I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 140
SC-บทที่ 140 อุ้งตีนหมีย่าง
“ซ่า ซ่า..”
ภายในป่าทึบเสียงลมพัดผ่านใบไม้ราวกับคนกระซิบกัน หลินเฉิง เดินไปด้านหน้าพร้อมกับถือดาบดําในมือเขาควงและสับกิ่งไม้เป็นครั้งคราวเพื่อเปิดเส้นทาง
อุณหภูมิในวันนี้ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกว่าเมื่อ 2-3 วันก่อน ทุกอย่างดูเหมือนจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเสียงนกและแมลงดังอยู่ตลอดเส้นทางตั้งแต่ออกเดินทาง
เขาเดินไปตามถนนบนภูเขา ซึ่งเต็มไปด้วยโคลนเหลวตลอดทั้งวัน สําหรับ หลินเฉิง และโคล่าไม่รู้สึกอะไรแต่ หยูซาน เหน็ดเหนื่อยและเหงื่อแตกพลัก
หลินเฉิง ไม่คิดจะรอเธอเพราะตอนนี้พวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับตัวกินคน ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถติดตามจังหวะการเดินทางของเขาได้เขาคงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าควรพาเธอไปด้วยหรือไม่
ครึ่งชั่วโมงต่อมาการเดินทางยังคงดําเนินไปอย่างเงียบๆ พวกเขาเดินทางมาถึงลานกว้างแห่งหนึ่งและได้ยินเสียง
“คร่องก คร่อก” มาจากด้านหลัง หลินเฉิง มองนาฬิกาและเห็นว่าตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้วดังนั้นเขาจึงส่งสัญญาณให้หยุด
“เอาล่ะพักกินข้าวที่นี่ เธอทําอาหารเป็นไหม?”
หลินเฉิง นั่งลงกับพื้นในขณะที่หยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มและหันไปหา หยูซานเพื่อถามคําถาม
“ทําได้เพี่หลินพี่ต้องการกินอะไร?”
หยูซาน ยังคงเหนื่อยหอบเธอรีบพยักหน้าและพูดอย่างรวดเร็ว หลินเฉิง ใช้ความคิดอยู่สักครู่ จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายและพูดขึ้นมาว่า
“อุ้งตีนหมีทําเป็นไหม?”
หลินเฉิง ดึงอุ้งตีนหมีที่ห่อด้วยผ้าหยาบในกระเป๋าปืนเขามอบให้กับ หยูซาน และพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“ฉันมีสิ่งนี้แต่จัดการกับมันไม่เป็นมันทําความสะอาดยากเกินไป!”
อุ้มตีนหมีนี้ถูกตัดจากหมีดํา ชายชราได้นําหมีดํามาให้เขาที่บ้านหิน จากนั้น หลินเฉิง ก็ใช้เวลายามค่ำคืนผ่ามันอย่างรวดเร็วและเอาเนื้อทั้งหมดที่สามารถกินได้เก็บไว้ในแคปซูลจัดเก็บ และเขาเก็บกุ้งตีนหมีเอาไว้เพื่อที่จะทํากินก่อนแต่พบว่าไม่รู้ว่าจะทํากินอย่างไร
เมื่อมองดูอุ้งตีนหมีที่ หลินเฉิง มอบให้ หยูซาน ใช้เวลาคิดซัก 2-3 วินาทีจากนั้นพยักหน้าและพูดว่า
“ตกลงชาวบ้านแบบพวกเราอาศัยอยู่ในภูเขามาชั่วอายุคน ดังนั้นฉันจึงเคยเห็นพ่อของฉันทํามาก่อน”
จากนั้น หยูซานก็เก็บฟื้นแห้งอย่างชํานาญ และจุดไฟจากนั้นขุดหลุม สักพักต่อมาเธอก็เอาน้ำเทลงไปบนโคลนและค่อยๆกวน
หลังจากที่ดินถูกผสมอย่างสม่ำเสมอเธอก็เอามาทาบนอุ้งตีนหมีและโยนลงไปในกองไฟ
เมื่อเห็นอุ้งตีนหมีถูกโยนลงไปในกองไฟใบหน้าของ หลินเฉิง สับสน หยูซาน รีบยิ้มและพูดว่า
“ขนบนอุ้มตีนหมีนั้นกําจัดได้ยาก แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพมาก อา…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยูซาน ดูเหมือนจะนึกอะไรได้บ้างอย่างเธอรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า
“หลังจากนี้ต้องเอาอุ้งตีนหมีไปต้ม แต่ตอนนี้เราไม่มีหม้อ?”
เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของ หยูซาน หลินเฉิง หัวเราะและพูดว่า
“ฉันมี!”
จากนั้น หลินเฉิง ก็ทําเป็นหยิบหม้อเล็กๆออกมาจากถุงปีนเขาของเขาและส่งให้กับเธอ เมื่อมองเห็นหม้อขนาดเล็กในมือของชายหนุ่ม หยูซาน ได้แต่ตกตะลึง
“พี่…พี่ทําได้ยังไง”
“ไม่ต้องถามมาก รีบทําอาหารเร็วเข้า!”
เมื่อเห็นหน้าตาของ หยูซาน ตกใจ หลินเฉิง โบกมือและไม่ต้องการอธิบายเพิ่มเติม
เมื่อ หยูซาน เห็นได้ชัดเจนว่า หลินเฉิง ไม่ต้องการที่จะอธิบายเธอก็ไม่ถามให้มากกว่าเดิมอีก เมื่อเห็นว่าดินที่พอกอุ้งตีนหมีเหลืองแห้งสนิทแล้วเธอจึงเอามันออกมาจากไฟและเทน้ำลงในหม้อ จากนั้นทําความสะอาดอุ้งตีนหมีที่มีเส้นขนตกค้างและถอดเล็บอย่างระมัดระวัง เห็น หยูซาน มีฝีมือในการทําอาหาร หลินเฉิง รู้ทันทีว่าเขาได้ของดีแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการล่องหนของเธอ เขายังสามารถให้เธอจัดการเรื่องอาหารการกินได้ทุกวันแทนที่เขาจะต้องกินอาหารสําเร็จรูปแทน
เมื่อ หยูซานกําลังเตรียมอาหาร ใบหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งและมอง หลินเฉิง ที่กําลังมองดูตัวเองอย่างคาดหวังจากนั้นพูดอย่างลับๆว่า
“คือว่า…ดูเหมือนว่าเราจะขาดเครื่องปรุง”
หยูซาน โบกมืออีกครั้งและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า
“พูดออกมาว่าเธอต้องการเครื่องปรุงอะไร!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่มั่นใจของ หลินเฉิง หยูซาน ตกตะลึงและมองเขาด้วยใบหน้าแปลกๆ
“พี่พี่เป็นโดราเอมอนหรอ..”
หลินเฉิง ถลึงตาใส่ “ฉันไม่ได้เป็นแมวอ้วนเหยุดพูดไร้สาระไม่งั้นฉันจะตีเธอเพูดออกมาว่าต้องการเครื่องปรุงอะไร!”
“ฮ่าฮ่า”
หยูซาน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อพบว่าชายหนุ่มมีด้านที่ตลกอยู่บ้างจากนั้นเธอรีบพูดว่า
“ต้นหอม ขิง กระเทียม และเหล้าสําหรับทําอาหาร…”
“ เห้ย!”
เมื่อได้ยินเครื่องปรุงเหล่านี้ หลินเฉิง ที่กําลังดื่มน้ำต้องพ่นออกมาทันที เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่นว่า
“คุณผู้หญิง ต้องขอโทษด้วย ถ้าฉันมีต้นหอม ขิง กระเทียมฉันคงไม่ต้องกินมาม่าทุกวัน!”
“แต่… ถ้าปราศจากของเหล่านี้รสชาติของอุ้งตีนหมีจะรสชาติไม่ดีนัก!”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่สามารถนําเครื่องปรุงแบบนี้ออกมาได้ หยูซาน ก็ทําอะไรไม่ถูก
“ไม่เป็นไร!”
หลินเฉิง โบกมือ และพูดว่า
“เธอทําแค่ให้มันสุกและฉันมีแค่เกลือกับซอสในกระเป๋าเท่านั้น ทําให้มันกินได้ก็พอ!”
“ตกลง
หยูซาน พยักหน้าจากนั้นเธอก็ตัดอุ้งตีนหมีออกเป็น 4 ส่วนแล้ววางเอาไว้ในหม้อจากนั้นเทน้ำลงไปและปิดฝา
หลังจากผ่านมาสักพัก หยูซาน ดิบตะเกียบจาก หลินเฉิง เปิดฝาหม้อและลองจิ้มลงไปยังอุ้งตีนหมี เมื่อเธอพบว่ามันสุกแล้วเธอจึงพูดอย่างมีความสุขว่า
“มันสุกแล้ว แต่ว่ามันมีกลิ่นไม่ดีเล็กน้อยอย่าโทษฉันนะ!”
หลินเฉิง โบกมือยางไม่ใส่ใจ
“ไม่เป็นไรฉันแค่อยากจะลองกินอาหาร ที่ไม่เคยกินมาก่อน!”
หลินเฉิง พูดเสร็จเขายื่นมือเข้าไปในหม้อแล้วหยิบชิ้นเนื้อออกมาโรยด้วยเกลือและพริกไทยดําก่อนที่จะกัดลงไปเต็มคํา
“อืม..”
ในขณะที่เคี้ยวอยู่นั้น หลินเฉิง ก็พูดกับ หยูซาน ว่า
“ ไม่เลวเฉันคิดว่าคงเป็นเพราะมันเป็นหมีกลายพันธุ์เนื้อจึงสดและนุ่มมาก!”
“อะไรนะ?”
หยูซานจับมือของ หลินเฉิง ในขณะที่ เขากําลังหยิบอุ้งตีนหมีเข้าไปในปากอีกครั้ง จากนั้น หยูซาน รีบพูดขึ้นมาว่า
“ พี่กล้ากินได้ยังไง?มันเป็นสัตว์กลายพันธุ์และมีแนวโน้มที่จะมีเชื้อไวรัส!”
เมื่อมือของเขาถูกจับด้วยมือของ หยูซาน หลินเฉิงพยายามดึงมือออกและพูดว่า
“ เธอเมาหรือเปล่าเธอก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แล้วทําไมต้องกลัวเปลี่ยนเป็นสัตว์กลายพันธุ์ด้วยล่ะ? สัตว์กลายพันกับซอมบี้นั้นแตกต่างกันมีเพียงซอมบี้เท่านั้นที่มีเชื้อไวรัสในร่างกายดังนั้น เธอจึงสามารถกินได้อย่างสบายใจ!”
หลังจากฟังคําอธิบายของ หลินเฉิง แล้ว หยูซาน ยังคงไม่เชื่อแต่ในขณะเดียวกันท้องของเธอก็ร้องออกมา เธอรู้สึกหิวมากแต่เธอรออยู่สักพักเมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่มีความผิดปกติใดๆเธอจึงกัดฟันและหยิบอุ้งตีนหมีขึ้นมากิน