Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 290
ตอนที่ 290 ล้อมจับ
.
ในฐานะผู้ที่ก่อตั้งองค์กรมือสังหารมนต์ดำ ชายชราที่คล้ายกับมัมมี่ ไม่เคยได้ลงมือต่อสู้ด้วยตัวเองเป็นเวลานานมากแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามภาพลักษณ์ของยอดฝีมือระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนของเขา ก็ถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใจของเหล่าสาวกองค์กรมือสังหารมนต์ดำอย่างชัดเจน
ในความคิดของเหล่ามือสังหารแห่งองค์กรมนต์ดำ พวกเขานับถือบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาเหมือนดั่งเทพเจ้า
ในก่อนหน้านี้พวกเขามั่นใจอย่างเต็มที่ว่าเมื่อบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาออกมาจากการนอนหลับ ทุกๆอย่างจะสามารถคลี่คลายได้ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะร้ายแรงเพียงใด
ในสายตาของพวกเขาบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งคงจะสามารถสังหารทูตอเวจีจากองค์กรอเวจีทมิฬกลุ่มนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคนพวกนี้นั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้ทำให้ความเชื่อความศรัทธาและความหวังของพวกเขาที่มีต่อบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งมาอย่างยาวนานนั้นได้สูญสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
ครั้งเดียว! เพียงแค่การโจมตีจากนักฆ่าแห่งอเวจีคนนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว! บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาก็บินหายไปจนลับตา…
ภาพสุดท้ายที่พวกเขาเห็นบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งก่อนที่เขาจะบินทะลุเขตวงเวทย์อาคมการป้องกันออกไป นั่นก็คือเขาโดนโจมตีจนกระดูกในร่างกายแตกหักเสียหายกลายเป็นลูกบอลมนุษย์บินทะลุโลกออกไป!
“นี่คือพลังที่แท้จริงของเขาอย่างนั้นเหรอ?…ในก่อนหน้านี้…ตอนที่ต่อสู้กับพวกเราเขาไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่…”
ชายชราทั้งสามคนขององค์กรมือสังหารมนต์ดำตัวสั่นด้วยความกลัว และในตอนนี้ผลจากฤทธิ์ยาที่พวกเขาทั้งสามคนได้กินเข้าไปก่อนหน้านี้ เริ่มส่งผลให้ร่างกายของพวกเขานั้นเริ่มเน่าเปื่อยลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่!…ท่านบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งไม่มีทางพ่ายแพ้! มันเป็นไปไม่ได้!” หญิงชราร้องออกมาจนคล้ายกับคนที่เสียสติ
ไม่ใช่ว่าเหล่าสาวกขององค์กรมนต์ดำจะไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งได้ แต่ความพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้พวกเขาไม่สามารถยอมรับมันได้จริงๆ
ฉากการต่อสู้โดยใช้พลังและความสามารถขั้นสูงสุดที่ทำให้สิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่อยู่บริเวณโดยรอบนั้นถล่มทลายไม่ได้เกิดขึ้น?
การต่อสู้อันน่าจดจำโดยเอาชีวิตเข้าแลกระหว่างผู้แข็งแกร่งทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอย่างสุดชีวิตที่ใช้เลือดเนื้อและจิตวิญญาณของพวกเขาพุ่งตรงเข้าห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง จนผู้ที่เฝ้าดูอยู่เลือดเดือดพล่านตามไปด้วยนั้น อยู่ที่ไหนกัน?
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั่นก็คือบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งองค์กรมนต์ดำออกมาพูดกับฝ่ายตรงข้ามเพียงไม่กี่ประโยค
หลังจากนั้นไม่นานชายสวมหน้ากากทมิฬคนนั้นก็ทำท่าเหมือนปัดแมลงวันที่น่ารำคาญตัวหนึ่งทิ้งไป!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ สภาพจิตใจของพวกเขาในตอนนี้จึงพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
แคร่กกก! เปรี๊ยะ!
ในขณะที่หญิงชราพูดจบวงเวทย์อาคมที่อยู่ด้านบนที่คล้ายกับกระจกใสก็แตกออกอย่างช้าๆ น้ำในทะเลสาบก็ไหลทะลักลงมาในทันที
นี่เป็นเหมือนการเตือนว่าโชคชะตาขององค์กรมือสังหารมนต์ดำได้ถึงคราวจบสิ้นลงแล้ว
“สังหารคนพวกนี้ให้หมด!”
เสียงที่เย็นชาและไร้อารมณ์ของหวังเสียน ดังก้องอยู่ในฐานขององค์กรมือสังหารมนต์ดำ
บรรยากาศอันหนาวเย็นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ!
…
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าบอกแล้วว่าเห่าฟ้าตัวนี้นั้นเป็นของสำนักเสียงสวรรค์ของพวกเรา พวกเจ้ายังกล้าคิดแย่งชิงมันไปจากพวกเราอีกอย่างนั้นเหรอ?”
บนพื้นดินที่ริมชายฝั่งของทะเลสาบ กลุ่มชาวยุทธจำนวนมากรวมถึงสาวกของสำนักเสียงสวรรค์ได้เข้าล้อมรอบ สุนัขอสูรจิตวิญญาณ ‘ เห่าฟ้า ‘
สัตว์อสูรจิตวิญญาณที่มีลักษณะคล้ายกับสุนัขสีเหลือง มันยืนจ้องเขม็งไปยังกลุ่มชาวยุทธด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ
ชายวัยกลางคนจากสำนักเสียงสวรรค์ ยืนอยู่ด้านนอกกลุ่ม เขามองไปยังชาวยุทธกลุ่มอื่นๆ พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เหล่าชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างรู้สึกขุ่นเคือง กับการกระทำและคำพูดของชายวัยกลางคนเป็นอย่างมาก
แต่ตามกฎที่ได้ตกลงกันไว้ผู้ที่สามารถปิดล้อม สุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้ได้ พวกเขาก็จะสามารถมีสิทธิ์ในสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้ในทันที
ชาวยุทธทั่วไปที่เข้าร่วมในการล่าสุนัขอสูรจิตวิญญาณในครั้งนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาจึงทำได้แค่เพียงยอมรับอย่างจนใจ
การปิดล้อมสัตว์อสูรจิตวิญญาณในครั้งนี้ กองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นผู้นำ พวกเขาเป็นเพียงกองกำลังชั้น 1 ย่อมไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปแย่งชิง สัตว์อสูรจิตวิญญาณตัวนี้อย่างแน่นอน
หากพวกเขายังคงพยายามที่จะฉกชิงมันจากกลุ่มกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ นั่นเท่ากับว่าเป็นการต่อต้านและสร้างศัตรูกับกลุ่มกองกำลังระดับสูงเหล่านี้โดยตรง
หากคิดจะต่อต้านพวกเขาแล้วคงจะต้องใช้กองกำลังชั้น 1 หลายสิบกองกำลังเพื่อทำงานร่วมกันกับพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตามมันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขานั้นจะร่วมมือกัน เนื่องจากสัตว์อสูรจิตวิญญาณมีเพียงแค่ตัวเดียว รางวัลที่ได้รับกับความเสี่ยงที่จะต้องต่อสู้กับสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่คุ้มค่ากันอย่างแน่นอน
เหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มองไปยังกองกำลังมากกว่า 10 กลุ่ม ด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม พวกเขาจะลงมือทันทีหากว่ามีกลุ่มกองกำลังใดต้องการแย่งชิงสัตว์อสูรจิตวิญญาณตัวนี้กับพวกเขา
และแน่นอนในครั้งนี้ไม่มีกลุ่มกองกำลังใดๆที่คิดจะเข้ามาแย่งชิงกับพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นกฎที่ได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว
ฉะนั้น ‘เห่าฟ้า’ สุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้จะต้องเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน
บูมมม!
ซ่าาา!
ในขณะนั้นเองเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากทะเลสาบ!
เงาสีดำพุ่งผ่านออกมาจากทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเงาสีดำนั้นก่อให้เกิดคลื่นน้ำสูงกว่า 30 เมตร หลังจากนั้นเงาสีดำก็บินหายไปบนท้องฟ้า
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเงาสีดำจากทะเลสาบ ทำให้กลุ่มชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบนั้นตกตะลึงกันถ้วนหน้า
หลังจากที่ปรากฏคลื่นน้ำที่สูงกว่า 30 เมตร สาวกของสำนักเสียงสวรรค์บางคนรีบถอยหลบออกไปทางด้านข้างในทันที
“นั่นอะไร?”
“ข้าเห็นคล้ายกับว่าจะเป็นมนุษย์?”
“แล้วทำไมมันถึงได้พุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลสาบล่ะ!”
ทุกคนต่างมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นอย่างมาก ต่อให้พวกเขานั้นเป็นผู้ฝึกฝนวิชายุทธ พวกเขาก็ไม่เคยเห็นผู้ที่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วระดับนี้มาก่อน
ตูมมม!
หลังจากนั้นไม่นานเงาดำที่คล้ายกับร่างของมนุษย์ที่ลอยขึ้นไปบนฟ้า ก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วและกระทบกับพื้นน้ำในทะเลสาบอย่างรุนแรง
แรงปะทะจากการตกในครั้งนี้ ก่อให้เกิดคลื่นน้ำขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่สูงมากเท่ากับในครั้งแรก
ทุกคนต่างหันไปมองร่างนั้นด้วยความตกใจ
“มันยังไงกันแน่เนี่ย?”
“มันเกิดอะไรขึ้น? เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตกลงมาอย่างนั้นเหรอ?”
“มนุษย์จะบินด้วยความเร็วระดับนั้นได้อย่างไร ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณระดับสูงก็ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน!”
พวกเขาเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน
“บ้าเอ้ย! อย่าเพิ่งไปสนใจอะไร! จับเห่าฟ้าตัวนั้นให้ได้ก่อน! เร็วเข้า!”
ชายชราคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างอย่างเร่งรีบ
เหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์เองก็รีบละสายตาหันกลับไปมองดู สุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนั้นในทันที
ในทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าสุนัขอสูรจิตวิญญาณ ได้หลบหนีออกจากวงล้อมของพวกเขาไปแล้ว
ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกไปด้วยความโกรธ “เห่าฟ้าตัวนี้เป็นของพวกเรา พวกเจ้าทุกคนจงหยุดมือกันเดี๋ยวนี้!”
และเมื่อสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้สามารถหลบหนีจากการโอบล้อมของสำนักเสียงสวรรค์ได้ จึงถือได้ว่าในตอนนี้มันนั้นไม่มีเจ้าของอีกต่อไป กลุ่มกองกำลังอื่นๆจึงมีสิทธิ์ที่จะแข่งขันกันได้อีกครั้งหนึ่ง
“เห่าฟ้า ตัวนี้จะต้องเป็นของสำนักหลอมวิญญาณของพวกเรา!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณสามคน จากสำนักหลอมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ปลดปล่อยออร่าของพวกเขาออกมาอย่างรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงผู้คนที่อยู่รอบข้าง ชายชราคนหนึ่งจากสำนักหลอมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รีบหยิบลูกแก้วสีขาวของเขาออกมาจากหน้าอกอย่างรวดเร็ว
“ภายใต้คลื่นแสงแห่งจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าทุกคนจะได้รับการพิพากษา!” ชายชราชูลูกแก้วที่เปล่งแสงสีขาวออกมา
แสงสว่างอันเจิดจ้าส่องไปยัง กลุ่มกองกำลังทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ พวกเขาทุกคนต่างยืนตัวนิ่งแข็งค้างเหมือนกับโดนสะกดให้อยู่ในภวังค์
แสงสว่างสีขาวครอบคลุมไปทั่วบริเวณ แม้แต่แสงแดดก็ยังไม่สามารถส่องผ่านลงมาได้
“นั่นมันลูกแก้วจิตวิญญาณธาตุแสงอย่างนั้นหรอ?”
“ฮึ่ม! มันเป็นสมบัติจิตวิญญาณระดับสูงของสำนักหลอมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ใครจะคาดคิดกันละว่าพวกเขาจะนำสมบัติประจำสำนักของพวกเขาออกมาด้วย!”
“ให้ตายเถอะ! ถึงแม้ว่าสำนักหลอมวิญญาณ จะไม่ถนัดทางด้านการต่อสู้มากนัก แต่ความสามารถในการสะกดและเวทย์ลวงตาของพวกเขานั้นทรงพลังมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขานั้นมีสมบัติจิตวิญญาณเช่นนี้ พวกเขาคงจะสามารถยับยั้งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณได้ 4-5 คนเลยทีเดียว!”
กลุ่มกองกำลังต่างๆ รู้สึกอึดอัดใจกันขึ้นมาในทันที ในตอนนี้พวกเขานั้นไม่สามารถขยับได้ชั่วคราว เนื่องจากโดนสมบัติแห่งจิตวิญญาณนั้นยึดตรึงให้อยู่กับที่
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสำนักหลอมวิญญาณจะเก็บไพ่ตายทีเด็ดของพวกเขาเอาไว้ แล้วนำมาใช้ในจังหวะที่เหมาะสมเช่นในตอนนี้
เหล่ากองกำลังระดับชั้น 1 รู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเขาได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์
“เห่าฟ้า! ถ้าเจ้ายังคิดจะหนีอีก ข้าจะสังหารเจ้าเสีย!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณจากสำนักหลอมวิญญาณ มองไปที่สุนัขอสูรจิตวิญญาณ ที่ในตอนนี้ตัวมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวจากลูกแก้วแห่งสมบัติจิตวิญญาณ
เหล่าสาวกของสำนักหลอมวิญญาณ รีบเข้าไปล้อมรอบสุนัขอสูรจิตวิญญาณ อย่างรวดเร็ว
โฮ่งๆๆ! วู้ววว, วู้ววว~
สุนัขอสูรจิตวิญญาณหอนและคำรามแยกเขี้ยวพร้อมกับจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่เข้ามาโอบล้อมมันไว้อย่างโกรธเกรี้ยว
“ฮ่าๆๆ! ถ้าพวกเราปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ พวกเราก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วล่ะ ในครั้งนี้พวกเราลงทุนนำสมบัติประจำสำนักออกมาด้วย พวกเราตั้งใจจะเลี้ยงดูเจ้าให้อยู่ในสำนักของพวกเราอย่างดีเลยทีเดียว! เจ้าจงยินยอมไปกับพวกเราโดยดีเสียเถิด!”
เหล่าสาวกของสำนักหลอมจิตวิญญาณ จ้องมองไปที่สุนัขอสูรจิตวิญญาณด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ! ในครั้งนี้พวกเขาสามารถปิดล้อมเห่าฟ้าตัวนี้ได้ ตามข้อตกลงแล้วพวกเราจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้!” ชายชราจากสำนักเสียงสวรรค์กัดฟันพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ชิ! ลืมไปเถอะ ถือว่าในครั้งนี้พวกเราดวงไม่ดีก็แล้วกัน!”
“มันคงจะยากสำหรับสุนัขอสูรจิตวิญญาณตัวนี้ที่จะสามารถหลบหนีได้อีกครั้ง!”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่โดยรอบต่างถอนหายใจออกมากันทีละคน
บรึมมมมม!
ในขณะที่กลุ่มคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการจับสุนัขอสูรจิตวิญญาณ เงาร่างของคนหลายคนก็พุ่งขึ้นออกมาจากทะเลสาบ และลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
ทุกคนนั้นต่างหันไปมองกันอย่างตกตะลึง
ความสนใจของพวกเขาในตอนนี้อยู่ที่ร่างของมนุษย์ที่กำลังพุ่งออกมาจากทะเลสาบ
แต่อย่างไรก็ตามสถานที่ที่พวกเขาออกมานั้นเป็นที่ที่ใกล้กับสุนัขอสูรจิตวิญญาณยืนอยู่พอดี
เหล่าสาวกของสำนักหลอมจิตวิญญาณก็รีบเบี่ยงตัวหลบออกมา ทำให้การปิดล้อมนั้นเกิดช่องว่าง สุนัขอสูรจิตวิญญาณจึงพบโอกาสที่จะหลบหนีอีกครั้ง
“เชี่ย! ไอ้คนพวกนี้นั้นเป็นใครกัน! คงจะอยากตายกันมากนักใช่ไหม!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณของสำนักหลอมวิญญาณ ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อเขาเห็นว่า สุนัขอสูรจิตวิญญาณหลบหนีจากการปิดล้อมของพวกเขาไปได้!
……..
จบบท