Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด - ตอนที่ 101
Infinity Armament สรรพวุธไม่สิ้นสุด – ตอนที่ 101
IA:เล่ม 3 บทที่ 31 เสียชีวิตทันที (ตอนที่ 2)
“แล้วมันไม่ใช่รึไง?” ฮงหลานถามด้วยความงง “นี่คือโลกความเป็นจริงนะ เราไม่ต้องแบ่งแต้มให้ใครหรอก”
“อันดับแรกคือฉันต้องยึดถือในคำสัญญาก่อน การโกหกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะหักหลังมันก็อีกเรื่องหนึ่ง นายจะต้องการแต้มพวกนั้นเยอะๆไปทำไม?”
ฮงหลานไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดีและชินยี่ก็ลูบหัวเขา “นายนี่มันโง่ชะมัด แต้มสังหารจริงๆแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลย ในภารกิจนี้สิงที่สำคัญที่สุดก็คืออันดับโดยรวมของพวกเราทุกคน ตราบใดที่พวกเรามีอันดับสูงๆกันแล้วเราจะมาห่วงอะไรกับแต้มแค่ 100 หรือ 1000 แต้มล่ะ?”
ฮงหลานก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี “แต่ถ้าไม่มีพวกนั้นแล้วพวกเราก็จะได้แต้มเยอะกว่านะ อันดับหนึ่งก็จะไม่หนีไปไหนด้วย อย่าลืมสิว่ายังมีเวลาเหลืออีกตั้งหนึ่งวัน”
“นายรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ยั่งยืนที่สุดในโลก?”
“อะไรนะ?”
“อันดับหนึ่งไง!” ชินยี่พูดด้วยเสียงจริงจัง “นายคิดว่าต้องใช้แต้มเท่าไหร่ถึงจะขึ้นอยู่อันดับหนึ่งได้ถาวร? หนึ่งพัน? หนึ่งหมื่น? หรือมากกว่านั้น? เพราะว่าความโลภมันไม่มีที่สิ้นสุดไงแล้วนายรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้? นายต้องคิดใหม่อีกครั้ง ถ้าเราไม่ช่วยเรน่าและเมื่อพวกตะวันตกแพ้ในภารกิจนี้ พวกเขาจะเป็นบ้าใช่ไหม? อย่าลืมสิว่าพวกนั้นก็รู้สถานการณ์ของพวกเราเหมือนกัน แล้วพวกเขาจะทำยังไง? คนเราเมื่อจนตรอกมันก็จะทำอะไรบ้าๆได้เสมอแหละ แล้วจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม? พวกนั้นจะไปบอกคนอื่นว่าเรามีเจอร์รี่และจิมมี่แล้วเราจะทำยังไง? ฆ่าพวกมันเหรอ? ถ้าเราต้องสู่กับพวกเขาจริงๆยังไงพวกเขาก็แพ้ แต่พวกนั้นก็อาจจะฆ่าพวกของเราไปซักคนหรืออาจสองคนคงไม่เกินความสามารถพวกเขาหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจอร์รี่กับจิมมี่ นายคิดว่าจะปกป้องสองคนนั้นจากเสือที่บ้าคลั่งแบบนี้ได้เหรอ?”
ฮงหลานงงหนักกว่าเดิมอีกเมื่อได้ยินแบบนั้น
และชินยี่ก็พูดต่อ “กลับกัน เราอยู่อันดับหนึ่งอยู่แล้วและยังได้แต้มเพิ่มอีกมากมายซึ่งไม่สลักสำคัญอะไรกับทีมเราอยู่แล้ว แล้วรู้ไหมพวกเขาจะคิดยังไง? พวกนั้นรู้ว่าการร่วมมือกับเรานั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พวกนั้นก็จะขอบคุณและสรรเสิรญเราและถ้าเกิดว่าบังเอิญมีการต่อสู้เกิดขึ้นแต่จนกว่าศึกนั้นจะเกี่ยวข้องกับชีวิตของทั้งฝ่ายตะวันตก ยังไงพวกนั้นก็จะอยูข้างเราและพวกเราก็จะมีลูกน้องจำนวนมากไว้ใช้งานเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพวกเราได้ในภารกิจต่อไป และถ้าเกิดว่าพวกนั้นกล้าสู้กับพวกพ้องตะวันตกของตัวเองแล้วล่ะก็ ทำไมพวกเราจะไม่ได้กำไรล่ะ? ได้ยินแบบนี้แล้วนายยังคิดว่าไม่ควรเก็บพวกนั้นไว้อีกไหม?”
ฮงหลานตามไม่ทันจริงๆ และต้องใช้เวลานานกว่าจะทำคามเข้าใจในคำพูดของชินยี่ทั้งหมดได้
เขาบ่นพึมพำ “แม่งโว้ย! ไม่เข้าใจซักนิด!”
“เอาเถอะ ฟังเขาไว้ก็ไม่เสียหายนะ” สองเงาโผล่มาจากมุมมืด นั่นก็คือจินกวงกับเหวินโหรว
ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเจ้าอ้วนอยู่ด้วย
ชินยี่ดูเวลาจากแผงหน้าจอ “ใกล้จะเช้าแล้ว พวกเราควรจะหยุดและก็กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว”
“นอนอีกแล้วเหรอ?” ฮงหลานตะโกน
“เราออกล่ามาทั้งวันทั้งคืนแล้วนะ ถ้านายไม่เหนือยฉันก็เหนื่อยแทนละกัน” ชินยี่ตอบกลับ
“แต่ตอนนี้ฉันกำลังโคตรดีดเลย! พวกเราไม่ใช่คนธรรมดาซักหน่อยและฉันมั่นใจเลยว่าฉันสามารถอยู่แบบนี้ได้ไปจนจบภารกิจ!” ฮงหลานตะโกน
“เรื่องของนายเถอะ ฉันจะนอนแล้ว” ชินยี่ชี้ไปที่หัวเขาเอง “ฉันขอนอนซักสี่ชั่วโมงละกัน”
ฮงหลานกับจินกวงสบตากันจากนั้นก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
______
กลับมาที่โรงแรมเอ็มไพร์ สองห้องที่ถูกจองเผื่อในเหตุฉุกเฉินก็ได้แบ่งให้พวกอันเหวินและเรน่าได้ใช้
เพราะว่ากลับมาตอนเช้า พวกเธอจึงหลับกันจนถึงเที่ยง
ในช่วงเวลานั้นบริกรโรงแรมก็นำอาหารเช้ามาให้ อาหารเช้า 6 ที่สำหรับสามห้อง
ครึ่งนึงถูกกินโดยเจ้าอ้วน และอีกครึ่งโดยเจอร์รี่กับจิมมี่
ดังนั้นเมื่อทุกคนตื่นขึ้นมาด้วยความหิวโหยเป็นอย่างมาก แม้ว่านักผจญภัยจะมีความอดทนต่อความต้องการด้านนี้สูงกว่าคนทั่วไปก็เถอะ แต่พวกเขาก็ยังต้องการมีชีวิตที่กินดีอยู่ดีเหมือนกัน เมื่อมองไปที่รายชื่ออันดับรวมก็ยังไม่พบเรื่องที่น่าใจหายแต่อย่างใด ทุกคนจึงแห่กันไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร
ร้านที่เคยเป็นสุดยอดของที่สุด และในตอนนี้มันลับกลายเป็นร้านที่ว่างเปล่า
และนี่คือชั่วโมงที่ 54
4 ชั่วโมงในการพักผ่อนนั้นไม่เพียงพอแม้แต่นักผจญภัยก็ตาม แต่ก็น่าจะพอสำหรับการเคลื่อนที่ครั้งต่อไป
พวกเขาพึงพอใจกับบริการระดับ VIP เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารที่โคตรเจ๋ง
“ถ้านี่คือโลกเสมือนจริง ทำไมเราถึงไม่สามารถกินสเต็กเสมือนจริงแล้วทำให้กระเพาะของพวกเราอิ่มได้ล่ะ?” ฮงหลานพูดในขณะที่ส้อมกำลังจิ้มเนื้อสเต็กอยู่
จินกวงหัวเราะ “บางทีนายก็อาจจะเป็นแค่สิ่งสมมุติขึ้นมาก็ได้นะ บางทีพวกเราในที่นี้อาจจะเป็นแค่ดวงวิญญาณที่อยู่ในโลกเสมือนจริงแบบเดอะแมททริกซ์ก็ได้นะ?”
ฮงหลานทุบโต๊ะ “หยุดเลย! อย่าพูดถึงหนังเชียว ฉันเอียนกับหนังเต็มทีแล้ว ถ้านายต้องดูหนังทุกๆวันมันก็น่าเบื่อไหมล่ะ”
“ไม่ใช่ทุกวัน ทุกเดือน” ชินยี่พูดให้เขาคิด
คำพูดนั้นทำเอาทุกคนขำกันทั้งโต๊ะ แต่เหวินโหรวกลับเตะเขาอย่างไม่ยั้งเท้า
ชินยี่ขำ “โอเคๆ ฉันจะไม่เล่นมุกอีกแล้ว แต่เรื่องของเรื่องก็คือฉันมีเรื่องที่อยากจะถามแต่มันก็ไม่สมควรจะถามอยู่ในตอนนี้เพราะว่ามีผู้หญิงตั้งสามคนในที่นี้ ถ้างั้นฉันจะถามเรน่าก่อนเพราะดูแล้วเธอน่าจะแก้ปัญหานี้ได้”
“แล้วนายจะถามอะไร?” เรน่าถาม
“ตั้งแต่ที่เธอมาที่เมืองกระหายเลือด ประจำเดือนเธอมารึยัง?”
เรน่าชาไปทั้งหน้า และหญิงสาวที่เหลือเองก็หน้าแดง
แต่ชินยี่กลับทำสีหน้าจริงจังมาก
เรน่าคิดแล้วก็ส่ายหัว “ฉันคิดว่าที่เมืองกระหายเลือดนี่มันยกเลิกระบบบางอย่างของร่างกายเราออกไป…”
แม้เรน่าจะพูดแบบนั้นแต่เธอก็รู้สึกผ่อนคลาย
ชินยี่มองไปที่เหวินโหรวซึ่งก็ได้คำตอบเดียวกัน ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงอันเหวินด้วย
“แล้วนายถามทำไม?” เหวินโหรวถามกลับ
ชินยี่ยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก แค่สงสัย”
“ไม่เชื่อหรอก อย่างนายเนี่ยนะแค่สงสัย” เหวินโหรวขยิบตาพร้อมทำสีหน้าแบบ ฉันรู้จักทุกอย่างเกี่ยวกับนายนะ
ชินยี่คิดแล้วก็ตอบ “ฉันแค่อยากรู้เฉยๆว่าที่เมืองกระหายเลือด และในภารกิจเนี่ย นอกจากอิสรภาพแล้วเรายังมีสิ่งที่ยังคงเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างไหม? เช่น พวกเลือดตกยางออก”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ตะลึง
จากนั้นเลคก็พูดขึ้น “เชี่ยอะไรล่ะนั่น? เราต้องคิดถึงการมีชีวิตรอดสิ ไม่ใช่คิดถึงการสร้างชีวิต”
“คำถามคือ ทำไม?”
“อาจจะเป็นการทำให้นักผจญภัยหญิงมีพลังที่ดีขึ้นเพราะไม่มีประจำเดือน?” เรน่าตอบ
ชินยี่ถามต่อ “แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ผู้ชายก็ไม่ได้รับผลในส่วนนั้นน่ะสิ?”
“ก็อาจจะใช่ แต่นายก็ยืนยันไมได้หรอก”
“ถ้าเกิดว่านักผจญภัยชายไปมีอะไรกับผู้หญิงในโลกภารกิจ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ในโลกเสมือนนี่และสร้างชีวิตได้ไหม? แล้วถ้าสร้างได้สิ่งที่กำเนิดออกมาจะเป็นอะไรล่ะ? ของจริง? หรือของเสมือน?” ชินยี่ถาม
ทุกคนแน่นอนว่าตะลึงกับคำถามเหล่านี้
ฮงหลานอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดขึ้น “นายน่ะคิดมากไปแล้ว”
ชินยี่ยิ้มและจิบน้ำ เขาขอบุหรี่จากบริกรและสูบมัน “มันมีปัญหาหลายๆอย่างในโลกนี้ที่เราต้องหาคำตอบ และปัญหาที่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องการเอาตัวรอด… ในความคิดของฉัน การเอาตัวรอดอย่างเดียวมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุด”
จินกวงตอบกลับ “นั่นก็เพราะว่าพวกเราไม่มีใครที่อยากจะตายน่ะสิ… แต่กับนายมันไม่ใช่”
ชินยี่ขำ ไปพร้อมๆกับบรรจงกินอาหารกลางวันต่อ
ทุกคนยังพูดคุยกันต่อไป
ฮงหลานดื่มหนักมากและชูแก้วขึ้นพร้อมตะโกน “เอ้า! ดื่ม! เพื่อจีนอันยิ่งใหญ่และการร่วมมือกันระหว่างจีนกับอเมริกา!”
โทนเสียงเขาเหมือนกับพวกผู้นำประเทศที่ชอบนำพาความฉิบหายชอบกล
เจ้าอ้วนเองก็ดื่มจนเมา และพูดผิดๆออกไป “เพื่อปราบพวกปีศาจอเมริกาไชโย!”
พวกนักผจญภัยตะวันออกขำกันหมดทุกคน แต่เรน่ากับพวกอเมริกันเท่านั้นที่จ้องไปยังพวกเขา
เหวินโหรวเอาบ้าง “เพื่อการมีชีวิตรอด ไชโย!”
ชินยี่เสริม “เพื่ออิสรภาพ!”
เหวินโหรวมองไปที่เขาพร้อมด้วยสายตาที่จ้องมองอย่างลึกซึ้งและกระซิบกับเขา “ใช่ เพื่อมีชีวิตรอดและเพื่ออิสรภาพ!”
“เอ้า ชนแก้ว!”
ทุกแก้วชนกัน และแสงไฟก็พุ่งขึ้นสู่อากาศอย่างช้าๆ
“นั่นมันสัญญาณนี่นา!” อันเหวินตะโกนพร้อมลุกขึ้นยืน
และพร้อมกันนั้นก็มีแผงหน้าจอแจ้งเตือนดังขึ้นมา
“รหัส E1244 เสียชีวิต”
“รหัส E2236 เสียชีวิต”
—————————