I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 240
ตอนที่ 240 ฉันจะพูดกับเจนนี่ยังไงละ
และแน่นอนว่าเอริคไม่สามารถพูดความจริงกับหญิงสาวได้ ถึงจะพูดออกไปหญิงสาวก็ไม่มีทางเชื่อเขาแน่ๆ เขาทำได้เพียงแค่วิเคราะห์ตามข้อเท็จจริงเท่านั้น “กริฟฟินดันน์ ฉันก็เคยได้ยินชื่อนี้นะ ถึงแม้ว่าเขาจะมีมนุษยสัมพันธ์ดีก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้มีอำนาจในการคัดเลือกนักแสดงใดๆ ทำได้แค่พาคุณเข้าไปแนะนำตัวเองเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นอย่างั้นก็สามารถเพิ่มโอกาสให้คุณได้รับการคัดเลือกมากว่านายหน้าซะอีก ฉันเคยดูหนังเรื่อง Licence to Kill มาบ้าง พูดตามความจริงนะคุณโลเวลล์ ความสามารถในการแสดงของคุณคว้าโอกาสนั้นไม่ได้หรอก ฉันถึงได้พูดไงว่าเขาช่วยคุณไม่ได้หรอก “
แคร์รี่ โลเวลล์ ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆจนลืมแม้กระทั้งว่าตัวเองกำลังถูกเอริคหนีบขาของตัวเองอยู่ เวลาผ่านไปสักพัก หลังจากที่หญิงสาวได้คิดไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว หล่อนจึงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่เอริค และตัดสินใจถามไปว่า ” แล้วคุณวิลเลี่ยมละ คุณจะช่วยฉันได้ไหม? “
เอริคตอบกลับทันทีโดยไม่คิดว่า ” ฉันก็ทำไม่ได้ “
จริงๆแล้วแครรี่ โลเวลล์ก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเวอร์จิเนีย ถึงอย่างไรก็ตามเวอร์จิเนียก็เคยแสดงหนังมาแล้วหลายเรื่อง และยังเคยได้รับรางวัลลูกโลกทองคำมาแล้วอีกด้วย แต่หล่อนก็ยังขาดคำว่าโอกาส แต่แคร์รี่ โลเวลล์ที่อยู่เบื้องหน้าของเขา นอกจากบทบาทที่แสดงในเรื่อง Licence to Kill แล้ว หล่อนก็แทบจะไม่ได้แสดงบทบาทไหนเลย ถ้าตอนนี้หญิงสาวยังอายุ 10 ปีอยู่ เอริคคงจะออกค่าเรียนการแสดงให้กับหล่อนอย่างแน่นอน แต่ยังไงตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว
” งั้นคุณยัง….” ดูเหมือนหญิงสาวจะคิดสถานการณ์ก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ หล่อนพยายามดินเพื่อให้หลุดออกจากการหนีบขา ” คุณวิลเลียม ขอร้องละ ช่วยปล่อยฉันได้ไหม? “
พอแครรี่ โลเวลล์พูดจบ หล่อนก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามได้ปล่อยขาของหล่อนออกหล่อนจึงรีบเก็บขาของตัวเองโดยเร็ว ในเมื่อหล่อนได้รับอิสระแล้ว หญิงสาวที่พยายามคิดหาทางออกจากห้องนี้ไปให้เร็วที่สุดในตอนแรกกลับมีความรู้สึกลังเลขึ้น
เอริคกระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้ง พร้อมกับเลื่อนนมแก้วนั้นไปให้หญิงสาว ” ดื่มนี้ให้หมด จะช่วยให้คุณหลับสนิทขึ้น “
” อื้อ” แคร์รี่ โลเวลล์ พยักหน้าอย่างเชื่อฟังราวกลับถูกผีเข้าสิงแล้วยกนมแก้วนั้นขึ้นดื่ม
พร้อมมองไปยังเอริคด้วยสายตาระยิบระยับ หญิงสาวรีบดื่มนมแก้วนั้นจนหมดแล้ววางแก้วนั้นลงก่อนพูดว่า ” งั้นฉันกลับห้องก่อนละ “
” อื้อ” เอริคพยักหน้าโดยไม่ห้ามแต่อย่างใด
แคร์รี่ โลเวลล์ยืนขึ้น แล้วเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่มือที่กำลังทำท่าทางจะเปิดประตูกลับหยุดลงด้วยความลังเล และหยุดค้างอยู่ที่หน้าประตูหลายวินาที
เอริคเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปหยุดอยู่ด้านหลังของหญิงสาวตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอย่างชวนหลงใหลว่า ” เธอจะดื่มนมอีกสักแก้วไหม ที่ห้องนี้ยังมีอีกเยอะ “
“ฉันอยาก…เอ่ออ..ไม่…ไม่ต้องแล้ว” หญิงสาวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่คอของตัวเองขณะที่เอริคกำลังพูด มือใหญ่ๆคู่หนึ่งสอดเข้ามาโอบเอวหล่อนไว้ จนทำให้หล่อนพูดติดอ่างขึ้นมา
เอริคไม่สนใจคำปฏิเสธของหญิงสาว เขาจับตัวหญิงสาวหันกลับมาก่อนจะจับหน้าหล่อนแล้วก้มลงจูบริมฝีปากแดงๆนั้นทันที หญิงสาวพยายามใช้สองมือดันออก ขณะที่เอริคกำลังจูบหญิงสาวอยู่ เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นนมที่อยู่ในปากของหล่อน เขาจึงสอดลิ้นเข้าไปในปากของหญิงสาวอย่างไม่รอช้าก่อนจะตวัดไปมาในปากของหล่อน
ขณะที่ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม เอริคก็พยายามดันตัวหญิงสาวไปทางโต๊ะกลม แล้วปัดแก้วว่างๆนั้นทิ้งทันที ก่อนจะยกตัวหญิงสาวขึ้นไปวางบนโต๊ะ
แคร์รี่ โลเวลล์มองรอบโต๊ะกลมนั้นก่อนที่ร่างกายของหล่อนจะพยายามต่อต้านเอริค” ตรงนี้…ไม่ได้! ” แต่หญิงสาวไม่ได้รับคำตอบใดๆจากเอริค หล่อนรับรู้ได้ถึงเสื้อคลุมถูกถอดออก ผู้ชายน่ารังเกียจคนนั้นก็ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของหญิงสาวเบาว่า ” รอก่อนนะ ฉันจะให้คุณได้ดื่มนมอีกครั้ง “
แสงแดดในยามเช้าส่องแสงทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง เอริคลืมตามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แต่แล้วเขาก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเอง เขามองไปยังเตียงอีกเตียงก็พบเพียงแค่หมอนหนึ่งใบเท่านั้น เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของแคร์รี่โลเวลล์ เอริคจึงคิดได้ว่าหล่อนคงตื่นขึ้นมา จึงรีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
เมื่อเอริคอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแล้ว เอลิซาเบธเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาในห้องของเขาหล่อนเข้ามาในห้องโดยไม่ได้กล่าวทักทายเอริคแต่อย่างใด และไม่นั่งตามใจเหมือนกับก่อนหน้านั้นเช่นกัน
หล่อนรอเอริคเดินออกมาจากห้องน้ำ เอลิซาเบธวางรายงานบันทึกลงบนโต๊ะกลม” คุณดูเองนะ “
” เอ่อออ….” เอริคมองดูสักพักก่อนรู้สึกตัว เขาถามขึ้นโดยไม่ใส่ใจว่า ” แล้วอาหารเช้าของฉันละ? “
” ฉันเห็นแมวเร่ร่อนตัวหนึ่งเดินอยู่ข้างถนน จึงให้พวกมันกินไปแล้ว ” เมื่อหญิงสาวพูดจบหล่อนก็เชิดหน้าขึ้นด้วยความผยองใจก่อนจะกระทืบเท้ากระฟัดกระเฟียดเดินออกจากห้องไปทันที
เอริคยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า ก่อนจะหยิบตารางงานวันนี้ขึ้นมาดู ตั้งใจจะอ่านสักหน่อยแล้วค่อยเดินออกไปซื้ออาหารเช้า
แล้วจู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นหญิงสาวร่างสูงยาวเข่าดีอย่างนิโคลนั้นเอง หล่อนนั่งลงข้างๆเอริค แล้ววางถุงใบหนึ่งลงตรงหน้าเอริค” เฮ้ ฉันคิดว่าคุณน่าจะต้องการของสิ่งนี้ “
เอริคได้กลิ่นอาหารจางๆ เขาหัวเราะออกมาทันทีก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาวว่า ” มีแค่นิโคลเท่านั้นที่ดีกับผม “
นิโคลยกขาขึ้นไขว่ห้าง มือทั้งสองข้างวางตรงหัวเข่าแล้วมองไปที่เอริค” แล้วฉันจะพูดกับเจนนี่ยังไง? “
” พูดอะไร? ” เอริคอ่านตารางงานและบันทึกเสร็จจึงหยิบอาหารออกมาจากถุง
นิโคลเลิกคิ้วขึ้น” แล้วคุณคิดว่าอะไรละ? “
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเอริคก็นึกขึ้นมาได้ทันที ” โอ๊ะ คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีนิสัยชอบแอบฟังตามกำแพงเหมือนกันนะ แล้วเมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม ? “
หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาทันใด แต่ยังคงพูดต่อว่า ” ไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเรื่องดื่มนมแล้วก็เรื่องที่ ตอนกลางดึกจะมีหนูตัวหนึ่งชอบมาวิ่งอยู่ตามระเบียงทางเดินก็เท่านั้น “
” นี่คือไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอ คุณก็แค่บอกความจริงกับเจนนี้ ใครก็ดื่มนมก่อนนนอนทั้งนั้นแหละ “
นิโคลทำได้เพียงหยอกล้อกับเอริคเท่านั้น หล่อนไม่กล้าเค้นคำตอบใดๆจากเอริคหรอกเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ จึงทำได้เพียงยิ้มออกมาเท่านั้น
“จริงสิ คุณได้เจอกับแครรี่ โลเวลล์แล้วหรือยัง? ” ขณะที่เอริคกำลังกินอาหารเช้า เขาก็เงยหน้าขึ้นมาถามหญิงสาวทันที
นิโคลิคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก่อนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า ” เจอกันแล้ว แต่ดูเหมือนหล่อนไม่ค่อยอยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายเท่าไหร่นัก หล่อนออกไปตั้งแต่เช้า ครั้งนี้ คุณไปรับปากอะไรกับหล่อนหรือเปล่า เมื่อคืนถึงได้ทำอะไรบ้าๆแบบนั้น “
เอริคยักไหล่ ” ก็ไม่มีอะไรนิ นี่คือเรื่องที่เธออยากรู้เหรอ มันก็แค่ one night stand ทั่วไป ”
นิโคลยิ้มแปลกใจ ก่อนพูดขึ้น” ฉันคิดว่าผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นคงถูกล้อจนปวดหัว แน่นอน ”
เอริคค้อนใส่หญิงสาว ก่อนจะพูดกับหล่อนขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่เต็มปากว่า ” เธอใส่ร้ายฉัน ระวังหน่อย “
ณ บ้านแฟนสาวของโจนาส
เจสสิก้าที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กๆเงียบๆอยู่คนเดียว ซึ่งด้านหลังของหล่อนมีนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่เรือนหนึ่ง
แม่ของเด็กสาวเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าของหญิงสาวแล้วถามขึ้นว่า ” เจสสิก้า ลูกบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเขาอยู่ไหน พ่อของโจนาสใกล้จะเป็นบ้าแล้ว “
เด็กสาวกระพริบตาโดยไม่สนใจอะไร
ขณะที่หล่อนกำลังถูกกดดัน พ่อขอเด็กสาวก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ก่อนถามด้วยเสียงหนักๆว่า เจสสิก้า ฉันเป็นพ่อของแกนะ รีบบอกมาว่าเขาอยู่ที่ไหน?
เจสสิก้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องบอกความจริงแล้ว หล่อนบอกตัวอักษรออกมาแค่สองตัวตามนิสัยของตัวเอง ” ny “
” แล้วมันคือที่ไหน ” แซมรีบถามขึ้น ” แบบนี้ไม่ได้ใ” พ่อของเจสสิก้าพูดขึ้น
” งั้นก็ northwest ” แซมพูดออกมาอย่างจนปัญญา
ผู้ใหญ่ทั้งสามต่างจ้องมองไปที่เด็กสาวนิวยอร์ก เขาไปนิวยอร์กแล้ว เด็กสาวพูดต่อ
” อะไรนะ! “
” จะไปยังไง! “
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนต่างแสดงสีหน้าตกใจ
” เที่ยวบินที่ 597 ” เจสสิก้า บอกไฟท์เที่ยวบินออกมา
แซมจึงรีบถามกลับไปว่า ” ไฟท์ออกกี่โมง ”
” 7โมงครึ่ง ” พ่อของเจสสิก้าโพล่งออกมาโดยไม่คิด ทั้งสามหันไปมองนาฬิกาที่อยู่ด้านหลังของเด็กสาว นาฬิกาเพิ่งดังบอกเวลาพอดี
” คัท อลิซ เธอแสดงได้ดีมาก” เอริคพูดออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกับมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่ง
ทุกคนต่างพร้อมใจกันปรบมือด้วยความดีใจ ที่พวกเขาดีใจ ไม่ใช่เพราะชื่นชมเด็กสาวที่แสดงได้เข้าถึงบทบาทหรอก แต่เป็นเพราะนี้เป็นฉากสุดท้ายที่ซีแอตเทิลแล้วนะสิ เช้าขอวันที่ 24 เดือนกันยายน ซึ่งเป็นเวลากว่าแปดวันของการเริ่มถ่ายทำที่จริงตามกำหนดการเดิมต้องถ่ายฉากของเมืองซีแอตเทิลเป็นเวลา 10 วัน อาจเป็นเพราะเอริคใช้วิธีการของเขาสอนการแสดงให้กับวิกเตอร์มอร์ริส จนทำให้การแสดงของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงประหยัดเวลาถ่ายทำไปได้สองวันครึ่ง ที่จริงแค่สองวันนี้ก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะค่าใช้จ่ายของทีมงานที่ต้องจ่ายทุกวันวันละหนึ่งแสนดอลลาห์ การถ่ายเสร็จก่อนกำหนดการ ถึงแม้จะแค่สองวันก็ตาม แต่มันก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้กว่าหนึ่งล้านดอลล่าห์เลยทีเดียว
เอริคมองนาฬิกาซึ่งยังไม่ถึง 10 โมงเช้า เขาจึงหยิบเครื่องขยายเสียงขึ้นมาพูดกับทีม งานทุกคนว่า “อนุญาตให้พักผ่อนได้ 1 วัน ทุกคนสามารถไปเดินช้อปปิ้งในซีแอตเทิลได้ แต่ต้องมาให้ทันไฟลท์พรุ่งนี้เช่นะ ถ้าใครตกเครื่อง ก็จองตั๋วเครื่องบินไปนิวยอร์กเอง “
“ฮ่า ฮ่า ….” หลังจากบอกเสร็จ คนที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็พากันเก็บของแล้วเดินจากไปเหลือทิ้งไว้แต่บางส่วนที่ช่วยกันจัดระเบียบที่ทางให้เรียบร้อย
เอริคมอบฟิล์มที่ถ่ายโดยตากล้องสองสามอันให้แก่คนตัดต่อรับจัดการทันทีเมื่อกลับถึงลอสแองจิลิส เมื่อเห็นรถเคลื่อนตัวออกไป เขาจึงได้เดินกลับมาที่ห้องพักอย่างวางใจ
เมื่อกลับมาถึงห้อง เอริคถอดเสื้อกักผู้กำกับออก แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อสบายๆ เขามองไปยังอากาศด้านนอกก่อนจะหันไปหยิบร่มสีดำแล้วเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง
” เฮ้ คุณจะไปไหน? ” เอลิซาเบธที่เห็นเอริคกำลังเดินออกไปข้างนอกจึงถามขึ้น หญิงสาวเป็นคนที่ขี้ลืมง่ายมาก ผ่านไปแค่สองวัน หล่อนก็ไม่ได้กังวลใจเรื่องเอริคกับแครรี่ โลเวลล์อีกหล่อนสามารถกลับมาพูดกับเอริคได้เหมือนครั้งแรกที่คุยกัน
เอริคไม่ได้คำถามแต่กลับถามขึ้นแทนว่า ” เธอมีธุระอะไรไหม “
เอลิซาเบธเดินเข้าไปหาเอริคก่อนพูดว่า ” ไม่มีอะไร แค่อยากถามว่าคุณจะไปไหน ฉันไปด้วยได้ไหม “
” ถ้าเธออยากไปนะ” เอริคพยักหน้า
” งั้นรอฉันแปปหนึ่ง ขอเปลี่ยนเสื้อตัวนี้สักครู่” เอลิซาเบธพูดขึ้นโดยไม่คิดก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเข้าห้องไปทันที