Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 248
ตอนที่ 248 ประกายไฟแห่งความวุ่นวาย!
.
การแสดงออกของทุกคนนั้นเปลี่ยนไปพวกเขาหันไปมองที่หวังเสียนและกลุ่มสาวกของสำนักวังเปลวไฟ
จากคำพูดของหวังเสียน ที่บอกว่าลูกศิษย์ของสำนักวังเปลวไฟนั้นไร้ความสามารถ
สิ่งนี้ทำให้เหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟต่างรู้สึกอับอายกันเป็นอย่างมาก
“ก็แค่กลุ่มลูกศิษย์ที่แสนอ่อนแอและไร้ความสามารถแต่ยอมรับความจริงไม่ได้ ฮึฮึ!” อสูรที่ 50 ยังคงพูดจาเยาะเย้ยถากถางออกมาอย่างสนุกปาก คำพูดของเขานั้นเหมือนเป็นการสนับสนุนคำพูดของหวังเสียนในก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไปหาเสี่ยวหยู พร้อมกับกระทำบางอย่างที่ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดนั้นต้องตกตะลึง
อสูรที่ 50 คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเสี่ยวหยู พร้อมกับก้มศีรษะและพูดออกมา “ธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจี ถ้าท่านนั้นมีความประสงค์ต้องการให้ข้ากระทำสิ่งใดขอได้โปรดสั่งการได้เลยทันที ข้านั้นยินดีทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่าง!”
“!!….”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่ในเหตุการณ์แทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
อู๋ฉี ผู้ที่มีความสามารถในระดับสูงหากเปรียบเทียบกันแล้วเขานั้นสามารถเป็นโอรสสวรรค์ของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้เลยในทันที แต่ในตอนนี้เขานั้นถึงกับคุกเข่าลงและให้ความเคารพต่อธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจีด้วยความนอบน้อม
ลักษณะท่าทางของเขาที่แสดงออกต่อหน้าเสี่ยวหยู ในตอนนี้นั้นไม่ต่างจากคนรับใช้ที่ปฏิบัติต่อเจ้านายของตัวเอง
เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นมันเป็นเหมือนการตบหน้าคนของสำนักวังเปลวไฟครั้งใหญ่ ลูกศิษย์ที่มีฝีมือทั้งหมดของสำนักวังเปลวไฟยังไม่สามารถที่จะต่อสู้กับอู๋ฉี ได้เลยแม้แต่น้อย และในตอนนี้อู๋ฉีก็ยังคุกเข่าลงตรงหน้าเสี่ยวหยูด้วยความเคารพ
เมื่อไม่นานมานี้สำนักวังเปลวไฟได้ประกาศเรื่องการแต่งงานของธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจี เพื่อแสดงถึงอำนาจและการครอบงำของสำนักวังเปลวไฟ
ในเวลาต่อมาหมอเทวะหวังได้ลุกขึ้นต่อต้านการแต่งงานระหว่างหลานชายของผู้อาวุโสเผิง กับธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจีซึ่งเป็นน้องสาวของเขา
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างอสูรกระดูกขาวอู๋ฉี และสาวกแห่งสำนักวังเปลวไฟ ทั้งโอรสสวรรค์และธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟได้พ่ายแพ้ให้กับอสูรกระดูกขาวอู๋ฉีอย่างหมดรูป
ทั่วทั้งลานจัตุรัสก็เงียบลง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้เพียงครึ่งคำ
ผู้อาวุโสแห่งวังเปลวไฟทั้งสี่คนค่อยๆลุกยืนขึ้นพวกเขานั้นมีสีหน้าที่เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ฟูวววว!
เปลวไฟลุกโชนโหมกระหน่ำขึ้นอย่างรุนแรงจากหม้อกลั่นขนาดใหญ่ และแรงกดดันอันทรงพลังก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
ดวงตาของผู้อาวุโสทั้งสี่คนของสำนักวังเปลวไฟหันไปจ้องมองอสูรที่ 50 ด้วยสายตาที่ดุร้าย
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่แต่งเครื่องแต่งกายที่มีสัญลักษณ์ของภูเขาขนาดใหญ่ปักอยู่ตรงหน้าอกจ้องมองไปที่หวังเสียนด้วยสายตาเย็นชา
“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเขาที่ทำให้สำนักหลิงเยว่ของพวกเราประสบความสูญเสียครั้งใหญ่จากประเทศหินหยก!” ชายวัยกลางคนหันไปพูดกับชายชราที่อยู่ข้างๆเขา
“อืมม!”
ชายชราพยักหน้าขณะที่ดวงตาของเขาเย็นชา เขาเหล่ตาและมองไปที่ อู๋ฉีที่ยืนอยู่ในกลุ่มเดียวกับหวังเสียน
“ดูจากปฏิกิริยาของเขาแล้ว อสูรกระดูกขาวอู๋ฉีผู้นี้น่าจะอยู่ฝั่งเดียวกับหมอเทวะหวังอย่างแน่นอน!”
มุมปากของชายชราค่อยๆยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างเยาะเย้ย เนื่องจากสำนักหลิงเยว่ มีความเป็นศัตรูโดยตรงกับหมอเทวะหวัง ในครั้งนี้พวกเขาจึงมีความตั้งใจเข้าหาสำนักวังเปลวไฟเพื่อประจบเอาใจโดยตรง
ชายชราก้าวไปข้างหน้าและพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “เจ้าพวกบัดซบ พวกเจ้าจงใจก่อความบาดหมางกับสำนักวังเปลวไฟอย่างนั้นหรือ ช่างรนหาที่ตายเสียจริงๆ?”
เสียงของชายชราทำลายความเงียบในลานจัตุรัสและดังก้องอยู่ในหูของฝูงชน
“หือ? เสียงนี้?”
“นั่นคือออร่าของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ!” เมื่อชายชราเปิดปากทุกคนก็ตกใจและหันไปมองที่เขาด้วยความสนใจ
“ดูจากเครื่องแต่งกายของเขาแล้วชายชราคนนี้น่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักหลิงเยว่อย่างแน่นอน!”
“เจ้าสำนักหลิงเยว่อย่างนั้นหรือ?”
ชายชราเดินไปที่กลางเวทีประลองพร้อมกับจ้องมองไปยังอู๋ฉี ด้วยสายตาที่เย็นชา
เมื่อดูจากสายตาเขาแล้วเจ้าสำนักหลิงเยว่ ดูเหมือนว่าเขานั้นมีความตั้งใจที่จะจัดการกับอู๋ฉีโดยตรง
ในฐานะที่สำนักวังเปลวไฟเป็นสำนักใหญ่ระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสของสำนักวังเปลวไฟไม่สามารถลงมือทำร้ายอู๋ฉี ได้
หากพวกเขานั้นลงมือกับอู๋ฉี สำนักวังเปลวไฟคงจะขึ้นชื่อได้ว่า เป็นสำนักอันธพาลและไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมและกฎเกณฑ์แห่งโลกยุทธภพ
ถึงแม้ว่าอู๋ฉี นั้นจะอวดดีและหยิ่งยโสมากก็ตามที แต่เขานั้นก็ท้าทายโอรสสวรรค์และธิดาสวรรค์ของสำนักวังเปลวไฟอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติแห่งโลกยุทธภพ ผู้อาวุโสและสาวกแห่งสำนักวังเปลวไฟไม่สามารถลงมือสังหารหรือจับกุมเขาได้ เพียงเพราะเขาชนะสาวกของสำนักพวกเขา
และในฐานะที่พึ่งเลื่อนระดับชั้นเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์พวกเขานั้นต้องให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสำนักเป็นอย่างมาก
แต่ถึงแม้ว่าสำนักวังเปลวไฟจะไม่สามารถลงมือจัดการด้วยตัวเองได้ แต่หากมีกองกำลังอื่นยื่นมือเข้ามาจัดการแทน สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะไม่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของสำนักวังเปลวไฟเลยแม้แต่น้อย
เจ้าสำนักของสำนักหลิงเยว่ รู้ถึงข้อนี้ดีเขาจึงรีบเสนอตัวออกมาเพื่อต้องการสร้างความประทับใจและความสัมพันธ์อันดีกับสำนักวังเปลวไฟ
เมื่อเห็นเจ้าสำนักของสำนักหลิงเยว่ เสนอตัวออกมาจัดการแทนพวกเขา ผู้อาวุโสทั้งสี่คน ของสำนักวังเปลวไฟต่างพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
พวกเขานั้นรู้ดีว่าสำนักของพวกเขานั้นมีผู้ที่ต้องการจะประจบเอาใจอย่างมากมาย และในกรณีแบบนี้พวกเขาไม่ต้องเอ่ยปากใดๆก็จะมีผู้ที่ยื่นมืออาสาเข้ามาจัดการเรื่องบางอย่างแทนพวกเขาด้วยความเต็มใจ
“เจ้ารีบขอโทษผู้อาวุโสแห่งสำนักวังเปลวไฟเดี๋ยวนี้ แล้วรีบไสหัวไปพ้นจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นที่นี่จะกลายเป็นหลุมฝังศพของเจ้า!”
เจ้าสำนักของสำนักหลิงเยว่มองไปยังอู๋ฉี พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังของระดับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณส่งตรงไปยังอู๋ฉี โดยตรง
อู๋ฉี รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่พุ่งตรงมาทางเขาอย่างรุนแรง เขารีบปลดปล่อยออร่าปีศาจเพื่อต้านทานแรงกดดันของชายชราในทันที
“ชายชราแห่งสำนักหลิงเยว่ ตั้งใจพุ่งเป้าการโจมตีไปที่อู๋ฉีโดยตรง เขานั้นเคยมีความขัดแย้งกับอู๋ฉีมาก่อนอย่างนั้นหรือ?”
“ชายคนนั้นหยิ่งยโสมากเกินไป เขาอยู่ในเขตของสำนักวังเปลวไฟ แต่ยังกล้าพูดจาเหยียดหยามสาวกของสำนักวังเปลวไฟอย่างตั้งใจ ถึงแม้ว่าคนของสำนักวังเปลวไฟจะไม่ออกตัวเพื่อจัดการกับเขา แต่ก็จะมีผู้ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสำนักวังเปลวไฟยื่นมือออกมาจัดการแทนพวกเขาอย่างแน่นอน!”
เหล่าบรรดาชาวยุทธนั้นไม่แปลกใจมากนักที่เห็นว่ามีผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณ ของสำนักหลิงเยว่ ออกมาจัดการกับอู๋ฉี
“เฮอะ! ถึงแม้ว่าพวกเราสำนักวังเปลวไฟ จะไม่อยากจัดการเจ้าให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของสำนัก แต่เนื่องจากเจ้านั้นมันอวดดีและหยิ่งผยองมากเกินไป เหล่าชาวยุทธผู้มีคุณธรรมคนอื่นๆย่อมไม่สามารถทนคนชั่วช้าอย่างเจ้าได้อย่างแน่นอน!”
เหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟต่างรู้สึกยินดีกันเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ ออกตัวแทนสำนักวังเปลวไฟของพวกเขาเพื่อจัดการกับอู๋ฉี
ทุกคนต่างมองไปยังอู๋ฉี ที่ยืนอยู่อย่างสงบนิ่งใกล้ๆกับกลุ่มของหวังเสียน
“เขานั้นเป็นเพียงแค่จอมยุทธ์รุ่นเยาว์เพียงเท่านั้น เจ้าที่อายุมากจนหัวหงอกขาวขนาดนี้แล้ว และยังเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณแต่กลับประพฤติตัวอย่างน่ารังเกียจลอยหน้าลอยตารังแกผู้อ่อนแอกว่าเยี่ยงนี้ช่างเป็นไอ้แก่ที่เลวระยำเสียจริงๆ !”
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่กลุ่มผู้คนกำลังคิดว่าชายชราเจ้าสำนักหลิงเยว่ กำลังจะจัดการกับอู๋ฉี อยู่นั้น เสียงพูดที่เย็นชาก็ดังขึ้น
แรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ ที่กำลังกดทับไปยังอู๋ฉี ก็ถูกปิดกั้นและสลายตัวลงไปในทันที
“โอ๊ะ?”
“ก่อกำเนิดลมปราณ! ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ เขาผู้นั้นเข้ามาช่วยอู๋ฉี อย่างนั้นเหรอ?”
“คนผู้นี้ต้องการจะเป็นศัตรูกับสำนักวังเปลวไฟอย่างเปิดเผยเลยอย่างนั้นหรือ?” ทุกคนต่างตกใจและรีบหันหน้ากลับไปมองยังต้นเสียง
ตรงหัวมุมที่กลุ่มคนจากเมืองลี่เฉิง กำลังรวมตัวกันอยู่นั้นมีชายวัยกลางคนผมยาวประบ่ากำลังถือดาบเอาไว้ในมือพร้อมกับมีแววตาที่น่ากลัวกำลังจ้องมองไปยังชายชราที่เป็นเจ้าสำนักหลิงเยว่
“ดาบคลั่งโลหิตจี!!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่รู้จัก จีหยวนคุน ต่างสะดุ้งตกใจกันทันทีเมื่อรู้ตัวตนของเสียงที่พูดออกมาเมื่อสักครู่นี้
ชายชราเจ้าสำนักหลิงเยว่ ก็หันไปจ้องมองดาบคลั่งโลหิตจี ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมด้วยเช่นเดียวกัน
“ดาบคลั่งโลหิตจี!” เหล่าผู้อาวุโสและสาวกของสำนักวังเปลวไฟ มองไปที่ ดาบคลั่งโลหิตจี พร้อมกับขมวดคิ้ว
“ดาบคลั่งโลหิตจีแห่งเมืองลี่เฉิง!” เจ้าสำนักหลิงเยว่ จ้องมองไปที่ดาบคลั่งโลหิตจี พร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นเรื่องของสำนักหลิงเยว่ เจ้ามายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย!”
“ข้าอยากจะยุ่ง เจ้าจะทำไม?” น้ำเสียงอันแข็งกระด้างดังและเอาแต่ใจดังขึ้นมาจากดาบคลั่งโลหิตจี พร้อมกับออร่าที่แข็งแกร่งพุ่งตรงออกไปยังเจ้าสำนักหลิงเยว่ในทันที
ในตอนนั้นนั่นเองชายวัยกลางคนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หวังเสียน ก็จ้องมองไปที่ชายชราอย่างเย็นชาพร้อมกับมีแรงกดดันอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจาก รอบๆตัวเขา
“กลับไปที่สำนักหลิงเยว่ของเจ้าซะ! ไม่เช่นนั้นสำนักของเจ้าจะต้องได้รับผลที่ตามมาอย่างแสนสาหัส!’
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโม่หยวน สาวกแห่งวังมังกรของหวังเสียน
“โอ้! ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณโผล่มาอีกคนนึงแล้ว!”
“คนพวกนี้นั้นคิดอะไรอยู่กันแน่ พวกเขาต้องการท้าทายสำนักวังเปลวไฟกันอย่างนั้นหรือ? “
“วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเหตุการณ์มันถึงดูค่อนข้างสับสนวุ่นวายกันอย่างนี้!”
“ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้างหมอเทวะหวัง คนนั้นเป็นใครกันแน่ เขามีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากทีเดียว ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับชายผู้นี้มาก่อน!”
บรรดาชาวยุทธโดยรอบต่างตกตะลึงกันเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้!
……..
จบบท