I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 129
Chapter 129 – บาดเจ็บ
ดรูวส์ รีบกลับมาที่ห้องกินข้าวและจับซีเรียลขึ้นมา จากนั้นก็ไปใกล้ๆบันไดเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับกินไปด้วย
แต่หลังจากที่คิดได้ไม่นาน เธอก็เลือกดูจากทางเข้าห้องกินข้าวซึ่งดูปลอดภัยกว่า
“ เอริควิลเลียม ฉันจะไม่ยกโทษให้นาย ไอ้บ้า ไอ้ลูกหมา ! “
อนิสตัน พูดขึ้นมาและลงมาที่ชั้นล่างส่งสายตาหงุดหงิดมองมาที่ ดรูวส์ ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป
“ เจนนี่ รอก่อน อย่าใจร้อน “
เสียงของ เอริค ดังขึ้นมาจากชั้นบนและจากนั้น เอริค ก็โผล่ออกมาด้วยการสวมแค่กางเกงใน เมื่อเห็น อนิสตัน ลากกระเป๋ากำลังจะออกไป เอริค ก็ไม่ได้สนใจบันไดและโดดลงมาล้มลงกับพื้น
“ ว๊าว ! “ – ดรูวส์ ที่ซีเรียบเต็มปากนั้นไม่ได้กังวล ในตอนที่เธอเห็น เอริค ตกบันได เธอแค่กินต่อเพราะบันไดนี่สูงไม่ถึง 2 ม.
ตอนที่ อนิสตัน เห็นแบบนั้น เธอด่าออกมาว่าเขาสมควรโดนแล้ว
โชคร้ายที่มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เอริค ที่กลิ้งตกลงมานั้นนอนอยู่ที่พื้น จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากหน้าผากของเขา เขานอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด
บรรยากาศมันดูเครียดขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นชามข้าวของ ดรูวส์ ก็ตกลงไปที่พื้น ดรูวส์ รีบวิ่งไปด้วยสีหน้ากลัวทันที
“ เอริค นายเป็นอะไรมั้ย ? เฮ้ คุยกับฉันสิ นาย…อย่าทำฉันกลัวสิ ! “ – ดรูวส์ รีบวิ่งไปข้างๆแล้วตะโกนเรียกเขาแต่เขาหมดสติไปแล้ว เธอพยายามเช็ดเลือดจากหน้าผากแต่ไม่นานก็พบว่าเลือดนั้นไม่หยุด เมื่อตรวจดูดีๆเธอก็พบแผลที่ยาวกว่า 1 ซม.ที่หน้าผากเขา
ในตอนที่ อนิสตัน เห็นแบบนั้น เธอก็รีบวางกระเป๋าและวิ่งมาข้างๆเขา เธอจับตัว เอริค เอาไว้และลานลานเมื่อเธอเห็นเลือดที่ไหลออกมา
“ อะไรกัน…มัน…มันเกิดขึ้นได้ยังไง ? “
ดรูวส์ ที่พยายามห้ามเลือดโดยการกดไปที่แผลอยู่แต่นั่นก็ทำให้กางเกงนอนของเธอชุ่มเลือดไปด้วย เธอเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาโกรธๆให้กับ อนิสตัน – “ นังบ้า โทรเรียกรถพยาบาล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ฉันสาบานว่าจะฆ่าเธอ “
ด้วยการที่กลัวคำขู่ของ ดรูวส์ อนิสตัน รีบวิ่งไปที่โทรศัพท์แล้วโทร 911 ตอนนั้นเอง เวอร์จิเนีย ที่รีบแต่งตัวเองก็ลงมาที่ชั้นล่างและรีบวิ่งมาข้างๆ เอริค
“ ดรูวส์ ปล่อยฉัน ฉันจัดการเอง “
“ ไปให้พ้น นังบ้า ฉันโทษเธอทั้งสองคนนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสองคน เอริค คงไม่เจ็บตัว…”
แม้ว่าเธอจะโดน ดรูวส์ ด่าแต่ เวอร์จิเนีย ไม่คิดเอามาใส่ใจ ยังไงซะเธอก็โตแล้วและไม่รู้ว่าสนสิ่งที่ยัยตัวเล็กนี่พูด – “ดรูวส์ เธอห้ามเลือดด้วยมือไม่ได้หรอก บอกฉันมาว่าชุดปฐมพยาบาลอยู่ไหน ? “
“ ฉันรู้แค่ว่ามีอันหนึ่งอยู่ในตู้ที่ห้อง เอริค “ – ดรูวส์ พูดขึ้นโดยไม่ลังเลและมอง เวอร์จิเนีย ที่วิ่งขึ้นไปชั้นบน
“ พวกเขาบอกว่าเราต้องให้เขานอนราบกับพื้น…”- อนิสตัน พูดขึ้นมาตอนที่เห็น ดรูวส์ คุกเข่าลงกับพื้นโดยมี เอริค ที่ถูกเธอพยุงหัวไว้
ดรูวส์ มองไปที่ อนิสตัน อย่างเย็นขา เธอทำแบบที่อีกฝ่ายพูด เธอค่อยๆวาง เอริค ราบไปกับพื้น ส่วนเธอยังคงคุกเข่ากดไปที่แผลบนหน้าผาก
เมื่อเห็น ดรูวส์ อนิสตัน ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจ เธอเป็นแฟนของ เอริค ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ได้ มันเหมือนกับเธอเป็นคนนอกเลย
เมื่อเห็นว่า ดรูวส์ หงุดหงิด อนิสตัน ก็กลัวขึ้นมา เธอรู้ว่าถ้าเธอเข้าไปใกล้ เอริค ดรูวส์ คงจัดการเธอแน่
ไม่นาน เวอร์จิเนีย ก็กลับมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล – “ ดรูวส์ ให้ฉันทำเอง ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง “
ดรูวส์ ถอยออกมาเล็กน้อยและมองไปที่ เวอร์จิเนีย ที่ห้ามเลือดและกดแผล ดรูวส์ มองไปที่ อนิสตัน ที่ยืนอยู่ข้างๆ – “ ไม่ใช่เธอบอกว่าจะไปเหรอ ไปสิ แล้วก็ไม่ต้องมาเจอเขาอีก “
“ ฉัน…” – ในที่สุด อนิสตัน ก็ได้สติและพูดออกไปโกรธๆ – “ ฉันเป็นแฟนของ เอริค เธอคิดว่าเธอเป็นใครมาสั่งฉันได้ ? เธอก็แค่สัตว์เลี้ยงของเขา ! “
ดรูวส์ ฮึดฮัดและเถียงกลับ – “ อย่างน้อยฉันก็ไม่โง่เหมือนเธอและทำไมเธอต้องทำตัวราวกับว่าตัวเองถูกต้องตลอด “
“ เธอมันโง่ “- อนิสตัน พูดออกมาด้วยความโกรธและชี้ไปที่ เวอร์จิเนีย ก่อนจะพูดขึ้นมา – “ ฉันเป็นแฟนของเขา ไม่ใช่ว่าฉันต้องโกรธเหรอที่เขานอนกับคนอื่น “
“ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม มันผิดอะไรที่เขาจะมีผู้หญิงหลายคน ?”
เวอร์จิเนีย ที่ปิดแผลเสร็จได้เช็คชีพจรของ เอริค จากนั้นเธอก็ใจเย็นลงได้ เมื่อฟังที่ทั้งสองเถียงกัน เวอร์จิเนีย ที่กำลังจะหยุดทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้นมา
“ รถพยาบาลมาแล้ว “ – อนิสตัน กระซิบและ ดรูวส์ ก็ลืมเรื่องที่ทะเลาะไปตะกี้ทันทีก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตู
ในตอนที่รถพยาบาลขับเข้ามาในบ้าน เวอร์จิเนีย ก็ลุกขึ้นแล้วไปซ่อนที่ชั้นบน เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ยังไงซะความสัมพันธ์กับ เอริค ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาให้คนอื่นรู้ ในตอนที่ อนิสตัน เห็นแบบนั้น เธอก็ต้องการที่จะไปซ่อนด้วยแต่เมื่อเธอเห็น ดรูวส์ ที่โบกมือไปมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุรุษพยาบาล เธอก็รู้ว่ามันสายไปแล้วที่จะซ่อน
บุรุษพยาบาลได้ทำการเย็บแผลง่ายๆให้แต่ เอริค ยังคงนิ่งไม่ได้ตื่นขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงเอา เอริค เข้าไปในรถ
อนิสตัน ที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปเห็น ดรูวส์ ขึ้นไปในรถพยาบาล ดังนั้นเธอจึงรีบตามไปด้วย จากนั้นรถก็ได้ขับออกไปก่อนจะรีบไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หนึ่งในนักข่าวที่รออยู่นอกบ้าน เอริค รู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เขาจึงรีบกลับมาที่รถและขับตามรถพยาบาลออกไปทันที
ไม่ถึงชั่วโมงข่าวที่ว่า เอริค อยู่ในอาการโคม่าก็ได้ดังไปทั่วในทุกสื่อใน LA
“ ข่าวด่วน เช้านี้ผู้กำกับหนุ่ม เอริควิลเลียม ได้ตกลงจากบันไดที่บ้านตัวเองและยังคงไม่ได้สติ มาดูกันว่านักข่าวที่หน้าโรงพยาบาลจะได้อะไรเพิ่มเติม” – จอทีวีได้เปลี่ยนฉากมาที่หน้าโรงพยาบาลที่ซึ่งมีนักข่าว 40-50 คนที่เกือบปิดทางเข้าโรงพยาบาลเอาไว้ล้อมรอบ อัลปาชิโน ในตอนที่เขาลงจากรถ
นักข่าวสาวผมบลอนด์ที่ยืนอยู่หน้ากล้องพร้อมกับถือไมค์ได้พูดขึ้นมา – เอริค ยังคงอยู่ในอาการโคม่ามากว่า 3 ชม. ตามข่าวที่เปิดเผยมาตอนนี้ หลัง,ศอกและเข่าของ เอริค มีการบาดเจ็บระดับหนึ่งแต่ส่วนที่หนักที่สุดคือที่หน้าผากของเขาที่เกิดขึ้นจากการกระแทกอย่างแรกตอนที่เขาตกลงมาที่พ้นจนทำให้เสียเลือดไปจำนวนมาก ยังไม่ชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บนี้จะส่งผลร้ายแรงหรือไม่ ยังไงซะการบาดเจ็บทางสมองก็อาจจะเกิดขึ้นได้…”
—- —-
ด้านในโรงพยาบาล เจฟฟี่ และ คาปัวร์ ที่มาถึงก่อนอีกทั้งยัง อัล, ทอมแฮงค์ และผู้กับกับเรื่อง The Others และ Scent of a Woman ได้เดินเข้าไปสมทบเพื่อฟังข่าวจากหมอ
หลังจากที่ทำการทดสอบมากมาย ในที่สุด เอริค ก็ถูกพาเข้าห้องและคนที่รอเขาอยู่ตอนนี้ต่างก็ไปรอยอู่ด้านหน้าห้องเพื่อรอการวินิจฉัยของหมอ
“ ผลของการ MRI ได้แสดงว่า คุณวิลเลียม ไม่ได้มีกะโหลกร้าวและเขาไม่ได้มีเลือดออกในสมอง ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวล “
“ หมอดันแคน เขาจะตื่นตอนไหน ?” – ดรูวส์ ที่ซึ่งยืนอยู่หน้าสุดรีบถามออกมา
หมอลังเลและพูดขึ้นมา – “ เขาน่าจะตื่นในอีก 8 ชม. “
ดรูวส์ มองเห็นความลังเลของหมอและพูดขึ้นมา – “ หมอ คุณไม่แน่ใจงั้นเหรอ ? “
หมอลังเลและพยักหน้าตอบรับ
“ เป็นแบบนั้นได้ยังไง ? คุณเป็นหมอนะ คุณจะไม่แน่ใจได้ไง ? นี่คุณเป็นหมอที่เก่งที่สุดที่นี่รึเปล่า ? “- ดรูวส์ ตะคอกใส่อีกฝ่าย
เจฟฟี่ พยายามควบคุมสถานการณ์และพูดขึ้นมา – “ ดรูวส์ อย่าหยาบคาย “
หมอดันแคน มองอย่างใจเย็นไปที่เด็กสาวบ้าคลั่งที่ซึ่งตอนนี้ยังใส่กางเกงเปื้อนเลือดอยู่และอธิบายออกมา – “ คุณแบรี่มอร์ ตามประสบการณ์ของฉัน คนที่มีการบาดเจ็บเท่ากับ คุณวิลเลียม จะตื่นขึ้นมาแล้วแต่โชคร้ายที่เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาตามปกติ ฉันเองเลยให้คำตอบที่แม่นยำไม่ได้ ที่เราทำได้ตอนนี้คือรอ “
“ ไม่ ฉันอยากย้ายเขา ฉันจะไปที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดใน LA ฉัน…” – ดรูวส์ สั่งออกมาอย่างหงุดหงิด
เจฟฟี่ ที่พยายามทำให้เธอใจเย็นได้จับไหล่ของเธอและพูดขึ้นมา – “ ดรูวส์ หยุดได้แล้ว นี่คือโรงพยาบาลที่ดีที่สุดใน LA “
หมอเองก็พยายามสงบสถานการณ์และพูดขึ้นมา – “ บางทีเธอควรจะพูดกับคนไข้ เขาอาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้ “
ในตอนที่ ดรูวส์ ได้ยินแบบบนั้น เธอก็หันกลับมาและวิ่งไปที่ห้อง ดรูวส์ ในตอนที่เธอหายไป เจฟฟี่ ก็ได้ถามหมอ – “ หมอ วิธีนี้มันจะได้ผลเหรอ ?”
หมอยิ้มแห้งๆออกมาและพูดขึ้น – “ ฉันแค่อยากให้เธอใจเย็นลง อารมณ์ของเธอไม่มั่นคง เธออาจจะทรุดไปเองหากเธอไม่ใจเย็น “
—- —-
ในตอนที่ออกจากห้องทำงานหมอและมายังห้อง เอริค พวกเขาก็พบว่า ดรูวส์ นอนอยู่ข้างๆเขาและกระซิบที่หู เอริค ไม่มีใครรู้ว่าเธอพูดอะไรแต่พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ พวกเขาทำได้แค่มองจากด้านนอกห้อง
อัล กับ ทอมแฮงค์ ที่อยากเดินเข้าไปแต่เมื่อเห็นฉากนั้น พวกเขาก็ถอยกลับมาทันที
เจฟฟี่ ที่แก่ที่สุดได้พูดขึ้นมา – “ ทุกคนควรกลับไปก่อน มันไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ ฉันกับ คาปัวร์ จะโทรหาถ้ามีอะไรเกิดขึ้น “
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันกลับยกเว้นแค่ อนิสตัน ที่ปฏิเสธที่จะกลับ เธอเองก็ต้องการเข้าไปหา เอริค แต่เธอกลัวสีหน้าบ้าคลั่งของ ดรูวส์ ที่มองมาที่เธอ
—- —-
8 ชม.ต่อมา เอริค ก็ยังไม่ได้มีสัญญาณว่าจะรู้สึกตัว ดรูวส์ ที่ซึ่งกำลังจะบ้าได้ระบายความโกรธทั้งหมดที่มีใส่ อนิสตัน และตอน 5 ทุ่ม ดรูวส์ ก็ได้ทะเลาะกับ อนิสตันและจบลงด้วยการที่มีรอยข่วนที่คอสองรอยและที่แขนหนึ่งรอยแต่สุดท้ายเธอก็โดน เจฟฟี่ และ คาปัวร์ ดึงออกมา
—- —-
ตอนกลางคืน ผู้บริหารของ Fox แบรี่ดิลเลอร์ และ เอมี่ปาสคาล จาก Columbia ที่ซึ่งอดทนไม่ไหวได้มาที่โรงพยาบาล พวกเขาถูกหยุดไว้โดยนักข่าวแต่พวกเขาก็โดนพาตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยพวกยาม
พวกเขาไปที่ห้องของ เอริค และจากนั้นก็ไปคุยกับ เจฟฟี่ เพื่อคุยเรื่องอาการ เอริค อีกครั้ง
“ หมอ มีโอกาสเป็นไปได้อะไรมั้ยที่เขาอยู่ในอาการโคม่า ? “ – หลังจากที่ฟังคำอธิบายของ ดันแคน ในที่สุด แบรี่ ก็ได้ถามคำถามที่ทุกคนไม่กล้าถามออกมา
หลังจากที่ลังเลสักพักหมอก็ได้พูดขึ้น – “ มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นแต่….มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ “
โชคดีที่ ดรูวส์ ไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าเธอได้ยินประโยคนี้เข้า เขาสงสัยว่าเธอจะทำยังไงกับเขา
เมื่อได้ยินที่หมอพูด เจฟฟี่ และคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
คนที่กังวลมากที่สุดคือ แบรี่ดิลเลอร์ และ เอมี่ปาสคาล พวกเขาไม่ได้กังวลเรื่อง เอริค แต่พวกเขากังวลเรื่องหนังที่ เอริค กำลังจะทำให้กับ Fox และ Columbia ถ้าหนังเรื่องต่อไปของ เอริค ถูกเลื่อนออกไป…พวกเขาต้องมีปัญหาแน่ๆ
เมื่อพบว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะมากังวลในตอนนี้ แบรี่ และ เอมี่ ก็กลับไปอย่างรวดเร็ว
—- —-
วันต่อมาตอนตี 4 เอริค ที่อยู่ในอาการโคม่ามาเกือบ 19 ชม.ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา หลังจากที่หมอตรวจเขาแล้ว เอริค ได้ลูบผมเด็กสาวที่นอนอยู่ข้างๆเขา
ดรูวส์ ไม่ได้ออกจากข้างตัวเขาเลยตลอดวัน เธอหลับไปทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา
“ เอริค นายพักเถอะ ฉันจะพา ดรูวส์ ไปนอนอีกห้องดีมั้ย ?” – เจฟฟี่ พูดขึ้นหลังจากที่หมอออกจากห้องไป เจฟฟี่ และ คาปัวร์ เองก็อยู่นั่งอยู่ในห้องนี้ทั้งคืน
“ ไม่ ปล่อยเธอไว้เถอะ “ – เอริค พูดขึ้นแล้วดึงเธอมานอนข้างๆเขา จากนั้นก็หันไปหา อนิสตัน ที่ยืนอยู่ข้างประตูแล้วพูดขึ้นมา – “ เจนนี่ มานี่ “
อนิสตัน ได้เดินมาอย่างเชื่อฟังและพูดขึ้นมา – “ เอริค เพราะ…เพราะนายฟื้นแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อน “
เอริค กลัวว่าเธอจะหนีไปก็ได้รีบคว้ามือของเธอไว้และพูดขึ้น – “ เจน ได้โปรด อย่าไป “
คาปัวร์ ที่ซึ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็รีบพูดกับ เจฟฟี่ – “ ไปโทรหาคนอื่นกันเถอะ พวกเขาคงกังวลมากๆ “
หลังจากที่ประตูห้องปิดลง อนิสตัน ก็ผ่อนคลายและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง
เอริค จับที่รอยแดงที่คอของเธอด้วยความสงสัย – “ นี่มัน….”
อนิสตัน มองไปที่ ดรูวส์ ที่นอนอยู่ข้างๆเขาก่อนจะพูดขึ้น – “ ตอนที่นายยังไม่ฟื้น….ดรูวส์ จู่โจมฉัน เธอบอกว่าเธอจะฆ่าฉันถ้านายไม่ฟื้น “
“ โอ้ เธอไม่ทำหรอก “ – เอริค ยื่นมือออกมาลูบหน้า อนิสตัน
“ ไม่ เธอทำแน่ “ – อนิสตัน พูดขึ้นแล้วปัดมือ เอริค – “ ฉันคิดว่า… เราควรเลิกกัน บางที…บางที ดรูวส์ อาจจะดีกับนายกว่า “
“ ฉันคิดกับ ดรูวส์ แค่น้องสาว “
อนิสตัน ไม่ได้สนเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอกลับพูดขึ้นมา – “ ฉัน…ฉันทนเห็นนายช่วยพวกเธอไม่ได้ เอริค ตอนที่ฉันอยู่นิวยอร์ค ฉันอ่านสิ่งที่หนังสือพิมพ์เขียน เพื่อปลอบใจตัวเอง ฉันทำท่าว่ามันเป็นแค่ข่าวที่แต่งขึ้นมาแต่ที่ฉันเห็นเมื่อวานตอนเช้า มันทำให้ฉันโกหกตัวเองไม่ได้อีก มันคือความจริงทั้งหมด ฉันแค่ทนมันไม่ได้ ดังนั้น…นายช่วยปล่อยฉันไปได้มั้ย ? “
เอริค จับมือ อนิสตัน แน่น แล้วพูดขึ้นมา – “ ลืมไปเลย เจน อย่าคุยเรื่องนี้ตอนนี้ ฉันว่าจะทำรายการทีวีและฉันต้องการให้เธอมาเล่นบทหลัก ? ฉันสัญญาว่ารายการนี้จะทำให้เธอดังยิ่งกว่าดาราหนังอีก “
เธอพยายามดึงมือออกแต่ก็ทำไม่ได้ – “ ฉันไม่ต้องการที่จะ …”
“ ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่เหมาะไปกว่าเธอ เจนนี่ เธอไม่อยากให้ฉันทำการออดิชันไม่ใช่รึไง ? มันจะมีสาวๆมากมายรายล้อมฉันและเธอก็รู้ว่าจิตใจฉันอ่อนแอ “
“ นาย ! “
“ งั้นก็ตกลงตามนี้ “
“ ฉัน ….”
อนิสตัน นั้นดื้อด้านแต่ด้วยคำยืนกรานของ เอริค และความต้องการที่ไม่มีเหตุผล อนิสตัน ก็ตกลง เธอไม่รู้ว่าได้ยังไงแต่อยู่ๆเธอก็พบว่าเธอได้มานอนอยู่อีกข้างของ เอริค เหมือนกับ ดรูวส์ เธออยู่ที่นั่นมาทั้งคืนและเธอก็หลับลงไปอย่างรวดเร็ว
—- —-
แม้ว่า เอริค จะฟื้นขึ้นมาแล้วแต่เพราะเขาฟื้นขึ้นมาตอนดึก หนังสือพิมพ์จึงถูกพิมพ์ออกไปแล้ว
ตอนเช้าข่าวที่ว่า เอริค อยู่ในอาการโคม่ายังคงตีพิมพ์ออกมาอยู่
“ คุณวิลเลียม ได้รับอุบัติเหตุ มันอาจทำให้หนังเรื่องใหม่ของเขา Running Out of Time ปิดตัวลงซึ่งอาจทำให้ Columbia ได้เสียข้อต่อรองไป “
“ ตามแหล่งข่าวภายใน วิลเลียม ที่หมดสติไปนานอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เมื่อมันเกิดขึ้นจริง สัญญาหนังที่เซ็นไว้กับ 20th Century Fox และ Columbia จะถูกยกเลิกและการพัฒนาของ Firefly ก็จะต้องเจอกับความไม่แน่นอนในอนาคต”
ข่าวแบบนี้เล็งมาที่สองบริษัท ดังนั้นรายการทีวีของ Fox จึงรีบปล่อยข่าวว่า เอริค ไม่ได้หมดสติอีกต่อไปแล้ว หัวข้อก่อนหน้านี้จึงกลายเป็นแค่เศษกระดาษ แม้ว่า Columbia กับ Fox จะมีหุ้นที่ลดลงในช่วงเวลาสั้นๆหลังจากที่เปิดตลาดในตอนเช้าแต่เมื่อข่าวนี้ถูกลบล้างไป ทุกอย่างก็กลับมามั่นคงดังเดิม
ในเวลาเดียวกันบางหนังสือพิมพ์ก็โฟกัสไปที่อีกเรื่อง พวกเขาได้ดึงความสนใจของผู้อ่านได้จำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่นหัวข้อใน Los Angeles Times ที่เขียนเรื่อง ‘ อย่างที่ทุกคนรู้ เอริค นั้นยังไม่มีญาติ แม้ว่าดาราเด็ก ดรูวส์แบรี่มอร์ จะสนิทกับเขาแต่ทั้งสองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด เธอจึงไม่ได้มีสิทธิในการรับมรดรกของเขาและบอกกันว่า เอริค ไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับเขา ทรัพย์สินของเขากว่าร้อยล้านจะไม่ได้รับการส่งต่อและมันมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะถูกยึดเข้ารัฐบาล “
—- —-
ในโรงพยาบาลแม้ว่า เอริค จะรู้สึกว่าเขาฟื้นขึ้นมาเต็มที่แล้วแต่หมอก็แนะนำให้เขาอยู่โรงพยาบาลต่อ
เมื่อมองไปที่หัวข้อบนหนังสือพิมพ์ เอริค ก็ได้ยิ้มและพูดกับ ดรูวส์ ที่นั่งอยู่ข้างๆเขา – “ บางทีฉันน่าจะทำพินัยกรรม ดรูวส์ เธอต้องการเท่าไหร่ ? “
“ นายลืมแล้วรึไงว่าเราคุยกันแล้วตอนถ่าย 17 Again ? แน่นอนว่าฉันต้องการทุกอย่าง “- ดรูวส์ พูดขึ้นแล้วมองไปที่นิตยาสาร
“ หือ…ฉันคิดว่าเธอบอกว่าเธอไม่ต้องการเงิน ตราบใดที่อยู่กับฉันนิแต่จริงๆแล้วเธอต้องการสมบัติฉันใช่มั้ย? ว๊าว เจ็บใจจริงๆ “
“ ฮึ่ม ! “
—- —-
ในตอนที่ เอริค ทนรับความเบื่อในโรงพยาบาล ไม่ไกลออกไปที่อังกฤษ นักข่าวอังกฤษได้พบอีกเรื่อง พ่อของ เอริค ตายไปแล้วแต่ตัวตนของแม่ยังคงเป็นปริศนา การค้นพบนี้ทำให้นักข่าวหลายคนตื่นเต้นกันอย่างมาก ถ้าพวกเขาหาตัวแม่ เอริค ได้ งั้นมันคงเป็นเรื่องราวที่ดังแน่ๆ
ในฐานะจุดกำเนิดของนักข่าวบันเทิง นักข่าวอังกฤษนั้นเก่งเรื่องการขุดคุ้ย ไม่นานพวกเขาก็พบว่าเขาอยู่ที่ไหนในลอนดอนตอนยังเด็กและเมื่อนักข่าวไปที่บ้านเก่าของเขา พวกนั้นก็เจอเบาะแสบางอย่าง
“ ผู้หญิงคนนั้นลึกลับมากๆ…”
“ ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอข้างนอก เธอก็แค่ใส่ชุดบางๆ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน…. “
“ ฉันคิดว่าเธอคงเป็นคนรวยแต่หลังจากที่คลอดเด็กแล้วเธอก็หายไป …”
หลังจากที่ใช้ความพยายามอย่างมาก สื่ออังกฤษก็พบข้อมูลเพียงเท่านี้ ในอีกคำพูดคือไม่มีใครจำแม่ของ เอริค ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงแต่งเรื่องรักระหว่างเด็กสาวจากครอบครัวชั้นสูงกับคนธรรมดาขึ้นมา
ข่าวที่แต่งขึ้นมานี้ไม่นานก็ดังมาถึงอเมริกา เมื่อ เอริค เห็นข่าวนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
มันดีที่สุดที่เธอจะอยู่ลึกลับไปตลอดกาลเพราะถ้าแม่ของเจ้าของร่างนี้โผล่มาตรงหน้าเขา เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับอีกฝ่ายยังไง
หลังจากวันโกหกแห่งชาติผ่านไป เอริค ก็ได้เข้าตรวจอีกรอบซึ่งเขาก็ผ่านมันได้ด้วยดีและชัดแล้วว่าเขาต้องการออกจากโรงพยาบาล
ด้วยพายุลูกนี้ที่ผ่านพ้นไป การถ่ายหนัง Running Out of Time ก็ได้กลับเข้าสู่เส้นทางอีกครั้ง