I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 155
SC:บทที่ 155 แผนการของ ฮวาเจี้ย
หลังจากฟังคําอธิบายของฮวาเจี้ย สายตาของหลินเฉิงครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ถามคุณว่า “ ผู้ควบคุมสัตว์แล้วมันเกี่ยวข้องกับแมลงตัวนี้อย่างไร?”
หลินเฉิง ยังคงถามเธอพร้อมทั้งใบมีดที่ยังคงวางไว้บนคอ หญิงสาวพยายามอธิบายว่า
“แม้ว่าจะเรียกว่าผู้คุมสัตว์แต่ไม่ว่าจะเป็นนกหรือสัตว์ทุกชนิด หรือแม้แต่ผีเสื้อ แม้แต่แมลงก็จะรับฟังคําสั่งของเขา และด้วงดําตัวนี้คือเครื่องมือสื่อสารกับท่านจิว..”
“อืม..”
หลินเฉิง พยักหน้าเชิงบอกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นถามขึ้นว่า
“ท่านจิวยังคงอาศัยอยู่ที่สวนสัตว์หรือเปล่า?”
“ถูกต้อง!ตอนนี้ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองผู้รอดชีวิตหลายคนต้องการหลบภัยที่นั่นและไม่มีใครกล้าที่จะต่อสู้กับท่านจิวเลย!”
เมื่อได้ยินคําถาม ฮวาเจี้ย ตอบอยากกระตือรือร้น
เมื่อมองเห็นหญิงสาวพูดอย่างภาคภูมิใจ หลินเฉิงยิ้มกว้างและพูดขึ้นว่า
“อย่างนั้นหรอ.ตอนนี้ฉันได้ฆ่าแมลงตัวนี้ไปแล้วท่านจิวของเธอคงไม่มีโอกาสที่จะได้มาช่วย!”
“ อา-”
เมื่อเห็นท่าทีของหลินเฉิงไม่แยแสสิ่งใด ฮวาเจี้ยยิ้มเยาะและพูดว่า
“ในตอนที่สุนัขของนายได้ฆ่าด้วงดํา ท่านจิวจะได้รับข้อความทันที! แม้ว่าเขาจะไม่รู้ แต่กลิ่นอายของสุนัขตัวนี้ถูกจดจําในจิตใจของนกและสัตว์ต่างๆในเมือง เว้นเสียแต่ว่านายจะยอมทอดทิ้ง สุนัขตัวนี้แล้วรีบหนีออกไปจากกวนโจว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่นายจะหนีไปได้”
เมื่อได้ยิน สิ่งนี้ใบหน้าของหลินเฉิงหมองคล้ํา จากข้อมูลที่ได้รับจากฮวาเจี้ย เขาได้รู้ว่าท่านจิวคือความภาคภูมิใจของเมืองกวนโจวและทรงพลังที่สุด และตอนนี้เขาได้จดจํากลิ่นอายของโคล่าเอาไว้แล้ว เขาคาดว่าอีกไม่นานท่านจิวจะต้องติดตามมันอย่างแน่นอน
“มันเป็นปัญหาจริงๆ”
หลินเฉิง พึมพําออกมา จากนั้นหันไปมองหญิงสาว และพูดขึ้นว่า
“พี่สาวเธอแน่ใจได้ยังไงว่าสุนัขของฉันและฉันจะต้องตาย!” หลินเฉิงยิ้ม
“ มันเป็นเรื่องที่แน่นอน!”
ฮวาเจี้ยกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
“ฉันต้องขอยอมรับว่านายยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ไม่รู้ว่านายจะแข็งแกร่งเท่าไหร่นายก็มีเพียงแค่สุนัข 1 ตัวกับเด็กผู้หญิงอีก 1 คน! แต่ท่านจิวมีสัตว์ทั้งเมืองที่คอยช่วยเหลือเขาและคนที่มีพลังนับไม่ถ้วนที่อยู่เคียงข้างเขา ดังนั้นนายไม่มีทางที่จะชนะ!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แววตาของฮวาเจี้ยส่องประกาย และพูดว่า
“แต่ฉันมีวิธีที่ทําให้นายและสุนัขของนายรอดชีวิตได้!”
หลินเฉิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า
“เธอกําลังจะช่วยฉันอย่างนั้นหรอ เพื่ออะไร?”
ฮวาเจี้ยรีบโบกมือแล้วพูดว่า
“ ฉันจะมีวิธีช่วยอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของนาย แต่แน่นอนว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นจะต้อง…”
“โอ้…”
หลินเฉิงแสดงสีหน้าตกตะลึงจากนั้นมองฮวาเจี้ยได้ความสนใจและถามขึ้นว่า
“งั้นบอกฉันสิว่าพวกเราจะรอดได้ยังไง”
“มันง่ายมาก! ฉันจะแนะนํานายให้รู้จักกับท่านท่านจิวและอธิบายว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันคิดว่าท่านจิวจะไม่โทษนาย และในทางกลับกันนายก็จะเป็นผู้ช่วยฉันเพื่อจัดทีมผู้มีพลังขึ้นมาใหม่ และเด็กผู้หญิงคนนั้นจะเป็นยังไงต่อไปนายคงจะรู้”
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงให้ความสนใจกับข้อเสนอนี้ ฮวาเจี้ยขยับคอของตัวเองออกจากใบมีดเล็กน้อย เธอตื่นเต้นมากที่จะพูดแผนการของตัวเอง
เมื่อเห็นหญิงสาวทําท่าตื่นเต้นรอยยิ้มของหลินเฉิงค่อยๆหายไป หลินเฉิงเก็บมีดออกจากคอของหญิงสาว แต่ใช้มือบีบแทน
“ขอบคุณสําหรับความคิดของเธอแต่ฉันค่อนข้างเป็นคนที่ผิดปกติ ฉันไม่ชอบอะไรที่ง่ายๆแบบนี้ แต่ความกล้าหาญของเธอนั้นยิ่งใหญ่มากสามารถคิดใช้คนรอบตัวได้อย่างง่ายดาย เธอเหมาะที่จะเป็นตัวละครเอกหญิงจริงๆ!”
หลังจากที่ได้ยินแผนของฮวาเจี้ยแล้ว หลินเฉิงก็ไม่เหลือความนุ่มนวลบนใบหน้าอีกต่อไป เขาแสดงใบหน้าเย็นชาในขณะที่พูดกับเธอ
ทันใดนั้นหลินเฉิงก็บีบคอของฮวาเจี้ยแน่น ฮวาเจี้ยได้แต่ดิ้นรนและพยายามใช้มือของเธอขัดขืน แต่เธอไม่สามารถฉีกชุดป้องกันระดับD ซึ่งตอนนี้มีลักษณะเป็นเพียงเสื้อกันลมบนร่างกายของเขาเท่านั้น
สักครู่ต่อมา
ฮวาเจี้ย ผู้เคยแสดงความปรารถนาต่อหยูซานฟองเต็มปาก และตกอยู่ในอาการโคม่า เมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้หมดสติไป หลินเฉิงยิ้มอย่างรังเกียจและโยนเธอลงกับพื้น
จากนั้น หลินเฉิง นําแคปซูลจัดเก็บออกมา และกวาดเก็บของทุกอย่างในห้องนี้เข้าสู่แคปซูล ทําให้ห้องนี้กลายเป็นห้องว่างอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หลินเฉิงต้องมองไปรอบๆและพบว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถเอาไปได้อีก เขาจึงเดินกลับไปยังห้องนอนของฮวาเจี้ยพร้อมกับโคล่า
เพียงเข้าไปในห้อง หลินเฉิงก็เห็นว่าหยูซานตัวสั่นและคุกเข่าอยู่ข้างเทียนเก๋อ ในขณะที่มีดค้างอยู่ในอากาศ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หยูซานเงยหน้าขึ้นมองและพบกับโคล่าเธอรีบลุกขึ้น และร้องไห้อย่างวิงวอน
“หลิน..พี่หลินฉัน…ฉันทําไม่ได้จริงๆ..ทําไม่ได้”
หลินเฉิง เดินไปด้านในและดึงเก้าอี้มานั่งพร้อมกับจุดบุหรี่จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“ ถ้าอย่างนั้น ก่อนอื่นเธอบอกฉันได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น?”
เธอรู้สึกถึงน้ําเสียงของหลินเฉิงค่อนข้างผิดปกติ หยูซานรีบเช็ดน้ําตาแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ไมันเป็นแค่มันแค่…”
“ หืม? รอยเท้าที่อยู่บนร่างของเธอน่าจะ ถูกเตะโดยชายคนนี้ใช่ไหม แล้วตอนนี้เธอกําลังทําอะไรอยู่? ถูกลาโง่เตะหัวเอาหรอถึงลืมความเจ็บปวดก่อนหน้านี้?”
เมื่อเห็นว่าความอ่อนโยนที่หลินเฉิงมอบให้กับหยูซาน ก่อนหน้านี้ไม่ได้ผลดังนั้นเขาจึงเริ่มเยาะเย้ยดูถูกถากถางเธอ
“ถึงแม้ว่าเขาจะทุบตีฉันแต่ว่าเขาไม่ได้ฆ่าฉันเฉัน…ฉันเองก็ไม่ควรทําเช่นกัน”
ร่างของหยูซานสั่นเทา เมื่อได้ยินคําพูดของหยูซาน หลินเฉิงแทบอยากจะยิ้มทั้งน้ําตา
“ฉันให้เวลา 1 นาที หากทําไม่ได้ ก็ลาก่อน ฉันไม่ต้องการคนอ่อนแอ!”
หลังจากพูดจบ หลินเฉิงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นและนับเวลาถอยหลัง!
เมื่อพบว่าหลินเฉิงยังคงยืนยันเรื่องนั้น หยูซานรู้สึกตื่นตระหนก ร่างกายของเธอสั่นเทาและร้องให้ หลินเฉิงที่เฝ้าดูอยู่นั้นรู้สึกรําคาญ สิ่งที่เขารําคาญที่สุดก็คือเห็นผู้หญิงร้องไห้
และเพื่อไม่ให้โดนทอดทิ้งจากหลินเฉิง หยูซานเรียกความกล้าหาญของเธอขึ้นมาและถือมีดจอดที่ลําคอของเทียนเก๋อ ก่อนที่จะกดลงไป
ซิ้ง!
ก่อนที่เธอจะทันลงมือก็ได้ยินเสียงคุณเคยดังเข้ามาในหูของเธอ ในเวลาเดียวกัน โคล่าเปลี่ยนร่างอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปด้านหลังของหยูซาน!
ปัง!
“อรุ้ง”
มีเสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงครวญครางของโคล่า หลินเฉิงลุกขึ้นทันทีและมองเห็น ฮวาเจี้ยถือปืนพกปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของหยูซาน!