Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 228
ตอนที่ 228 บริจาคเงิน 50 ล้าน
.
“อย่าใช้ข้ออ้างแบบนี้กับผมนี่มันไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง! คุณนั้นขาดชั่วโมงเรียนมากเกินไป คุณนั้นต้องเข้าไปปรึกษาอาจารย์ประจำวิชาแต่ละท่านโดยตรงดูว่าคุณนั้นขาดเรียนวิชาของอาจารย์แต่ละท่านนั้นไปมากน้อยขนาดไหน หากมันส่งผลกระทบต่อหน่วยกิตของคุณโดยตรงบางทีคุณอาจจะต้องลงทะเบียนเรียนวิชาในหมวดนั้นใหม่ หรือบางทีอาจจะต้องเรียนซ้ำชั้นเลยก็ได้!” อาจารย์ที่ปรึกษาลีตำหนิเขาด้วยความเป็นห่วง
เขาจ้องมองไปที่หวังเสียน พร้อมกับเดินไปโต๊ะเอกสารและหยิบสมุดบันทึกออกมา
“โอ้!หวังเสียนคุณพลาดบทเรียนของฉันไปห้าบทเรียน! ฉันจะหักคะแนนคุณและมันอาจจะมีผลต่อหน่วยกิตของวิชานี้ด้วย บางทีคุณอาจจะต้องเรียนวิชานี้ใหม่ทั้งหมด!”
ศาสตราจารย์ชราคนหนึ่งหันไปมองหวังเสียนและพูดอีกว่า “ชายหนุ่มคุณไม่ควรที่จะโดดเรียนบ่อยมากเกินไป คุณนั้นพึ่งจะอยู่ชั้ยปี 2 เพียงเท่านั้น สมควรจะตั้งใจเรียนและเก็บหน่วยกิตให้มากๆเสียตั้งแต่ตอนนี้!”
“หวังเสียน! คุณยังไม่เคยเข้าเรียนวิชาหลักการบริหารการเมืองของฉันเลยสักคราสเรียน! ฉันยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดีเลย!”
อาจารย์สองสามคนที่มีวิชาสอนหวังเสียน ต่างพูดในเชิงตำหนิกับเขาโดยตรง
“เจ้าเด็กเกเร คุณนั้นขาดเรียนของอาจารย์ประจำแต่ละวิชารวมแล้วกว่า 50 บทเรียน ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ผมนั้นหนักใจมากจริงๆ และคงต้องออกหนังสือลงโทษเพื่อทำทัณฑ์บนกับคุณ!” อาจารย์ที่ปรึกษาถือสมุดบันทึกและพูดออกมาด้วยท่าทางที่หนักใจ
“สิ่งนี้นั้นถือว่าเป็นการตักเตือนคุณเบื้องต้น และหลังจากนี้ไปคงต้องลงนามและเซ็นสัญญาว่าคุณจะเข้าร่วมทุกบทเรียนของอาจารย์ทุกวิชา และห้ามขาดคราสเรียนใดๆ ไม่ว่าจะเป็นของอาจารย์ท่านไหนก็ตาม!” ศาสตราจารย์ สูงอายุคนหนึ่งหันมาพูดกับหวังเสียน
“ในตอนนี้ศาสตราจารย์กั๋ว ก็อนุญาตให้คุณได้โรงเรียนตามปกติเพียงแต่ต้องมีการลงทัณฑ์บนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่คุณต้องยึดถือข้อกำหนดที่ท่านศาสตราจารย์กั๋วได้พูดเอาไว้อย่างจริงจัง!” อาจารย์ที่ปรึกษาลีหันมาพูดกับหวังเสียน
เหล่าอาจารย์ที่อยู่ในห้องนี้ทุกคนนั้นต่างหวังดีกับนักศึกษาทุกๆคน ฉะนั้นไม่ว่านักศึกษาคนนั้นจะเกเรมากขนาดไหนเหล่าอาจารย์ก็ยังคงจะให้โอกาสพวกเขานั้นเสมอ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้นั้นจะส่งผลกระทบต่อนาคตในการทำงานของเหล่านักศึกษาพวกนี้โดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเป็นอาจารย์ไม่อยากจะเห็นมากที่สุด
สิ่งนี้จะเห็นได้ว่าบรรดาอาจารย์ทุกคนนั้นต่างให้โอกาสกับหวังเสียน ด้วยความหวังดีและจริงใจ
“นี่!…เอ่อ!..” หวังเสียน ลังเลและไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไร
เขาเข้าใจว่าอาจารย์ทุกคนนั้นหวังดีกับเขา มันจึงทำให้เขาอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มันยากสำหรับเขาที่จะสัญญาว่าเขาจะไม่โดดเรียนอีกในอนาคต
หลังจากเห็นท่าทางและการแสดงออกของวังเสียน ศาสตราจารย์กั๋วก็ขมวดคิ้วพร้อมกับถามเขาขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“มีอะไรอย่างนั้นเหรอ ดูคุณไม่เต็มใจจะยอมรับการทำทัณฑ์บนในครั้งนี้ ฉันคงจะต้องเตือนคุณอีกสักเล็กน้อยว่าการศึกษาร่ำเรียนและเกรดที่คุณผ่านในระดับมหาวิทยาลัยนี้จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของคุณโดยตรง เพื่อที่คุณจะได้ทำงานที่ดีและสามารถหาเงินได้มากขึ้นในอนาคต ฉันรู้ว่าพื้นฐานครอบครัวของคุณนั้นลำบากมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นคุณต้องควรระลึกเอาไว้ให้มากๆว่าการศึกษานั้นมันสำคัญมากจริงๆ แล้วต่อไปในอนาคตคุณจะได้ไม่ต้องลำบาก และอย่าหยิ่งผยองกับการทำธุรกิจของคุณในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ความสำเร็จในเบื้องต้นเพียงเท่านั้น แต่ความรู้ที่คุณได้ศึกษาไว้ในตอนนี้มันจะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต!” ศาสตราจารย์กั๋ว พูดกับเขาอย่างจริงจัง
“อะแฮ่มๆ!..มันคงจะลำบากมากสำหรับผมจริงๆ ที่จะต้องมาเรียนครบทุกวิชาโดยที่ไม่ขาดเรียนเลย!” หวังเสียน พูดออกมาอย่างเขินอายและน้ำเสียงของเขานั้นก็ค่อนข้างที่จะเบา
“ห๊าา?” ศาสตราจารย์กั๋วร้องออกมาเสียงสูงด้วยความตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่หวังเสียน อย่างไร้คำพูด ได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น
“ศาสตราจารย์กั๋ว อาจารย์ที่ปรึกษาลีและอาจารย์ทุกๆท่านครับ! ผมนั้นรักมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงแห่งนี้มากที่สุด นอกจากนี้อาจารย์ทุกคนยังดีต่อผมมากๆและที่นี่ยังมีเพื่อนฝูงและพี่น้องที่ผมรักอยู่อย่างมากมาย… อาจารย์ยังเคยสอนผมอีกว่าให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ผมเองก็เพิ่งเห็นข่าวประกาศทางฟอรัมของมหาวิทยาลัยที่ประกาศขอเงินบริจาคให้กับ หวู่เจี่ยเจี๋ยน เพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวของเธอ ตอนนี้ธุรกิจของผมนั้นค่อนข้างที่จะดีมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นผมจึงขอบริจาคเพื่อรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของเธอทั้งหมดเองครับ!” หวังเสียน หันไปพูดกับศาสตราจารย์กั๋วและอาจารย์ที่ปรึกษาลี ด้วยสีหน้าและท่าทางของผู้มีมโนธรรม
“ค่ารักษาพยาบาล?” ศาสตราจารย์กั๋ว, อาจารย์ที่ปรึกษาลีและอาจารย์คนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงกับพูดของหวังเสียน ค่ารักษาพยาบาลสำหรับการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่ได้ถูกๆเลย อาจจะมีราคาค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่ 500,000 ถึงหลักล้านหยวนเลยทีเดียว!
“อันธพาลน้อย คุณคิดจะใช้สิ่งนี้เพื่อโน้มน้าวพวกเรา เพื่อปล่อยให้คุณผ่านเข้าออกทางประตูหลังได้ง่ายๆอย่างนั้นใช่ไหม?” ศาสตราจารย์กั๋วจ้องมองไปที่หวังเสียนและพูดขึ้นมา
“ไม่ครับ! ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับศาสตราจารย์กั่ว ผมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย ผมแค่รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะต้องทำ ในครั้งแรกที่ผมเข้ามาที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงแห่งนี้ ตัวผมนั้นก็ยากจนเป็นอย่างมาก และมหาวิทยาลัยก็ให้โอกาสผมโดยการมอบทุนการศึกษาให้กับผม เพราะฉะนั้นผมจึงรู้สึกขอบคุณมหาวิทยาลัยแห่งนี้และอาจารย์ทุกๆท่านโดยเฉพาะอาจารย์ที่ปรึกษาลี และเนื่องจากในตอนนี้ผมนั้นประสบความสำเร็จค่อนข้างมากในการดำเนินงานธุรกิจ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะต้องตอบแทนให้แก่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงแห่งนี้คืนบ้าง!” หวังเสียน พูดออกมาด้วยสายตาที่ซาบซึ้งและจริงจัง
“หวังเสียน คุณต้องคิดใคร่ครวญให้รอบคอบเสียก่อน ค่ารักษาพยาบาลมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นบางทีอาจจะสูงมากถึงหลักล้านหยวนเลยก็ได้!” อาจารย์ที่ปรึกษาลี พูดเตือนเขาออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ผมทราบครับ!” หวังเสียนตอบพร้อมกับพยักหน้าก่อนที่เขาจะพูดต่อไปอีกว่า
“และนอกจากนี้เพื่อเป็นการขอบคุณอย่างจริงใจกับมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงแห่งนี้ ที่เคยได้มอบทุนการศึกษาและเงินค่าใช้จ่ายในระหว่างปีการศึกษาแรกให้กับผม ผมจึงอยากขอร่วมบริจาคเงินสมทบทุนมอบให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่ยากจนเหล่านั้นด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่พวกเขาครับ!”
“หืมมม! อันธพาลน้อยคุณเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่งเลยทีเดียว!” ศาสตราจารย์กั๋วพูดขึ้นมาพร้อมกับมีสีหน้าที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย
ในฐานะที่หวงเสียน นั้นค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในตอนนี้ เหล่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง จึงค่อนข้างที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขานั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว พวกเขานั้นรู้สึกดีใจมากที่หวังเสียน คิดจะบริจาคสมทบทุนและตอบแทนมหาวิทยาลัยด้วยการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่ยากจน
“นั่นเป็นสิ่งที่ดีมากเลยทีเดียว! ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านผู้อำนวยการได้ทราบเกี่ยวกับความตั้งใจดีของคุณ!” อาจารย์ที่ปรึกษาลีพูดพร้อมกับมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ครับอาจารย์ที่ปรึกษาลี! ถ้าอย่างนั้นผมก็จะขอบริจาคให้กับมหาวิทยาลัยเป็นเงินจำนวน 50 ล้านหยวน เลยละกันนะครับ!” หวังเสียน พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
พร๊วดดด!
เฮื้อกกก!
“อะ…อะไรนะ?!!”
อาจารย์คนหนึ่งที่ดื่มน้ำอยู่พ่นน้ำกระจายออกมาจนเลอะพื้นเต็มไปหมด
อาจารย์ที่ปรึกษาลีและศาสตราจารย์กั๋วมองไปที่หวังเสียนด้วยความตกตะลึงพร้อมกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพึ่งได้ยิน
“คุณ! …คุณพูดผิดหรือเปล่าหวังเสียน?” อาจารย์ที่ปรึกษาลี ถามสวนกลับมาด้วยเสียงอันดัง
“ผมพูดไม่ผิดหรอกครับอาจารย์ที่ปรึกษาลี ผมตั้งใจบริจาค 50 ล้านเพื่อเป็นกองทุนสำหรับนักศึกษาที่ยากจน และรวมกับค่ารักษาพยาบาลของ หวู่เจี่ยเจี๋ยน ด้วยอีก 1 ล้านหยวน ดังนั้นผมจะบริจาคให้มหาวิทยาลัยทั้งหมด 51 ล้านหยวน” หวังเสียน ตอบด้วยรอยยิ้มสดใส
“50 ล้านหยวน!..”
“นี่มัน!..เขา…จริงรึ!”
บรรดาอาจารย์ที่อยู่ในห้องต่างตกใจกันถ้วนหน้า 50 ล้านหยวนนั้นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย!
มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงนั้นเป็นมหาวิทยาลัยระดับหัวกะทิที่มีศิษย์เก่าประสบความสำเร็จในระดับประเทศอยู่อย่างมากมาย ในบางครั้งพวกเขาเหล่านั้นก็จะกลับมาบริจาคให้กับมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่อย่างไรก็ตามการบริจาคเงินจำนวน 50 ล้าน สามารถติดอันดับหนึ่งในห้าของผู้บริจาคทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้เลยทีเดียว!
” หวังเสียน คุณแน่ใจอย่างนั้นหรือ?” อาจารย์ที่ปรึกษาลีถาม หวังเสียน อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ครับอาจารย์!” หวังเสียน พยักหน้าและตอบ
“ฉันจะโทรหาผู้อำนวยการและให้เขาเข้ามาพูดคุยเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณด้วยตัวเอง!” ศาสตราจารย์กั๋วพูดออกมาอย่างตื่นเต้นก่อนที่เขาจะเดินออกไปเพื่อโทรศัพท์
หวังเสียนหัวเราะและพูดเสริมว่า “อาจารย์ที่ปรึกษาลีครับ! ผมแค่เชื่อมั่นและรู้สึกอยากตอบแทนมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงของเราบ้างก็เท่านั้นเอง !”
“ผมค่อนข้างที่จะภูมิใจในตัวคุณมากจริงๆ!” อาจารย์ที่ปรึกษาลี พูดออกมาอย่างซาบซึ้งใจ
“ผมก็ดีใจมากเลยครับที่ได้ช่วยเหลือมหาวิทยาลัยแบบนี้ อย่างน้อยนักศึกษาที่ยากจนบางคนก็จะได้เรียนจนจบและมีอนาคตที่ดี แต่!..ช่วงหลังๆมานี้ธุรกิจของผมนั้นมันค่อนข้างที่จะยุ่งๆนิดหน่อย…เพราะฉะนั้น…การเข้าเรียนของผมบางครั้งก็อาจจะกระทบต่อวิชาของอาจารย์หลายๆคนได้!…ในอนาคตถ้าพวกอาจารย์ไม่ว่าอะไร บางครั้งผมขอลาหยุดจะได้ไหมครับ?” หวังเสียน ยิ้มและถามออกไปตรงๆ
“เอาล่ะๆ ! ในเมื่อคุณพูดมาตรงๆแบบนี้ฉันก็จะพูดกับคุณตรงๆเช่นเดียวกัน ในฐานะที่พวกฉันนั้นเป็นอาจารย์เราก็อยากจะให้ลูกศิษย์นั้นมีความรู้ความสามารถเพื่อจะประกอบวิชาชีพของเขาได้เป็นอย่างดีที่สุด ถึงแม้ว่าในช่วงนี้ธุรกิจของคุณนั้นจะสามารถสร้างเม็ดเงินให้คุณได้อย่างมากมาย แต่คุณก็ต้องพยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย และห้ามหยุดพัฒนาตัวเองอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยๆฉันก็ตั้งความหวังไว้ว่าอยากจะให้คุณนั้นเรียนจบปริญญาตรีเสียก่อน ส่วนเรื่องการลาหยุดนั้นคุณก็รายงานโดยตรงที่อาจารย์ที่ปรึกษาได้เลยในทันที!”
หลังจากที่ ศาสตราจารย์กั๋ววางสายโทรศัพท์จากผู้อำนวยการแล้ว เขาเข้ามาพูดกับหวังเสียนอย่างห่วงใยด้วยน้ำเสียงที่อาจารย์พูดกับลูกศิษย์
หวังเสียนยิ้มพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้วครับ ศาสตราจารย์กั่ว ศาสตราจารย์นั้นพูดได้ถูกต้องมากที่สุดผมนั้นจะพยายามไม่ให้กระทบกับผลการเรียนเลยล่ะครับ!”
“อืม! ถ้าอย่างนั้นคุณก็รออยู่ที่นี่สักครู่นึงนะ ท่านผู้อำนวยการกำลังจะมาที่นี่เร็วๆนี้แล้วล่ะ คุณหาที่นั่งได้ตามสบายเลยก็แล้วกันนะ!” ศาสตราจารย์กั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หวังเสียนพยักหน้ารับและเริ่มสนทนากับอาจารย์ที่อยู่ในห้องสองสามคน
ไม่นานผู้อำนวยการก็มาถึง อย่างเร่งรีบ เขายิ้มจนหน้าบานมาแต่ไกลและแสดงออกถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด ” นักศึกษาหวังเสียน อยู่ที่ไหนอย่างนั้นรึ?”
หวังเสียน ยิ้มและยืนขึ้น หลังจากคุยเรื่องการบริจาคเงินกับผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแล้วเขาก็เดินออกจากอาคารสำนักงานการเรียนการสอนในทันที
“เด็กคนนี้มีจิตใจที่เมตตามากจริงๆ ในปัจจุบันมีนักศึกษาไม่มากนักที่จบไปแล้วและยังกลับมาบริจาคให้กับทางมหาวิทยาลัย ลูกศิษย์เก่าบางคนร่ำรวยมากกว่าหวังเสียน เสียอีกแม้แต่เงินหลักร้อยก็ไม่เคยคิดจะบริจาคให้กับรุ่นน้องที่ลำบากในมหาวิทยาลัยบ้างเลย!”
“นักศึกษาคนนี้มีความสามารถพอที่จะบริจาคเงินได้ 50 ล้านหยวนได้ตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ และยังมีจิตใจที่ดีงามอีกด้วย เขาเป็นลูกศิษย์ที่น่าภูมิภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงจริงๆ ผมนั้นรู้สึกไม่ผิดหวังกับเขาเลยแม้แต่น้อยที่เคยได้ช่วยเหลือเขาในการขอทุนตั้งแต่ตอนเขาเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ!” อาจารย์ที่ปรึกษาลีพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“เนื่องจากหวังเสียนบริจาคเงินจำนวน 50 ล้านหยวนให้กับมหาวิทยาลัยเพื่อกองทุนนักศึกษาที่ยากจนของเรา ฉะนั้นเราควรจะต้องจัดการเงินก้อนนี้อย่างโปร่งใส และไม่ควรทำให้ผู้บริจาคนั้นผิดหวัง!”
“ฉันหวังว่ามหาวิทยาลัยของเราจะสามารถมีนักศึกษาที่น่าภาคภูมิใจอย่างเขาเกิดขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต!”
………
จบบท