Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 273
ตอนที่ 273 ถังหยินซวง
.
“มาเซ็นสัญญากันก่อนเถอะครับ!”
เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์กึ่งวิลล่าหลังใหญ่ ถังจิ่วเฉาพูดกับกลุ่มของหวังเสียน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“โอเค!” หวังเสียนพยักหน้ารับ โม่หยวนตรวจสอบเนื้อหาในสัญญาและลงนามหลังจากที่ยืนยันความถูกต้องแล้ว
“ผู้อาวุโส ข้าขอคุยกับพวกท่านสักครู่จะได้ไหม?!”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใส ๆ ที่ไพเราะก้องกังวานดังมาจากทางด้านหลัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสียงที่ได้ยินนั้นต้องมาจากถังหยินซวงลูกสาวของถังจิ่วเฉา สาวกแห่งสำนักเสียงสวรรค์อย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโส! พวกท่าสทั้งสองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ฉันขอเดาว่าพวกท่านน่าจะไม่ได้อยู่ในขั้นต้นของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมคะ!”
ถังหยินซวง มองไปที่โม่ชิงหลงและโม่หยวน พร้อมกับถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
น้ำเสียงของเธอนั้นฟังไพเราะจนจับใจ เมื่อประกอบกับความงดงามที่มีเสน่ห์ของเธอด้วยแล้วจึงทำให้น่าหลงไหลเป็นอย่างมาก
ถังหยินซวง ยังถามต่อไปอีกว่า “เมื่อครู่ตอนที่ข้าได้เห็นการเคลื่อนไหวและท่าทางการโจมตีของผู้อาวุโสทั้งสอง ข้ารู้สึกค่อนข้างที่จะคุ้นเคยอยู่บ้างเล็กน้อย ข้าจึงคิดว่าพวกท่านคงไม่ได้ตั้งใจที่จะมารับภาระกิจเพื่อเป็นผู้คุ้มครองของข้าอย่างแน่นอน พวกท่านน่าจะมีจุดประสงค์อื่นใช่หรือไม่?”
ในขณะที่เธอพูด เธอจ้องมองไปยังกลุ่มของหวังเสียนอย่างตั้งใจ ด้วยสายตาที่คาดคั้นคำตอบจากพวกเขา
“โอ้แม่สาวน้อย! เจ้าฉลาดมากเลยจริงๆ ข้าไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยที่เจ้าสามารถเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นว่าที่เจ้าสำนักแห่งสำนักเสียงสวรรค์!”
โม่หยวนมองไปที่ถังหยินซวง พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม พวกเขาไม่แปลกใจเลยเมื่อถูกเด็กสาวคนนี้เปิดเผยตัวตนของพวกเขา
เพราะเดิมทีความตั้งใจแรกเริ่มของพวกเขาในการเข้าร่วมรับภารกิจครั้งนี้นั่นก็คือ ต้องการสอบถามถังหยินซวง เกี่ยวกับการตายของนักรบมังกรทั้งสองคน
ฉะนั้นพวกเขาจึงตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตนของพวกเขาออกมาอยู่แล้วตั้งแต่ต้น
ถังหยินซวง แสดงความประหลาดใจออกมาพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย
ตัวตนของเธอในฐานะศิษย์แห่งสำนักเสียงสวรรค์นั้นค่อนข้างที่จะเป็นความลับ และโดยเฉพาะการทดสอบเพื่อคัดเลือกเป็นธิดาสวรรค์หรือว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปของสำนักเสียงสวรรค์นั้นเป็นความลับที่แม้แต่ลูกศิษย์ในสำนักส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
“ในเมื่อเจ้าพูดออกมาเช่นนี้ ฉะนั้นข้าก็จะขอถามเจ้าโดยตรงเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับผู้คุ้มครองของเจ้าในก่อนหน้านี้? เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าชายหนุ่มสองคนที่ชื่อว่า จี กับ มู่!”
จีกับมู่ เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นในโลกยุทธภพของอสูรที่ 23 และอสูรที่ 31
“จีกับมู่!” ถังหยินซวง เข้าใจได้ในทันที ต่อจากนั้นเธอก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจออกมา “ข้าขอตอบผู้อาวุโสตามตรงข้านั้นก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันว่าใครเป็นผู้สังหารพวกเขา!”
“การคัดเลือกธิดาสวรรค์และโอรสสวรรค์ของสำนักเรานั้นค่อนข้างที่จะโหดร้ายมากพอสมควร ในก่อนหน้านี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายหลายคนที่เข้าร่วมในการคัดเลือกครั้งนี้!”
“แต่กฎของสำนักของเราห้ามไม่ให้มีการเข่นฆ่าและสังหารกันระหว่างเหล่าสาวก แต่กฎบางข้อก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากว่าไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้เข้าร่วมในการคัดเลือก ได้ว่าจ้างองค์กรลอบสังหารเพื่อกำจัดคู่แข่งให้เหลือน้อยมากที่สุด!”
“แต่ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นเดียวกันว่าสาเหตุของการถูกปองร้ายในครั้งก่อนนั้นเป็นเหตุมาจากการคัดเลือกผู้สมัครเป็นธิดาสวรรค์หรือไม่? หรืออาจจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจซึ่งเป็นศัตรูกับพ่อของข้าก็ได้!”
ในขณะที่เธอพูดดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน “ข้ายังมีเวลาอีกเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ก่อนที่ทางสำนักจะสรุปผลการทดสอบในครั้งนี้ แต่ที่ข้าหนักใจมากที่สุดนั่นก็คือตอนนี้ข้าได้มาถึงจุดคอขวดของการฝึกฝน และยังไม่มีวิธีใดที่จะฝ่ามันไปได้ ดังนั้นในระหว่างนี้ข้าจึงต้องทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปเพื่อการฝึกฝน พ่อของข้าจึงต้องมีการจ้างผู้คุ้มครองที่มีศักยภาพสูง ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของคนของพวกท่านข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่คิดว่าเรื่องมันจะร้ายแรงมากจนถึงขนาดนี้!”
ในขณะที่ ถังหยินซวง กำลังอธิบายอยู่นั้น โม่ชิงหลงและโม่หยวน พยายามสังเกตและวิเคราะห์คำพูดของเธอว่าเธอนั้นกำลังโกหกหรือปิดบังเรื่องบางอย่างกับพวกเขาอยู่หรือไม่
“เราไม่ได้โทษคุณหรอก! เพราะอย่างไรคุณก็ถือได้ว่าเป็นเป้าหมายและเป็นผู้เคราะห์ร้ายด้วยเช่นเดียวกัน การตายของคนของพวกเรานั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับตั้งแต่เข้าร่วมรับภารกิจแล้ว แต่สิ่งที่พวกเราต้องการรู้นั่นก็คือ ใครเป็นผู้ที่สังหารพวกเขา!” หวังเสียน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่สนใจว่าเบื้องหลังของผู้ที่สังหาร อสูรที่ 23 และอสูรที่ 31 เป็นใคร แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารคนของเขา คนพวกนี้จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต
“จากการที่ข้าได้สังเกตวิธีการทำงานของคนที่เข้ามาปองร้ายข้า คนพวกนี้นั้นน่าจะมาจากองค์กรนักฆ่ามืออาชีพเป็นแน่ แต่ข้าก็ไม่กล้ายืนยันเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์!”
ถังหยินซวง ตอบออกมาด้วยท่าทางที่ เคร่งขรึมพร้อมกับส่ายหัวช้าๆ
“เนื่องจากคนพวกนี้นั้นล้มเหลวในครั้งที่แล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมรามือง่ายๆอย่างแน่นอน ในตอนนี้พวกเราคงได้แต่ต้องรอให้คนพวกนี้ปรากฏตัวอีกครั้ง!” โม่ชิงหลงพูดออกมาด้วยใบหน้าที่สงบ
ถังหยินซวง คิดอยู่ครู่หนึ่ง “อย่างน้อยในตอนนี้ข้าก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ว่ายังไงผู้อาวุโสทั้งสองคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ การที่ได้รับการคุ้มครองจากผู้เชี่ยวชาญในระดับนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ที่จะป้องกันการลอบสังหารครั้งต่อไปได้ เพราะฉะนั้นข้ายินดีที่จะช่วยพวกท่านตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารคนของพวกท่าน!”
“ถ้าอย่างนั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะปกป้องคุณเป็นเวลา 2 เดือน ตามภารกิจที่ได้ระบุเอาไว้!” หวังเสียน พูดออกมา ในขณะที่เขากำลังคิดถึงความน่าจะเป็นที่มือสังหารจะปรากฏตัวออกมา
หากนักฆ่ากลุ่มนี้ไม่ปรากฏตัวออกมาหลังจากผ่านช่วงเวลา 2 เดือนไปแล้ว เขาก็จะมอบหมายให้โม่ชิงหลงและโม่หยวน สืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของนักรบมังกรให้ได้
“ข้าขอขอบคุณพวกท่านอีกครั้ง!”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของถังหยินซวง
“ไม่เป็นไร! พวกเราสามารถรับรองความปลอดภัยให้เจ้าได้อย่างแน่นอน เจ้าสบายใจได้เลย!”
“ขอบคุณมาก!” ถังหยินซวง พยักหน้า
“ฮ่าๆๆ! ในเมื่อตอนนี้ข้อตกลงของพวกเราเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปทานอาหารกลางวันร่วมกันเถอะ!”
ถังจิ่วเฉา ลุกขึ้นยืนและเชิญทั้งสามร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสามคนพยักหน้าและมาที่ห้องบอลรูมของวิลล่า
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้วสาวใช้คนหนึ่งเดินมาเพื่อส่งมอบตารางเวลาให้กับพวกเขา
มันเป็นแผนการเดินทางของ ถังหยินซวง ในช่วงเวลาต่อจากนี้
“เธอมีคอนเสิร์ตสี่ครั้งในอีกสองเดือนข้างหน้าดูเหมือนว่ามันจะสร้างปัญหาที่วุ่นวายให้กับภารกิจในการคุ้มครองของพวกเราพอสมควรเลยทีเดียว!”
หวังเสียน มองไปที่ตารางเวลาของถังหยินซวง และส่ายหัว
สี่งานคอนเสิร์ตในสี่เมืองที่แตกต่างกัน
สิ่งนี้อาจทำให้เรื่องยากมากพอควรสำหรับพวกเขาในระหว่างนั้น
“ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามสร้างความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของเธอผ่านคอนเสิร์ต!” โม่ชิงหลงวิเคราะห์ออกมา
สำนักเสียงสวรรค์เน้นการฝึกฝนและบ่มเพาะเกี่ยวกับเครื่องดนตรี และการครอบงำทางจิตใจของผู้ฟังโดยเฉพาะ
ไม่เพียงแต่สาวกของพวกเขาต้องมีความแข็งแกร่งทางด้านวิชายุทธเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องฝึกความเชี่ยวชาญในด้านเครื่องดนตรีอีกด้วย
การใช้เครื่องดนตรีเพื่อฝึกฝนนั้นถือว่าเป็นการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางด้านจิตวิญญาณ เมื่อพวกเขาฝึกฝนจนมีความแข็งแกร่งในระดับที่สูงขึ้น พวกเขาจะสามารถใช้เครื่องดนตรีเป็นอาวุธโจมตีทางกายภาพได้อีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อกำเนิดลมปราณที่ทรงพลังของสำนักเสียงสวรรค์ สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันได้ถึงสองคนพร้อมกันได้อย่างไม่ยากเย็น
นี่ถือว่าเป็นสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังสำนักหนึ่งเลยทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะออกเดินทางไปพร้อมๆกับเธอในวันพรุ่งนี้ ระหว่างที่เราปฏิบัติภารกิจเพื่อคุ้มครองเธอนั้น มือสังหารอาจจะปรากฏตัวออกมาอีกครั้งก็ได้!”
หวังเสียน ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องพักที่จัดไว้โดย ถังจิ่วเฉา
ในขณะที่เขากำลังเดินกลับไปที่ห้องพักของเขานั้น เสียงพิณอันไพเราะดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาจากทางด้านชั้นบนของวิลล่า
เสียงของพิณ 7 สายอันไพเราะนั้นสามารถทำให้หวังเสียน รู้สึกมึนงงไปชั่วครู่หนึ่งเลยทีเดียว
“ช่างเป็นบทเพลงที่ยอดเยี่ยมและทรงพลังมากจริงๆ!”
หวังเสียน รู้สึกตกใจเล็กน้อยเขาเงยหน้ามองไปที่ชั้นบนของวิลล่าพร้อมกับหรี่ตาลง นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินปนแดงเล็กน้อย
ด้วยความสามารถพิเศษของดวงตาในการมองทะลุของหวังเสียน กำแพงที่ขวางตรงด้านหน้าของเขาค่อยๆเลือนหายไป ถังหยินซวง กำลังนั่งเล่นพิณ 7 สายอยู่ในห้องดนตรีด้วยท่าทางที่สวยงามเป็นอย่างมาก
เขาเห็นเครื่องดนตรีมากมายที่แขวนอยู่ในห้องดนตรีของเธอ
หวังเสียน ถอนสายตาของเขาออกมาและเดินกลับไปยังห้องพักของเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
บ่ายวันรุ่งขึ้นหวังเสียน, โม่ชิงหลงและโม่หยวน ขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองเหลียนพร้อมกับถังหยินซวง
เมืองเหลียนเป็นเมืองชั้นสองที่มีระดับประชากรที่หนาแน่น พวกเขาใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงบนเครื่องบิน ระยะทางของเมืองเหลียนนั้นอยู่ห่างจากเมืองเจียงเฉิงไม่มากเท่าไหร่นัก
และเช่นเดียวกันกับคนดังคนอื่นๆ ถังหยินซวง สวมแว่นกันแดดและหมวกเบสบอล เพื่ออำพรางตัวเอง มันจึงเป็นเรื่องยากพอสมควรที่คนอื่นจะจดจำเธอได้ หากว่าไม่ได้เข้ามามองเธอในระยะใกล้ๆ
“โอ้ หยินซวง ในที่สุดคุณก็มาถึงจนได้!”
หลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากสนามบินชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราก็เดินตรงเข้ามาด้วยความกระตือรือร้น
“พวกเรารีบไปที่สถานที่แสดงคอนเสิร์ตกันก่อนเถอะ เพราะว่าพวกเราต้องเข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำกับสปอนเซอร์ของพวกเราด้วยในคืนนี้!”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ก่อนที่จะหันไปมองทางหวังเสียน และคนอื่นๆ
“พวกคุณทั้งสามคนเป็นบอดี้การ์ดของเธอใช่หรือไม่ พวกคุณควรจะไปนั่งที่รถคันหลัง เพราะว่าตารางเวลาของพวกเรานั้นแน่นมากพวกเราต้องรีบไป!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาด้วยความกังวล
“ชินหมิง พวกเราไม่ต้องรีบร้อนมากขนาดนั้นก็ได้!” ถังหยินซวง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ก็แค่การทานอาหารค่ำกับสปอนเซอร์ของงานคอนเสิร์ตเองเท่านั้นไม่ใช่หรอกหรือ?”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ หยินซวง ในตอนนี้พวกเรานั้นอยู่ในเมืองของพวกเขา คนพวกนี้นั้นมีอิทธิพลค่อนข้างมากเลยทีเดียว หากว่าคุณไม่ไว้หน้าพวกเขาโดยการไปทานอาหารค่ำในคืนนี้แล้วล่ะก็ พวกเขาอาจจะเล่นแง่ก่อความวุ่นวายเพื่อทำลายงานคอนเสิร์ตของคุณก็ได้!”
ถังหยินซวง ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนะ “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ!”
……..
จบบท