I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 237
ตอนที่ 237 ไม่เหนื่อยเกินไปเหรอ?
“ คิดไม่ถึงว่าคุณจะใช้วิธีการนี้ คุณทำให้ทุกคนกลายเป็นคนโง่เขล่า ส่วนตัวคุณกลายเป็นคนฉลาดอยู่คนเดียว ”
เช้าตรู่อีกวัน ในห้องนอนของเอริค เอลิซาเบธที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะไม้มองไปยังเอริคที่ยืนแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำแล้วพูดขึ้น
” ฉันเป็นผู้กำกับนะ ฉันต้องคุมทีมงานทุกคนให้อยู่สิ ต้องทำหน้าที่ให้เหมือนกับจ่าฝูงหมาป่า “ เอริคบ้วนปากและเช็ดปากก่อนจะพูดต่อว่า “ ถ้าฉันทำผิดก็เท่ากับพวกคุณทุกคนก็ผิดไปด้วยนะ “
” เหอะ คุณนิชอบเถียงข้างๆคูๆจริงๆ ” เอลิซาเบธเบะปากด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นเอริคเดินออกมาจากห้องน้ำ หล่อนก็ชี้ไปทางจานอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ “ อ่ะ ของคุณ”
เอริคนั่งลงแล้วเคลื่อนจานมาตรงหน้าตัวเอง หลังจากนั้นก็จัดการตักกินทันที เขารู้ว่าเอลิซาเบธกินอาหารมาเรียบร้อยแล้ว เพราะหญิงสาวบอกว่ากำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ หล่อนจึงกินเพียงแค่แอปเปิ้ลหนึ่งลูกกับนมแก้วหนึ่งเท่านั้น แต่เอริคไม่คิดอย่างนั้น เขามองออกว่าเอลิซาเบธรับไม่ได้กับสุขอนามัยของที่นี่ และหล่อนก็หาที่ทำอาหารเช้าไม่เจอด้วย ดังนั้นจึงเลือกที่จะกินอะไรง่ายๆ ซึ่งไม่เพียงแต่มื้อนี้ในมื้ออื่นๆหล่อนก็กินน้อยลงเช่นกัน
เมื่อเห็นเอริคกำลังกินอาหารเช้าอย่างตะกละตะกรามอยู่นั้น เอลิซาเบธก็หยิบกำหนดการถ่ายหนังวันนี้ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาอ่านให้เอริคฟังอย่างจนปัญญา เพื่อย้ำเตือนถึงสิ่งที่เอริคต้องจัดการนอกเหนือจากตารางในวันนี้ เดิมที่นี้เป็นหน้าที่ของอลัน แต่เนื่องจากเอลิซาเบธกับเขาต้องร่วมงานกัน เอริคจึงมอบงานส่วนนี้ให้หล่อนรับผิดชอบด้วย และเพื่อให้ทุกวันในตอนเช้าเป็นไปอย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าเอริคจะเป็นคนไม่ดีในความคิดของเอลิซาเบธก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่สามารถปฏิเสธงานตรงนี้ของเขาได้
” จริงสิ ฉันคิดว่าคุณต้องอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้แน่นอน”
” อะไรเหรอ “ เอริควางแก้วลงก่อนหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมา
นี่เป็นหนังสือพิมพ์ของซีแอตเทิล ที่เป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดขายใหญ่ที่สุดในรัฐวอชิงตัน
แน่นอนว่าเอริคไม่ได้สนใจมากนัก แต่สิ่งที่เขาสนใจมากในเวลานี้คือตัวหนังสือที่พาดหัวข่าว
“ บริษัท Sony ได้ทำการซื้อบริษัท Columbia ในราคา 5.5 พันล้านดอลลาร์”
ถึงแม้ว่าเอริคจะรู้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าบริษัท Sony จะทำการซื้อบริษัท Columbia ในเดือนกันยายนก็ตาม ซึ่งเขายังเป็นกังวลในเรื่องของส่วนแบ่งของหนังเรื่อง Running Out of Time ที่ญี่ปุ่นได้ซื้อไปก่อนหน้านั้น และเรื่องนี้เอริคก็ไม่สามารถเก็บไว้ในใจคนเดียวได้
หลังจากที่เอริคตั้งใจอ่านบทความนั้นไปรอบหนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้ววางหนังสือพิมพ์นั้นลงก่อนจะกินอาหารเช้าต่อ เขาเห็นข้อความในบทความนี้ว่าญี่ปุ่นได้รับแรงกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณะชน จนต้องให้บริษัท Sony จัดงานแถลงข่าวว่าไม่ขอเข้าร่วมในการบริหารของบริษัท Columbia
บริษัท Columbia ยังคงมอบอำนาจให้อเมริกาดำรงตำแหน่งผู้บริหารอยู่ และบริษัท Sony มีสถานะเป็นแค่นักลงทุนเท่านั้น และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งคาดว่าส่วนแบ่งของหนังเรื่อง Running Out of Time น่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
เอลิซาเบธค้อนใส่เอริคก่อนจะถามขึ้นว่า ” งั้นตอนนี้คุณก็ภูมิใจอย่างนั้นสิ ?”
เอริคกลืนอาหารลงคอก่อนเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความสงสัยว่า “ ฉันภูมิใจอะไร ? ”
” ฮี นึกไม่ถึงว่าคุณจะถ่อมตัวเป็น ” หญิงสาวเบะปากก่อนพูดต่อว่า “ แสดงว่าคุณยังอ่านไม่ละเอียด ลองวิเคราะห์บทความวรรคที่สี่ดู เป็นเพราะหนังเรื่อง Home Alone และเรื่อง Running Out of Time ทำให้หุ้นของบริษัท Columbia เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งญี่ปุ่นต้อง จ่ายเงินอย่างน้อย 700 ล้านดอลล่าห์เพื่อสิ่งนี้ 700 ล้านดอลล่าห์เลยนะ คุณจะไม่รู้สึกภูมิใจเหรอ? “
เอริคยักไหล่ “ ฉันภูมิใจแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ดีใจมากขนาดนั้น เพราะถึงอย่างไรแล้วเงิน 700 ล้านดอลล่าห์ของญี่ปุ่นก็ไม่ได้เข้ามาในบัญชีฉันอยู่แล้ว “
” งั้นหนังเรื่อง Running Out of Time ละ ฉันเคยได้ยินเรื่องสัญญาฉบับนั้นด้วยนะ ในสัญญาเขียนไว้ว่าบริษัท Firefly ไม่ได้ลงทุนด้วยเงินใดใดทั้งสิ้น แต่จะได้รับกำไรเกินครึ่งจากบ็อกออฟฟิศ “
” แล้วเธอมีสิทธิอะไรมาใช้สายตาแบบนั้นมามองฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับกำไรเกินครึ่งจากบ็อกออฟฟิศก็ตาม แต่บริษัท Columbia ก็ทำเงินได้มากเหมือนกันนะ ” เมื่อพูดถึงตรงนี้เอริคแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า “ อีกอย่างเธอก็เพิ่งพูดว่าญี่ปุ่นจ่ายเงินมากกว่า 700ล้านดอลล่าห์สำหรับหนังเรื่องนี้ ซึ่งคิดดูแล้วเท่ากับว่าฉันขาดทุน แต่บริษัท Columbia ได้กำไรมากกว่า 350 ล้านดอลล่าห์ โดยที่พวกเขาไม่แบ่งให้ฉัน “
หญิงสาวอึ้งกับหลักการและเหตุผลของเอริคไปพักใหญ่ก่อนจะพูดออกไปว่า “ คุณนี่มัน…”
” โอเค นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาสนใจ ” เอริคกินอาหารเช้าเสร็จ ก็หยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปากก่อนพูดต่อว่า “ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือพวกเราต้องถ่ายหนังเรื่องนี้ให้เสร็จ ”
“ เมื่อคุณพูดแบบนี้ฉันก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่เอริคที่กำลังเดินไปหยิบเสื้อที่ผู้ก่อนพูดขึ้นว่า “หลายวันมานี้ฉันอ่านบทหนังเรื่องนี้แล้ว แต่ฉันรู้ว่าว่าหนังเรื่องนี้ยังแปลกๆอยู่ ”
” แปลก ? “ เอริคมองไปยังหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
เอลิซาเบธพยักหน้า ” ใช่ หรือคุณไม่รู้สึก คนสองคนที่ไม่เคยเจอกันเลย ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากันสักครั้ง แต่เริ่มแปลกใจเมื่ออีกคนได้เจอกับฝ่ายตรงข้ามครั้งแรกกลับมีความรู้สึกเหมือนจากกันมานาน เมื่อฉันอ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันเกินจริงไปหน่อย”
” ฉันไม่รู้สึก “ เอริคใส่เสื้อแจ็กเกตนอกแล้วพูดว่า “ลิซ เธอเคยได้ยินเรื่องโชคชะตาไหม ?
” คือ? “ หญิงสาวครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูดทวนคำนั้นอีกครั้ง แล้วส่ายหน้า “ ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ โลกนี้ทำไมต้องถูกลิขิตมาตั้งแต่กำเนิดละ ?”
” เมื่อมันถูกกำหนดไว้แล้วเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่ถูกลิขิตไว้แล้ว หรือเรียกได้ว่าเป็นโชคชะตา ก็เหมือนกับฉันและเธอ ฉันกับเจนนี่ ฉันกับดูรว์ ฉันกับเวอร์…”
เอลิซาเบธถลึงตาใส่ก่อนพูดว่า ” เมื่อคุณพูดแบบนี้ ฉันจะหาเหตุผลไหนไปเอาชนะคุณละ อีกอย่าง อย่าเอาฉันไปรวมกับผู้หญิงคนอื่นได้ใหม ? ”
เอริคยิ้ม “ โอเค ฉันล้อเล่น จริงสิ ฝั่งตะวันออกที่ไกลมากมีทิวทัศน์ที่โรแมนติกมากอยู่ที่หนึ่งเรียกได้ว่าได้เกิด 500 ครั้งก็ไม่ไม่มีประโยชน์เท่ากับเดินเฉียดไหล่กันเพียงแค่ครั้งเดียว ”
” หมายความว่าอะไรเหรอ ? ” เอลิซาเบธถาม
” เรื่องมันยาวมาก ” เอริคมองนาฬิกาข้อมือ “ ทุกคนคงเดินกันไปหมดแล้ว พวกเราไปกันเถอะเดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
ระยะทางจากที่พักไปกองถ่ายไม่ถึง 1 กิโลเมตร ดังนั้นทีมงานทุกคนจึงตัดสินใจเดินกันไป
เมื่อทั้งสองทักทายทีมงานคนอื่นๆแล้ว แล้วทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันไปตามถนน เอลิซาเบธจึงท้วงขึ้นทันที ” เล่าต่อสิ”
เอริคพยักหน้าก่อนพูดว่า “ ในศาสนาพุทธสอนไว้ว่า ชีวิตคนเราจะไม่สูญสิ้น หากจิตวิญญาณของพวกเขายังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เพราะเหตุนี้จึงมีการกลับชาติมาเกิดใหม่ คุณลองคิดตามดูสิว่าเข้าใจไหม ? ”
” ได้เกิด 500 ครั้งก็ไม่ไม่มีประโยชน์เท่ากับเดินเฉียดไหล่กันเพียงแค่ครั้งเดียว ” เอลิซาเบธทวนประโยคนี้อีกครั้ง แล้วมองไปที่เอริคก่อนพูดขึ้นว่า ” นั้นมัน ไม่เหนื่อยเกินไปเหรอ ? ”