Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 238
ตอนที่ 238 บัตรเชิญงานพิธีแสวงบุญ!
.
มีบุคคลที่น่าสนใจมาอยู่หน้าวิลล่าของหวังเสียน
เขาเป็นที่รู้จักในชื่อหมอโลหิตแห่งยุโรปในอดีต และตอนนี้ เสี่ยวหง คือชื่อของเขาในปัจจุบัน
เมื่อหวังเสียนเห็นหมอโลหิตอยู่ที่หน้าประตูวิลล่าของเขา เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทำไมชายคนนี้ถึงอยู่ภายใต้การควบคุมของ ซุนหลิงซิ่ว
เหตุผลก็เพราะเลือดของเธอ
หมอโลหิต เคยดูดและกินเลือดของ ซุนหลิงซิ่ว มาก่อน ในขั้นต้นซุนหลิงซิ่วควรจะตายหลังจากที่เลือดหมดตัวลง แต่เพราะหวังเสียน สามารถช่วยเธอเอาไว้ได้และมอบศาสตร์เทคนิคการบ่มเพาะของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงให้กับเธอ
เมื่อรวมกับถุงดอกไม้จิตปีศาจระดับ 12 และกายาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งทางกายภาพและการบ่มเพาะของเธอก็ทะลุไปถึงระดับขั้นที่ 6 ของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงซึ่งด้อยกว่าหวังเสียน ที่อยู่ในระดับขั้นที่ 7 ของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ 5 ธาตุเพียง 1 ขั้น และระดับของเธอนั้นมีความแข็งแกร่งพอๆกับระดับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณขั้นกลางเลยทีเดียว
สำหรับหมอโลหิต ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากที่เขาได้ดื่มเลือดของซุนหลิงซิ่ว ตอนนี้ระดับขั้นของเขานั้นก็อยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้นแต่ระดับความแข็งแกร่งของเขานั้นย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั่วไปมาก
แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาที่ซ่อนอยู่หลังจากที่เขาดื่มเลือดของซุนหลิงซิ่ว
เธอมีความรู้และความสามารถของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสง ซึ่งมันเป็นวิธีการเดียวกับที่หวังเสียน ใช้ควบคุมเหล่ามนุษย์มังกรและสาวกแห่งวังมังกร ซุนหลิงซิ่ว จึงสามารถควบคุมหมอโลหิตได้โดยตรง
และเป็นเช่นเดียวกันกับเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกร หมอโลหิตจะยอมรับซุนหลิงซิ่ว เป็นเจ้านายเหนือชีวิตในทันทีที่ซุนหลิงซิ่ว เริ่มกระตุ้นสายเลือดของเธอและใช้พลังแห่งสายเลือดเพื่อผูกพันธะสัญญานายบ่าวทางจิตวิญญาณกับหมอโลหิตที่ได้รับสายเลือดของเธอไป
และซุนหลิงซิ่วยังสามารถใช้พลังทางจิตวิญญาณเพื่อลงโทษหมอโลหิตได้อีกด้วย และนั่นจะเป็นความทุกข์ทรมานอย่างที่สุดมากยิ่งกว่าความตายหากเธอต้องการลงโทษเขา
“นายท่าน! เสี่ยวหงนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ ความสามารถในการรับรู้ของกระผมนั้นสามารถรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้อ่อนแอกว่าตัวกระผมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!” โม่ชิงหลง พูดกับหวังเสียน ด้วยความยินดีขณะที่เขามองไปยังหมอโลหิตหรือเสี่ยวหง ที่กำลังยืนอยู่อย่างเรียบร้อยทางด้านหลังของซุนหลิงซิ่ว เหมือนคนรับใช้ชาวยุโรปที่ซื่อสัตย์
“นั่นถือว่าเป็นข้อดีมากเลยทีเดียว ในตอนแรกชายคนนี้คงไม่เคยคิดฝันว่าบทสรุปในตอนท้ายตัวของเขาจะตกกลายเป็นทาสทางจิตวิญญาณแบบนี้!” หวังเสียน พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ทุกท่านครับ! ตอนนี้นายท่านได้ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมรับประทานอาหารพร้อมกันได้เลยครับ!” เสี่ยวหง ยกอาหารเช้าที่ซุนหลิงซิ่ว ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาจัดเตรียมวางไว้ที่โต๊ะอาหารพร้อมกับเดินมาประกาศเชิญชวนทุกคนให้ไปรับประทานอาหารของเจ้านายของเขาด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจ
หมอโลหิต มาจากตระกูลขุนนางระดับสูงในยุโรป ฉะนั้นมารยาททางสังคมของเขานั้นจึงสูงเป็นอย่างมาก ลักษณะท่าทางของเขานั้นเหมือนกับคนรับใช้ในราชวงศ์อังกฤษที่มีความสง่างามและค่อนข้างที่จะเจ้าระเบียบ
พนักงานร้านอาหารในระดับโรงแรมหรูเกรดห้าดาวยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความเรียบร้อยและสง่างามของเขาได้
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับตัวเขานั่นก็คือภาษาจีนกลางที่ฟังแล้วเลอะเทอะเป็นอย่างยิ่ง
“ได้เวลาทานอาหารเช้ากันแล้ว!” ซุนหลิงซิ่วนั่งอยู่ทางด้านข้างของหวังเสียน พูดกับเขาด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข “เสี่ยวเสียน คุณลองชิมดูสิว่าชอบไหม?”
“โอเค!” หวังเสียนพยักหน้าและพูดออกมา “โอ้วว! อร่อยมากเลยทีเดียว!”
“ดีจัง! โอ้วใช่แล้วล่ะ เสี่ยวเสียน วันนี้ฉันอาจจะยังไม่ได้เปิดศูนย์การแพทย์เพื่อรับรักษาผู้ป่วยหรอกนะ! เสี่ยวหง นำหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ติดมาด้วยเยอะแยะเลย ฉันอยากจะหยุดเพื่อศึกษาดูหนังสือพวกนั้นสักวันหนึ่ง!” ซุนหลิงซิ่ว พูดกับหวังเสียน
“ถ้างั้นก็ตามใจคุณเลย ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว!” หวังเสียน หันไปพูดแล้วยิ้มให้กับเธอ
“แล้วอีกอย่างนึงการที่มีเสี่ยวหงเข้ามาช่วยงานในศูนย์การแพทย์ มันน่าจะง่ายขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว!” หวังเสียน ดีใจมากที่ซุนหลิงซิ่ว มีผู้ช่วยที่มีความแข็งแกร่งและยังมีความสามารถทางด้านการแพทย์สูงอีกด้วย เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากเกินไป และเสี่ยวหงก็ยังเป็นทาสที่ซื่อสัตย์กับเธออย่างที่สุดอีกด้วย
“ใช่แล้วล่ะ! งานที่ศูนย์การแพทย์จะคล่องตัวขึ้นอีกมากเลยในอนาคตเมื่อมีเสี่ยวหง เข้ามาช่วย!” ซุนหลิงซิ่ว ยิ้มและพยักหน้า
หมอโลหิต สามารถรับรู้ผ่านทางจิตวิญญาณของเขาได้ว่า เจ้านายของเขานั้นเคารพรักชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก และสัมผัสทางจิตวิญญาณของเขายังแจ้งเตือนผ่านทางสัญชาตญาณของเขาอีกว่าชายหนุ่มคนนี้นั้น น่ากลัวอย่างที่สุด ออร่าบางๆที่แผ่ออกมาจากเขานั้น แข็งแกร่งและน่ากลัวเสียยิ่งกว่านายหญิงของเขาเสียอีก เขาจึงสามารถรับรู้ได้โดยอัตโนมัติเลยว่าชายหนุ่มคนนี้นั้นจะต้องเป็นนายท่านผู้ชายของเขาอย่างแน่นอน
…..
หลังจากที่เรียนหนักมาทั้งวันหวังเสียน ก็พาหลานชิงเยว่และกวนชูชิง กลับมาที่วิลล่าพร้อมกับเขาด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อเขากลับมาถึงวิลล่าเขาก็เห็นคนที่คุ้นเคยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
“อ้าว! ท่านเจ้าสำนักถังทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!”
หวังเสียน ส่งสัญญาณมือไปยังหลานชิงเยว่ และกวนชูชิง ทั้งสองสาวก็เข้าใจกันในทันทีก่อนที่เธอทั้งคู่จะออกไปเดินเล่นรับลมที่ริมทะเลทางด้านหลังของวิลล่า
“สวัสดีครับ หมอเทวะหวัง!” เจ้าสำนักถังลุกขึ้นยืนทักทายเขาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียด
“ผมต้องขอโทษหมอเทวะหวังมากจริงๆเลยครับที่ต้องมารบกวนคุณถึงที่นี่ แต่ผมมีเรื่องที่สำคัญบางอย่างที่ต้องการบอกกับหมอเทวะหวังและเสียวหยู!”
“นั่งลงก่อนเถอะครับ ท่านเจ้าสำนักถัง คุณกับผมก็เป็นคนกันเอง คุณสามารถพูดออกมาได้ตามตรงอย่างสบายใจได้เลยครับ!” หวังเสียน ยิ้มและเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา
“มันเกี่ยวข้องกับงานแสวงบุญของสำนักวังเปลวไฟที่กำลังจะจัดขึ้น!” เจ้าสำนักถังพูดออกมาด้วยสีหน้าที่หนักใจ
“งานแสวงบุญของสำนักวังเปลไฟอย่างนั้นเหรอ?” หวังเสียน ค่อนข้างที่จะแปลกใจที่เจ้าสำนักถังเข้ามาพูดเรื่องนี้กับตนเอง
” นี่คือบัตรเชิญจากพวกเขาครับ!”
เจ้าสำนักถังวางบัตรเชิญ 2 ใบไว้ตรงหน้าหวังเสียก่อนที่เขาจะเปิดมันออกมา
เนื้อหาเหมือนกับบัตรเชิญที่เขาได้รับจากชายชรา [งานพิธีแสวงบุญ: สำนักวังเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์]
และยังมีข้อความด้านล่างอยู่อีกหนึ่งข้อความ
[ขอแสดงความนับถือเพื่อเรียนเชิญผู้นำสำนักกระบี่พฤกษาขจี เพื่อเป็นเกียรติและมาเข้าร่วมในงานพิธีในครั้งนี้ด้วย]
และบนบัตรเชิญอีกใบก็มีข้อความที่คล้ายๆกันแต่ชื่อที่ถูกเชิญนั้นแตกต่างกัน [ขอแสดงความนับถือเพื่อเรียนเชิญธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจี เพื่อเป็นเกียรติและมาเข้าร่วมในงานพิธีในครั้งนี้ด้วย]
“ธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจีอย่างนั้นรึ?” หวังเสียน หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อความในบัตรเชิญอีกใบ
“น่าจะมีคนในสำนักกระบี่พฤกษาขจี ทำข้อมูลภายในสำนักรั่วไหลอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นสำนักวังเปลวไฟคงจะไม่รู้เรื่องการดำรงอยู่ของธิดาสวรรค์ ได้อย่างแน่นอน!” เจ้าสำนักถังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียด
ภายในโลกยุทธภพต่างรู้กันดีว่าเมื่อสำนักจัดตั้งตำแหน่งธิดาสวรรค์หรือโอรสสวรรค์ขึ้นมานั่นก็หมายความว่าพวกเขานั้นตั้งความหวังและให้ความเคารพอย่างสูงต่อลูกศิษย์ผู้ได้ดำรงตำแหน่งนี้
ลูกศิษย์ผู้นั้นอาจจะเป็นผู้ที่มีความสามารถและพรสวรรค์ในระดับที่สูงมากและจะสามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับก่อกำเนิดลมปราณได้อย่างแน่นอน
และในระดับสำนักที่ใหญ่ๆในโลกยุทธภพนั้นตำแหน่งธิดาสวรรค์หรือโอรสสวรรค์นั้นก็ถือได้ว่าเป็นทายาทแห่งสำนักหรือว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปนั่นเอง
ดูเหมือนว่าสำนักวังเปลวไฟนั้นค่อนข้างที่จะสนใจในความสามารถของเสี่ยวหยู เป็นอย่างมาก และพวกเขาอาจจะทำการสืบข่าวหาข้อมูลเพิ่มเติมของเสี่ยวหยู จนสามารถรู้รายละเอียดบางอย่างแล้วก็ได้
สำหรับการเชิญให้เสี่ยวหยูเข้าไปร่วมงานพิธีในครั้งนี้ด้วย เจ้าสำนักถังนั้นไม่รู้จุดมุ่งหมายของสำนักวังเปลวไฟเลยจริงๆ
หวังเสียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สำนักวังเปลวไฟ ได้ส่งการ์ดเชิญสองใบแยกกัน ในกรณีนี้นั้นเสี่ยวหยู ในฐานะที่เป็นธิดาสวรรค์และได้รับเชิญโดยตรง เธอก็จำเป็นต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิฉะนั้นมันจะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ ทำให้สำนักวังเปลวไฟมีข้ออ้าง กระทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้
ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาไม่รู้จบให้กับเสี่ยวหยู ในอนาคต
และในเรื่องนี้เจ้าสำนักถังไม่กล้าตัดสินใจใดๆเขาจึงต้องมาขอคำปรึกษากับหวังเสียนก่อน
“ฮึ! งานพิธีแสวงบุญ” หวังเสียน หายใจออกทางจมูกอย่างดูถูกเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปกับเสี่ยวหยู ด้วยก็แล้วกัน!”
เจ้าสำนักถังตกใจเล็กน้อย เขารีบลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวคำขอโทษด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ผมขอโทษหมอเทวะหวังมากจริงๆ ที่ต้องทำให้คุณนั้นเดือดร้อนไปด้วย!”
“ไม่เป็นไร! ท่านเจ้าสำนักถังคุณไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องพวกนี้มากนักหรอก!” หวังเสียน ส่ายหัวและยิ้มบางๆให้กับเขา
“ถ้าอย่างนั้นในตอนนี้ผมคงต้องขอตัวกลับไปก่อนและไม่รบกวนหมอเทวะหวังอีกต่อไป ผมยังคงต้องติดต่อผู้อาวุโสอีกหลายท่านของสำนักเพื่อเตรียมการบางอย่าง!” เจ้าสำนักถังพูดพร้อมกับโค้งตัวคำนับและอำลาหวังเสียน
“โอเคครับ!”
หวังเสียนพยักหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเดินไปส่งเจ้าสำนักถังที่หน้าประตู เมื่อเขากลับมานั่งที่โซฟาเขาเหลือบมองไปที่บัตรเชิญของสำนักวังเปลวไฟ “พิธีแสวงบุญอย่างนั้นหรือ? น่าสนใจดี!”
หลังจากนั้นไม่นานเสียวหยูและผู้อาวุโสฟางก็กลับเข้ามาที่วิลล่า เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่นั้นได้รู้เรื่องเกี่ยวกับบัตรเชิญแล้ว
เมื่อเธอกลับมาถึงเธอก็รีบชักชวนผู้อาวุโสฟางไปฝึกฝนต่อในทันที เธอมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะเข้าไปถึงระดับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้
หลังจากที่พวกเขาทำบาร์บีคิวกินกันที่ริมชายหาดแทนอาหารค่ำกันแล้ว ค่ำคืนอันน่าตื่นเต้นของหวังเสียน ก็มาถึง แต่แล้วจินตนาการทั้งหมดของเขาก็พังทลายลงไปในทันที เมื่อเขาได้พบว่า กวนชูชิง และ หลานชิงเยว่ ทั้งคู่ได้แยกห้องนอนกันเป็นการส่วนตัวพร้อมกับล็อคประตูกันไว้อย่างแน่นหนา
หวังเสียน ยืนสลดหดหู่อยู่ที่หน้าประตูห้องของตัวเองเป็นเวลานาน
….
“องค์ราชาขอรับ! กระผมมีข่าวดีที่จะมาแจ้งให้องค์ราชาได้ทราบขอรับ!”
ในตอนเช้าเมื่อหวังเสียน เดินไปที่ห้องนั่งเล่น โม่ชิงหลงก็เดินเข้ามากระซิบรายงานข่าวบางอย่างให้กับเขา
“มีข่าวดีอะไรอย่างนั้นรึ?”หวังเสียน หันมามองเล็กน้อยและถาม
“โม่หยวนขอรับองค์ราชา! โม่หยวนได้ก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดลมปราณแล้วขอรับ!” โม่ชิงหลงรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น
“โอ้ว!เร็วมาก!”
หวังเสียน พยักหน้าอย่างพึงพอใจ โม่หยวน นั้นเป็นลูกศิษย์สายตรงของโม่ชิงหลง ก่อนที่พวกเขานั้นจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรสาวกของหวังเสียน ตัวเขานั้นมีพรสวรรค์และพื้นฐานที่ดีมากคนนึงเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจมากเท่าไหร่นักพี่การฝึกฝนของเขานั้นจะสามารถพัฒนาเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดลมปราณได้อย่างรวดเร็ว!”
“โอ้วใช่!” หวังเสียน ลังเลเล็กน้อยพร้อมกับพูดต่อว่า “เรียกโม่หยวน ให้ไปงานพิธีแสวงบุญของสำนักวังเปลวไฟพร้อมกับพวกเราด้วยนะ!”
“ในครั้งนี้น่าจะมีกองกำลังระดับชั้นนำที่อยู่บริเวณโดยรอบสี่ถึงห้าจังหวัดในเขตมณฑลทางตอนใต้นี้ต้องเข้าร่วมอย่างเป็นแน่!”
“วัตถุประสงค์หลักของสำนักวังเปลวไฟ คือการสรรหาผู้เชี่ยวชาญและรับศิษย์ที่โดดเด่น!”
“อาจจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นก็ได้ ฉะนั้นพวกเจ้าก็ควรจะเตรียมตัวกันเอาไว้บ้าง!” หวังเสียน คิดใคร่ครวญ ขณะที่เขาพูดขึ้นมา เขานั้นไม่ต้องการที่จะประมาท ต่อให้เขาไม่เกรงกลัวสำนักวังเปลวไฟ แต่ตัวเขาก็ไม่ต้องการที่จะให้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดใดๆขึ้นมาทั้งสิ้น เพราะว่างานนี้เสี่ยวหยู นั้นไปกับเขาด้วย
“ขอรับองค์ราชา! กระผมจะไปเตรียมตัวในทันทีเลยขอรับ!” โม่ชิงหลงตอบกลับด้วยความเคารพ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบดำเนินการในทันที พวกเราจะไปกันหลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้ว!” หวังเสียน พูดสั่งงานก่อนที่โมชิงหลงจะออกไป
หลังจากนั้นหมอโลหิตก็เดินเข้ามาเชิญหวังเสียไปทานอาหารเช้าด้วยความเคารพ
“หลิงซิ่วทำไมคุณไม่ไปที่ภูเขาหวู่ต้วน พร้อมกันกับพวกเราด้วยล่ะ!” ฟังเสียงหันไปพูดกับซุนหลิงซิ่ว
“ตกลงค่ะ! ฉันจะฟังในสิ่งที่คุณพูดค่ะ เสี่ยวเสียน!” ซุนหลิงซิ่ว พยักหน้าพร้อมกับตอบด้วยรอยยิ้มอย่างเชื่อฟัง
หลานชิงเยว่ และ กวนชูชิง ที่กำลังก้าวเดินลงมาจากบันได ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของหวังเสียนกับซุนหลิงซิ่ว พอดี
……….
จบบท