Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 235
ตอนที่ 235 ทาสแห่งพันธสัญญาจิตวิญญาณ
.
“ผมขอโทษผมไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกองกำลังใด ๆ ! “
หวังเสียนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายๆและพูดออกมาอย่างไม่แยแส ชายชราและชายหนุ่มก็ค่อนข้างที่จะตกตะลึงกันมากเลยทีเดียว
ชายชรารู้สึกอับอาย และยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าหวังเสียน นั่งจิบชาด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายอย่างสบายใจ ราวกับว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญและไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายและขายหน้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
เขาไม่ได้ไว้หน้าสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย!
“หมอเทวะหวังสำนักเปลวไฟของเรานั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์หากคุณเข้าร่วมกับเราคุณจะเป็นหนึ่งในสมาชิกระดับอาวุโสของเราเลยทีเดียว และจะไม่มีใครกล้าเข้ามายั่วยุคุณอีกต่อไป สำนักของเราจะปกป้องคุณเอง!”
ชายชรายังคงพูดคุยเพื่อชักชวนหวังเสียน ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ผมขอโทษทีนะ!” หวังเสียนลุกขึ้นนั่งและวางชาไว้ข้างๆตัว เขามองไปที่ชายชราและพูดย้ำอีกครั้ง “ผมขอบอกคุณอีกครั้งหนึ่ง ว่าผมไม่ได้มีความตั้งใจจะเข้าร่วมกองกำลังใด ๆ เลยจริงๆและต่อไปในอนาคตผมอาจจะไม่รับรักษาผู้ป่วยอีกต่อไปแล้วก็ได้!”
“หมอเทวะหวัง มันนับเป็นเกียรติของคุณที่เราเชิญคุณเข้าร่วมกับสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ หมอเทวะที่ไร้สังกัดอย่างคุณต้องคิดให้ดีๆ อย่าได้สร้างความขุ่นเคืองและกล้าปฏิบัติต่อเราอย่างหยาบคายเหมือนที่คุณกำลังจะทำอยู่ในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นคุณคงจะต้องเดือดร้อนหนักอย่างแน่นอน!” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างชายชราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นลักษณะท่าทางที่ไม่สนใจและไม่ให้เกียรติพวกเขาเลยแม้แต่น้อยของหวังเสียน
หวังเสียน เองก็ค่อนข้างที่จะประหลาดใจเมื่อเขามองไปที่ชายชราและชายหนุ่มคนนี้ที่กล้าเข้ามาข่มขู่ถึงในถิ่นของเขา “พวกคุณถือว่าพวกคุณนั้นมาจากสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นเหรอ? ถึงได้กล้าข่มขู่บังคับให้ผมต้องเข้าร่วมสำนักของพวกคุณ!”
“ฮึ่ม! เนื่องจากหมอเทวะหวังไม่ต้องการเข้าร่วมกับเรา เราจะบังคับให้คุณทำเช่นนั้นได้อย่างไร สำนักเปลวไฟของเราจะรับสมัครผู้ต้องการที่จะเข้าร่วมสำนักของพวกเราที่เขตภูเขาหวู่ต้วน ในอีก 2 วันนับจากนี้ผมหวังว่าจะได้พบคุณที่นั่นด้วย!” ชายชราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับขยับฝ่ามือการ์ดเชิญสีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
เฟี้ยวววว!
เขาสะบัดฝ่ามือของเขาเบาๆและการ์ดเชิญก็เสียบเข้าไปติดกับผนังปูนที่ด้านหลังของหวังเสียน เหมือนกับอาวุธลับชิ้นนึงเลยทีเดียว
มันสามารถเดาได้อย่างไม่ยากถึงระดับความแข็งแกร่งของเขาที่สามารถใช้แผ่นกระดาษแทนอาวุธลับได้
หลังจากนั้นชายชราก็เดินออกไปจากห้องโถงของศูนย์การแพทย์ในทันที และเมื่อเขาเดินไปใกล้กับประตูทางออก เขาก็หยุดแล้วหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “หมอเทวะที่ไร้สังกัดและไม่ได้เข้าร่วมกองกำลังใดๆนั้นพวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่นะหมอเทวะหวัง คุณก็ควรจะคิดถึงข้อนี้เอาไว้ให้ดี!”
ชายชราจากไปในทันทีที่พูดจบประโยค ชายหนุ่มที่มาด้วยกันพร้อมกับชายชราหันมาจ้องมองไปที่หวังเสียน ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรก่อนที่จะหันไปมองซุนหลิงซิ่ว ด้วยดวงตาที่ร้อนแรงด้วยไฟแห่งความปรารถนา
“ฮึฮึฮึ!”
หวังเสียน ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เขาจะส่ายหัวเบาๆ เขายกมือขึ้นอย่างช้าๆ การ์ดเชิญที่ฝังอยู่ในผนังก็บินกลับเข้ามาที่มือเขาอย่างง่ายดายทันที
ถ้าชายชราคนนั้นเห็นฉากนี้เขาจะต้องกลัวจนตัวสั่นอย่างแน่นอน เพราะผู้ที่มีความสามารถทำได้ถึงระดับนี้จะต้องมีความสามารถเกินกว่าระดับขอบเขตก่อกำเนิดลมปราณขั้นกลางขึ้นไป
หวังเสียนพลิกการ์ดเชิญสีแดงเพลิงและเห็นตัวอักษรที่โดดเด่นพิมพ์อยู่
งานพิธีแสวงบุญ: สำนักเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์
“แสวงบุญ?”
หวังเสียน หัวเราะเบา ๆ สำนักที่กำลังเลื่อนชั้นเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์ กำลังต้องการวางโครงข่ายอำนาจเพื่อครอบคลุมมณฑลทางตอนใต้อย่างนั้นหรือ?
การที่จะเลื่อนระดับชั้นของสำนักขึ้นเป็นระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องมีระดับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณมากกว่า 10 คนในสำนัก อำนาจที่อยู่ในมือขนาดนี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ครอบคลุมเขตมณฑลแห่งหนึ่งได้เลยทีเดียว
ด้วยความจริงที่ว่าสำนักเปลวไฟสามารถเลื่อนระดับชั้นเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้ หมายความว่าจะต้องมีการปรากฏตัวของระดับกองกำลังระดับชั้นเดียวกันหรือระดับชั้นที่เหนือกว่า ในงานพิธีของพวกเขาอย่างแน่นอน
และในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีเพียงสำนักเปลวไฟเพียงเท่านั้นที่สามารถได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์
และหลังจากที่พวกเขาได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็จะต้องขยายอิทธิพลหรือสร้างฐานอำนาจโดยการสรรหาผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆและรับสมัครลูกศิษย์เพื่อเข้าร่วมสำนักเพิ่มเติม
เขตภูเขาหวู่ต้วน อยู่ห่างจากเมืองเจียงเฉิงประมาณร้อยกิโลเมตร ถือว่าไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ใกล้เช่นเดียวกัน
” สำนักศักดิ์สิทธิ์แล้วไง? มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ!” หวังเสียนโยน บัตรเชิญลงทิ้งขยะไปอย่างไม่นำมาใส่ใจแล้วเขาก็นั่งจิบชาต่ออย่างสบายอารมณ์
หลังจากที่เขาได้มอบหมายยกศูนย์การแพทย์ให้กับ ซุนหลิงซิ่ว เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ตัวเขานั้นสามารถจัดการกิจกรรมต่างๆ ของเขาได้หลายๆอย่างเลยทีเดียวถ้าตัดงานของศูนย์การแพทย์แห่งนี้ออกไปได้
“หลิงซิ่ว ในตอนที่คุณปฏิบัติงานอยู่ในศูนย์การแพทย์แห่งนี้หากว่าคุณต้องการทานอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นคุณสามารถไปที่ร้านอาหารชั้นหนึ่งที่อยู่ติดกันได้ตลอดเวลาเลยนะ!ผมจะแจ้งกับผู้จัดการหวาง เอาไว้ให้เขาทราบ” หวังเสียน เอนตัวนอนลงเป็นเวลากว่า 30 นาทีก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและพูดกับซุนหลิงซิ่ว พร้อมกับบิดขี้เกียจ
“ค่ะเสี่ยวเสียน” ซุนหลิงซิ่วพยักหน้าและนั่งลงข้างๆเขาอย่างยิ้มแย้ม
“ผมจะกลับไปที่มหาวิทยาลัยก่อน ถ้าคุณเบื่อคุณก็สามารถกลับไปพักผ่อนก่อนได้นะ!”
หลังจากที่หวังเสียนมองดูเวลาเขาหันไปพูดคุยกับ ซุนหลิงซิ่ว อยู่ครู่นึงก่อนที่เขาจะมุ่งหน้ากลับไปที่มหาวิทยาลัย
ซุนหลิงซิ่ว ยืนขึ้นและมองไปที่ทางด้านหลังของหวังเสียนด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยน
‘ถ้าฉันเปลี่ยนกฎของศูนย์การแพทย์ งานก็น่าจะล้นมือฉันมากขึ้น และคงจะทำให้เสี่ยวเสียนนั้นหาเงินได้อย่างล่าช้าอย่างแน่นอนเลย!’
เธอเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ในก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้เห็นครอบครัวที่ยากจนนำผู้ป่วยเข้ามารักษาพยาบาลแต่ไม่มีเงินสามารถรักษาได้ เธอมักจะคิดตำหนิตัวเองอยู่ในใจเสมอๆ และหากเมื่อใดที่ตัวเธอนั้นมีความสามารถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ตัวเธอนั้นจะช่วยเหลือผู้ที่ยากจนอย่างเต็มที่
เธอต้องการช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยหรือไม่มีเงินไปพบหมอที่ต้องใช้เงินค่ารักษาพยาบาลราคาแพงเสมอ และเมื่อในตอนนี้เธอมีความสามารถนั้นแล้วเธอก็ตั้งใจที่จะทำมันอย่างแน่นอน
เธอรู้ว่าเธอทำตัวเหมือนแม่พระมากเกินไป แต่มันเป็นความฝันของเธอมาตลอด
แต่อย่างไรก็ตามหากเธอต้องการที่จะยกเลิกกฎเดิมที่ หวังเสียน กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ งานและความยุ่งยากของศูนย์การแพทย์ก็จะเพิ่มขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน
“คงต้องหาผู้ช่วยเสียแล้วล่ะ!”
ซุนหลิงซิ่ว นึกถึงคนๆหนึ่งได้ เธอหรี่ตาแคบลงเล็กน้อย พร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นมา เธอเดินไปปิดประตูที่หน้าทางเข้าศูนย์การแพทย์แล้วจึงเดินขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างช้าๆ
ซุนหลิงซิ่วนั่งไขว่ห้างแล้วค่อยๆหลับตาลง รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของเธอ ในขณะที่ความสูงส่งและความศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาปรากฏขึ้นพร้อมกับออร่าแห่งแสงออกมาจากร่างกายของเธอจนสว่างจ้าไปทั่วทั้งห้อง
“โลหิตกายาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แห่งข้า….จงขานรับการเรียกหา….ทาสโลหิตแห่งพันธสัญญาจงมา….แต่นี้เบื้องหน้าข้าคือนายเหนือชีวิตของเจ้า!!”
ริมฝีปากสีแดงของเธอแยกยิ้มออกมาบางๆ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวนวล ออร่าที่อยู่รอบร่างกายพลันลุกโชนคล้ายกับเปลวไฟสีขาว ช่างบริสุทธิ์และสง่างามเป็นอย่างยิ่ง!
..และในเวลาเดียวกันภายใต้คฤหาสน์ของทวีปยุโรปอันไกลโพ้น…
ภายนอกคฤหาสน์ทรงยุโรปนั้นช่างมืดมิด มีกลิ่นอายของความตายลอยคละคลุ้งอยู่รอบนอกคฤหาสน์ชวนให้น่าขนหัวลุก ชายกลางคนชาวยุโรปอยู่ในชุดทักซิโด้สีแดง สวมหมวกทรงสูงๆและกำลังยกแก้วไวน์ที่มีของเหลวสีแดงขึ้นจิบเบาๆ พร้อมกับเดินเตร็ดเตร่ไปมาอย่างอารมณ์ดี อยู่ในห้องบอลรูมจัดเลี้ยงของใจกลางปราสาทที่มีแสงไฟอันระยิบระยับ
ชายและหญิงวัยกลางคนหลายคนก็อยู่ในชุดหรูหราและปราณีตกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนบทสนทนากันกับชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้สีแดง อย่างสนุกสนาน
“ขอเชิญเจ้าชายขึ้นมากล่าวคำทักทายกับแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายด้วยครับ!”
ชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้สีแดงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าพร้อมกับเดินขึ้นไปบนเวที ที่ด้านล่างของงานเลี้ยงแขกผู้มีเกียรติทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดีให้แก่เขา
“ฮิฮิฮิ! ขอบคุณทุกๆที่ให้เกียรติมาร่วมในงานนี้ของข้า!”
ชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้ ยกแก้วไวน์ชูขึ้นอย่างสง่างามพร้อมกับ กวาดสายตามองไปยังแขกทุกคนที่มาร่วมในงานเลี้ยงของเขา
ทุกคนในห้องบอลรูมก้มหัวลงให้กับเขาด้วยความเคารพและชูแก้วไวน์ทรงสูงของพวกเขาขึ้นพร้อมกัน
ของเหลวสีแดงเลือดในแก้วไวน์ทรงสูงเมื่อกระทบกับแสงไฟสลัวๆภายในห้องบอลรูมดูแล้วช่างน่าขนลุกเป็นอย่างมาก
“ฮิฮิฮิ!”
ชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้เชิดหน้ายกคางขึ้นมองอย่างตื่นเต้น
แต่ในขณะนั้นเองใบหน้าที่มีรอยยิ้มด้วยความตื่นเต้นยินดีของเขาก็แข็งค้าง ลูกนัยน์ตาของเขาหดเล็กลงเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังหวาดกลัว ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นความสิ้นหวังขึ้นมาในทันที
“อ๊าคคคค…ไม่!”
เขาปล่อยเสียงกรีดร้องอันแหลมเล็กบาดลึกเข้าไปกระทบจิตใจของผู้ฟังโดยตรง มันแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างที่สุดในชีวิตของเขา จากนั้นร่างกายเขาก็เลือนหายไปจากบนเวที เขาปรากฏตัวขึ้นอยู่บนปลายยอดของคฤหาสน์ พร้อมกับจ้องมองไปยังทิศทางตะวันออก
“ไม่ๆๆ! มันเป็นไปไม่ได้!…เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้น!..มันไม่ใช่เรื่องจริง!…”
ตัวของเขานั้นสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรงความหดหู่ความสิ้นหวัง เกาะกุมเข้าสู่หัวใจและดวงวิญญาณของเขาโดยตรง
อ๊าคคคคค!..F**k..!
ชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้สีแดงเกลือกกลิ้งด้วยความเจ็บปวดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของคฤหาสน์อย่างทุกข์ทรมาน
“นะ!..นาย..นายท่าน…ข้ายอมแล้ว!..ได้โปรด!…ปล่อยข้าไปเถอะ!”
!!…อ๊าาา!
หลังจากนั้นไม่นานประกายในดวงตาของชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้สีแดงก็เปลี่ยนไปในทันที
“เจ้านาย! กระผมจะรีบไปหาเจ้านาย!..จากนี้ไปชีวิตและจิตวิญญาณของข้าจะอยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้านายตลอดไป!”
เขาคุกเข่าลงพร้อมกับแนบศีรษะจรดพื้นดินหันหน้าไปทางทิศตะวันออก พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาด้วยพันธะสัญญาแห่งจิตวิญญาณว่าจะจงรักภักดีตราบจนชั่วชีวิต
หากมีคนอื่นมาเห็นเขาในตอนนี้ คงจะคิดว่าเขานั้นสติไม่ดีเป็นแน่ เนื่องจากไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้เลยแม้แต่คนเดียว
“นี่คือบทลงโทษของเจ้า! ที่กล้าบังอาจมาดื่มเลือดของข้า จากนี้ไปชีวิตและจิตวิญญาณของเจ้าจะตกเป็นทาสของข้าไปตลอดกาล!”
ซุนหลิงซิ่วลืมตาขึ้นพร้อมกับมีแสงสว่างส่องประกายไปทั่วทั้งตัวของเธอ
เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
ในตอนนี้หมอโลหิตแห่งยุโรปได้ตกกลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ด้วยพันธะสัญญาแห่งจิตวิญญาณแล้ว!
………
จบบท