Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 283
ตอนที่ 283 ขุดหลุมศพด้วยมือตัวเอง
.
“เฮ้! พี่ชายข้าขอยืมใช้ไฟของพวกท่านหน่อยจะได้ไหม?” ชายหนุ่มที่ชื่อหวางตง พูดกับกลุ่มของหวังเสียน ในขณะที่เขาเดินเข้ามา แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องตกตะลึงจนดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นผลึกแก้วมังกรที่กำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน
ขณะนี้ผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์ของหวังเสียน ถูกเปลี่ยนสภาพโดยความคิดของหวังเสียนให้กลายเป็นเปลวไฟที่อ่อนโยนและมีความร้อนแรงที่ไม่มากเกินไปนัก เนื่องจากพวกเขากำลังใช้ผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์ในการย่างเนื้อสัตว์
“เอ่อ!…นี่พี่ชายลูกไฟที่ลอยอยู่บนพื้นดินมันคืออะไรอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มที่ชื่อหวางตง ถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า! ไปให้พ้นอย่ามาวุ่นวายกับพวกข้า!” นักรบมังกรคนหนึ่งตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เขาจ้องมองผ่านหน้ากากทมิฬของเขาด้วยท่าทางที่เย็นชา
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่พูดคุยกับเขา ของชายสวมหน้ากากพร้อมกับการจ้องมองที่ไม่เป็นมิตร ชายหนุ่มที่ชื่อหวางตง ก็ถอยหลังออกไปหลายก้าวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องขอโทษพี่ชายมากจริงๆ นึกเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรออกไปก็แล้วกันนะพี่ชาย!” ชายหนุ่มหน้าซีดลงเล็กน้อยขณะที่เขารีบพูดขอโทษ พร้อมกับหันหลังกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับมาก็ถูกชายหนุ่มอีกคนพูดจาถากถางในทันที
“ฮ่าๆๆ! ช่างน่าขายหน้าเสียจริงๆ ก่อนหน้านี้นายบอกฉันว่าแค่ยืมไฟไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมในตอนนี้ถึงรีบหนีออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างนั้นล่ะ ฮ่าๆๆ!” ชายหนุ่มคนนั้นยังพูดจาเยาะเย้ยและเหน็บแนมเขาด้วยความสะใจ
“ฮึ่ม! ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้คนพวกนั้นมันจะมารยาททรามขนาดนี้ ไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย ฮึ!”
หวางตงบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะดูไม่ค่อยเป็นมิตรนัก แต่ลูกแก้วเปลวเพลิงของพวกเขานั้นก็เยี่ยมยอดมากจริงๆ มันน่าจะเป็นสมบัติจิตวิญญาณระดับสูง!” ชายหนุ่มพูดต่อ
“ลูกแก้วเปลวเพลิง?” เพื่อนของเขาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
หวางตงตอบ “ใช่! ลูกแก้วเปลวเพลิงสีสันสวยงามมากเลยทีเดียว!”
“หืมม?” การพูดคุยกันของชายหนุ่มทั้งสองคน ทำให้กลุ่มชายชราและชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้ๆสนใจขึ้นมาในทันที
พวกเขาหันไปมองทางกลุ่มของหวังเสียน ที่กำลังนั่งกันอยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขามองเห็นผลึกแก้วมังกรที่ลอยอยู่เหนือพื้นเปล่งเปลวเพลิงที่สว่างสดใส สายตาของพวกเขาก็เป็นประกายกันออกมา
“มันคืออะไรอย่างนั้นรึเฒ่าฮั่ว? นั่นใช่สมบัติจิตวิญญาณธาตุไฟใช่หรือไม่?” ชายชราที่มีตาข้างเดียวถามชายชราอีกคนหนึ่งเพื่อยืนยันความมั่นใจของเขา
“ใช่!มันเป็นสมบัติจิตวิญญาณธาตุไฟอย่างแน่นอน! ลูกแก้วเปลวเพลิงแห่งธาตุไฟ!” ชายชราผมสีแดงพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ลูกแก้วเปลวเพลิงแห่งธาตุไฟอย่างนั้นเหรอ? ข้าอยากตรวจสอบสมบัติจิตวิญญาณชิ้นนี้จริงๆ ว่ามันอยู่ในระดับขั้นไหน!” ชายชราตาเดียวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตื่นเต้น
“บ้าจริงๆ! คนพวกนี้ใช้สมบัติจิตวิญญาณระดับสูงแบบนี้มาทำอาหาร พวกเขาทำเหมือนกับว่าสมบัติจิตวิญญาณพวกนี้เป็นของใช้ในบ้านทั่วๆไป ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!” ชายชราผมแดงส่ายหัวเบาๆ
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับพวกเขาหันมองไปตามคำพูดของชายชราทั้งสองคน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภ
สมบัติทางจิตวิญญาณทุกชิ้นมีเอกลักษณ์และความสามารถพิเศษในตัวของมันเอง มันสามารถช่วยผู้ที่เป็นเจ้าของให้มีความสามารถสูงขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
ชายชราทั้งสองคนและชายวัยกลางคนหันมองสบตากันเองพร้อมกับพยักหน้า เพียงแค่พวกเขาหันมองหน้ากันพวกเขาก็สามารถรู้ถึงความคิดของกันและกันได้
ชายชราสองคนและชายวัยกลางคนอีกสามคนลุกขึ้นยืนพร้อมกันก่อนจะค่อยๆเดินไปทางกลุ่มของหวังเสียน
“สวัสดีเพื่อนชาวยุทธ! ข้าเล้งอู๋เจี้ยน จากสำนักดาบกวนซาน!” ชายชราผมแดงแนะนำตัว
ในขณะที่เขาแนะนำตัวเขาจ้องมองไปยังหวังเสียนและคนของเขาอยู่เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่จ้องมองไปที่ผลึกแก้วมังกรเป็นหลัก
“พวกเจ้ามีธุระอะไรก็รีบพูดมา!” โม่หยวน พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกเจ้าใช้ลูกแก้วเปลวเพลิงเพื่อจุดไฟประกอบอาหารกันเช่นนี้ พวกเจ้าไม่รู้คุณค่าของสมบัติจิตวิญญาณชิ้นนี้กันอย่างนั้นหรือ ถ้าพวกเจ้าไม่เห็นคุณค่าของมันข้าขอซื้อมันด้วยหินจิตวิญญาณ 40 ก้อนพวกเจ้ามีความคิดเห็นเป็นเช่นไร?” ชายชราผมแดงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าสมบัติทางจิตวิญญาณเช่นลูกแก้วเปลวเพลิงชิ้นนี้ที่มีความร้อนแรงของเปลวไฟไม่สูงมากนัก แต่ลูกแก้วเปลวไฟที่ขายกันอยู่ในโลกยุทธภพก็น่าจะมีราคาระหว่าง 60-70 หินจิตวิญญาณ
ตามความคิดของชายชราผมแดง ผลึกแก้วมังกรของหวังเสียเป็นเพียงแค่สมบัติจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟที่อยู่ในระดับธรรมดาทั่วไป เพราะความร้อนจากเปลวไฟที่แสดงออกมานั้นไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
ฉะนั้นราคาหินจิตวิญญาณ 40 ก้อนที่ชายชราผมแดงเสนอออกมานั้น จึงค่อนข้างที่จะมีราคาต่ำกว่าปกติมาก ชายชราหวังผลกำไรจากจุดต่างของราคานี้ แต่เขาก็ยังคงระมัดระวังตัวอยู่พอสมควรจึงไม่ได้กดราคาต่ำกว่าปกติมากเกินไป
“สิ่งนี้ไม่ได้มีเอาไว้ขาย! หมดธุระของพวกเจ้าแล้วใช่หรือไม่? ฉะนั้นก็อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก!” หวังเสียน ปฏิเสธออกมาในทันที เขาไม่ได้หันไปมองที่ชายชราผมแดงเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เขาพูด
“ไม่ขายอย่างนั้นเหรอ!” ชายชราผมแดงนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจกับคำตอบเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปมองที่ชายชราตาเดียวกับชายวัยกลางคนพร้อมกับยิ้มออกมา
เมื่อเขาขยับมือลูกเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือสิบลูกก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขาทั้งสองข้าง
มันถูกซัดตรงไปที่หวังเสียน และกลุ่มคนของเขาในทันที
แต่ลูกเหล็กทั้งสิบลูก ไม่ได้พุ่งโจมตีไปยังจุดสำคัญของพวกหวังเสียน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงการทดสอบหยั่งเชิงเพื่อดูความแข็งแกร่งกลุ่มของหวังเสียนเท่านั้น
ปังปังปัง!
นักรบมังกรคนหนึ่งเหวี่ยงแขนของเขาอย่างรวดเร็วก้อนหินที่อยู่รอบๆก็ลอยพุ่งเข้าไปสกัดกั้นลูกเหล็กทั้งสิบได้อย่างง่ายดาย
“โอ๊ะ!!” ชายชราผมแดงค่อนข้างที่จะตกใจ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและจ้องมองไปยังชายสวมหน้ากากในกลุ่มที่สามารถป้องกันการโจมตีของลูกเหล็กทั้งสิบลูกของเขาได้ ส่วนคนที่เหลือในกลุ่มอีกเก้าคนในกลุ่มชายสวมหน้ากาก ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ชายชราตาเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆชายชราผมแดงรีบโบกมือไปทางหวังเสียน เพื่อแสดงท่าทีการขออภัย
“ฮ่าๆๆ! พวกเราต้องขออภัยพวกเจ้าจริงๆ นี่เป็นการทักทายและทดสอบฝีมือตามธรรมเนียมของสำนักเราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หวังว่าพวกเจ้าคงจะให้อภัยกับการกระทำที่หยาบคายของพวกเราได้!” ชายชราตาเดียวพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา ลักษณะท่าทางของเขาในตอนนี้นั้นไม่มีความเป็นศัตรูเลยแม้แต่น้อย แต่ชายชราก็ยังแอบปลดปล่อยพลังระดับก่อกำเนิดลมปราณของเขาออกมาเพื่อป้องกันตัวอย่าเงียบๆ
“ขอโทษจริงๆที่มารบกวนพวกเจ้าสุภาพบุรุษทั้งหลาย ฉะนั้นในตอนนี้พวกเราคงต้องขอตัวลาไปก่อน พวกเราต้องขออภัยพวกเจ้าจริงๆ!” ชายชราทั้งสองคนประสานมือคารวะพร้อมกับยิ้มให้กลุ่มของหวังเสียน ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินกลับไปอย่างช้าๆ
“ฮึ่ม!” กลุ่มนักรบมังกรทั้งหมดแสดงท่าทางไม่พอใจกันออกมา แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆเนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากหวังเสียน
หวังเสียน พยักหน้าเบาๆให้กับโม่ชิงหลง และไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป
“ฆ่าพวกมันซะ!” เมื่อได้รับอนุญาตจากหวังเสียน โม่ชิงหลงก็หันไปพูดกับเหล่านักรบมังกรในทันที
…
“ชายสวมหน้ากากคนที่หยุดลูกเหล็กของข้าเมื่อครู่นี้เขามีความสามารถมากเลยทีเดียว อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณ และอีกเก้าคนที่เหลือนั้นต้องไม่ด้อยกว่าเขาอย่างแน่นอน!” ชายชราผมแดงแสดงความเห็นออกมา
“อย่างน้อยในตอนนี้พวกเราก็ไม่ควรจะเป็นศัตรูกับพวกเขา เพราะว่าเราไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้นั้นมีความสามารถในระดับใดกันบ้าง!” ชายชราตาเดียวและชายวัยกลางคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ช่างน่าเสียดายลูกแก้วเปลวเพลิงชิ้นนั้นจริงๆ ข้าสงสัยมากเลยว่าสมบัติจิตวิญญาณชิ้นนั้นอยู่ในระดับไหน!” พวกเขาพูดคุยกันขณะที่กำลังเดินกลับไปยังจุดที่พักของพวกเขา
เป็นเรื่องปกติมากที่ผู้คนจะปล้นและฆ่ากันภายในภูเขาลึกและลับตาคนเช่นนี้
ตุบบ!ตุบบ!
ในทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนเหยียบลงบนพื้นดังมาจากทางด้านหลังของพวกเขา พวกเขารีบหันกลับไปมองในทันที
พวกเขาเห็นกลุ่มชายสวมหน้ากากเดินตรงมาที่พวกเขา แรงกดดันและกลิ่นอายสังหารมุ่งร้ายมาที่พวกเขาโดยตรง
“พวกเจ้า?…” กลุ่มของชายชราค่อนข้างที่จะตกใจ
“พวกเจ้าต้องการจะต่อสู้กับพวกเราจริงๆอย่างนั้นรึ?” ชายชราผมแดงคำรามพร้อมกับชักดาบของเขาออกมาเพื่อเตรียมที่จะต่อสู้
“ฮึ! พวกเจ้ากล้ายั่วยุพวกเรา ทูตอเวจี พวกเจ้าคิดว่าเราจะปล่อยพวกเจ้าไปอย่างนั้นรึ?” นักรบมังกรคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน กลิ่นอายแห่งเลือดและความตายฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
โม่หยวนก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เขาพุ่งเป้าไปที่ ชายชราตาเดียวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นกลาง ในขณะนักรบระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณ สามคนตรงเข้าไปล้อมรอบชายชราผมแดงเอาไว้
“ทูตอเวจี?” คำพูดของเหล่านักรบมังกรทำให้กลุ่มของชายชรารู้สึกมึนงง พวกเขาไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินชื่อคนกลุ่มนี้มาจากที่ไหน แต่ก็ฟังดูคุ้นๆหูอยู่บ้าง
กลุ่มของชายชราต่างรีบชักดาบออกมาในทันที
“พวกข้าไม่สนว่าพวกเจ้านั้นจะเป็นใคร แต่ในเมื่อพวกเจ้าคิดโจมตีพวกข้า ฉะนั้นก็อย่าหาว่าพวกข้านั้นโหดร้ายก็แล้วกัน!” ชายชราผมแดงและชายชราตาเดียวพูดออกมาพร้อมๆกัน พวกเขาปลดปล่อยพลังระดับก่อกำเนิดลมปราณ พร้อมกับโจมตีไปทางโม่หยวนและเหล่านักรบมังกรในทันที
“ฮึๆๆ! พวกข้าจะส่งพวกเจ้าไปนรก!” เหล่านักรบมังกรพูดออกมาพร้อมกัน
“ส่งไปนรก?..”
“ทูตอเวจี!…ส่งไปนรก!..หน้ากากสีดำทมิฬ?..” ชายวัยกลางคนพูดพึมพำออกมา
ใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนซีดขาวในทันที “พะ…พวกเจ้า!..พวกเจ้าคือทูตอเวจี แห่งองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬ!” ชายวัยกลางคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“อะไรนะ? พวกเจ้าคือทูตอเวจีจากองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬอย่างนั้นหรอ?” กลุ่มชายชราและชายวัยกลางคนห้าคนต่างร้องตะโกนกันออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ทูตอเวจี แห่งองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬ หรือที่โลกยุทธภพเรียกกันว่า นักฆ่าแห่งอเวจี คือกลุ่มองค์กรมือสังหารที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ในโลกยุทธภพ
นักฆ่าแห่งอเวจีกลายเป็นที่รู้จักหลังจากที่พวกเขากวาดล้างองค์กรมือสังหารอีกกลุ่มหนึ่งอย่างสิ้นซาก นอกจากนี้พวกเขายังมีชื่อเสียงจากการที่พวกเขาลงมือลอบสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ แห่งเมืองการพนันไปหลายคน โดยใช้ระยะเวลาเพียงไม่นาน [1]
ความโหดเหี้ยมและความเด็ดขาดของกลุ่มองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขา จนอยู่ในระดับต้นๆองค์กรมือสังหารในโลกยุทธภพ ถึงแม้ว่าองค์กรของพวกเขาจะพึ่งก่อตั้งได้ไม่นาน สิ่งนี้จึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
ทูตทมิฬหรือนักฆ่าแห่งอเวจี เป็นหนึ่งในคำพูดที่หลอกหลอนและสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวยุทธในโลกยุทธภพมากที่สุดในตอนนี้ มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าหากใครได้เห็นหน้ากากทมิฬและถูกทูตทมิฬเรียกหาแล้วละก็ คนผู้นั้นก็ถึงคราวสิ้นอายุขัยอย่างลงแน่นอน
ในตอนนี้ใบหน้าของสมาชิกจากสำนักดาบกวงซาน ดูซีดเซียวกันเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกเขานั้นจะไปยั่วยุองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬ โดยไม่ตั้งใจแบบนี้ได้ นี่ไม่เท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองอย่างนั้นหรอกหรือ!
จากข่าวที่ได้รับมาจากคนในโลกยุทธภพนั้น องค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬค่อนข้างที่จะโหดเหี้ยม พวกเขาจะไม่มีความสงสารและเมตตาต่อศัตรูหรือเป้าหมายของพวกเขาอย่างเด็ดขาด และหากพวกเขาได้เลือกเป้าหมายแล้วพวกเขาจะทำงานจนเสร็จสิ้นให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม การตามล่าสังหารจะไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าเป้าหมายจบชีวิตลง!
……….
จบบท
EndNote: [1] เมืองแห่งการพนันมาจากตอนที่ จู้เฉียนและเจียงเทียนเฉิง ได้มีปัญหากับหวังเสียนและหลานชิงเยว่บนเรือสำราญ จากตอนที่ 200-205 หลังจากนั้นราชาแห่งการพนันก็ต้องการล้างแค้นหวังเสียน จากตอนที่ 220 เมื่อเขาพ่ายแพ้ให้กับโม่ชิงหลง เขาจึงได้เตือนคนในตระกูลแห่งเมืองการพนันไม่ให้แก้แค้นหวังเสียน แต่คนพวกนั้นไม่ฟังพวกเขาส่งมือสังหารมาที่บ้านหวังเสียน เหล่านักรบมังกรทั้งเจ็ดที่จัดตั้งกลุ่มองค์กรมือสังหารอเวจีทมิฬจึงสังหารคนพวกนั้นจนหมดเกลี้ยง