญญาณบางอย่างให้กับข้าเพื่อชดเชยในเรื่องนี้อีกด้วย!” ซุยหวางพูดออกมาด้วยสีหน้า ที่เคร่งขรึมและจริงจัง
“ตกลง! แต่ข้าไม่สามารถช่วยปกป้องตระกูลขุยของท่านตลอดไปได้หรอกนะ ข้าจะช่วยตระกูลของท่านสามครั้ง ไม่ว่าวิกฤตหรือปัญหาใหญ่ใดๆเพียงแค่คนในตระกูลของท่านร้องขอความ ช่วยเหลือจากข้า ข้าจะช่วยเหลือตระกูลซุยของพวกท่านสามครั้งเพียงเท่านั้น!” หวังเสียน ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับตอบออกไปอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน
“แล้วอีกอย่างท่านอยากจะได้สมบัติชนิดใดกันละตาเฒ่าซุย เพราะในตอนนี้ข้านั้นไม่มีสมบัติใดๆติดตัวอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว?” หวังเสียน ถามออกมาเพราะว่าในตอนนี้ในตัวของเขาไม่มีสมบัติใดๆติดตัวอยู่เลยจริงๆ ยาจิตวิญญาณที่เขามีนั้นก็ถูกตาเฒ่าขุยนําไปปรุงยาให้กับกวนชูชิงและเสียวหวัน หมดแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็รอจนกว่าเจ้าจะได้สมบัติจิตวิญญาณหรือยาจิตวิญญาณมาก่อน แล้วข้าจะแสดงเทคนิคการปรุงยาให้เจ้าตูก็แล้วกัน!” ซุยหวางพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่ไม่เชื่อว่าหวังเสียน นั้น ไม่มีสมบัติใดๆติดตัวเลย
“นี่ตาเผ่าซุย เรื่องนั้นเราค่อยมาคุยกันทีหลังได้หรือไม่ หลังจากนี้หากข้าได้พบกับสมบัติจิตวิญญาณที่ดีๆ ข้าก็จะมอบมันให้กับท่านก็แล้วกัน! ดีไหม?” หวังเสียนยังคงพูดออกมาอย่างหน้า หนา
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก! หากว่าเจ้าได้เรียนรู้การหลอมกลั่นและการปรุงยาจากข้าไปแล้ว ถ้าเจ้า ได้พบสมบัติจิตวิญญาณที่ดีๆเจ้าคงไม่ยอมมอบมันให้แก่ข้าอย่างแน่นอน!” ซุยหวางหรี่ตามองไปที่หวังเสียน ในขณะที่เขาพูด
“ไอ้เฒ่ายิ้งก! ข้าเป็นคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” หวังเสียน ตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ฮี! ข้าพอจะรู้นิสัยคนอย่างเจ้าดี ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้คบกันมานานนัก แต่ข้าเชื่อว่าถ้าเจ้าได้พบสิ่งของที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า เจ้าจะไม่นํามันออกมามอบให้แก่ข้าอย่างแน่นอน!” ซุยหวางพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“เจ้า! เจ้าทําไมมองข้าเป็นคนแบบนั้นไปได้!” หวังเสียน รู้สึกพูดไม่ออกและน้ําเสียงของเขาก็เบาลง เหมือนกับถูกใจดํา
“ฮีมม! เอาล่ะ! ข้าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายจุกจิกจู่เช่นท่านอีกแล้วตาเฒ่าขี้แย! หากข้าพบสมบัติจิตวิญญาณหรือยาจิตวิญญาณที่ตีข้าจะนํามันมาแลกกับวิธีการหลอมกลั่นและการปรุงยาของท่านก็แล้วกัน!” หวังเสียนพูดออกมาอย่างหมดหนทางพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ฮิฮิ! ไปกันเถอะท่านจักรพรรดิขุย พาข้าไปเดินดูของดีๆที่อื่นต่อเถอะนะ!”
“ฮี ไม่เรียกข้าว่าตาเฒ่าซุยอีกแล้วเหรอ?”
“เอาเถอะน่า! จะเรียกท่านว่าจักรพรรดิซุยหรือตาเฒ่าซุย ท่านก็ยังคงเป็นคนที่หล่อเหลาและ ดูดีในสายตาของข้าเช่นเดิมนั่นแหละน่า!”