Invincible Combat Strength System ระบบสงคราม - ตอนที่ 116
Invincible Combat Strength System ระบบสงคราม – ตอนที่ 116
ICSS บทที่ 116: จางเตียนชิ
“โอ้”
เมื่อได้ยินว่าหนิงเทียนหลินยุ่งมาก ชูหยิชานไม่ได้ถามต่อยังไงซะ
ในความคิดของเธอคนรวยแบบนี้ก็จะต้องยุ่งเป็นธรรมดา ต่อไปคงจะเจอหนิงเทียนหลินแบบคนปกติธรรมดาไม่ได้อีกแล้ว
“งั้นก็ระวังตัวด้วยนะ” สุดท้ายชูหยิชานก็พูดต่อ
“ฉันรู้แล้วสบายใจได้เลย” หนิงเทียนหลินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“งั้นเดี๋ยวตอนบ่ายเราค่อยออกไปกินก๊วยเต๊ยวไก่กันก็ได้”
“ได้” ชูหยิชานพยักหน้าพร้อมกับอาการเขินๆ
…
หยินเชาไต้ฟู
การ์ดหยินจิน
“ทำไม? ยังติดต่อเกาปิงไม่ได้อีกเหรอ?” เกาถัง ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสูทอย่างดี ขมวดคิ้วและถามไปที่เสมียนด้านล่าง
“ยังครับ” เสมียนส่ายหน้า สีหน้าของเขาก็ดูสงสัยเล็กน้อย
“พวกเขาควรที่จะกลับมาตั้งนานแล้ว เช้าวันที่ 15 กรกฎาคมพวกเขาควรที่จะพวกตัวพวกวิญญาณกลับมาที่นี่ได้แล้ว”
“ไม่เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่กลับมาแต่ตอนนี้ผมใช้ทุกวิธีแล้วก็ยังติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย”
เขาเป็นเสมียนมาเกือบจะ 3 ทศวรรษและยังไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ในวันที่ 14 กรกฎาคมของแต่ละปี พวกวิญญาณที่อยู่ภายใต้อำนาจศาลจะได้กลับไปบ้านเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้องโดยไม่มีข้อยกเว้น
ยังไงซะกฎหมายของนรกนั้นรุนแรงมากเทียบได้กับความร้อนแรงของดวงอาทิตย์เลย! ที่นี่ไม่มีใครพูดถึงความเป็นมนุษย์เลย ที่นี่มีสิทธิที่จะหักมือ, หักขา, ทรมานด้วยไฟซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกันมานานแล้วที่จังเจียนหมิง!
เกาปิงไม่เคยมีประวัติด่างพล่อยและคงไม่โง่พอที่จะทำผิดกฎของนรกแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าประตูผีปิดและเปิดในวันที่ 14 กรกฎาคมซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย ถ้าเลยเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถกลับมาได้ ในปีนี้เขาจะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับมาในนรกอีก!
นอกจากจะถึงเวลาครั้งต่อไปที่ประตูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง!
“นายคิดว่าจะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนคิดเรื่องนี้อยู่สักพักแล้วจึงถามออกมา “เกาปิงออกไปจัดการเรื่องธุระกับฉันมานานกว่า 10 ปีแล้วแต่ 5 ปีที่ผ่านมาเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนไปนำพวกวิญญาณกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องแทน แต่ทุกครั้งเขาก็จะกลับมาทันเวลาตลอด”
“แต่ในครั้งนี้ไม่เพียงเขาไม่กลับมา แต่แม้แต่ข้อความก็ไม่มีมาบอกด้วย นี่มันแปลกจริงๆ”
ชายวัยกลางคนที่ดูแลกองฟางหยิน มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลจิตวิญญาณมนุษย์ทั้งหมดในปักกิ่ง ในเวลานี้มันสำคัญมากที่จะต้องบอกไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่แต่ถ้าบอกให้หัวหน้ารู้ เขาก็จะช่วยดูแลเรื่องนี้
อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นอาชญากรรมภายใต้กฎหมายที่เข้มงวดที่ปล่อยให้ลูกน้องของเขาอยู่กลางแดดโดยไม่ได้รับอนุญาต!
“อาจจะไม่ใช่ก็ได้”
เสมียนส่ายหัว “ตอนนี้มีไม่กี่คนในหยางหยางที่ทำงานได้ไม่ดี เช่น พระลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียงและผู้ปลูกฝัง เราต่างก็มีบันทึกอยู่ที่นี่และพวกเขาจะไม่เพิ่มขึ้นถึงสิบ”
“ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่กล้าที่จะทำให้ตัวเองขายหน้า พวกเขาไม่กล้าหรอก!”
“การทำให้หยินขายหน้าก็เท่ากับทำให้แผนกหยินและหยินเชาไต้ฟูขายหน้าไปด้วย! ผมไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับพวกเขาหรอก!”
เสมียนปฎิเสธเรื่องความเป็นไปได้นี้ออกมาตรงๆ
“หัวหน้า ท่านอยากยื่นเพื่อขออนุมัติไหมครับ ผมจะให้ท่านไปเที่ยวที่แม่น้ำแยงซีและจะมีการสอบสวนอย่างชัดเจน ถ้าเกาปิงเจออุบัติเหตุ ทีมวิญญาณที่อยู่ในมือพวกเขาจะต้องมีปัญหาแน่ๆ! แม้ว่าวิญญาณทั้งร้อยจะเชื่อมต่อกับรัฐบาลหยินเชาไต้ฟูของเราแต่ภายใต้แสงแดดแน่นอนว่ามันสามารถทำให้เกิดภัยพิบัติได้เลย!”
“เรื่องแบบนี้จะให้ล่วงเลยไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ดวงตาของเสมียนปรากฎความเคร่งขรึมและเมื่อเขานึกถึงผลลัพธ์ที่อาจจะเป็นไปได้เขาก็ต้องรู้สึกกลัวไปสักพัก
“ไม่หรอก”
“ประตูผีปิดไปแล้วและไม่มีวิญญาณที่อยากจะออกไปข้างนอกหรอก! มันยากเกินไปที่จะอนุมัติเรื่องแบบนั้นเพื่อที่จะไปกลางโลกแบบนั้น! ฉันเป็นแค่ขันทีเล็กๆและการอนุมัติต้องรายงานหลายระดับ คำตัดสินสุดท้ายก็ยังเป็นของท่านลอร์ดอยู่ดี”
“นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องใช้เวลากว่าจะได้รับการอนุมัติ แค่การทำแบบนี้ฉันก็จะบอกให้หัวหน้ารู้ได้ว่ายังมีคนของฉันที่อยู่ข้างนอกและยังไม่กลับมา! เรื่องนี้จะทำให้หัวหน้าหันมามองฉันแน่ๆ!”
“ฮิวจ์กำลังจะพูดเรื่องนี้แล้ว!”
ชายวัยกลางคนปฎิเสธข้อเสนอของเสมียนตรงๆพร้อมทั้งส่ายหน้าด้วย
“สิ่งที่จะต้องทำคือต้องจัดการเรื่องนี้ ไม่งั้นวิญญาณพวกนี้จะต้องสร้างปัญหาขึ้นมาแน่ๆ…”เสมียนยังคงมีความกังวล
วิญญาณที่ไร้การจัดการทั้งร้อยดวงจะต้องสร้างความวุ่นวายให้ปักกิ่งเหนือแน่นอน!
“ผมคิดว่า…” ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่รู้ผลลัพธ์ข้อนี้ได้ยังไงและถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับหยิน วิญญาณที่ไร้การจัดการทั้งร้อยดวงจะต้องมีปัญหาจริงๆแน่ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”
หลังจากนั้นสักพักเขาก็โบกมือเป็นสัญญาณให้เสมียนลงไปได้
“ครับ” เสมียนหยุดพูดและเดินกลับไป
…
โลก
จีน ภูเขามังกรเสือ เวลาตี 3
“โอ้!”
แสงสีแดงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถงมังกรและเสือ ชายสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องโถงก็ต้องดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ! เพราะเขาเห็นว่าจี้หยกสีแดงของเขาหักลง!
“อะไรเนี่ย?”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเนื่องจากจี้หยกนี้ถูกมอบให้แก่เขาโดยผู้อำนวยการของเลขานุการหยินเมื่อเขาถูกส่งไปยังจังหวัดเพื่อช่วยบุคคลสำคัญในประเทศตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นั้นเขาก็พกมันไว้ตลอด
โดยไม่คาดคิดมันมาหักในวันนี้!
ในเวลานี้เขายังจำคำพูดที่ชายคนนั้นจากหยินเชาไต้ฟูพูดกับเขาได้ “จี้หยกนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สื่อสารกับหยินเชาไต้ฟู ถ้าในอนาคตนายมีปัญหาอะไร นายก็ใช้จี้หยกนี้เรียกฉันได้”
“ถ้าฉันช่วยได้ ฉันจะจัดการให้ในนรก”
“แต่จี้หยกนี้มาจากหยินเชาไต้ฟู ถ้ามันถูกใช้ภายใต้แสงอาทิตย์มันจะมีอายุขัยเพียงครั้งเดียว หลังจากที่ใช้แล้วมันก็จะหัก”
ตอนที่ชายแก่ได้จี้หยกนี้มา เขาบูชามันเป็นอย่างมากและเขาคิดว่ามันเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าที่เขาต้องเก็บไว้ข้างกายเพราะนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้ติดต่อกับยมฑูต บางทีเขาอาจจะมีเรื่องที่ต้องใช้ เขาก็จะสามารถติดต่อกับยมฑูตได้โดยตรง
แม้ว่าเขาจะสามารถใช้วิธีลับและลงไปยังนรกได้แต่เขาก็ต้องเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อเขากลับมาร่างกายของเขาจะถูกหยินกัดกร่อนอย่างหนัก ถ้าครั้งที่แล้วเขาไม่ได้รับหมอบหมายจากคนที่สำคัญของประเทศ เขาก็คงจะไม่ยอมเสี่ยงหรอก!
ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เขาอายุกว่า 80 ปีแล้ว เขาไม่อยากที่จะคิดอะไรอีกแล้ว!
ร่างกายของเขาทนกับวิธีลับนั่นไม่ได้อีกแล้ว!
ดังนั้นเขาจึงดูแลจี้หยกนี้เป็นพิเศษและถึงขนาดจะส่งต่อไปยังรุ่นต่อไปของภูเขามังกรเสือหลังจากเขากลับสู่สรวงสวรรค์ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมาหักในตอนนี้!
“จางเตียนชิ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ในเวลานี้แสงสีแดงปกคลุมไปทั่ว พลังหยินเริ่มก่อตัวและในเพียงชั่วขณะก็มีร่างก่อตัวขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็หยุดลง ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกองหยินของหยินเชาไต้ฟู จางเตียนชิที่กำลังนั่งไขว้ขาหัวเราะออกมา