Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 233
ตอนที่ 233 มังกรยักษ์?
.
ลูกชายของคุณกำลังมีปัญหา!
พวกเขาทั้งสามคนพูดในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“นี่! …”
นักศึกษาโดยรอบต่างก็สับสนกันมากเมื่อเห็นผู้มีอิทธิพลทั้งสามคนกำลังโทรศัพท์กันด้วยความกระวนกระวาย
ฮัวเจ๋อหมิง, ฮันจุนหมิงและเพื่อนๆของพวกเขา ในตอนนี้ก็สับสนมากเช่นเดียวกัน และพวกเขาก็เริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีปรากฏขึ้นมาในใจของพวกเขา เมื่อได้ยินบทสนทนาทางโทรศัพท์ของชายสูงวัยทั้งสามคน
“ลุงหู!”
การแสดงออกของฮั่วเจ๋อหมิงค่อยๆมืดมนลงในขณะที่เขาเรียกชื่อ หูเฟย เบาๆ
หูเฟยมองไปที่ฮัวเจ๋อหมิงด้วยหางตาของเขาและไม่ได้ให้ความสนใจเขาอีกต่อไป หลังจากที่เขาพูดโทรศัพท์จบเขาก็รีบเดินตรงเข้าไปหาหวังเสียน ทันที
“คุณชายหวัง ผมไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้สร้างความขุ่นเคืองอะไรให้กับคุณ แต่เขานั้นเป็นลูกชายของรุ่นพี่คนหนึ่งของผมที่นับถือกัน ผมอยากขอร้องคุณชายหวังได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตเขาสักครั้งด้วยเถอะครับ พ่อของเขาบอกผ่านผมว่าตราบใดที่ลูกชายเขาไม่เสียชีวิตคุณชายหวังสามารถสั่งสอนและลงโทษเขาได้ทุกอย่าง!”
“คุณชายหวังครับ ผู้กำกับฮันบอกผ่านผมมาเช่นเดียวกัน เขาฝากขออภัยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแทนลูกชายของเขาด้วย และฝากคุณอบรมสั่งสอน ฮันจุนหมิง ลูกชายของเขาได้ตามสบาย เขาบอกว่าลูกชายของเขาจะได้หยุดสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลของเขาเสียที!”
“คุณชายหวังครับ มิสเตอร์โจว เองก็ขอร้องผ่านมาทางผมเช่นกันว่าขอให้คุณได้โปรดไว้ชีวิตลูกชายของเขาด้วยส่วนเรื่องการลงโทษและสั่งสอนนั้นแล้วแต่คุณชายหวังจะเมตตา และถือว่าเป็นความกรุณาอย่างยิ่งใหญ่ของเขาเลยทีเดียวที่ได้คุณชายหวัง ช่วยอบรมสั่งสอนลูกชายของเขา!”
หลังจากที่หูเฟยเดินไปเฉินหู่และกงหวู่ก็เดินไปที่หวังเสียนทันทีและพูดด้วยความเคารพเช่นเดียวกัน
“เฮ้ย! สถานการณ์ในตอนนี้มันคืออะไร? ฉันงงไปหมดแล้ว!”
“พระเจ้าช่วย กล้วยทอด!…มันยังไงกันแน่เนี่ย?”
ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ตอนนี้พวกเขานั้นสับสนและมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของพวกเขามาก
ความตกตะลึงนี้มากเกินกว่าคำบรรยาย และไม่มีคำพูดที่จะสามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาได้อย่างแน่นอน!
ฮัวเจ๋อหมิง, ฮันจุนหมิงและพวกเพื่อนๆของเขาได้โทรเรียกกลุ่มคนเพื่อมาที่นี่ ในตอนแรกนั้นเจ้าหน้าที่จากบริษัท 4S ของเหรินจื่ออัน ได้ส่งผู้จัดการฉู่ เพื่อมาจัดการธุระให้กับพวกเขา แต่ในทันทีที่กลุ่มของผู้จัดการฉู่มาถึงแล้วเห็นหวังเสียน เขาก็รีบตรงเข้าไปทำความเคารพและประจบเอาใจหวังเสียน โดยตรงในทันทีและยังพูดจาเยาะเย้ยชายหนุ่มทั้งสี่คนอย่างไม่เกรงใจอีกด้วย
หลังจากนั้นอีกไม่นานผู้มีอิทธิพลที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิงก็เข้ามา หลังจากที่พวกเขาเห็นหวังเสียน พวกเขาก็หยิบโทรศัพท์และโทรออกมาไปแจ้งกับผู้ปกครองของกลุ่มนักศึกษาแลกเปลี่ยนพวกนั้นว่าลูกของพวกเขานั้นกำลังมีปัญหาใหญ่ หลังจากนั้นกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งสามคน ก็เข้ามาทักทายพูดคุยกับหวังเสียน และยังเรียกเขาว่าคุณชายหวังด้วยความเคารพอย่างสูงอีกด้วย
และผู้มีอิทธิพลทั้งสามยังบอกกับหวังเสียน อีกว่าเขาสามารถสั่งสอนและลงโทษกลุ่มของนักศึกษาแลกเปลี่ยนพวกนี้ได้ทุกอย่างตราบใดที่เขาเมตตาไว้ชีวิตคนพวกนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นจะไม่ทำให้ผู้ที่เห็นเหตุการณ์นั้นงุนงงและตื่นตะลึงกันได้อย่างไร?
ฮัวเจ๋อหมิง, ฮันจุนหมิงและคนอื่นๆ ต่างอ้าปากค้างอย่างตกใจและอดไม่ได้ที่จะต้องมองไปยัง หูเฟย,เฉินหู่และกงหวู่ด้วยความไม่อยากเชื่อ
” ลุงหู!..” ฮัวเจ๋อหมิงเปิดปากและร้องเรียกอีกครั้ง
“หุบปากซะ! คุณควรรีบมาตรงนี้และกล่าวขอโทษคุณชายหวังเสียนเดี๋ยวนี้ พ่อของคุณบอกกับฉันว่า ให้ฉันหักแขนขาของคุณได้เลยหากว่าคุณไม่สามารถจัดการเรื่องในวันนี้ได้อย่างเหมาะสม!” หูเฟย กัดฟันแน่นและตะโกนใส่ฮั่วเจ๋อหมิง “และถ้าวันนี้คุณสามารถกลับบ้านได้ คุณก็จะต้องได้รับบทลงโทษตามกฎของตระกูลอย่างแน่นอนเตรียมตัวเอาไว้ให้ดีด้วยก็แล้วกัน!’
“อะ!!..อะไรนะ? “
ฮัวเจ๋อหมิง ตัวสั่นสะท้านใบหน้าของเขาแสดงถึงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าสามารถกลับบ้านได้!!
‘ถ้าสามารถกลับบ้านได้งั้นเหรอ! แล้วถ้าฉันไม่สามารถกลับบ้านได้ล่ะ? นั่นก็หมายความว่า!…’ ฮัวเจ๋อหมิง พูดพึมพำอยู่กับตัวเองพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
คำตอบของคำถามนี้นั้นค่อนข้างที่จะชัดเจน!
“ไปขอโทษเดี๋ยวนี้!” หูเฟยตะโกนใส่เขาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“ผม!! …” ฮัวเจ๋อหมิงเต็มไปด้วยความสับสนและกังวลใจ
“ลืมไปเถอะ! แค่ลงโทษพวกเขาตามแต่ที่พวกคุณจะเห็นสมควร และผมจะไม่นำเรื่องพวกนี้มาใส่ใจอีก!”
หวังเสียนมองไปที่พวกเขาทั้งสี่คน ด้วยสายตาที่เหยียดหยามก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับหูเฟย, เฉินหู่และกงหวู่
“ขอบคุณมากครับคุณชายหวัง! ครอบครัวของพวกเขาจะให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับคุณชายหวังอย่างแน่นอนเลยครับ!” ทั้งสามคนรีบตอบกลับด้วยความเคารพ
หวังเสียนโบกมืออย่างไม่ไยดีและพูดกับหวังต้าไห่และกลุ่มเพื่อนของพวกเขาที่ยังตกตะลึง “ไปทานอาหารเย็นกันเถอะอย่าปล่อยให้ขยะพวกนี้มาทำให้เสียอารมณ์เลย!”
“อะ!..โอ..โอเค!”
หวังต้าไห่และพวกเพื่อนๆของเขาต่างจ้องมองหวังเสียน ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนที่พวกเขาจะเดินตามหวังเสียน ไปที่ร้านอาหารชั้นหนึ่งด้วยอาการที่ยังสับสน
“พวกคุณอยากจะสร้างปัญหาที่ไหนกับใครในเมืองเจียงเฉิงแห่งนี้ก็ได้ พวกฉันนั้นไม่เคยสนใจ! แต่พวกคุณทำไมต้องไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับคุณชายหวังด้วย?”
หูเฟย พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและจ้องมองไปยังชายหนุ่มทั้งสี่คน ก่อนที่เขาจะหันมองไปทางด้านหลังของหวังเสียน ที่กำลังเดินหายลับตาไปด้วยความเกรงกลัวและความเคารพ
“นายน้อยฮันกลับไปเมืองโมดูเดี๋ยวนี้และอย่าเหยียบกลับเข้ามาเมืองเจียงเฉิงอีกต่อไป และตระกูลของคุณก็ต้องให้คำตอบที่น่าพึงพอใจแก่คุณชายหวังด้วย!”
เฉินหู่ มองไปที่ฮันจุนหมิงและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “วันนี้พวกคุณยังถือว่าโชคดีมาก ที่คุณชายหวังนั้นยังไว้หน้าพวกเราบ้างเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นชีวิตของพวกคุณทุกคนคงอยู่ได้อีกไม่นานเท่าไหร่นัก! และอาจจะส่งผลถึงตระกูลของพวกคุณอย่างมากอีกด้วย!”
ฮันจุนหมิง, ฮัวเจ๋อหมิงและคนอื่น ๆ ยังคงสับสนงุนงง ยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ของพวกเขาทุกคนก็ดังขึ้นมาในเวลาที่ใกล้เคียงกัน และเมื่อพวกเขาเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้าเป็นเบอร์ผู้นำตระกูลของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม!
พวกเขาไปยุ่งกับคนระดับไหนกันแน่?!
“โอ้ววๆ!..”
“นี่รุ่นพี่หวังเสียน น่ากลัวขนาดนี้เลยตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?”
“เขาจะเจ๋งมากเกินไปแล้ว!”
“นี่คือความแข็งแกร่งของหวังเสียน อย่างนั้นเหรอ? สำหรับตัวฉันแล้วทั้งฮัวเจ๋อหมิงและฮันจุนหมิง ฉันก็คิดว่าพวกนั้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และมีความแข็งแกร่งอย่างมากอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้คนในตระกูลของพวกเขา ถึงกับขอร้องให้ไว้ชีวิตชายหนุ่มพวกนี้ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้อย่างนั้นรึ!”
“ไอดอลของฉัน! รุ่นพี่หวังเสียนคือไอดอลของฉันอย่างแท้จริง ฉันได้ยินมาว่าตอนที่พี่เขาเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆพี่เขานั้นเป็นคนที่ยากจนมากคนนึง แต่หลังจากนั้นไม่นานพี่หวังเสียน ก็สามารถสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองได้และพัฒนาตัวเองจนมาถึงในระดับที่เรียกว่าเป็นเบอร์หนึ่งของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นานนัก
นักศึกษามหาวิทยาลัยหลายร้อยคนพูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่และเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
และในขณะนี้ชายหนุ่มทั้งสี่คน กำลังเดินขึ้นไปในรถเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ หลังจากที่กลุ่มของวังเสียน เดินออกจากมหาวิทยาลัยไป
วันนี้หวังเสียน ได้แสดงความแข็งแกร่งและอิทธิพลที่น่ากลัวของเขาออกมาให้ทุกคนได้เห็นกับตาอย่างชัดเจนแล้ว
หากในอดีตหวังเสียนเป็นเพียงบุคคลที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง แต่หลังจากนี้ไปชื่อเสียงของเขานั้นจะกลายเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…
และนักศึกษาน้องใหม่ทุกคนต่างจะต้องจดจำชื่อของเขาได้อย่างแน่นอน หากไม่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับโลกใบนี้ในอนาคตเสียก่อน…
“โอ้วๆๆ พี่เสียนครับ! พี่ใหญ่เสียน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปท่านพี่จะเป็นผู้นำและลูกพี่ใหญ่ของพวกเราตลอดไปเลยนะครับลูกพี่ใหญ่!”
หวังต้าไห่ ตะโกนเรียก หวังเสียน ออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำแสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างที่สุดภายในห้อง VIP ของร้านอาหารชั้นหนึ่ง
” พี่ใหญ่เสียน ลูกพี่นี่เจ๋งสุดๆไปเลยนะครับ! ฉันจะรีบปีนขึ้นเตียงของลูกพี่ในทันทีเลยหากว่าฉันนั้นเป็นผู้หญิง!”
“ไปให้พ้น! เจ้าอ้วนตัวเหม็น!”
หวังเสียน ผลักหน้าของ หวังต้าไห่ ออกไปด้วยความรังเกียจ “เสี่ยวหยูและคนอื่นๆที่เหลือก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน พวกนายนั่งรอที่นี่ไปก่อนนะ!”
หวังต้าไห่, จางเหวินและจางเฟิง พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย หลังจากที่หวังเสียน เดินออกไปนอกห้อง
“ชูชิง, ชิงเยว่!”
หวังเสียน เดินออกมาและเห็น เสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟาง สายตาของเขาก็กวาดหันไปมองที่ กวนชูชิง และ หลานชิงเยว่ ที่กำลังเดินมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาสามารถหนีปัญหาบางอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในช่วงเวลาที่เขาปิดด่านฝึกฝนไปหนึ่งเดือน
“คุณดูดีมากเลยนะ! ดูเหมือนว่าจะมีคนช่วยดูแลคุณเป็นอย่างดีในขณะที่อยู่ที่บ้าน!”
กวนชูชิง และ หลานชิงเยว่ หรี่ตาแคบลงอย่างมีความหมายและมองดูเขาในขณะที่พวกเธอพูด
“ขอบคุณพวกคุณทั้งสองมากเลยนะ ที่ช่วยดูแลทุกอย่างแทนผม ในขณะที่ผมกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการฝึกฝน พวกคุณคงเหนื่อยกันมากๆ เลย! มาเถอะมาทานอาหารเย็นด้วยกัน!”
หวังเสียน แสร้งทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องอื่นใดที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งสองสาว และเขาพยายามที่จะพูดเอาอกเอาใจทั้งสองสาวอย่างกระตือรือร้น
“ฮึ! อย่างน้อยๆคุณก็ยังรู้ตัว!”
กวนชูชิง และหลานชิงเยว่ เผยรอยยิ้มบนใบหน้าออกมาและมุ่งหน้าตรงไปยังห้อง VIP
หวังเสียนรีบเดินตามหลังพวกเธอไปทันที เขาเห็นเสี่ยวหยู แอบยกนิ้วให้เขาด้วยความชื่นชม
หวังเสียนตบหน้าอกของเขาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง
เมื่อ หวังต้าไห่และคนในห้อง VIP เห็น กวนชูชิง และ หลานชิงเยว่ เดินเข้ามาในห้อง VIP พร้อมกันพวกเขาก็ตกตะลึงกันในทันที
และในระหว่างที่ทานอาหารค่ำพวกเขาต่างก็ตกใจกันมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็น หวังเสียน นั่งตรงกลางและขนาบข้างไปด้วยทั้งสองเทพธิดาประจำมหาวิทยาลัย และเขาก็ยังตักอาหาร ให้กับทั้งสองเทพธิดา อย่างกระตือรือร้น
“พี่ใหญ่เสียน ช่างน่าทึ่งมากเลยจริงๆ สุดยอดมากๆ !”
เมื่อทั้งสี่คนเดินมาเข้าห้องน้ำพร้อมกัน หวังต้าไห่, จางเหวินและจางเฟิง ต่างพูดกับ หวังเสียน ด้วยความชื่นชมและนับถือ
“ฮึฮึ! ไม่มีอะไรมาก! นี่มันเรื่องธรรมดาๆ สำหรับฉัน! วะ…ฮ่าฮ่าฮ่า!” หวังเสียนหัวเราะออกมาอย่างหยิ่งผยอง
“ให้ฉันตรวจสอบดูหน่อยสิว่า อาวุธคู่กายของลูกพี่นั้นจะน่าประทับใจ สมราคาคุยมากขนาดไหน!”
หวังต้าไห่และพวกเพื่อนๆของเขา ต่างยืดคอยื่นหน้าเข้ามาดูอาวุธคู่กายของ หวังเสียน ในขณะที่เขากำลังยืนฉี่
“โอ้โฮ้! โคตรอนาคอนด้า!”
“เฮ้ย!..ฉันว่านี่มันมังกรยักษ์แล้ว!”
“น่ากลัวมาก!!”
…….
จบบท