Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 247
ตอนที่ 247 เข้ามาให้ท่านปู่สั่งสอน?
.
ทุกคนจ้องมองไปยังอสูรที่ 50 ที่อวดดีและหยิ่งผยอง
ในสายตาของพวกเขา อู๋ฉี คนนี้อาจเป็นคนที่บ้าคลั่งและโง่เง่ามาก
เขากล้าล้อเลียนธิดาสวรรค์และโอรสสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟ เห็นได้ชัดเลยว่าชายคนนี้นั้นกำลังขุดหลุมฝังตัวเองอยู่
สำนักวังเปลวไฟ จะไม่มีวันปล่อยเขาไป!
“ข้าจะฆ่ามัน!” โม่ชางไห่โอรสสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟ พูดออกมาอย่างโกรธแค้น หลังจากที่เขานิ่งเงียบฟังอสูรที่ 50 พูดจายั่วยุมานาน
“โม่ชางไห่ เจ้าปล่อยมันให้กับข้าเถอะ ก็แค่เทียนเจียวอันดับที่ 19 ข้าสามารถสังหารมันได้อย่างแน่นอน!”
หลัวฟางหัว หันไปพูดกับ โม่ชางไห่ พร้อมกับโบกสะบัดกระบี่ในมือไปมาด้วยความมั่นใจ
เธอจับจ้องไปยัง อสูรที่ 50 และพูดอย่างเย็นชาว่า “ราคาที่เจ้าต้องจ่ายสำหรับคำพูดพล่อยๆของเจ้านั่นก็คือชีวิตบัดซบของเจ้า!”
ทันทีที่เธอพูดจบเธอก็พุ่งตัวออกไปราวกับลูกกระสุนปืนร่างกายของเธอเปล่งประกายด้วยออร่าสีแดงในขณะที่กำลังพุ่งตรงเข้าไปหา อสูรที่ 50
“ทักษะการเคลื่อนไหว ช่างรวดเร็วมากเลยจริงๆ!”
“ธิดาสวรรค์หลัวฟางหัว เธอเป็นนักรบระดับขั้นที่ 8 แต่ข้ารู้มาว่าเทคนิคและวิชายุทธของเธอนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรงมากแม้แต่นักรบระดับขั้นที่ 9 ก็ยังต้องหวาดกลัวเมื่อเธอนั้นโจมตีอย่างเต็มกำลัง!”
“ช่างน่ากลัวยิ่งนัก แค่เพียงเฉพาะศิษย์ทั่วไปของสำนักวังเปลวไฟก็มีความสามารถที่มากกว่ากองกำลังอื่นๆ เกือบเท่าตัวแล้ว และระดับขั้นของธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟนั้นจะน่ากลัวมากขนาดไหน!”
ฝูงชนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นความรวดเร็วและพลังในการจู่โจมของหลัวฟางหัว ที่แสดงออกมา
“ฮึ! ก็แค่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟเท่านั้นเอง!”
อสูรที่ 50 มีสีหน้าที่สงบนิ่งแต่ไร้อารมณ์เมื่อเขาเห็น หลัวฟางหัว พุ่งตรงเข้ามาโจมตีเขา เขาเหยียดแขนออกไปพร้อมกับมีออร่าสีดำที่กระจายตัวออกมาจากร่างกายของเขา
“มาเถอะ! แสดงให้ข้าเห็นหน่อยสิว่าธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน!”
ออร่าสีดำทมิฬของเขาฟุ้งกระจายตัวออกไปในอากาศในขณะเดียวกันกับที่กระบี่ของ หลัวฟางหัว พุ่งตรงเข้ามาหาเกือบจะถึงตัวเขา
” ไปตายซะ!”
ดวงตาของ หลัวฟางหัว เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันรุนแรง ออร่าสีแดงของเธอนั้นสาดประกายสีเข้มพุ่งตรงไปที่กระบี่ ในทันใดนั้นกระบี่ในมือของเธอก็ลุกเป็นไฟพวยพุ่งออกมา กระบี่ของเธอพุ่งตรงเข้าไปที่แขนของอสูรที่ 50 ที่กำลังยกค้างขึ้นมาพร้อมกับออร่าสีดำ
บรูมมมมม!
เสียงกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อกระบี่ของเธอนั้นฟาดฟันลงไปที่แขนของอสูรที่ 50
แต่ทว่ากระบี่เปลวเพลิงสีแดงนั้นไม่สามารถสร้างรอยบาดแผลให้กับแขนของอสูรที่ 50 ได้เลยแม้แต่น้อย!
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
สีหน้าของธิดาสวรรค์หลัวฟางหัวเปลี่ยนไปทันที กระบวนท่าเมื่อครู่นี้เธอนั้นใช้พลังทั้งหมดของเธอฟันออกไปอย่างเต็มที่แล้ว
โดยส่วนมากการต่อสู้ระหว่างอาวุธกับร่างกายโดยตรงนั้นมีข้อได้เปรียบกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่หลังจากที่กระบี่ของเธอและแขนของอสูรที่ 50 ได้ปะทะกันแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกถึงความได้เปรียบในการที่เธอใช้อาวุธต่อสู้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
“ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก! อู๋ฉีคนนี้นั้นฝึกวิชาปีศาจประเภทไหนมากันแน่ แม้แต่เพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งและรวดเร็วของธิดาสวรรค์หลัวฟางหัว ยังไม่สามารถทำอันตรายใดๆกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย!”
“ธิดาสวรรค์หลัวฟางหัวคนนี้เป็นเทียนเจียวอันดับที่ 17 ไม่ใช่หรือ? เธอนั้นอยู่อันดับที่สูงกว่า อู๋ฉี สองอันดับ แต่ข้าทำไมรู้สึกว่า อู๋ฉี นั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าธิดาสวรรค์หลัวฟางหัวเสียอีกล่ะ!”
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึง หลังจากที่พวกเขาได้เห็นผลของการปะทะกันของทั้งสองคน
ในตอนนี้ธิดาสวรรค์หลัวฟางหัว รีบใช้กระบี่ของเธอเล็งไปที่จุดตายทั้งหมดบนร่างกายของอสูรที่ 50 อย่างต่อเนื่องในทันที
ใบหน้าของอสูรที่ 50 เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หลัวฟางหัว อย่างเย็นยะเยือก เขาส่งพลังลมปราณเพื่อกระตุ้นสายเลือดมังกรของเขาไปที่แขนในทันที
ในตอนนี้เกล็ดมังกรสีดำก็โผล่ขึ้นมาบนแขนทั้งสองข้างของอสูรที่ 50
เคร้งงงง!
ฝ่ามือของอสูรที่ 50 คว้ากระบี่ของ หลัวฟางหัว ได้อย่างง่ายดาย ดวงตาของเธอในตอนนี้เบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ
พลั๊กกก!
อสูรที่ 50 ตวัดฝ่ามือฟาดไปบนหน้าอกของหลัวฟางหัว อย่างรุนแรง
“ฮึ! ฝีมือช่างอ่อนแอมากนัก นี่คือธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟอย่างนั้นหรือ? ช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆ!”
อสูรที่ 50 พูดออกมาอย่างเยาะเย้ย ในขณะที่เขามองไปยัง หลัวฟางหัว ที่กำลังกระอักเลือดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ
เขาส่ายหัวออกมาเบาๆพร้อมกับหันไปจ้องมองยังโอรสสวรรค์ของสำนักวังเปลวไฟพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เจ้าจะเข้ามาสู้กับข้าต่อเลยหรือไม่? หรือว่าในตอนนี้เจ้ากลัวจนไม่สามารถจะขยับได้แล้ว ฮ่าๆๆ!”
เขาหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับส่งสายตาที่ยั่วยุ ไปทางโม่ชางไห่
ตูมมม!
ร่างกายของ โม่ชางไห่ ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ เปลวเพลิงลุกโชนออกมาจากร่างกายของเขาเข้าไปโอบล้อมอสูรที่ 50 ในทันที “ไอ้บัดซบไปตายซะ!”
“โอ้วๆๆ! อย่าทำหน้าตาน่ากลัวอย่างนั้นสิ! ข้าตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วเนี่ย เจ้าไม่เห็นหรือไร!”
อสูรที่ 50 ทำท่าทางหวาดกลัวเพื่อล้อเลียนและยั่วยุ โม่ชางไห่ อย่างจงใจ
“ศิษย์พี่ระวังตัวด้วยอย่าประมาทมันเด็ดขาด ไอ้บัดซบคนนี้มันแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว!”
หลัวฟางหัว พูดเตือน โม่ชางไห่ ในทันทีหลังจากที่เธอเห็นว่าเขานั้นกำลังโมโหจนขาดสติ
เธอยกมือเช็ดเลือดที่มุมปากพร้อมกับมองไปยังอสูรที่ 50 ด้วยสายตาที่เกลียดชังและโกรธแค้น
“อะไรกัน? ธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟพ่ายแพ้แล้วอย่างนั้นรึ?”
“พลังป้องกันและพลังโจมตีของ อสูรกระดูกขาวอู๋ฉี นั้นเหนือกว่าธิดาสวรรค์หลัวฟางหัวมากนัก อีกไม่นานอันดับเทียนเจียวในโลกยุทธภพคงต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน!”
“ธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟพ่ายแพ้แล้ว!”
ฝูงชนโดยรอบต่างพากันตกตะลึง ผู้อาวุโสทั้งสี่ของสำนักวังเปลวไฟที่นั่งอยู่ตรงกลางมีประกายแห่งความชั่วร้ายปรากฏขึ้นมาในดวงตาของพวกเขาในทันที
ผู้ฝึกฝนวิชายุทธแนวทางแห่งปีศาจสามารถเอาชนะธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟได้อย่างง่ายดาย นี่มันไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าวิชายุทธของสำนักวังเปลวไฟโดยตรงหรอกหรือ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งโลกยุทธภพ สำนักของพวกเขาต้องอับอายขายหน้ามากขนาดไหน!
“ฮ่าฮ่า! ข้าบอกพวกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าทั้งคู่สมควรที่จะร่วมมือกัน ถึงจะสามารถมีคุณสมบัติพอที่จะทำให้ข้านั้นรู้สึกตื่นเต้นในการต่อสู้ขึ้นมาได้บ้าง ฮ่าๆๆ!” อสูรที่ 50 หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
“ไอ้บัดซบบบบ!”
โม่ชางไห่ ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเขาพุ่งตัวโจมตีออกไปในทันที
” ฮ่าฮ่า! รีบเข้ามาให้ท่านปู่คนนี้สั่งสอนเจ้าเสียโดยเร็วเถอะเจ้าเด็กน้อย!”
อสูรที่ 50 แสยะยิ้มออกมาอย่างดูถูก ในขณะที่ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจและหมอกสีดำทมิฬ
“ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้! พอท่านปู่เรียกหา เจ้าก็รีบเข้ามาตามคำสั่งในทันทีเลย ช่างเชื่อฟังคำสั่งดีจริงๆ เลยนะเด็กน้อย ฮ่าๆๆ!
การยั่วยุและความหยิ่งผยองของอสูรที่ 50 นั้นช่างไร้ขอบเขตเสียจริงๆ!
เหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟ ที่อยู่รอบ ๆ จ้องมองไปยังอสูรที่ 50 อย่างดุร้ายเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อของเขาให้หมดทั้งตัว
หากไม่ใช่ว่าในตอนนี้มีเหล่าชาวยุทธอยู่กันอย่างมากมายแล้วล่ะก็ พวกเขาทุกคนคงจะปิดล้อมจับอสูรที่ 50 เอาไปแล่เนื้อเถือหนังเพื่อจับไปทรมานทั้งเป็นอย่างแน่นอน
และแน่นอนพวกเขาได้แต่คิดและอาฆาตแค้นอยู่ในใจเพียงเท่านั้น หากพวกเขานั้นทำการปิดล้อมรุมโจมตีอสูรที่ 50 จริงๆ สำนักวังเปลวไฟของพวกเขานั้นคงจะต้องเสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และโลกยุทธภพคงจะไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมนี้ของสำนักวังเปลวไฟได้ สำนักของพวกเขาก็จะกลายเป็นสำนักที่ชั่วร้ายและกลายเป็นศัตรูกับเหล่าจอมยุทธแห่งโลกยุทธภพอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสของสำนักวังเปลวไฟ ทั้งสี่ที่นั่งอยู่ตรงกึ่งกลางของแท่นพิธีมีสีหน้าที่มืดมนลงในขณะที่พวกเขากำลังจ้องมองการต่อสู้บนเวทีประลอง ระหว่างโม่ชางไห่กับอสูรที่ 50
โม่ชางไห่ เป็นเทียนเจียวอันดับที่ 14 แห่งการจัดอันดับในโลกยุทธภพ และเขายังเป็นโอรสสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในหมู่ลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักอีกด้วย
เขาเป็นนักรบระดับขั้นที่ 9 และมีอายุแค่ 32 ปีเพียงเท่านั้น ในโลกยุทธภพความสามารถของ โม่ช่างไห่ นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้การต่อสู้ของโม่ชางไห่และอสูรที่ 50 ก็ค่อนข้างจะเห็นผลลัพธ์ออกมาอย่างแน่นอนแล้ว
โม่ชางไห่ไม่สามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับอสูรที่ 50 ได้เลย การประลองบนเวทีในตอนนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย มันเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังถูกผู้ใหญ่ที่เกเรคนหนึ่งยั่วยุและกลั่นแกล้งเสียมากกว่า
ในตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึงกันจนไม่สามารถจะสรรหาคำพูดใดพูดออกมาได้ ในขณะที่พวกเขากำลังจ้องมองอสูรที่ 50 ที่ใช้เพียงร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาต่อสู้กับดาบในมือของโม่ชางไห่ ด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
โอรสสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟ ไม่สามารถจะต่อสู้กับเขาได้จริงๆ
“ฮ่าๆๆ! โอรสสวรรค์แห่งสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ ช่างอ่อนแอและไร้ประโยชน์เสียจริงๆ วานรอสูรที่ข้าเจอในหุบเหวลึกเมื่อ 3 วันก่อนยังแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าเสียอีก ฮ่าๆๆ!”
ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นอสูรที่ 50 ก็กางกรงเล็บในมือของเขาออกมาพร้อมกับมีออร่าสีดำทมิฬห่อหุ้มพันอยู่รอบแขนและมือของเขาอย่างแน่นหนาจนค่อยๆกลายไปเป็นกรงเล็บมังกร!
“ข้าเบื่อแล้วล่ะ! เจ้ารีบๆแพ้ไปเสียเถอะนะ!”
เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมกับตวัดกรงเล็บมังกรออกไปทันที
โม่ชางไห่ ตกใจมากเขารีบยกแขนของเขาขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวอย่างรวดเร็ว
ตัวเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาในทันที เมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังที่รุนแรงของกรงเล็บมังกร
คว๊ากกก!
อสูรที่ 50 จับและฉีกกระชากเนื้อบนท่อนแขนของ โม่ชางไห่ ด้วยกรงเล็บมังกรของเขาอย่างไร้ความปราณี
ชิ้นเนื้อบนท่อนแขนข้างขวาของ โม่ชางไห่ หายไปจนเกือบทั้งหมดเหลือแต่กระดูกสีขาวโพลนพร้อมกับหยดเลือด ที่มองดูแล้วช่างน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
อ๊าคคคคค!
เสียงกรี๊ดร้องที่เจ็บปวดและใบหน้าที่สิ้นหวังของโม่ชางไห่ แสดงความหวาดกลัวออกมาจนเห็นได้ชัด เขากุมแขนข้างขวาที่เหลือแต่กระดูกพร้อมกับทรุดกายเกลือกกลิ้งลงบนพื้นอย่างสิ้นหวัง
อสูรที่ 50 แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเย่อหยิ่ง
“แม้แต่ธิดาสวรรค์และโอรสสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟก็ยังพ่ายแพ้ให้กับ อู๋ฉี อย่างง่ายดาย! ลูกศิษย์ของสำนักวังเปลวไฟทั้งหมดคงจะไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน!”
“ดูแขนข้างขวาของโอรสสวรรค์โม่ชางไห่ที่โดนกรงเล็บกระชากเนื้อจนเหลือแต่กระดูกนั่นสิ! ช่างน่าสยดสยองเสียจริงๆ นี่คือที่มาของฉายา อสูรกระดูกขาวอู๋ฉี อย่างนั้นสินะ!”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความสยดสยอง หลังจากที่เห็นบาดแผลที่แขนของโม่ชางไห่
อสูรที่ 50 กวาดสายตามองไปยังสาวกของสำนักวังเปลวไฟ ด้วยความเย้ยหยัน ในที่สุดเขาก็มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่ยืนอยู่ใกล้กับหม้อกลั่นขนาดใหญ่
“เหล่าผู้อาวุโสที่น่าเคารพจากสำนักวังเปลวไฟ ฝีมือลูกศิษย์ของสำนักวังเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่านนั้น ช่างอ่อนแอเสียจริงๆ ข้าคิดว่าแม้แต่เป็นเด็กถือรองเท้าให้กับธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจี ก็ยังไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย ฮึฮึ!”
“โอ้วว!”
“วาจาของอู๋ฉีคนนี้ช่างร้ายกาจนัก ถึงกับกล้าพูดจากับผู้อาวุโสของสำนักวังเปลวไฟแบบนี้! เขาไม่กลัวตายเลยหรืออย่างไร?”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างขมวดคิ้วกับความบ้าคลั่งของ อสูรที่ 50
“ฮ่าๆๆ! กลัวตายรึ ข้าพูดเรื่องจริงเหตุไฉนข้าถึงต้องหวาดกลัวมันด้วยเล่า ก็ลูกศิษย์ของสำนักวังเปลวไฟนั้นอ่อนแอเสียยิ่งกว่าขยะซะอีก ฮ่าๆๆ!”
“ฮึฮึ!” หวังเสียนมองไปยังอสูรที่ 50 ด้วยความพึงพอใจ
เขามองไปที่โอรสสวรรค์และธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟ ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะพูดออกมาว่า “เนื่องจากลูกศิษย์ของสำนักพวกท่านนั้นอ่อนแอเกินไป แม้แต่โอรสสวรรค์และธิดาสวรรค์ของสำนักพวกท่าน ยังพ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธที่ไร้สำนักเช่นนี้ ข้าคิดว่าการจัดงานแต่งงานที่ท่านพูดมานั้น สมควรจะลืมมันไปเสียดีกว่า!”
“ขนาดลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกท่าน ยังอ่อนแอและไร้ความสามารถมากถึงเพียงนี้ แล้วหลานชายของผู้อาวุโสคนนั้น ข้าว่าก็คงไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นเล็กๆอย่างแน่นอน!” หวังเสียน ยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย
สำนักวังเปลวไฟต้องการแสดงอิทธิพลและอำนาจของพวกเขาในงานพิธีแสวงบุญในครั้งนี้ หลังจากที่โอรสสวรรค์และธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟของพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ อสูรที่ 50 ในตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของสำนักวังเปลวไฟ จึงไม่สามารถที่จะพูดโต้แย้งอะไรออกไปได้แม้แต่คำเดียว!
……..
จบบท