cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 198

  1. Home
  2. All Mangas
  3. I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด
  4. ตอนที่ 198
Prev
Next

ตอนที่ 198 วางแผน

 

เมื่อประชุมเสร็จทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับ แต่เจฟฟรีย์ยังไม่ไปไหน เขายังคงนั่งกินมื้อเที่ยงอยู่บนโซฟาในห้องทํางานของเอริคเพื่อพูดคุยปัญหาบางอย่างกับเขา

 

“เอริค นอกเหนือจากหนังเรื่อง Running Out of Time แล้ว ต้นทุนหนังทั้งหมดของเราไม่มีเรื่องไหนเกิน 25 ล้านดอลลาห์เลย แล้วคุณไปรับปากว่าจะให้งบประมาณของหนังทั้งสองเรื่อง เป็นจํานวนเงินกว่า 50 ล้านดอลลาห์แก่คุณโรเบิร์ต เชียร์มันไม่มากเกินไปเหรอ? ”

 

เมื่อเอริคได้ยินคําถามนั้น สีหน้าขอเขาก็ดูตึงขึ้นมาทันที เอริคกินข้าวได้แค่ไม่กี่คําเท่านั้นแล้วก็เลื่อนกล่องข้าวไปไว้อีกด้านก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก “ฉันเองก็ไม่อยากทํา ฉันแค่อยากให้คุณโรเบิร์ต เชียร์ได้พยายามด้วยตัวเอง จึงจําเป็นต้องยื่นผลประโยชน์ให้เขาเห็นก่อน แค่ 50 ล้านดอลลาห์เอง ถึงแม้ว่าฉันจะให้สิทธิ์ททั้งหมดแก่โรเบิร์ต เชียร์ แต่ถ้าหากว่าหนังที่เขาเลือกมามันไม่ได้ผลตอบรับเท่าที่ควร ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เซ็นข้อตกลงนั้น”

 

ถ้าพูดถึงหนังของเอริคแล้วเจฟฟรีย์ก็คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีก เมื่อได้ยินเอริคพูดอย่างนี้เขาก็วางใจ แต่ถ้าหากเราให้อํานาจในการตัดสินใจแก่คุณโรเบิร์ตมากเกินไปมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักนะเอริค ”

 

“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ” เอริคที่กําลังเซ็นชื่อของตัวเองลงบนเอกสาร เขาดูเอกสารผ่านๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” รอฉันรวบรวมทุนทรัพย์ของบริษัท New Line Cinema ให้ได้ก่อน เมื่อบริษัท Firefly และบริษัท New Line Cinema รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เรื่องพวกนี้ก็คงจะจัดการได้ไม่ยากแล้วละ “

 

เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจของเจฟฟรีย์ก็เต้นแรงขึ้น เขาคิดในใจ เอริคคนนี้มีด้านมืดไม่ธรรมดาเลย จริงๆตอนนี้เขาชักเริ่มกลัวว่าโรเบิร์ต เชียร์จะถูกไล่ออก เพราะด้วยอํานาจที่มีอยู่ตอนนี้ของเอริค ถึงแม้ว่าโรเบิร์ต เชียร์จะมีหุ้นอยู่ 15% ของบริษัทก็ตาม แต่เอริคนั้นเป็นผู้ครอบครองทุกอย่างของบริษัท การที่จะปลดโรเบิร์ต เชียร์พ้นจากตําแหน่ง เพียงแค่เซ็นชื่อโดยไม่ต้องผ่านการะประชุมใดๆ ก็สามารถทําให้โรเบิร์ต เชียร์นั้นถูกไล่ออกได้แล้ว

 

เอริคหัวเราก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเจฟฟรีย์ “คุณคิดว่าฉันเป็นคนเสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพลแบบนั้นเหรอ”

 

เจฟฟรีย์ยิ้มแก้เขิน ก่อนจะยอมรับว่า “ฉันรู้สึกแบบนี้จริงๆ”

 

“คุณก็รู้ คุณเจฟฟรีย์ว่าฉันไม่ใช่คนใจจืดใจดําแบบนั้น ถ้าคุณโรเบิร์ตทําหน้าที่ของเขาด้วยความซื่อสัตย์ ทําทุกอย่างได้ดีตามศักยภาพของตัวเอง ฉันสัญญาว่าจะไม่ทําแบบเดียวกับอาหารมื้อเที่ยงนี้แน่นอน แต่หน้าเสียดายที่เขามีความทะเยอทะยานมากไปหน่อย คุณก็เห็นที่เขาพาผู้บริหารเหล่านั้นมาร่วมประชุมครั้งนี้ด้วยก็เพื่อจะประกาศว่าเขาและผู้บริหารของเขามีความสําคัญมากกับบริษัทFirefly”

 

“ฉันกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง” เมื่อเจฟฟรีย์ได้ยินสิ่งที่เอริคพูดเขาจึงพูดอีกว่า “คุณก็เห็นว่าเหล่าผู้บริหารที่มาวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนของโรเบิร์ต เชียร์ทั้งนั้น ถ้าคุณไลโรเบิร์ตออก เหล่าผู้บริหารเหล่านี้ก็ต้องออกไปพร้อมกับเขาใช่ไหม? ”

 

เอริคส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าคลายกังวลว่า “ถ้าบริษัท Firefly เติบโตขึ้นมา คุณคิดว่าคนที่อยู่ใต้คุณโรเบิร์ตเหล่านั้นจะยอมทิ้งเงินเดือนและเงินปันผลกว่า 10 ล้านต่อปีแล้วออกไป สร้างธุรกิจใหม่กับเขาอย่างนั้นเหรอ? หรือจะให้พูดอีกอย่างว่า บริษัทหนังยักษ์ใหญ่เหล่านั้นก็คงจะมีเวลาว่างมากที่จะร่วมมือกับพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคุณโรเบิร์ตออกไปฉันก็แค่ต้องหาผู้จัดจําหน่ายคนใหม่ที่สมบูรณ์แบบเพิ่มมาอีกคนก็เท่านั้นเอง”

 

“แต่ว่า…”

 

เอริคพิจารณาคําพูดของเจฟฟรีย์

 

ก่อนจะพูดต่อว่า “คุณเจฟฟรีย์ จริงๆแล้วคุณไม่จําเป็นต้องกังวลมากขนาดนนี้ก็ได้ ที่ฉันเคยบอกคุณว่าฉันสามารถไล่คุณโรเบิร์ตออกได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าภายใน 1-2 ปีนี้ เขาอาจรู้จักจุดแข็งของตัวเองมากขึ้นแล้วไปให้ความสําคัญกับการจัดจําหน่ายก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันก็ไม่จําเป็นต้องมาจัดการเรื่องนนี้อีก เพราะความสามารถในการจัดจําหน่ายของเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไรอยู่แล้ว “

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” เจฟฟรีย์พยักหน้าแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งและเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ประตูห้องทํางานก็ถูกเปิดเข้ามาทันที เด็กสาวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอดูรซ์ วันนี้หล่อนใส่เพียง แค่เสื้อยืดสบายๆและกางเกงขาสั้นเท่านั้น เด็กสาวรีบโผขึ้นไปนั่งบนตักของเอริคทันทีก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง แล้วกระซิบข้างหูเอริคเพื่อถามถึงเรื่องเมื่อคืน

 

อลันที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอดขําไม่ได้เมื่อเห็นภาพของเด็กสาวกับเอริคหยอกล้อกัน รอจนกระทั่งเอริคหันมาสนใจเขาด้วยตัวเองอลันจึงพูดขึ้นว่า “คุณเอริคครับ กระเป๋าและรถพร้อมแล้วครับ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดฉันคิดว่าเราควรออกเดินทางตอนนี้เลย ”

 

“งั้นไปกันเถอะ” เอริคอุ้มเด็กสาวลงจากตัก “ช่วงที่ฉันไม่อยู่ช่วยทําตัวดีๆด้วยละ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกคุณเจฟฟรีย์ได้ อย่าก่อเรื่องเด็ดขาด”

 

“ชิ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เด็กสาวขวนเอริคด้วยความไม่พอใจ หล่อนชายตามองไปที่เอริคก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอริค ฉันอยากไปเวนิสด้วย”

 

“ช่างเถอะ เธอทนไม่ได้หรอก” เอริคลูบหัวของเด็กสาวด้วยความอ่อนโยน ไม่รู้ช่วงนี้หล่อนคิดออะไรถึงได้ชอบโพกหัวน่ารักอย่างนี้ เอริคเองก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กสาวหลายครั้ง “ไฟล์ทจากฮอลลีวูดไปเวนิสใช้เวลานานกว่า 17 ชั่วโมง ระหว่างนั้นก็มีเปลี่ยนเครื่องด้วย”

 

ดูรซ์ยอมรับว่าคงทนไม่ไหวจริงๆ ให้หล่อนไปนั่งเฉยๆอยู่บนเครื่องบินตั้ง 17 ชั่วโมง ซึ่งเด็กสาวก็คงทนอยู่เฉยๆไม่ได้แน่ ดังนั้นหล่อนจึงไม่พูดออะไรอีก หล่อนเกาะแขนเอริคเดินออกไปส่งด้านนอก ก่อนจะพูดว่า” เอริค พวกเราซื้อเครื่องส่วนตัวกันดีไหม แบบนั้นต่อให้นั่งเครื่องบินนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อแน่นอน”

 

“ไม่ใช่ตอนนี้” เอริคส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อว่า “รออีกสักปีสองปีนะ”

 

“อื้อ” ดูรซ์พยักหน้า เมื่อเดินลงมาถึงข้างล่างเด็กสาวก็เดินนําไปขึ้นรถทันที “ฉันจะไปส่งคุณที่สนามบิน”

 

“เอริค ฉันไม่ไปส่งคุณนะ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ” เจฟฟรีย์ตบไหล่เอริค “เดินทางปลอด ภัยครับ”

 

” แล้วพบกันคุณเจฟฟรีย์” เอริคโบกมือลาเจฟฟรีย์ แล้วเข้าไปนั่งในรถฝั่งคนขับก็คืออลันที่ขี้นมาก่อนแล้ว เมื่ออลันเห็นเอริคและดูรซ์ขึ้นมานั่งเรียบร้อยก็ค่อยๆออกรถไป

 

อลันต้องไปเวนิสกับเอริคด้วย ซึ่งเดิมที่ต้องหาล่ามไปกับเอริคด้วยหนึ่งคน เพราะในเวนิสต้องใช้ภาษาอิตาลีในการสื่อสาร บังเอิญว่าแม่ของอลันเป็นคนอิตาลีอยู่แล้ว และตัวอลันเองก็เติบโตขี้นมาระหว่างสองประเทศคืออังกฤษกับอิตาลี ดังนั้นถ้าพูดถึงภาษาอิตาลีก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอลันไปด้วยก็คงไม่ต้องวุ่นวายกับการหาล่ามอีก

 

และยังนับว่าโชคดีที่ระยะทางจากเบอร์แบงค์มาถึงสนามบินนานาชาติลอสแองเจลิสใช้เวลา เพียงแค่ 1 ชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้น เมื่อถึงสนามบินพวกเขายังมีเวลาเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงถึงจะได้ทําการเช็คอิน

 

“อลัน กําลังหาอะไรอยู่เหรอ” ขณะที่กําลังรอเช็คอินอยู่นั้น เอริคเห็นอลันกําลังสํารวจกระเป๋าของตัวเอง เอริคแปลกใจจึงถามขึ้น

 

“หนังสือ ฉันเอานิยายของสตีเฟน คิงมาด้วยเล่มหนึ่งกะว่าจะอ่านบนเครื่อง เอริคคุณเอามาบ้างไหม? ”

 

เอริคโบกมือทันที ในชีวิตที่แล้วของเขามักจะใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งบนรถไฟคงไม่เหมาะที่จะอ่านหนังสืออยู่แล้ว แล้วยิ่งไม่เคยนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เคยคิดเรื่องนนี้ อีกอย่างกระเป๋าของเขาดูรซ์ก็เป็นคนจัดให้ด้วยนิสัยของหล่อนแล้วก็คงคิดไม่ถึงเช่นกัน

 

“เรายังพอมีเวลา ไปซื้อสักเล่มก็ได้นะ มีห้างสรรพสินค้าอยู่ด้านนอก” เอริคเสนอขึ้น

 

” ฉันไปเอง พวกคุณรออยู่ที่นี่แหละ ถ้าฉันกลับมาไม่ทันพวกคุณก็เช็คอินได้เลย”

เอริคกําลังจะพูดห้ามแต่เด็กสาวก็รีบวิ่งออกไปซะก่อน

 

ดูรซ์วิ่งออกมาด้านนอก ในขณะนั้นเอริคและอลันก็ได้ยินเสียประกาศเรียกเช็คอิน ทั้งสองคนมองหน้ากันตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอายังไงดี

 

“ไปกันเถอะ ยังไงก็ต้องเข้าแถวก่อนหล่อนน่าจะกลับมาทัน” เอริคพูดขึ้น อลันเองก็ไม่ได้คัดค้าน ทั้งสองคนจึงลากกระเป๋าตรงไปยังประตูเช็คอิน

 

10นาที่ผ่านไป เคาเตอร์เช็คอินก็เหลือเอริคกับอลันเพียงแค่สองคน ผู้โดยสารคนอื่นๆก็เข้าไปกันหมดแล้วพนักงานเช็คอินก็เริ่มเรียกทั้งสองคน เอริคหันไปมองด้านหลังอีกครั้งก็เห็นเงาของเด็กสาวที่กําลังวิ่งหน้าตาตื่นตรงมาทางพวกเขาสองคน แล้วส่งหนังสือหนาๆเล่มหนึ่งให้เอริคโดยไม่พูดอะไร หล่อนก้มลงด้วยความหอบก่อนจะโบกมือให้ทั้งสองเข้าไป

 

เอริครู้ว่าไม่จําเป็นต้องเกรงใจอะไรเด็กสาวมากนัก เขารีบยัดหนังสือลงกระเป๋าก่อนจะบอกลา แล้วลากกระเป๋าเข้าไปเช็กอินทันที

 

เสียงของเครื่องบินขนาดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับลอยตัวสูงจากพื้นดิน ผ่านไปสักพักใหญ่เริ่มกลับมาเสถียรเหมือนเดิม

 

ณ ชั้นโดยสารชั้นหนึ่ง เอริคถอดเข็มขัดออก อลันที่นั่งอยู่ข้างกายของเขาหยิบตารางขึ้นมาดูก่อนจะหันไปอธิบายให้เอริคฟังว่า

 

“เราจะไปเปลี่ยนเครื่องที่ลอนดอน พวกเราจะถึงเวนิสวันที่ 2 เดือนกันยายนเวลา บ่ายสามตามเวลาท้องถิ่น คุณเดมี่และคุณแมนเซดจะมารับพวกเราที่สนามบินนานาชาติมาร์โค โปโล ตอนค่ําคุณมีพบปะกับผู้กํากับจอห์น แลนดิส วันที่สามไม่มีกิจกรรมอะไร คุณสามารถพักผ่อนได้ 1 วัน วันที่ 4 คือวันเปิดงานเทศกาลหนังอย่างเป็นทางการ คณะกรรมการผู้จัดงานเชิญชวนคุณเข้าร่วมปาร์ตี้หลังงานเปิดตัวจบด้วย พวกเรามีบินกลับวันที่ 5 ตอนบ่าย เราจะถึงลอสแองเจลิส วันที่ 6 ตอนเวลา 5 โมงเช้าตามเวลาฝั่งตะวันออก เอริค คุณอยากเพิ่มเติมอะไรอีกไหม”

 

เอริคอดทนฟังจนจบแล้วส่ายหน้า “ไม่ละ เอาตามนี้แหละ”

 

ถ้าเป็นไปได้เขาจะไม่เข้าร่วมงานเทศกาลหนังเวนิส ถึงแม้ว่าจะถูกจัดไว้แล้วก็ตาม แต่ดูจากตารางงานแล้วมันค่อนข้างแน่นมาก เขาจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าหลังจากรู้ว่าเอริคจะมาร่วมงานเทศกาลหนังของเวนิสด้วย บรรดาคณะกรรมการจัดงานก็รีบส่งบัตรเชิญ หวังให้เขามาร่วมพิธีเปิดงานนี้

 

เดิมทีเอริคเองก็ไม่ได้หวังว่าหนังเรื่อง THE OTHERS จะได้รับรางวัลเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเขาเองก็เป็นคนผลัดมันออกไปด้วยซ้ําแต่เมื่อดูจากกลยุทธ์ในการโฆษณานั้นแล้วเขากลับมีความหวังขี้นมาอีกครั้งว่าหนังเรื่อง THE OTHERS จะได้รับรางวัล ด้วยเหตุนี้เอริคจึงไม่ปฏิเสธ เพราะคําเชิญเหล่านั้นที่ส่งมาได้ลงนามประธานคณะกรรมการอย่าง อันเดร เดนนิเซอร์ ไว้ทุกฉบับ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจต่อแขกที่มาร่วมงาน เอริคไม่อยากทําให้อีกฝ่ายเสียหน้า จึงได้ซ่อนความลําบากใจไว้ภายใน งานเทศการหนังเวนิสนี้เทียบไม่ได้กับงานประกาศผลรางวัลออสก้าเลยแม้แต่น้อย คณะกรรมการที่มาร่วมงานออสก้ามีมากถึงพันคน แต่งานเทศกาลหนังเวนิสมีเพียงเก้าคนเท่านั้น ทุกคนจึงเข้าร่วมกันหารือเกี่ยวกับการมอบรางวัลนี้ครั้งนี้

 

ด้วยเหตุนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุผลส่วนตัวของเขา การทําหนังเรื่อง THE OTHERS จะต้องไม่สู้เปล่า เอริคจึงสร้างสปิริตของเขาด้วยการมาร่วมงานครั้งนี้

 

เอริคถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่อยากคิดเรื่องน่าเบื่อแบบนี้อีก จึงหันไปหยิบหนังสือที่ดูรซ์ซื้อให้ขึ้นมา

 

เมื่อมองมันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

 

หนังสือชื่อเรื่องว่า Walden

 

เด็กนั้นซื้อหนังสืออะไรมาเนี่ย ใครเขาอ่านบทประพันธ์กันบนเครื่องเนี่ย

 

ช่างเถอะ มันใช้สะกดจิตได้ดี

 

เขาคิดในใจขณะแกะพลาสติดที่ห่อหุ้มหนังสือนั้นออก

 

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
8 กรกฎาคม 2022
3453b547aed3d55
เศรษฐีกองขยะ
8 กรกฎาคม 2022
LSG ฝืนลิขิตฟ้าเทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง
Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง
24 สิงหาคม 2021
300-1
I Can Turn into a Fish – ฉันกลายเป็นปลาได้
20 พฤษภาคม 2021
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 198"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved