I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 12
อะไรกัน???
ผู้คนรอบ ๆ รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก พวกเขาหวาดกลัวจนหาที่เปรียบมิได้และเริ่มถอยออกจากผู้จัดหวัง
“อะไร… นี่แกหมายความว่ายังไงกัน” ผู้จัดหวังก็หน้าซีดลงด้วยความกลัวเช่นกัน
“นี่คุณยังคิดไม่ออกอีกเหรอ” เหย่หลิงเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่นานมานี้คุณรู้สึกหนาวสั่นใช่ไหมล่ะ ยิ่งกว่านั้นคุณป่วยง่ายขึ้นและภูมิคุ้มกันต่ำลงด้วยสินะ”
“ไม่… เป็นไปไม่ได้” เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาจากใบหน้าอ้วนของผู้จัดหวัง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รีบหันกลับมาและยกมือขึ้นตบใบหน้าของผู้หญิงเซ็กซี่ของเขาดัง เพี้ยะ!
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้! ที่ไอ้นี่มันพูดมาจริงหรือเปล่า!”
“ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ” ใครจะไปคาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “วังเหวินหลง นี่คือวันพิพากษาสำหรับแก ฉันทำศัลยกรรมมาหลายครั้งเพื่อรอวันที่ฉันจะได้แก้แค้นไอ้อ้วนชั่วสกปรกอย่างแก!”
โห @#$%^&*()
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง
“เมื่อหลายปีก่อนที่แกทิ้งฉันไป ฉันก็ตั้งใจให้ตัวเองติดเชื้อ และไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้ามาใหม่ให้แกจำไม่ได้ หึ แล้วแกก็เชื่อซะด้วยนะ แถมติดฉันอย่างกับอะไรดี แค่กระดิกนิ้วแกก็วิ่งเข้ามาหาฉันแล้ว!” หญิงสาวสุดเซ็กซี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่แหละคือจุดจบของแก เพราะแกทิ้งฉันไป!!”
“หนอย! นังตัวดี!!!” ใบหน้าของผู้จัดหวังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มคล้ายกับสีของตับหมู เขาไม่รอช้าและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“โรคนี้น่ะรักษาไม่หาย แกจะต้องตาย!!! ฮ่า ๆๆๆๆ” หญิงสาวได้เสียสติไปเสียแล้ว
“นังชั้นต่ำ แกมันนังแพ*ยา!!” เสียงของผู้จัดหวังสั่นเทาด้วยความโกรธ เขาร้องเสียงดังขณะที่เขากำลังจะจากไป
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน คนที่จับมือกับผู้จัดหวังก่อนหน้านี้ต่างรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างมืออย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าจะติดเชื้อและตายเข้า
“เหย่หลิงเฉิน เธอเยี่ยมมาก! เธอรู้เรื่องการแพทย์ด้วย!!” จางหยุนซีมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความประหลาดใจ วันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจนเธอรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันโดยเฉพาะเด็กผู้ชายคนนี้ที่มาจากหมู่บ้านเดียวกับตัวเธอเอง เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่สามารถมองผ่านบุคคลนี้ได้อีกต่อไปราวกับว่าเขาเป็นคนลึกลับ
“หลิงเฉิน โปรดมองดูที่ฉันที…” กงเหว่ยเกือบจะร้องไห้ขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา เธอขอร้องเขา “เธอช่วยดูฉันที ฉันติดไหม ฉันจะหายรึเปล่า…”
“ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นมา พี่ก็ไม่ได้ไปติดพันอยู่กับผู้จัดหวังอีกเลยใช่ไหมครับ” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่เลย ไม่!” กงเหว่ยส่ายหัว
“งั้นพี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่หลังจากนี้พี่ต้องดูแลตัวเองและใส่ใจกับสุขภาพให้มากนะ” เหย่หลิงเฉินกล่าว
กงเหว่ยถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกในครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่นานเธอกล่าวว่า “หลิงเฉินเธอนี่เก่งและมีความสามารถจริง ๆ ถ้าไม่ได้เธอช่วยเอาไว้ฉันต้องแย่แน่”
เหย่หลิงเฉินยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
จางหยุนซีมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย
เธอมักจะคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอมีชีวิตที่ดีแม้จะเป็นแค่คนดังเล็ก ๆ แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะประสบความสำเร็จโดยใช้วิธีที่สกปรกเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นญาติของเธอก็เกือบจะโยนเธอไปให้หมาป่าร้ายตัวนั้นด้วยซ้ำไป
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีด้านมืดแบบนี้ในสังคม และเธอก็ไม่คิดเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทรยศเธอได้ขนาดนี้
ถ้าเธอไม่ได้ขอให้เหย่หลิงเฉินมางานนี้เป็นเพื่อน วันนี้คงจบไม่สวยแน่
“แหะ ๆ หยุนซี ฉันผิดเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” กงเหว่ยยิ้มแหย ๆ “ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว ให้ฉันไปส่งพวกเธอกลับบ้านนะ”
ทั้งสามคนไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วจึงเดินไปที่ประตูออกทันที
หญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองภาพหลังของเหย่หลิงเฉินขณะที่เดินออกจากห้องโถง ทันใดนั้นเองเธอพูดขึ้นมาว่า “พี่หลิน ช่วยฉันไปขอเบอร์เขาหน่อยสิ”
เสียงของเธอช่างไพเราะเสนาะหู มันฟังดูไพเราะราวกับว่าใครกำลังอาบแดดอยู่ในสายลมฤดูใบไม้ผลิเพียงแค่ฟังเสียงของเธอ
“เอ่อ..” หลินลังเลเล็กน้อย
“ฉันมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากเขา ได้โปรดช่วยฉันที” หญิงสาวขอร้องอีกครั้งพร้อมกับท่าทางที่อ้อนวอน
“เอาล่ะ..”
ขณะนั้นท้องฟ้ามืดลงแล้ว มีความหนาวเย็นในสายลมยามค่ำคืน
เหย่หลิงเฉินกำลังจะก้าวขึ้นรถ ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเขา
เขาได้ยินคำว่า ‘หนุ่มหล่อ’ จากด้านหลังของเขา เขาจึงหยุดเดิน
และหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบยูนิฟอร์มกำลังเดินเข้ามาหาเขา เธอช่างดูทะมัดทะแมงในเครื่องแต่งกายนี้ อายุของเธอประมาณสามสิบต้น ๆ แต่เธอดูแลตัวเองได้ดีทีเดียว เธอมีผิวพรรณและใบหน้าที่สวยงามพร้อมกับรูปร่างที่สูงและสมส่วน
เธอช่างงดงามยิ่งนัก!
เหย่หลิงเฉินส่ายหัวเพื่อล้างความคิดนั้น จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาหาเขา เขาคิดว่าสาเหตุนี้ต้องมาจากระบบอัจฉริยะแน่
“สุดหล่อ ฉันขอ WeChat และเบอร์โทรศัพท์ของเธอหน่อยได้ไหม” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวกับเหย่หลิงเฉินด้วยรอยยิ้ม
ฮะ? เหย่หลิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘นี่เธอกลายเป็นหนุ่มฮอตไปละเหรอ อย่างน้อยเธอควรใส่ใจบ้างนะว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน!’
เหย่หลิงเฉินรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของจางหยุนซี ตอนนั้นมีศัตรูที่ไม่รู้จักกับเธอ
ผู้หญิงคนนั้นยังพูดต่ออย่างจริงจังเมื่อเธอเห็นว่าเหย่หลิงเฉินกำลังลังเล “ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ ได้โปรดให้เบอร์ฉันเถอะนะ ฉันขอร้อง!”
เหย่หลิงเฉินมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วพยักหน้า จากนั้นไม่นานเขาหยิบกระดาษก่อนจะจดข้อมูลการติดต่อลงบนกระดาษ
เหย่หลิงเฉินเข้าไปในรถ การแสดงออกของจางหยุนซีนั้นมือสลัวราวกับท้องฟ้าที่มีพายุ เธอนั่งอย่างบึ้งตึง
เหย่หลิงเฉินแค่รู้สึกดีใจมากที่จะได้พักผ่อน เขาหลับตาลงเพื่อพักสายตาที่เบาะหลัง
ความจริงเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่ดีที่สุด
Arhat Fist สมควรได้รับชื่อเสียงในฐานะศิลปะการต่อสู้ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เหย่หลิงเฉินได้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของมันในวันนี้ อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้ในวันนี้เนื่องจากโชคของเขาเช่นกัน
Arhat Fist เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของศิลปะการต่อสู้และเหย่หลิงเฉินไม่เคยฝึกฝนมาก่อน ตัวอย่างเช่นบอดี้การ์ดสองคนมีขนาดใหญ่เท่าก้อนหิน แม้ว่าเหย่หลิงเฉินจะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหว แต่คุณสมบัติทางกายภาพของเขาก็ยังดีพอ ๆ กับคนทั่วไป
เขาพึ่งพาการเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะด้วยการจัดการอย่างชำนาญ หากบอดี้การ์ดทั้งสองไม่ประมาทและต่อสู้กับเหย่หลิงเฉินด้วยกำลังดุร้าย เหย่หลิงเฉินจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
หมัดของเขายังคงสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาไม่สามารถออกแรงได้ในช่วงสั้น ๆ มันเหมือนกับว่าคนธรรมดาต่อยร่างกายของวัว
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้เวลามากขึ้นในการฝึกฝนหมัดอรหันต์ของเขาหลังจากนี้เพื่อที่เขาจะสามารถปรับปรุงคุณภาพทางกายภาพของเขาได้
“เหย่หลิงเฉิน” ก่อนที่เธอจะลงจากรถจางหยุนซีไม่สามารถละเว้นตัวเองได้อีกต่อไป ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอยังคงจับจ้องไปที่เหย่หลิงเฉิน
“เธอรอบรู้ในหลายสิ่งหลายอย่าง ฉันมั่นใจว่าคะแนนสอบเธอจะต้องออกมาดีแน่ถ้าเธอตั้งใจศึกษาอย่างจริงจัง ฉันเชื่อว่าเธอจะทำคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ดีอย่างแน่นอน” จางหยุนซีกล่าวหลังจากที่เธอเงียบไปพักหนึ่ง
เหย่หลิงเฉินพยักหน้า เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เธอก็เช่นกันนะหยุนซี ตั้งใจสอบล่ะ อย่าได้น้อยกว่าฉันน้าา ฮ่า ๆ”
…
โทรศัพท์ของเหย่หลิงเฉินดังขึ้นเมื่อเขาถึงบ้าน เขาเหลือบมองและเห็นว่ามีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนมาให้เขาทาง Wechat รูปภาพที่แสดงของบุคคลนั้นคือกระต่ายการ์ตูนสีชมพูน่ารัก
[สวัสดี คุณอยู่ไหม?]
หลังจากอนุมัติคำขอแล้วบุคคลนั้นก็ส่งคำทักทายกลับแบบสบาย ๆ ทันที
เหย่หลิงเฉินตอบว่า [อยู่ครับ] ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
[หมอมหัศจรรย์ คุณรู้วิธีรักษาโรคกระดูกพรุนไหม?] อีกฝ่ายส่งอิโมติคอนหน้ายิ้ม
กลายเป็นว่าบุคคลนั้นมาขอความช่วยเหลือทางการแพทย์จากเขานั่นเอง
เหย่หลิงเฉินรับรู้ได้ทันที เขาสันนิษฐานว่าบุคคลนั้นน่าจะได้เห็นที่เขาแสดงทักษะทางการแพทย์ในวันนี้
…
เสี่ยวเฟยเฟยนอนอยู่บนเตียง เธอแต่งกายด้วยชุดสีชมพูที่ทำให้เธอดูคาวาอี้สุด ๆ เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของเธออย่างใจจดใจจ่อราวกับว่าเธอกำลังรออะไรบางอย่าง
ในการเดบิวต์เธอได้ฝึกฝนอย่างหนักอย่างต่อเนื่องกับท่าเต้นและการร้องเพลงของเธอ เป็นเรื่องปกติที่เธอจะใช้นิสัยแปลก ๆ ในการทำงานเช่นทำงานกะดึกและนอนตอนเช้า แม้ว่าเธอจะกลายเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงมากมายตามที่เธอต้องการ แต่เธอก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลกระทบของโรคเรื้อรัง วันนี้เธอเซื่องซึมได้ง่าย นอกจากนี้คอของเธอยังเจ็บและเจ็บปวดและเธอมักจะมีอาการคลื่นไส้ เธอได้รับผลกระทบจากอาการไอแห้งและเสียงแหบ นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งสำหรับคนดังอย่างเธอ
ตอนนี้อาการของเธอแย่ลงเธอได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง แต่ผลของการรักษาของเธอก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่มีอะไรเลย แพทย์หลายคนได้สรุปว่าอาการของเธอไม่สามารถรักษาได้อย่างเต็มที่และสามารถบรรเทาได้ด้วยการเปลี่ยนวิถีชีวิตและพักผ่อนให้มากขึ้นเท่านั้น
เธอได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสังสรรค์ในเขตเหอหลิงในครั้งนี้ และเธอได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเหย่หลิงเฉิน เธอรู้สึกว่าเด็กชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา บางทีอาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่สิ้นหวังของเธอทำให้เธอเต็มใจที่จะไปหาหมอที่หาได้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเหย่หลิงเฉินจะสามารถช่วยเธอได้
แม้ว่าเสี่ยวเฟยเฟยจะวิตกกังวล แต่เหย่หลิงเฉินก็ตอบอย่างเรียบง่ายว่า [รู้!]
แม้ว่าจะเป็นการตอบกลับเพียงคำเดียว แต่ก็สามารถปลุกปั่นพายุใหญ่ในใจของเสี่ยวเฟยเฟยได้ ใบหน้าของเธอแดงฉานด้วยความตื่นเต้น ผู้ที่ไม่เคยสัมผัสกับความทรมานของโรคกระดูกพรุนจะไม่มีทางเข้าใจว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
เธอพิมพ์ด้วยมือสั่น [จริงเหรอ?]
[จริง!]
“พี่หลิน พี่หลิน!” เสี่ยวเฟยเฟยร้องทันที “เขาสามารถรักษามันได้!!!”
หลินเดินไปอย่างรวดเร็วและมองไปที่เสี่ยวเฟยเฟยอย่างทำอะไรไม่ถูก “ เฟยเฟย โรคกระดูกพรุนไม่ใช่ว่าจะรักษาได้ง่าย ๆ เก้าในสิบคนที่บอกว่าหายง่ายคือพวกหลอกลวง!”
แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการทำลายความหวังของเสี่ยวเฟยเฟย แต่หลินก็ยังตัดสินใจที่จะให้คำแนะนำเธอเพื่อที่เธอจะได้ไม่ถูกหลอก
“ไม่ ฉันว่าเขาสามารถรักษามันได้จริง ๆ” เสี่ยวเฟยเฟยพูดด้วยความมุ่งมั่น “พี่ก็เห็นสิ่งที่เขาทำในคืนนี้นี่ ฉันรู้สึกได้ว่าเขามีบางอย่างในตัวที่คนทั่วไปไม่มี”
หลินส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า “พี่ว่าเธออาจจะตั้งความหวังไว้สูงเกินไปนะ ยิ่งมีความหวังมากเท่าไหร่ความผิดหวังก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
…
เหย่หลิงเฉินรออยู่นาน แต่ไม่มีการตอบกลับทางโทรศัพท์ของเขา
‘ฉันว่าเขาจะต้องคิดว่าฉันเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงแน่ ๆ’
เขาส่ายหัวอย่างเป็นห่วง การแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสุขภาพของคน ๆ หนึ่ง เขามีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในการรักษาโรคกระดูกพรุน แต่ผู้ป่วยจะต้องมีความมั่นใจในตัวเขาก่อน
ในช่วงเวลาถัดมาโทรศัพท์ของเขาก็สั่นเหย่หลิงเฉินอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็น ๆ เมื่อมองไปที่หน้าจอ
บุคคลนั้นได้โอนเงินให้กับ Wechat ของเขาโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเงินทั้งสิ้น 5,000 หยวน!
‘เชี่ย! ผู้หญิงคนนี้รวย!’
[หมอมหัศจรรย์ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ นี่คือเงินมัดจำ คุณช่วยมาพบฉันพรุ่งนี้ได้ไหม] เสี่ยวเฟยเฟยส่งอิโมติคอนที่ดูน่าสงสารพร้อมอ้อนวอนเขา
[พรุ่งนี้ไม่ได้ เพราะอีกสองวันฉันจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ได้หลังสอบนะ] เหย่หลิงเฉินตอบ
[เอาล่ะ ได้สรุปแล้ว! กรุณารับเงินมัดจำไปก่อนนะเพื่อความสบายใจ]
เนื่องจากบุคคลนั้นได้กล่าวเช่นนั้นแล้วเย่หลิงเฉินจึงยอมรับเงินเพราะการปฏิเสธมันจะไร้มารยาท เขาวางแผนไว้แล้วว่าจะใช้เงิน 5,000 หยวนนี้เพื่อติดตั้งคอมพิวเตอร์ในห้องของเขา
“พี่หลิน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตสดใสอย่างแท้จริง เขากำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เสี่ยวเฟยเฟยอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม
หลินพยักหน้าอย่างไร้เสียง แต่เธอถอนหายใจเบา ๆ ในใจ
‘เฟยเฟย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป ชายหนุ่มวัยนี้จะมีฝีมือทางการแพทย์ได้อย่างไร? นั่นคือเงิน 5,000 หยวนนะ และคุณเพิ่งโอนให้เขาไปด้วย?’
‘นอกจากนี้เขายังถือว่าเป็นชายหนุ่มที่มีแนวโน้มดี คุณดูไม่แก่เมื่อเทียบกับเขาใช่ไหมล่ะ!”
‘ลืมมันดีกว่า แค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว…’
…