Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 274
ตอนที่ 274 อย่าคิดว่าจะออกไปจากเมืองเหลียนได้
.
เวทีคอนเสิร์ตอยู่ที่สนามกีฬาในเมืองเหลียน เป็นสนามกีฬาที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าแปดหมื่นคน
หวังเสียน, โม่ชิงหลงและโม่หยวน เดินตามหลังของถังหยินซวง ไปอย่างใกล้ชิดในนามบอดี้การ์ดของเธอ
เรื่องนี้ทำให้ หวังเสียน รู้สึกไม่ค่อยจะพอใจมากเท่าไหร่นัก การที่จะต้องมาคอยติดตามหญิงสาวคนหนึ่งแทนที่จะเริ่มต้นค้นหาคนร้ายที่สังหารนักรบมังกรทั้งสองคน แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ในขณะนี้
ชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราคนนั้น กำลังพูดคุยบางอย่างกับถังหยินซวง ด้วยท่าทางที่จริงจัง
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของถังหยินซวง
“หยินซวง! ตัวแทนของผู้จัดงานครั้งนี้พวกเขาต้องการให้คุณแสดงดนตรีให้พวกเขาฟังสัก 2-3 เพลงและขอถ่ายรูปคู่กับคุณในระหว่างทานอาหารค่ำ เมื่อถึงเวลานั้นคุณได้โปรดอย่าปฏิเสธพวกเขา การร่วมรับประทานอาหารค่ำในครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อเสร็จจากการเข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำในครั้งนี้แล้ว คุณก็ควรจะไปพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อรอการแสดงคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้!”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดเตือน ถังหยินซวง ซ้ำๆพร้อมกับกำหนดตารางเวลาให้เธออย่างคร่าวๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาค่อนข้างจะรู้จักนิสัยอันเฉยเมยของหญิงสาวคนนี้
“คุณวางใจเถอะ! ฉันรู้สิ่งใดควรไม่ควร ตราบใดที่คำขอของพวกเขานั้นไม่มากจนเกินไป ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไร!” ถังหยินซวง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์
“พวกเขาน่าจะไม่ทำอย่างนั้น…แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะอยู่กับคุณและช่วยเหลือคุณหากเกิดเรื่องไม่เหมาะสมขึ้นมา!” ชายหนุ่มรีบตอบ
ตอนที่พวกเขาเดินออกมาจากสนามกีฬาเป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว พวกเขาขึ้นรถและมุ่งหน้าตรงไปยังโรงแรมระดับ 5 ดาวในเมืองเหลียน
โรงแรมชิงมู่อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองเหลียน และตั้งอยู่ใจกลางเมือง เจ้าของโรงแรมเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางอยู่ในเมืองนี้
เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าห้องชุดของโรงแรมชายหนุ่มสี่คนในชุดสูทยืนอยู่ข้างประตูเหมือนกับทหารยาม
“พวกคุณทุกคนสามารถไปหาอาหารทานภายในโรงแรมกันได้ตามสะดวก ฉันจะโทรหาพวกคุณในภายหลัง!” ถังหยินซวง หันมาพูดกับกลุ่มของหวังเสียน
ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะเป็นบอดี้การ์ดของเธอ แต่ถังหยินซวง ก็ไม่กล้าเสียมารยาทกับพวกเขา เพราะถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณอยู่ถึงสองคน เวลาที่เธอพูดคุยกับพวกเขาจึงค่อนข้างจะสุภาพ
“ตกลง! พวกเราจะรอคุณ หลังจากที่ทานอาหารค่ำเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว!” โม่ชิงหลงพยักหน้า เขาขยับฝ่ามือของเขาขึ้นมาเล็กน้อย ลูกบอลออร่าสีดำพุ่งไปตกบนร่างกายของถังหยินซวงเบาๆ
“ส่วนเรื่องความปลอดภัยคุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น หากว่าคุณตกอยู่ในอันตรายคุณสามารถกระตุ้นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณที่ฉันทิ้งเอาไว้บนร่างกายของคุณ แล้วพวกเราจะรีบมาในทันที!” โม่ชิงหลงยิ้มพร้อมกับอธิบายให้ ถังหยินซวงฟัง ในขณะที่เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ค่ะ! ขอบคุณพวกคุณมาก!” ถังหยินซวง ยิ้มและพยักหน้ารับ เธอคลายกังวลลงเป็นอย่างมาก
กลุ่มชายในชุดสูทที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า มองไปยังกลุ่มของหวังเสียนด้วยความสับสน พวกเขารู้สึกแปลกใจกับทัศนคติที่ถังหยินซวงมีต่อกลุ่มบอดี้การ์ดของตัวเธอเป็นอย่างมาก
ถังหยินซวง เดินเข้าไปในห้อง VIP ที่จัดเลี้ยงอาการค่ำพร้อมกับชายหนุ่มคนที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ เมื่อเธอเดินไปถึงด้านในห้อง เธอสังเกตว่ามีชายหนุ่มอยู่สี่ถึงห้าคนกับชายวัยกลางคนสองคนนั่งอยู่ในห้อง มีผู้ฝึกวิชายุทธอยู่ในกลุ่มของพวกเขาด้วย แต่เขาไม่แข็งแกร่งมากนักและพวกเขาไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเธอได้
“พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
หวังเสียน, โมชิงหลงและโม่หยวน มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารส่วนกลางของโรงแรม
“เฮ้ย! พวกแกไม่มีตาหรือยังไงกันว่ะ!”
ในขณะที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังเดินเลี้ยวผ่านเพื่อไปยังร้านอาหาร พวกเขาเกือบจะชนกับคนกลุ่มใหญ่ที่เดินสวนมา
ชายหนุ่มคนหนึ่งจากในกลุ่มไม่สามารถหลบได้ทันเขาจึงชนเข้ากับโม่ชิงหลง เป็นผลให้เขากระเด็นและล้มลงไปบนพื้น ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“หือ?” โม่เชียงหลง รู้สึกไม่พอใจในคำพูดของชายหนุ่มคนนั้นเขาหันกลับไปมองด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“แกมองหน้าฉันทำไมวะ?..มองหน้าหา!….?”
ป๊าบบบ!
“หุบปากซะ!”
ชายหนุ่มที่ถูกชนจนล้มลงเห็นโม่จึงหลงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร เขาจึงตะโกนออกมาอีกครั้งด้วยความโมโห
แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ ชายวัยกลางคนในกลุ่มของพวกเขา กลับตบหัวของเขาอย่างแรง พร้อมกับตะโกนสั่งให้เขาหุบปากลง
ชายหนุ่มคนที่ล้มลงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ท่านอาจารย์?…” ชายหนุ่มหันไปพูดกับชายวัยกลางคนด้วยความสับสน
“พวกผมต้องขอโทษคุณจริงๆหมอเทวะหวัง เด็กหนุ่มพวกนี้ไม่รู้จักมารยาทที่ดี ผมซึ่งเป็นอาจารย์ต้องขอโทษพวกคุณอีกครั้ง ได้โปรดยกโทษให้กับพวกเราด้วยเถอะครับ!”
“พวกเราสำนักชิงมู่ ต้องขอประทานโทษพวกคุณจริงๆ ที่ไม่รู้จักสั่งสอนสาวกของพวกเราให้ดีๆ!”
“ขอได้โปรดยกโทษให้กับพวกเราด้วยเถอะครับ!”
ในตอนนี้ชายหนุ่มพบว่าอาจารย์ของเขานั้นเพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง แต่กลับรีบพูดจาขอร้องและกล่าวคำขอโทษต่อชายทั้งสามคนด้วยความเคารพ
เขายังสังเกตเห็นความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าอาจารย์ของเขา มันทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เมืองเหลียนแห่งนี้นั้นเป็นอาณาเขตของพวกเขา แต่กระนั้นอาจารย์ของเขาและกลุ่มผู้อาวุโสของสำนักกลับแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด!
คนพวกนี้นั่นเป็นใครกันแน่?
“คราวหน้าจะพูดอะไรก็ให้รู้จักระวังตัวเอาไว้บ้าง!” โม่หยวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย ก่อนที่พวกเขาจะเดินจากไป
“ครับๆ! พวกผมจะระวังตัวและไม่กล้าปฏิบัติตัวอย่างนี้อีกแล้วครับ!”
คนกลุ่มนั้นผงกหัวกันเหมือนกับไก่จิกเมล็ดข้าว พร้อมกับโค้งตัวลงแสดงความเคารพกันอย่างนอบน้อม
หวังเสียน และกลุ่มของพวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจใดๆอีกต่อไป พวกเขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย
“ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่?”
เมื่อเห็นกลุ่มของหวังเสียน เดินจากไปไกลแล้ว กลุ่มชายวัยกลางคนต่างเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของพวกเขาพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ท่านอาจารย์!..คนพวกนี้..เขาเป็นใครกันเหรอครับ!” ชายหนุ่มคนที่เดินชนกับโม่ชิงหลง ยังคงหันไปถามชายวัยกลางคนด้วยความสับสน
“ใครอย่างนั้นหรือ? เจ้าเด็กโง่เจ้าเกือบจะทำให้พวกเราเกิดภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงแล้วเจ้ายังไม่รู้ตัวอีกอย่างนั้นหรือ? เมื่อกลับไปที่สำนักข้าจะลงโทษเจ้า!” ชายวัยกลางคนมองไปที่ชายหนุ่มพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“พวกเขาเป็นบุคคลที่พวกเราไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองใจได้ ต่อไปเจ้าอย่าได้หยิ่งผยองเช่นนี้อีก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายด้วยเหตุอันใด!”
ชายวัยกลางคนยังคงพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ เขาจ้องมองไปที่ลูกศิษย์ของเขาพร้อมกับส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ
“ข้าไม่คิดว่าพวกเขานั้นจะอยู่ในเมืองของพวกเรา ส่งข่าวไปยังสำนักและสาวกของพวกเราทั้งหมด อย่าทำตัววุ่นวายและก่อให้เกิดความขุ่นเคืองกับใครอย่างเด็ดขาดในช่วงนี้ หากใครฝ่าฝืนคำสั่งมันผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงพร้อมกับถูกขับไล่ออกจากสำนัก!” ชายวัยกลางคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อสักครู่นี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวกันเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เจ้าสำนักของพวกเขาอยู่ที่นี่เจ้าสำนักของพวกเขาก็คงจะปฏิบัติเช่นเดียวกันกับที่พวกเขาทำ แต่ในตอนนี้เจ้าสำนักของพวกเขานั้นออกไปทำธุระในที่ห่างไกล พวกเขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น
หากเหล่าสาวกคนใดของพวกเขาไปสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับคนกลุ่มนี้แล้วเราก็สำนักของพวกเขาคงจะจบสิ้นอย่างแท้จริง
เอื้อก!
ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวจนแทบจะลืมหายใจไปเลยทีเดียว เมื่อได้ฟังสิ่งที่อาจารย์ของเขานั้นพูดออกมา
การดำรงอยู่ของคนกลุ่มนี้น่าจะโหดเหี้ยมและน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นอาจารย์ของเขาคงไม่ถ่ายทอดคำสั่งเช่นนี้กับเหล่าสาวกในสำนักอย่างแน่นอน
“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าโรงแรมชิงมู่อินเตอร์เนชั่นแนล แห่งนี้จะเป็นของสำนักชิงมู่!” หวังเสียน พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“สำนักชิงมู่ถือว่าเป็นสำนักที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือสำนักหนึ่งเลยทีเดียว พวกเขาเป็นสำนักระดับชั้นที่ 1 ที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งมากในเขตจังหวัดนี้!” โม่ชิงหลงพูดเสริมออกมา
แต่อย่างไรก็ตามสำนักของพวกเขาก็ยังไม่กล้าจะหยิ่งผยองต่อหน้ากลุ่มของหวังเสียน
พวกเขาเดินมาถึงร้านอาหารส่วนกลางของโรงแรมและสั่งอาหารทานกันอย่างไม่เร่งรีบ
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็เดินกลับไปยังห้อง VIP ที่ถังหยินซวง เข้าไปในก่อนหน้านี้
หวังเสียน ใช้ความสามารถพิเศษของดวงตาเขาเพื่อสังเกตมองเข้าไปด้านใน คนทั้งหมดที่อยู่ในห้อง VIP ยังคงนั่งทานอาหารกันอย่างปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงแค่ยืนรอเธออยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้าไปรบกวนการทานอาหารของเธอ
หลังจากรอประมาณ 1 ชั่วโมงหวังเสียน ก็เริ่มรู้สึกเบื่อเป็นอย่างมาก
โครมม!
แต่ในขณะนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนเกิดการต่อสู้ดังขึ้นมาจากทางด้านใน
“บัดซบ! เธอกล้าลงมือกับพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
เสียงตะโกนดังออกมาจากห้องอาหาร VIP คนทั้ง 4 ที่เป็นบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ทางเข้าห้อง หันมองหน้ากันก่อนที่พวกเขาจะรีบผลักประตูเปิดเข้าไปข้างในอย่างเร่งรีบ
“เธอเป็นเพียงแค่นักร้องที่มีชื่อเสียงเพียงแค่ระดับสองเพียงเท่านั้น แต่กล้าอวดดีและหยิ่งผยองขนาดนี้เชียวอย่างนั้นหรือ คงจะเบื่อชีวิตมากอย่างนั้นสินะ!”
“ฉันขอพูดกับเธออีกครั้งเลยว่าถ้าคืนนี้เธอไม่ยอมไปนอนและให้บริการพวกเราเป็นอย่างดีแล้วเราก็ อย่าคิดว่าเธอจะสามารถออกไปจากเมืองเหลียนแห่งนี้ได้!”
เสียงพูดที่แสดงถึงความเย่อหยิ่งดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อกลุ่มบอดี้การ์ดทั้ง 4 คนเดินเข้าไปในห้อง พวกเขาจ้องมองไปที่ ถังหยินซวง ด้วยแววตาที่ประสงค์ร้าย
หวังเสียน, โม่ชิงหลงและโม่หยวน หันมาสบตากันก่อนที่พวกเขาจะมองเข้าไปข้างในห้อง
………..
จบบท