Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 292
ตอนที่ 292 การวิวัฒนาการ?
.
“พวกเจ้าบอกว่าทะเลสาบตงหลิงแห่งนี้จะเป็นที่ฝังศพของพวกเราอย่างนั้นหรือ?” เสียงของเหล่านักรบมังกรที่สวมหน้ากากทมิฬหันไปพูดกับสาวกของสำนักหลอมวิญญาณ
ในตอนนี้น้ำในทะเลสาบค่อนข้างที่จะปั่นป่วนมีศพมากมายลอยอยู่บนผืนน้ำ บรรยากาศโดยรอบนั้นดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เหล่าชาวยุทธมองไปที่ชายสวมหน้ากากทั้งสิบคน ด้วยรู้สึกความที่กดดัน
“มันจะเป็นไปได้เหรอ? ที่คนทั้งสิบคนนี้จะสามารถกวาดล้างองค์กรมือสังหารมนต์ดำได้จริงๆ!”
“นี่…นี่…ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสถานที่ตั้งขององค์กรมือสังหารมนต์ดำจะอยู่ใต้ทะเลสาบในเทือกเขาตงหลิงแห่งนี้ และที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือมันถูกทำลายโดยองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียงไม่นาน!”
“สำนักหลอมจิตวิญญาณ…พวกเขา!…จะแก้ปัญหาอย่างไร?…”
กลุ่มชาวยุทธแอบกระซิบและพูดคุยกันเบาๆ ในตอนนี้หลายๆคนได้หันไปให้ความสนใจคนจากสำนักหลอมวิญญาณ ว่าพวกเขานั้นจะทำอย่างไรต่อไป
ในตอนนี้เหล่าสาวกและผู้อาวุโสของสำนักหลอกวิญญาณ ค่อนข้างที่จะตื่นตระหนก ความหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในแววตาของพวกเขา
พวกเขาไม่มีมาดของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่วางอำนาจและครอบงำเหมือนที่ได้เคยแสดงออกไว้ในก่อนหน้านี้อยู่อีกเลย
การเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งสิบคนที่สามารถทำลายองค์กรมือสังหารมนต์ดำได้ด้วยคนเพียงแค่สิบคน ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะเป็นสำนักใหญ่ระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ไม่กล้าคิดที่จะเป็นศัตรูกับกลุ่มคนที่แข็งแกร่งระดับนี้อย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงผู้เชี่ยวชาญขององค์กรมือสังหารมนต์ดำทั้งยี่สิบคนที่พึ่งถูกฆ่าทิ้งโดยไม่มีการขัดขืน พวกเขารู้สึกหนาวสั่นกันขึ้นมาในทันที
ในกลุ่มสาวกของสำนักหลอมวิญญาณนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณสี่ถึงห้าคน และผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณอีกยี่สิบคน!
ความแข็งแกร่งของพวกเขาในระดับนี้ถือได้ว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียวในโลกยุทธภพ
แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับกลุ่มองค์กรมือสังหารมนต์ดำที่พึ่งถูกชายสวมหน้ากากทั้งสิบคนนี้กวาดล้างไป!
“เอ่อ…มัน….มันเป็นความเข้าใจผิดเท่านั้นเองท่านจอมยุทธ! เมื่อสักครู่นี้พวกเรานั้นอยู่ในความสับสน ฉะนั้นพวกเราต้องขออภัยพวกท่านเป็นอย่างมากเลยจริงๆ ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของพวกเราเอง ฉะนั้นพวกเราจะรีบออกไปในทันทีเพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนพวกท่านอีกต่อไป!”
การแสดงออกของชายชราที่เป็นผู้นำกลุ่มของสำนักหลอมวิญญาณ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขายิ้มออกมาและโค้งคำนับให้กลุ่มของหวังเสียน ด้วยท่าทางที่นอบน้อม ต่อจากนั้นเขาก็รีบพาเหล่าสาวกทั้งหมดของเขาจากไปในทันที
หวังเสียน มองดูพวกเขาจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ให้ตายเถอะ! นั่นสำนักหลอมวิญญาณรีบจากไปแล้ว นี่เท่ากับว่าพวกเขายอมรับว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายสวมหน้ากากทั้งสิบคนนี้หรอกหรือ?!”
“นั้นถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ! หากข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ข้าก็จะทำเช่นเดียวกันกับพวกเขา เจ้าไม่เห็นหรอกหรือว่าองค์กรมือสังหารมนต์ดำนั้นถูกพวกเขาสังหารลงอย่างง่ายดายเพียงใด!”
“ใช่! ความแข็งแกร่งขององค์กรมือสังหารมนต์ดำน่าเกรงขามเป็นอย่างมากในโลกยุทธภพ ในก่อนหน้านี้สำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์สำนักหนึ่งได้เคยต่อสู้กับพวกเขามาก่อน แต่สำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์สำนักนั้นไม่สามารถทำอะไรกลุ่มองค์กรมือสังหารมนต์ดำได้ และพวกเขายังต้องสูญเสียผู้อาวุโสระดับขั้นก่อกำเนิดลมปราณของสำนักพวกเขาไปอีกสองคน!”
“เหล่าสาวกของสำนักหลอมวิญญาณรีบจากไปกันอย่างรวดเร็ว! พวกเขาไม่แม้แต่จะหันมามอง เห่าฟ้า สุนัขอสูรจิตวิญญาณที่พวกเขาเสียเวลาตามล่ามันมาเป็นเวลานานเลยแม้แต่น้อย!”
“ข้าไม่รู้ว่าองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬนั้นมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหน? แต่จากท่าทางของผู้อาวุโสจากสำนักหลอมวิญญาณเมื่อครู่นี้สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่านักฆ่าแห่งอเวจีอย่างแน่นอน!”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างมองไปยังสำนักหลอมวิญญาณที่จากไป ก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองกลุ่มชายสวมหน้ากากทมิฬทั้งสิบคน
เห่าฟ้า สุนัขอสูรจิตวิญญาณ ยืนเลียบาดแผลตามร่างกายของมันอยู่บนผิวน้ำในทะเลสาบตงหลิง ในตอนนี้มันยังไม่ได้หลบหนีออกไปไหน มันเพียงแค่หันไปมองกลุ่มชาวยุทธที่รวมตัวกันอยู่รอบๆทะเลสาบด้วยสายตาที่เย็นชา
“เจ้า! มาที่นี่ซิ!” หวังเสียน หันไปมองสุนัขอสูรจิตวิญญาณ พร้อมกับตะโกนเรียกมันให้เข้ามาหาเขา
เขาจ้องมองไปยังสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนั้นพร้อมกับแผ่พลังมังกรของเขาไปที่มันโดยตรง
“โฮ่ง โฮ่ง! หงิงงๆ!”
สุนัขอสูรจิตวิญญาณเห่าและร้องครางเสียงต่ำ มันก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมกับชำเลืองมองไปยังหวังเสียน ด้วยความหวาดกลัว
“ฮึๆๆ! เจ้าค่อนข้างฉลาดมากเลยทีเดียว!”
หวังเสียน มองไปที่สุนัขอสูรจิตวิญญาณพร้อมกับยิ้มและพยักหน้าเบาๆให้กับมัน
“โฮ่งๆ! หงิงง!”
เห่าฟ้าหรือสุนัขอสูรจิตวิญญาณ เดินเข้ามาหาหวังเสียน ช้าๆพร้อมกับแกว่งหางของมันไปมาเบาๆ
“ดีมาก!” หวังเสียนยิ้มและลูบหัวของมันเบาๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งพลังงานชีวิตแห่งธาตุไม้เข้าไปเพื่อรักษาบาดแผลให้มันด้วย
“โฮ่งๆๆ!”
สุนัขอสูรจิตวิญญาณแลบลิ้นออกมาเลียมือของหวังเสียน ก่อนที่มันจะเอาหัวของมันถูกับขาของเขาอย่างประจบเอาใจ
“ให้ตายเถอะ! ทำไมสวรรค์ถึงได้ลำเอียงมากขนาดนี้ พวกเราหลายร้อยคนใช้เวลาหลายวันเพื่อตามล่าและจับมัน ไม่เพียงแต่จะจับมันไม่ได้แต่มันยังต่อสู้อย่างสุดชีวิตกับพวกเรา แต่ชายสวมหน้ากากคนนั้นเพียงแค่โบกมือเรียกมันอย่างง่ายๆ สุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนั้นก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาเขาในทันที มิหนำซ้ำยังแสดงท่าทางประจบเอาใจเขาอีกด้วย!”
“เฮ้อออ! ครั้งนี้เสียเวลาเปล่าอย่างแท้จริง !”
“ข้ารู้สึกว่าสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้มันก็หวาดกลัวผู้ที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน!”
“มันน่าจะเป็นสัญชาตญาณของสัตว์อสูรที่จะยอมสยบให้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันในทันทีละมั้ง!”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างคิดว่าสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้ยอมสยบให้แก่หวังเสียน เพียงเพราะหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของเขาเพียงเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้วสัตว์อสูรจิตวิญญาณที่เปิดภูมิปัญญาแล้ว หากใช้เพียงแค่ความแข็งแกร่งกดขี่ข่มเหงมันโดยตรงพวกมันจะไม่ยอมสยบอย่างเด็ดขาด พวกมันจะยอมสู้ตายกับศัตรูเหล่านั้นในทันที
แต่ที่สุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้ยอมสยบให้กับหวังเสียน ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะตามสัญชาตญาณการรับรู้ของมัน หวังเสียนที่มีสายเลือดแห่งราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ ถือได้ว่าเป็นสายเลือดของสัตว์อสูรระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งและเป็นจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้งปวง ถึงแม้ว่าในตอนนี้หวังเสียน จะเป็นเพียงแค่มังกรเกิดใหม่ก็ตาม แต่มันก็ยินดีและยอมรับหวังเสียนเป็นเจ้านายของมันอย่างเต็มใจ
“ลงไปค้นหาข้อมูลฐานที่ตั้งสาขาย่อยและสมาชิกที่เหลือของกลุ่มองค์กรมือสังหารมนต์ดำทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานของพวกเขาด้วย!”
หวังเสียน สั่งเหล่านักรบมังกรในขณะที่เขากำลังลูบหัวของสุนัขอสูรจิตวิญญาณ
“ขอรับนายท่าน!” กลุ่มนักรบมังกรทั้งหมดตอบรับในทันที
หวังเสียน เคลื่อนตัวลงไปที่ก้นทะเลสาบพร้อมกับสุนัขอสูรจิตวิญญาณ
วงเวทย์อาคมใต้ทะเลสาบที่ปกป้องฐานที่ตั้งขององค์กรมือสังหารมนต์ดำได้เสียหายไปหมดแล้ว ฐานที่ตั้งของพวกเขาจึงถูกน้ำท่วมจนเหลือแต่เศษซากอาคารบางส่วนเพียงเท่านั้น
สุนัขอสูรจิตวิญญาณได้รับการปกป้องโดยพลังแห่งธาตุน้ำของหวังเสียน มันมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หวังเสียนยิ้มออกมาในขณะที่เขาเดินไปที่งูยักษ์โลหิตทั้งสองตัว
งูยักษ์โลหิตระดับ 10 ทั้งสองตัวถูกสะกดด้วยเวทมนต์มืดขององค์กรมือสังหารมนต์ดำ
พวกมันจึงมีสติปัญญาที่ต่ำมาก เนื่องจากพวกมันถูกเลี้ยงดูและใช้เวทมนตร์มืดบังคับจิตวิญญาณของพวกมัน เพื่อให้งูโลหิตยักษ์ทั้งสองตัวปฏิบัติตามคำสั่ง
พวกมันมีแต่สัญชาตญาณของนักล่าที่กระหายเลือด หากปล่อยให้พวกมันอยู่ตามธรรมชาติต่อไป มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่พวกมันจะสามารถพัฒนาขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่านี้ได้
แต่ตราบใดที่พวกมันได้รับการชำระล้างเวทมนต์แห่งความมืดที่ควบคุมพวกมันอยู่และได้รับการเปิดภูมิปัญญาขึ้นอีกครั้ง ระดับของพวกมันก็จะสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
และหากพวกมันได้รับการเพิ่มความสามารถทางสายเลือดมันก็จะเปลี่ยนจากงูยักษ์โลหิต กลายเป็นนาคาสายเลือดมังกร และท้ายที่สุดมันก็จะสามารถกลายเป็นมังกรสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ได้
หวังเสียน มีความตั้งใจที่จะเก็บงูยักษ์โลหิตทั้งสองตัวนี้เอาไว้เพื่อให้มันกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
เขาขยับนิ้วมือของเขาเล็กน้อยแก่นหยดเลือดหลากสีสองหยดตกลงบนที่หัวของงูยักษ์โลหิตทั้งสองตัว และถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของพวกมันในทันที
ก่อนหน้านี้งูยักษ์โลหิตทั้งสองตัวได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง พวกมันจึงไม่สามารถต้านทานการบังคับให้ดูดซับแก่นหยดเลือดของหวังเสียนได้เลยแม้แต่น้อย
ฟ่อออ! Azzzz!
เมื่อพวกมันดูดซับแก่นหยดเลือดหลากสีเข้าสู่ร่างกายของพวกมันแล้ว ของเหลวสีเขียวและสีดำเหนียวข้นก็ถูกขับออกมาจากร่างกายพร้อมกับเลือดของพวกมัน
‘พวกมันทั้งสองตัวมีคุณสมบัติแห่งธาตุดิน ฉะนั้นฉันจะมอบเทคนิคการบ่มเพาะของมังกรศักดิ์สิทธิ์ธาตุปฐพีให้แก่พวกมัน!’
หวังเสียนคิดกับตัวเองในขณะที่เขาถ่ายทอดเทคนิคการบ่มเพาะลงในจิตวิญญาณของงูยักษ์โลหิตโดยตรง
หลังจากนั้นหวังเสียน ก็หันมองไปยังสุนัขอสูรจิตวิญญาณ และส่งแก่นหยดเลือดหลากสีของเขาไปทางมัน
โฮ่งโฮ่ง!
สุนัขอสูรจิตวิญญาณ จ้องมองไปที่แก่นหยดเลือดด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่มันจะอ้าปากกลืนหยดเลือดของหวังเสียน และดูดซับมันลงไปอย่างรวดเร็ว
“หือ!” หวังเสียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าความกระตือรือร้นในการดูดซับแก่นหยดเลือดของมันนั้นมากจนเกินไป
“มีอะไรผิดปกติกับมันอย่างนั้นรึ?” เขาจ้องมองและสังเกตมันอย่างละเอียดในทันที
หงิงงง!
มันจ้องมองไปที่หวังเสียนเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
โอวู้ววววว!
มันแสดงท่าทางที่เจ็บปวดพร้อมกับส่งเสียงหอนยาวออกมา
ขนที่ด้านหลังของมันค่อยๆขยายตัวยืดยาวและเปล่งแสงสีทองจางๆออกมา
หลังจากนั้นไม่นานมันก็หยุดหอน มันส่ายหัวของมันเบาๆและหอบหายใจหนักๆออกมาหลายครั้ง ก่อนที่มันจะรีบวิ่งไปหมอบอยู่ที่เท้าของหวังเสียน พร้อมกับใช้หัวซุกไปมาที่เท้าของเขาอย่างรักใคร่สนิทสนม
“นี่มัน…?” หวังเสียน ก้มลงไปมองที่หลังของสุนัขอสูรจิตวิญญาณ ด้วยความตกตะลึง
ขนสีทองที่ยาวอยู่ด้านหลังของสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับปีกของนกอินทรีย์
เขาเอื้อมมือไปสัมผัสปีกที่ด้านหลังของสุนัขอสูรจิตวิญญาณด้วยความมึนงง
‘นี่มันปีกจริงๆเสียด้วย! หมามีปีก? ไอ้เจ้านี่มันดูดซับสายเลือดของฉัน และวิวัฒนาการขึ้นมาจนมีปีกอย่างนั้นรึ?’
หวังเสียน รู้สึกตกใจกับลักษณะการวิวัฒนาการทางกายภาพของสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้เป็นอย่างมาก!
………
จบบท