Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 218
ตอนที่ 218 ก็แค่แมลงตัวเล็กๆในถิ่นของฉัน
.
หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจวและชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ ยิ้มอย่างชั่วร้ายขึ้นมาในทันที
ชามาลา เป็นบุตรหลานของตระกูลมาร์เรอิน ตระกูลมาร์เรอินนั้นเป็นตระกูลที่ค่อนข้างจะมีอำนาจอยู่ในเมืองหลวงของประเทศหินหยก ผู้นำของสำนักหลิงเยว่ได้รู้จักกับผู้นำของตระกูลมาร์เรอินโดยบังเอิญในขณะที่เขาปฏิบัติภารกิจ
และด้วยเหตุนี้ บริษัทเครื่องการค้าประดับตระกูลโจว จึงรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการค้าขายอัญมณีและหินหยกกับตระกูลมาร์เรอิน นั้นเอง
ในก่อนหน้านี้เพื่อก้าวขึ้นสู่บริษัทระดับสูง บริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจว ได้เป็นมิตรกับสำนักหลิงเยว่อย่างสมบูรณ์จนแทบจะเรียกว่าเป็นกองกำลังเดียวกันได้เลย
ตั้งแต่นั้นมาบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวและสำนักหลิงเยว่ ก็จะแบ่งผลกำไรกัน 50% ด้วยความเป็นธรรม บริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวจึงก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจเครื่องประดับที่แข็งแกร่งในระดับประเทศพอๆกับบริษัทเครื่องประดับทะเลครามของตระกูลหลานเลยทีเดียว
และดินแดนแถบนี้รวมถึงถนนหินเดิมพันก็เป็นดินแดนที่ตระกูลมาร์เรอิน นั้นรับผิดชอบดูแลอยู่ หากอยู่ในอาณาเขตบริเวณนี้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะจัดการกับบุคคลภายนอกได้อย่างไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย
“ฮิฮิ! มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่หมอเทวะหวังต้องตายเร็วขนาดนี้ ทั้งๆที่เขานั้นมีความสามารถอย่างมากมาย!” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“บริษัทเครื่องประดับทะเลคราม พวกเขายังคิดจะแข่งขันกันกับพวกเรา ช่างไม่รู้อะไรเลยเสียจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเราแล้วพวกเขานั้นยังอยู่ห่างกับพวกเราอีกไกลเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ!”
ชายวัยกลางคนจากนิกายหลิงเยว่หัวเราะออกมา
“หือ? นี่คือ …?”
ใกล้ใจกลางถนนหินเดิมพัน หวังเสียน ยืนอยู่หน้าแผงขายหินเดิมพัน โม่ชิงหลงยืนอยู่ข้างๆ และถือกระเป๋าใบใหญ่เอาไว้
มีหินหยกและอัญมณีหลายชนิดอยู่ในกระเป๋าใบใหญ่ใบนี้
เมื่อรวมกันแล้วมูลค่ารวมของหินหยกและอัญมณีน่าจะเกินกว่า 500 ล้านหยวน
ส่วนต้นทุนในการใช้จ่ายซื้อหินเดิมพันของพวกเขานั้นอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านหยวนเพียงเท่านั้น
ความเร็วในการหาเงินแบบนี้มันช่างน่ากลัวมากจริงๆ
เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นติดตามพวกเขามาและเป็นจุดสนใจมากขึ้นกว่านี้ หวังเสียนจึงหยุดซื้อหินเดิมพัน และกำลังเตรียมส่ง หลานชิงเยว่และลุงของเธอ กลับไปที่โรงแรมก่อนเพื่อความปลอดภัยของพวกเขา
หวังเสียนมองไปที่หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งในแผงขายของที่อยู่ตรงหน้าของเขา
ด้วยการใช้พลังพิเศษของดวงตาของเขา เขาพบว่าภายในของหินก้อนนั้นน่าขนลุกมาก
มันไม่ใช่อัญมณีหรือว่าหยกที่อยู่ข้างในนั้น มันคือต้นอ่อนซึ่งเป็นต้นอ่อนสีเขียวเข้ม
ที่ใจกลางหินมีของเหลวสีฟ้าลักษณะแปลกประหลาดมาก!
ยิ่งไปกว่านั้น หวังเสียน พบว่าดวงตาของเขานั้นรู้สึกเหนื่อยล้าและอึดอัดอย่างมาก เมื่อเขามองเข้าไปที่ต้นอ่อนสีเขียวเข้มและของเหลวสีฟ้าแปลกประหลาดนั้น
นี่เป็นเหมือนกับความรู้สึกเวลาที่เขามองสิ่งที่มีพลังยิ่งใหญ่บางอย่าง
‘แล้วทำไมหินก้อนนี้ถึงมีพลังงานมหาศาลแบบนี้ได้?’
‘นี่อาจจะเป็นสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งก็ได้! และต้นอ่อนสีเขียวเข้มต้นนั้นสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในหินก้อนนั้นได้มานานเท่าไหร่แล้ว? มันต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน!’
หวังเสียนคิดกับตัวเองขณะที่ดวงตาของเขาสว่างขึ้น เขาพูดขึ้นทันทีว่า “ลูกพี่ผมต้องการหินก้อนนั้น ราคาเท่าไหร่!”
“ได้เลยครับน้องชาย! ราคาหินก้อนนี้อยู่ที่ 2.3 ล้าน!”
เจ้าของร้านนั้นตื่นเต้นมากและรีบตอบเขาในทันที
“โอเค!”
หวังเสียนพยักหน้าพร้อมกับจ่ายเงินและรับเอาหินก้อนนั้นมา
หินก้อนนี้นั้นใหญ่กว่าลูกบาสเกตบอลมากและหนักมากถึงสามสิบถึงสี่สิบปอนด์
‘ฉันจะตรวจสอบอย่างละเอียดเมื่อกลับไปถึงที่บ้านแล้ว!’ เขาคิดกับตัวเองก่อนที่จะวางหินลงในกระเป๋าที่โมชิงหลงถืออยู่
“เฮ้!..ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันเก็บเกี่ยวที่ดีมากวันหนึ่งของพวกคุณเลยนะ!”
ในตอนนั้นเองเสียงของชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ ก็ดังขึ้นไม่ไกลจากพวกเขา
“หือ?” หลานชิงเยว่ และ หลานเฉียนเฟิง หันกลับมาตามเสียงและเห็นว่ามีคนแปลกๆ กว่ายี่สิบคนเดินมาล้อมรอบพวกเขาไว้
“พวกคุณคิดที่จะพยายามทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
หลานเฉียนเฟิง มองไปที่กลุ่มชายหนุ่มท้องถิ่นของประเทศหินหยก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มาดีเป็นแน่
“พวกคุณกล้าขโมยของในเขตของพวกเราได้ยังไง! พวกคุณช่างกล้ามากจริงๆ!”
ดวงตาของชามาลา สว่างขึ้นเมื่อเขาเห็นกระเป๋าในมือของโมชิงหลง ในขณะที่เขานั้นได้ตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาในทันที
“ขโมย?”
หลานชิงเยว่ และ หลานเฉียนเฟิง ตกใจไปชั่วขณะ หลังจากนั้นใบหน้าของทั้งคู่ก็แสดงความโกรธออกมากันในทันที
“ขโมยเหรอเราขโมยอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่? ตาของพวกคุณข้างไหนอย่างนั้นเหรอที่เห็นว่าพวกเรานั้นขโมยของ?”
“เมื่อไหร่อย่างนั้นเหรอ? ก็วันนี้ยังไงล่ะ!ส่วนของก็อยู่ในกระเป๋าที่มือของพวกคุณนั่นยังไง” ชามาลา พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กระเป๋าในมือของโม่ชิงหลง
“ฉันยืนยันและเป็นพยานให้ได้!” หญิงวัยกลางคนตระกูลโจว หรี่ตาแคบลงพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวนี้หัดเป็นขโมยแล้วอย่างนั้นรึ? ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ!”
“พวกคุณต้องไปกับพวกเราด้วย ผมจะทำการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลยทีเดียว!” มุมปากของชามาลา ยกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย
“พวกคุณกำลังใส่ร้ายพวกเรา! พวกคุณมีหลักฐานอะไรว่าพวกเรานั้นขโมยของ เรามีพยานผู้เห็นเหตุการณ์มากมายในระหว่างที่เราซื้อหินเดิมพันและตัดมัน และนอกจากนี้พวกคุณมีอำนาจอะไรมาสั่งให้พวกเรานั้นไปกับพวกคุณ?” หลานเฉียนเฟิง พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจัง
“พยานอย่างนั้นรึ? ใครจะเป็นพยานให้กับพวกคุณ? แล้วพวกเรานั้นมีอำนาจอะไร พวกคุณอยากรู้จริงๆอย่างนั้นเหรอ? พวกเราเป็นคนของตระกูลมาร์เรอิน!”
ชามาลาตอบออกมาอย่างหยิ่งผยอง “และอย่างที่ทุกคนรู้ที่นี่คือดินแดนของพวกเรา!”
“มาร์เรอิน!”
เจ้าของร้านตกใจมากเมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายวัยกลางคนพูดออกมา เขารีบลดศีรษะลงอย่างรวดเร็วและกล่าวทักทายด้วยความเคารพ “สวัสดียามบ่ายครับนายท่าน!”
“มาร์เรอิน? เขามาจากตระกูลมาร์เรอิน?”
“มาร์เรอินเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีความเข้มแข็งมากเป็นพิเศษในเขตรอบๆเมืองหลวง คนพวกนี้นั้นรนหาที่ตายจริงๆที่พวกเขากล้าขโมยของในเขตการปกครองของตระกูลมาร์เรอิน!”
” ชายวัยกลางคนคนนั้นเป็นคนดูแลสถานที่นี้ไม่ใช่เหรอตำแหน่งของเขาในตระกูลมาร์เรอินต้องสูงมากทีเดียว! ชาวต่างชาติกลุ่มนี้คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ถึงได้กล้าเข้ามาสร้างปัญหาในเขตพื้นที่การดูแลของตระกูลมาร์เรอิน ไม่เคยมีใครกล้าเข้ามายั่วยุคนของตระกูลมาร์เรอิน มาก่อน!”
“นี่คืออาณาเขตในการดูแลของตระกูลมาร์เรอิน แล้ว!.ฉัน!..ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายอะไรอีกแล้วผู้อ่านทุกคนรู้เกี่ยวกับตระกูลมาร์เรอินกันหมดแล้ว…!”
“…”
กลุ่มคนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างหันมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ชื่อ ชามาลา
“ท่านผู้หญิงโจว คุณจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ? ถึงกล่าวหาพวกเราโดยที่ไม่มีหลักฐานเช่นนี้ หรือบริษัทและตระกูลโจวของพวกคุณต้องการต่อสู้แบบแตกหักกับพวกเราจริงๆอย่างนั้นใช่ไหม!” หลานชิงเยว่ พูดออกมาอย่างเย็นชากับหญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจว
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นอาณาเขตของประเทศหินหยก แต่หากพวกเขานั้นสร้างความร้าวฉานระหว่างประเทศหรือระหว่างกองกำลัง ประเทศนั้นๆและกองกำลังที่เกี่ยวข้องก็จะตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ฉะนั้นกองกำลังของตระกูลมาร์เรอิน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรที่มันมากเกินไปเช่นเดียวกัน
และยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาต้องการต่อสู้กันแบบให้พังพินาศไปทั้งคู่แล้วมันก็ยิ่งน่ากลัวมากที่สุด เพราะอย่างน้อยบริษัทเครื่องประดับทะเลครามก็เป็นบริษัทที่อยู่ในแวดวงธุรกิจชั้นสูง พวกเขาย่อมสามารถจ้างมือสังหารหรือกลุ่มทหารรับจ้างที่มีฝีมือและความแข็งแกร่งเพื่อตอบโต้ได้อย่างแน่นอน
ฉะนั้นมันจึงมีกฎข้อห้ามบางอย่างระหว่างแวดวงธุรกิจชั้นสูงและกองกำลังต่างประเทศ ว่าพวกเขาจะไม่ตอบโต้หรือทำอันตรายกันมากเกินความจำเป็น และผู้ที่เป็นคนธรรมดาก็จะต้องถูกปกป้องด้วยเช่นเดียวกัน
ฉะนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรที่ก่อให้เกิดอันตรายกับฝ่ายตรงข้ามมากเกินเลยไปนัก หากผู้นำตระกูลหรือผู้นำกองกำลังได้ทราบถึงเรื่องบาดหมาง ที่เกิดขึ้นพวกเขาก็คงจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน แต่หากเป็นเรื่องกรณีเล็กน้อยก็จะไม่สามารถเอาผิดกันได้
“พวกคุณได้ขโมยหินหยกและอัญมณีของพวกเราไป แต่ในครั้งนี้พวกเราจะไม่ตั้งข้อกล่าวหาและเอาผิดกับพวกคุณเพียงแค่เราจะยึดของที่คุณขโมยไปคืนมาแค่เพียงเท่านั้น และพวกคุณจะไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย แต่อย่างไรก็ตาม!…”
ชายวัยกลางคนมองไปที่หวังเสียนและมีเจตนาฆ่าฟันสาดประกายออกมาจากแววตาของเขา “หมอเทวะหวังนั้นเป็นผู้ที่มาจากโลกยุทธภพ เขาคงไม่สามารถจะกลับไปได้อย่างง่ายๆ บางทีเขาคงจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ ฮึฮึ!”
“ฮิฮิ! หมอเทวะหวังคุณนั้นมีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อมากในการเล่นหินเดิมพัน แต่ที่นี่มันคือสถานที่ของบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวของพวกเรา คุณนั้นเดินมาผิดที่ผิดทางไปหน่อยเท่านั้นเอง ฮิฮิ!”
หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจวหัวเราะออกมาอย่างสะใจในขณะที่เธอมองไปยังหวังเสียน
“ตระกูลมาร์เรอิน?”
ใบหน้าของหวังเสียน เคร่งขรึมลงเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวและสำนักหลิงเยว่ จะมีพันธมิตรที่เป็นกองกำลังท้องถิ่นอยู่ที่นี่ด้วย
และคนพวกนี้ยังตั้งเป้ามาที่ตัวเขาโดยตรงอย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย
“พวกคุณมันก็ไม่ต่างอะไรจากพวกโจร!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์และได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดออกมา หลายชิงเยว่ ก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
“เฮ้!สาวน้อย เธออยู่ในถิ่นของฉัน ฉันคิดว่าเธอควรจะพูดจาให้มันดีๆหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะต้องสอนบทเรียนให้เธอบ้างสักเล็กน้อย!” ชามาลา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หวังเสียน มอง ชามาลา พร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปากและพูดขึ้นมาว่า “คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าตระกูลมาร์เรอิน ของพวกคุณคิดจะต่อต้านและเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆ ผมขอเตือนคุณอีกครั้งว่าคุณควรกลับไปคิดทบทวนใหม่เสียให้ดีๆ!”
“ฮ่า ๆ ๆ !” ชามาลา หัวเราะออกมาเสียงดัง “ไอ้เด็กสาระเลว ฉันไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อยและฉันจะจัดการแกในวันนี้อย่างแน่นอน!”
“แกมันก็แค่หมอเทวะไร้สังกัด ฉันเคยได้ยินสุภาษิตจีนเคยพูดไว้ว่า มังกรพลัดถิ่นหรือจะสู้งูดินเจ้าที่ พยัคฆ์ผู้กล้ายังแพ้ฝูงหมาป่าใน ถึงแม้ว่าแกนั้นจะเป็นมังกรแกก็จะต้องนอนหมอบและหดหัวหดหางให้ดีเมื่ออยู่ในถิ่นที่อยู่ของเรา เมื่อแกอยู่ในดินแดนของฉันแกก็เหมือนกับแมลงตัวเล็กๆเพียงเท่านั้นเอง!”
“ยังงั้นเหรอ?” หวังเสียนมีรอยยิ้มที่เย็นชา “ผมไม่ชอบนอนหมอบเสียด้วยสิ!”
หวังเสียน โต้ตอบคำพูด ชามาลาและหันไปจ้องมองคนจากบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจว และคนจากสำนักหลิงเยว่ ด้วยดวงตาที่สาดประกายคมกล้า
“เมื่อพวกคุณได้เลือกทำเรื่องพวกนี้ให้เกิดขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ผมก็จะขอตอบแทนความมีน้ำใจให้กับพวกคุณอย่างดีทีเดียวเช่นกัน!”
…….
จบบท