I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 14
“นอนลงบนเตียงสิ ผมจะได้เริ่มนวดบำบัด” เหย่หลิงเฉินกล่าวด้วยความสง่างามอย่างไร้กังวลในขณะที่เขาไม่สนใจว่าหลินจะรู้สึกเขม่นเขาอย่างไร
“อะ อะไร?? คุณจะให้ฉันนอน..นอนบนเตียงอย่างงั้นเหรอ??” หลินถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ก็ใช่สิ ไม่งั้นผมจะนวดทุยหนา*ให้คุณได้ยังไงถ้าคุณไม่นอนลง” เหย่หลิงเฉินตอบอย่างมีเหตุผล
[*การนวดทุยหนา เชื่อว่าเป็นศาสตร์แรกของการใช้วิธีนวดหรือกดบนตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย (Bodywork) ปรากฏในประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 5,000 ปี ได้รับการบันทึกในคัมภีร์ซูเวิ่น และมีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จากประสบการณ์ของคนยุคก่อน จนมาเป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในปัจจุบัน]
“แต่…นี่คือ…” หลินแสดงอาการเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กังวลทุกสิ่งอย่าง โดยช่างแตกต่างจากลุคเมื่อก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เธอกัดฟันแน่นและกล่าวว่า “ถ้าคุณเป็นพวกต้มตุ๋นล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
เหย่หลิงเฉินเดินตามหลินเข้าไปในห้อง ทั้งห้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางอย่างดี ของในห้องนี้มีไม่มากนัก มีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานที่มีแล็ปท็อปวางอยู่เพียงเท่านั้น
ในห้องมีกลิ่นหอมที่เหมือนกับกลิ่นน้ำหอมที่แผ่ออกมาจากตัวของหลิน ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นห้องของใคร
“เชิญ!” หลินนอนลงและมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยสายตาที่ระมัดระวัง โดยเธอไม่ลืมที่จะพูดเตือนเขาอีกครั้งว่า “อย่าที่จะแตะตัวฉันได้ทุกที่ที่คุณต้องการ และคุณจะต้องหยุดทันทีเมื่อฉันสั่ง!”
เหย่หลิงเฉินพยักหน้าและเดินไปที่ด้านข้างของเตียง
เขาอดยอมรับไม่ได้เลยว่าหลินช่างดูแลตัวเองได้ดีมากจริง ๆ จนไม่สามารถบอกอายุที่แท้จริงของเธอได้
มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกกังวลมากในขณะนี้
‘เธอดูกังวลมาก นี่เธอน่าจะยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม?’
เหย่หลิงเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง อย่างไรก็ตามนี่เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้สูง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างเธอจะทุ่มเทให้กับงานของเธออย่างสุดใจ เธออาจไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใดมาก่อน นับประสาอะไรกับการแต่งงาน
ครู่ต่อมาเหย่หลิงเฉินยกมือขึ้นและยื่นนิ้วชี้ซ้ายของเขาไปกดที่หลังคอของหลิน
ในขณะนี้เห็นได้ชัดว่าหลินรู้สึกประหม่าอย่างมากและร่างกายของเธอก็เริ่มเกร็งเล็กน้อย
แต่ถึงกระนั้นเหย่หลิงเฉินก็ไม่สนใจเธอ เขาก็เริ่มนวดจุดนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
คลื่นของความมึนงงคล้ายกระแสไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นตามจุดทุยหนา
เธอรู้สึกอึดอัดในช่วงแรกและพบว่ามันยากที่จะผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามเธอค่อย ๆ รู้สึกได้ถึงนิ้วของเหย่หลิงเฉินซึ่งดูเหมือนจะร้อนขึ้น เธอรู้สึกราวกับว่าหลังคอของเธอถูกไฟไหม้ และรู้สึกถึงความอบอุ่นที่พรั่งพรูออกมาซึ่งขับไล่ความหนาวเย็นส่วนเกินของเธอออกไปซึ่งทำให้เธอสั่นสะท้านจากความรู้สึก
“อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนคือความเย็นส่วนเกินภายในร่างกาย ความเย็นส่วนเกินซ่อนอยู่ภายในร่างกายมนุษย์และสะสมมาเป็นเวลานาน ปกติแล้วจะไม่มีใครรู้สึก แต่มันจะทำให้เกิดปัญหามากเมื่อเกิดการสะสมมากเกินไป!” เหย่หลิงเฉินกล่าวขณะที่เขาทำการนวด
“อืม!”
หลินเย้ยหยันอย่างไม่ใยดี ไม่มีทางที่จะบอกได้ว่าการเยาะเย้ยของเธอเกิดจากการดูถูกหรือความเห็นชอบ มีเพียงเสียงปัจจุบันของเธอที่สูญเสียพลังก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้าม เสียงของเธอฟังราวกับว่าเธอเป็นเด็กเอาแต่ใจ
ในขณะเดียวกันเหย่หลิงเฉินเริ่มเปลี่ยนเทคนิคของเขา เขาเริ่มนวดไปตามกระดูกคอด้านหลังคอของเธอช้า ๆ มือขวาของเขาถูกยกขึ้นเช่นกันเพื่อทำการนวดทุยหนาจากล่างขึ้นบน
ตอนนี้หลินดูเหมือนจะรู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้น มันรู้สึกราวกับว่ามือของเหย่หลิงเฉินมีพลังเวทย์ที่แปลกประหลาด เธอรู้สึกเหมือนทั้งตัวของเธอถูกไฟฟ้าดูดจากที่ที่เขานวด มันรู้สึกนับไม่ถ้วนจนถึงจุดที่เธอถูกทำให้ไม่สามารถออกแรงได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นการกดจุดของการนวดนั้นแม่นยำมาก เขาสามารถกดเส้นเลือดที่อุดตันของเธอได้ตลอดเวลา เซลล์ภายในร่างกายของเธอสั่นสะท้านและเธอไม่สามารถหยุดมันได้แม้ว่าเธอจะต้องการก็ตาม
“เบา ๆ หน่อย…”
เมื่อเหย่หลิงเฉินกดลงไปที่กลางกระดูกสันหลังของเธอ หลินก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่ารู้สึกเจ็บแปลบบริเวณนั้น
“ในทุกวันคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เส้นเลือดในบริเวณนี้ถูกปิดกั้นอย่างรุนแรง หลังจากที่ผมนวดไปเรื่อย ๆ คุณจะรู้สึกเวียนหัวเช่นกัน ทนหน่อยนะ” เหย่หลิงเฉินกล่าว เขายังคงนวดบริเวณนั้นต่อโดยไม่ฟังคำทักท้วงของเธอ
โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเป็นภาวะที่พบเห็นได้ทั่วไปในโลกนี้ อาจกล่าวได้ว่าทุกคนมีสิ่งนี้ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต อาการตอนนี้ของหลินดูดีกว่าเฟยเฟยเพียงเล็กน้อย
หลินอดทนอดกลั้นด้วยความพยายามอย่างยิ่ง
“พี่หลิน พี่รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” เสี่ยวเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง เธอไม่รู้ว่าอาการที่น่าเป็นห่วงของหลินเป็นยังไง
“ไม่มีอะไรมากค่ะ นี่มันก็ไม่ต่างจากสปาที่เราทำกันเลย มันมึน ๆ และจั๊กจี้เท่านั้นเอง” หลินกล่าวอย่างดื้อดึง เธอไม่ยอมรับว่าการนวดของเหย่หลิงเฉินนั้นดีและได้ผลเป็นอย่างมาก
เหย่หลิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาเริ่มออกแรงมากขึ้นในมือของเขา
หลินดื้อรั้นและไม่เต็มใจที่จะยอมรับความผิดพลาดของเธอ เขาต้องการทำให้เธอยอมจำนนในครั้งนี้ มิฉะนั้นเธออาจเป็นภัยคุกคามต่อเขาในอนาคต!
ไม่กี่นาทีต่อมาหลินรู้สึกว่าความเจ็บปวดบริเวณนั้นเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และแทนที่ด้วยความรู้สึกสบายตัว
ความรู้สึกนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาได้ด้วยคำพูด แต่มันรู้สึกราวกับว่าเส้นเมอริเดียนในบริเวณนั้นเคลื่อนไหวในลักษณะที่เธอรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังจะชักกระตุก จากตอนต้นแล้วเธอควรจะรู้สึกไม่พอใจการนวดนี้ แต่สุดท้ายเธอกลับรู้สึกว่ามันสบายมากและไม่ต้องการให้มันจบลงเลย
ความรู้สึกเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เหย่หลิงเฉินยังคงนวดต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นมันได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอจนแม้แต่วิญญาณของเธอก็ยังสั่นสะท้านไปด้วย
“ถ้าทนไม่ไหวแล้วคุณจะร้องออกมาก็ได้นะ มันจะได้ผลดียิ่งขึ้นถ้าคุณร้องออกมา” เหย่หลิงเฉินเตือนอย่างจริงใจ
หลินกัดฟันแน่นไม่ยอมตอบ
‘ฉันจะแพ้ไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมแพ้เขาเด็ดขาด ‘
เหย่หลิงเฉินไม่สนใจคำตอบของเธอ แต่เขามุ่งเน้นไปที่งานในมือเพื่อเคลื่อนย้ายเส้นเลือดที่อุดตันของเธอ
“อื้มมมม…”
สุดท้ายหลินก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอครางออกมาจากส่วนลึกของลำคอ..
‘นี่แหละนะ ไปดูหมิ่นเขาไว้ สุดท้ายก็แพ้เอง กรรมตามสนองชัด ๆ’
‘นี่มันเป็นแค่การนวด มันต้องไปไกลถึงขนาดนี้เลยเหรอ?’
เสี่ยวเฟยเฟยเริ่มกระสับกระส่ายขณะที่เธอนั่งที่ด้านข้าง เสียงของน้องหลินดังก้องในหูของเธอและทำให้เธอหน้าแดงด้วยความลำบากใจ เธอพบว่าสถานการณ์นั้นทำให้เธออึดอัดเล็กน้อย
เธอไม่เคยเห็นหลินมีพฤติกรรมเช่นนี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เย็นชาและหยิ่งยโสแบบที่เธอเคยเป็นในวันปกติทั่วไป
เสี่ยวเฟยเฟยมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างระมัดระวัง เธอลดศีรษะลงอย่างช่วยไม่ได้ ความกังวลใจพุ่งเข้าสู่หัวใจของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่เธอได้รับการเตือนว่าถึงคราวของเธอแล้ว
‘ฉันควรจะปฏิเสธบริการนี้หรือเปล่า แต่ฉันก็อยากนวดนี่นา ฉันควรทำอย่างไรดี?”
“โอ๊ย!” ทันใดนั้นร่างกายของหลินก็แข็งทื่ออย่างกะทันหัน
“การรักษาเสร็จแล้ว” เหย่หลิงเฉินกล่าว
“พี่หลินเป็นยังไง รู้สึกยังไงบ้าง..” เสี่ยวเฟยเฟยถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“สบายดีค่ะ…ดิฉันสบายดี” หลินหลีกเลี่ยงการจ้องมองของเฟยเฟย ร่างของเธอแทบจะทรุดนั่งบนเตียง เธอลุกขึ้นอย่างสั่นเทา “ดิฉัน..ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ…”
เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่เหย่หลิงเฉิน เธอคิดว่าเธอไม่น่าไปท้าทายเขาเลย และไม่คาดคิดว่านี่จะทำให้เธออับอายขนาดนี้
หลินหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วเหลือเพียงเหย่หลิงเฉินและเสี่ยวเฟยเฟย ชายหนุ่มและหญิงสาวจ้องตากันอย่างเชื่องช้า
บรรยากาศในห้องเดิมให้ความรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ปัจจุบันอบอวลไปด้วยความรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น
“เอ่อ.. นวดอย่างเบามือนะ ฉันทนความเจ็บปวดไม่ได้…” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าวขณะที่เธอมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ได้เลย” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า
เมื่อเสี่ยวเฟยเฟยนอนลงบนเตียงต่อหน้าเหย่หลิงเฉินความสงบที่ถูกบังคับของเหย่หลิงเฉินก็เริ่มลดลง แม้ว่าหลินจะสวยแค่ไหน แต่เหย่หลิงเฉินก็ยอมรับว่าเขายังคงควบคุมตัวเองได้ แต่กับเสี่ยวเฟยเฟยนั้นงดงามเกินบรรยายอยู่แล้ว เธอเป็นเหมือนนางฟ้าสาวที่หลุดเข้ามาในโลกมนุษย์ เธอช่างสง่างามบริสุทธิ์และงดงามมากจริง ๆ
มีเพียงเสียงหายใจของพวกเขาในห้องที่เงียบสงบนั้น
‘แพทย์จะต้องมีความกรุณาเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ของคนไข้ ฉันต้องควบคุมตัวเอง!’
เหย่หลิงเฉินต้องเตือนตัวเองตลอดเวลา เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ‘คนที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ ชีวิตนี้คือไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว!’ เขาอุทานอย่างมีอารมณ์ในใจขณะที่เขาเริ่มนวดเธออย่างระมัดระวัง
“อื้มมม…” ร่างกายของเซียวเฟยเฟยไวกว่ามากเมื่อเทียบกับซิสเตอร์หลิน เธอจะครางดัง ๆ เป็นระยะ ๆ
เส้นเลือดโผล่ออกมาบนหน้าผากบนใบหน้าของเขาแดงฉานราวกับว่าสมองของเขาบวมขึ้น
“คุณหนูเสี่ยว ได้โปรดควบคุมตัวเองนิดนึง พยายามห้ามตัวเองอย่าส่งเสียงนะครับ” เหย่หลิงเฉินเตือนเธออย่างกรุณาเพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย
เสี่ยวเฟยเฟยย่อตัวลงเล็กน้อยและพูดด้วยความลำบากใจ “แต่ฉันไม่สามารถทนต่อไปได้อีกต่อไปแล้ว”
‘เ*ย!!!!’
มือของเหย่หลิงเฉินสั่นสะท้านชั่วขณะ เขาถูจมูกอย่างเร่งรีบเพื่อตรวจดูว่าเลือดกำเดาไหลหรือไม่
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เหย่หลิงเฉินก็ออกมาจากบ้านพักในสภาพทรุดโทรม ตัวของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
เขาตบแก้มที่ไหม้เกรียมของเขาพร้อมบอกกับตัวเองว่า นี่มันเป็นงานที่ไม่ปลอดภัยเอาซะเลย ไม่ปลอดภัยจริง ๆ!!
โชคดีที่เขาควบคุมตนเองได้ในระดับที่ดีมาก เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีเกียรติ มิฉะนั้นสิ่งที่คาดคิดจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ครืดดดด”
โทรศัพท์ของเขาสั่น พร้อมโชว์แจ้งเตือนว่าเสี่ยวเฟยเฟยได้โอนเงินอีก 5,000 หยวน ให้เขาพร้อมส่งข้อความว่า [ขอบคุณมาก ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว ไว้ฉันจะนัดอีกนะ! (อิโมติคอนยิ้มแย้มสนุกสนาน)]
5,000 หยวน จากในรอบนี้รวมกับเงินฝาก 5,000 หยวน จากก่อนหน้านี้จะเท่ากับ 10,000 หยวน… เขาทำเงินได้ 10,000 หยวน ภายในสองชั่วโมง! แม้ว่านี่อาจจะเป็นงานที่ทรมานเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนก็ค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียว
เหย่หลิงเฉินยิ้มออกมา “นี่เป็นงานที่ทำกำไรได้ดีเลยทีเดียว! ฉันจะรับงานนี้อีกถ้าคุณนัดมาอีกครั้งในภายหลัง! ฉันไม่กลัวคุณแล้ว!!
‘แต่..ถ้านี่เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงล่ะ? ไม่เป็นไร! ฉันไม่มีทางเลือกเพราะฉันเป็นหมอ การรักษาผู้ป่วยและการช่วยชีวิตผู้คนเป็นหน้าที่ของฉัน ฉันสาบานว่าฉันไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อเงิน!
…