I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 11
แม้ว่างานสังคมนี้จะดูเหมือนเป็นงานระดับไฮเอนด์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ถือว่าเป็นงานเลี้ยงหรูหราระดับสูงขนาดนั้น เพราะนี่เป็นแค่เพียงงานปาร์ตี้สำหรับพวกเน็ตไอดอล และลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยหน้าตาดีในย่านนี้ก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของจางหยุนซีก็กลายเป็นจุดสนใจอย่างมากทีเดียว
“สาวสวยคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”
“เธอยังดูเด็กและบอบบางมาก ฉันว่าเธอยังเป็นนักเรียนอยู่”
“สงสารไอ้กระจอกข้าง ๆ เธอจริง ๆ คงจะไม่มีปัญญาจีบเธอติดและได้เธอมาเป็นแฟนแน่ นี่เหมือนมันดอกฟ้ากับหมาวัดเห็น ๆ”
“ฉันเห็นพวกเขามากับกงเหว่ย ไว้ฉันจะไปถามเรทราคาจากเธอสักหน่อย”
คนกลุ่มนี้ไม่สนใจการปรากฏตัวของเหย่หลิงเฉินแม้แต่น้อย พวกเขาและพูดถึงจางหยุนซีราวกับว่าเธอเป็นสิ่งของ
ในขณะเดียวกันก็มีคนพูดว่า “หยุดมโนกันได้ละ เธอถูกกงเหว่ยพามาเพื่อสงวนไว้สำหรับผู้จัดหวังโดยเฉพาะ”
“ผู้จัดหวัง? โห ไอ้นี่มันเปลี่ยนผู้หญิงเร็วซะยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในซะอีก เสียดายจริง ๆ ของดีจะถูกทำลายอีกแล้ว!”
“แหม ทำอย่างกับแกไม่ได้เป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน” มีคนพูดเหน็บแนมขึ้นมา “ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้หนุ่มนี่ไหม”
“ถูก ฉันได้ยินมาว่าครั้งหนึ่งผู้จัดหวังชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเลยไปทำร้ายแฟนของเธอจนขาหักเลยล่ะ แล้วสุดท้ายก็คือโยนเงินใส่หน้าแฟนหนุ่มคนนั้นและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ฉันว่าผู้จัดหวังเพิ่งพาเลขาตัวน้อยของเขาขึ้นไปข้างบนนะ? ฉันว่าอีกไม่นานพวกเขาก็ลงมาแล้วล่ะ”
ผู้จัดหวังเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนที่เขาสนใจและหมายปองหลุดรอดไปได้ บางทีผู้จัดหวังอาจจะทำร้ายเหย่หลิงเฉินจนพิการก็ได้นะถ้าเขาเห็นว่าเธออยู่กับเขา
“ดูนั่น! ผู้จัดหวังมาแล้ว!” ใครบางคนพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
พวกเขามองดูชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่และหน้ามันเยิ้มเดินลงมาจากชั้นสองด้วยท่าทางช้า ๆ และมั่นคง แขนของเขาโอบรอบผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์และทั้งสองคนก็คุยกันอย่างมีความสุข
ดวงตาของกงเหว่ยสว่างเป็นประกายขึ้นทันทีที่เธอเห็นผู้จัดหวัง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ก้าวเดินต่อไป
ผู้จัดหวังแสดงความไม่พอใจออกมาเมื่อเห็นเธอครั้งแรก อย่างไรก็ตามสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่จางหยุนซีทันทีที่เขาเห็นเธอครั้งแรก เขาอยากจะตอกตะปูตัวเองลงบนร่างกายของจางหยุนซีเหลือเกิน
“ผู้จัดหวัง ฉันพาน้องสาวมาแล้ว อย่าผิดสัญญาของคุณกับฉันล่ะ โอเค้?” กงเหว่ยกล่าวด้วยท่าทางตุ้งติ้ง
“ ฮ่า ๆๆๆ แน่นอน!” ผู้จัดหวังแทบน้ำลายสอ เป็นเวลากว่าสองสามวันแล้วที่เขาเห็นจางหยุนซี คราวนี้เธอยิ่งสวยขึ้นไปใหญ่เพราะถูกจับกงเหว่ยแต่งตัวแปลงโฉมแบบจัดเต็ม
เขาเดินไปหาจางหยุนซีอย่างรีบร้อน
…
“หยุนซี นี่ผู้จัดหวัง ฝากเนื้อฝากตัวซะสิ” กงเหว่ยแนะนำ
“คุณจาง ฉันชื่อหวังเหวินหลง ยินดีที่ได้พบคุณครับ” ผู้จัดหวังยื่นมือเลี่ยนไปทางจางหยุนซี
จางหยุนซีขมวดคิ้ว เธอไม่สามารถถอยหลังหรือปฏิเสธใด ๆ ได้ ในขณะเดียวกันเหย่หลิงเฉินก็ก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือของผู้จัดหวังในคราวเดียว “ผมชื่อเหย่หลิงเฉิน ยินดีที่ได้พบคุณครับ คุณหวัง”
“ฉันบอกเหรอว่าฉันอยากจับมือกับแก?! สาระแนนัก!” การแสดงออกของผู้จัดหวังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด เขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างเย็นชา
“หลิงเฉิน ผู้จัดหวังเขามีข้อเสนอสำคัญที่จะหารือกับหยุนซีเป็นการส่วนตัว ไปให้พ้น อย่ามาเกะกะแถวนี้!” กงเหว่ยกล่าวขณะที่เธอพยายามดึงเหย่หลิงเฉินออกไป
ตอนนี้ ผู้จัดหวังได้ยื่นมือของเขาไปยังจางหยุนซีอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของจางหยุนซีซีดลงด้วยความกลัวและร่างกายที่มีเสน่ห์ของเธอสั่นเทา
เหย่หลิงเฉินแทรกตัวเขาไปตรงกลางระหว่างผู้จัดหวังและจางหยุนซี “คุณเป็นใครถึงมาสั่งผม แล้วทำไมผมถึงต้องออกไปด้วยล่ะ?”
“ใครอีก!” ผู้จัดหวังไม่คิดว่าจะมีใครมีกล้าต่อต้านหรือขัดเขา เขาค่อย ๆ ปรับระดับความชัดของสายตาและมองเหย่หลิงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แสยะยิ้มด้วยความรังเกียจ “ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะเป็นใคร ถ้าแกกล้าที่จะมาสะเออะยุ่งกับฉันอีกครั้งล่ะก็ เตรียมตัวตายได้เลย! ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ออกไปซะ!”
อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่
หน้าตาอ้วน ๆ ของผู้จัดหวังดูดุร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ไอ้หนุ่ม นี่แกคิดดีแล้วเหรอถึงจะมาลองดีกับฉัน?”
“แล้วจะทำไมล่ะครับ” เหย่หลิงเฉินมองด้วยสายตาเย็นชา
“ไอ้เด็กเหลือขอ นี่แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” ผู้จัดหวังรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งฟังเรื่องตลกที่สุดในโลกไป “คนที่คิดจะมาลองดีกับฉันแบบแกน่ะ ขาหักไปไม่น้อยกว่า 100 คนแล้ว ชีวิตพวกมันทุกคนพินาศ เพราะร่างกายพิการ ๆ!”
เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินต่ออย่างครุ่นคิด “ยังไงล่ะ ทีนี้ยังจะอยากลองดีกับฉันอยู่ไหม?”
“แล้วถ้าผมจะทำต่อล่ะ” เหย่หลิงเฉินยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิมด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่
จางหยุนซีสั่นสะท้านด้วยความกลัว เธอหลบอยู่ข้างหลังเหย่หลิงเฉินเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
…
เหล่าฝูงชนบริเวณโดยรอบมองดูสถานการณ์นี้อยู่ พวกเขาให้ความสนใจอย่างตื่นเต้นเพราะนี่มันดูเกินกว่าสถานการณ์ที่พวกเขาคิดเอาไว้
“เด็กหนุ่มคนนี้มันกล้าจริง ๆ! ไม่กลัวตายเลย!”
“บ้าจริง ไอ้หนุ่มนี่มันกำลังรนหาที่ตายอยู่แน่ เห็นได้ชัดเลยว่าพร้อมบวกสุด ๆ”
“ไอ้สารเลว นี่มันนักเรียนหรือนักเลง!”
“โอ้ ไม่ไม่ไม่ไม่ ดูผู้จัดหวังสิ เขาต้องฆ่ามันแน่ ๆ”
ทุกคนในห้องมุงดูและล้อมรอบสองคนนี้โดยมิได้นัดหมาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่ามีคนกล้าต่อกรกับผู้จัดหวังถึงเพียงนี้
“นี่สินะ ที่เขาว่ากันว่าคนโง่จะไม่เกรงกลัวอะไรเลย ไอ้หนุ่ม แกกับฉันมันคนละชั้นกัน ฉันเป่าให้แกหายไปเลยก็ได้โดยไม่ทันที่จะได้พูดอะไรสักคำ แกจะต้องถูกสาปให้พินาศนับจากนี้ไป! ฉันจะทำให้แกใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความเสียใจ!” ผู้จัดหวังหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพูดเบา ๆ ว่า “หักแขนและขาของมันแล้ว…โยนมันออกไป!”
บอดี้การ์ดร่างกำยำสองคนเดินออกมาจากด้านหลังของเขาช้า ๆ พวกเขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร
มือของจางหยุนซีกำลังจับเสื้อผ้าของเหย่หลิงเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ เล็บของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเนื่องจากการจับที่หนักหน่วงเพราะเธอไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน
เย่หลิงเฉินตบมือของจางหยุนซีเบา ๆ และมองไปที่ชายร่างกำยำที่เดินมาหาตัวเองด้วยสายตาที่สงบ
เขารู้สึกประหม่าเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านระบบ เขาจะไม่แสดงท่าทีประหม่าออกมาเป็นแน่!
“เข้ามา!”
เขางอเอวและทรงตัวเพื่อเคลื่อนไหวด้วยหมัดอรหันต์
“เฮ้ย! นั่นอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าเด็กหนุ่มนี่ได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา?”
“ฉันคิดอยู่เลยว่าทำไมเขาถึงใจเย็นได้แบบนี้ เพราะเขามีทักษะป้องกันตัวสินะ! หึ! อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าเขาเป็นปรมาจารย์ศิลปะการป้องกันตัว!”
“เฮ้อ การแสดงผาดโผนสุดอลังการนี้อาจจะทำให้เขาตายก็ได้!”
“ช่างเป็นอะไรที่โง่เขลา บอดี้การ์ดสองคนของผู้จัดหวังเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นพวกนักเลงและเคยฆ่าคนมาแล้วหลายคน!”
“ร่างกายแบบนี้ ฉันว่าเด็กหนุ่มฉันนี่ซี่โครงของเขาน่าจะหักในหมัดเดียว”
…
บอดี้การ์ดทั้งสองยิ้มอย่างน่ากลัวเมื่อเห็นท่าทางของเหย่หลิงเฉิน
“ฮ่า ๆๆๆๆ โง่จริง ๆ! อย่าบอกนะว่าแกปล่อยให้นิยายทุกเรื่องที่แกอ่านอยู่ในความคิด คิดว่าตัวเองเป็นบรูซ ลี หรือไงวะ!” ผู้จัดหวังรู้สึกขบขัน ตอนนี้เหย่หลิงเฉินดูเหมือนตัวตลกในสายตาของเขา
“ตายซะไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”
หนึ่งในบอดี้การ์ดยกมือขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาเริ่มนูนและแข็งขึ้นจนดูเหมือนก้อนหิน มันทำให้ทุกคนหัวใจเต้นแรงด้วยความกลัว
‘เขาช่างดูทรงพลังและน่ากลัว!’
ในช่วงเวลาต่อมาเขาเริ่มแกว่งและต่อยด้วยหมัดขนาดใหญ่ของเขาไปยังเหย่หลิงเฉิน!
โอ้โห!
อากาศดังโหยหวนจากการเคลื่อนไหวของหมัด ผู้คนต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นพลังอันทรงพลังของเขา
อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินยังคงอยู่ในท่าทางเดิมเหมือนเดิมโดยไม่ขยับเลย
“เด็กหนุ่มนี่ต้องตกตะลึงจากความกลัวอยู่แน่ ๆ”
“โอ๊ยย เขาต้องเหลือครึ่งชีวิตด้วยหมัดเดียวของชายร่างใหญ่นี่แน่ ๆ”
“เฮ้อฉันพูดได้แค่ว่าเขาโชคร้ายจริง ๆ เล่นกับใครไม่เล่น ไปเล่นกับผู้จัดหวังแล้วทำให้เขาโกรธซะนี่”
…
“ตาย!”
สีหน้าของผู้คุ้มกันหรี่ลงชั่วขณะ เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวตัว!
ร่างกายของเขาจมลงเล็กน้อยในขณะที่เขาเหยียดแขนออกเพื่อโอบรอบแขนของบอดี้การ์ด หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของชายร่างใหญ่ก็หมุนในขณะเดียวกันก็ถูกเหวี่ยงโค้งไปทางด้านหลังของเขา!
โห!!!!
ร่างกำยำของบอดี้การ์ดถูกเหวี่ยงออกไปในระยะไกลทันทีราวกับมิโมซ่าขนนกที่ปลิวออกไปนอกหน้าต่าง เขาเคลื่อนไหวในแนวโค้งที่สง่างามทั่วท้องฟ้า
มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?!
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจและดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างมากจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา
‘เขาถูกโยนออกไปเหมือนแมว?’
มันช่างเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริงจนทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก!
บอดี้การ์ดมีร่างกายกำยำพร้อมกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทั่วทั้งตัว เขามีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งร้อยกิโลกรัม มันยากมากสำหรับคนธรรมดาที่จะเขยิบตัวเขาแม้ว่าเขาจะยืนนิ่งก็ตาม
เป็นไปได้ไหมว่าเด็กหนุ่มได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง?
จากนั้นผู้คุ้มกันก็ตกลงมาจากท้องฟ้า ร่างกายส่วนบนของเขาร่อนลงบนพื้นก่อน ดวงตาของเขากลอกไปมาทันทีและเขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปในทันที เป็นไปได้ว่าร่างกายส่วนล่างของเขาอาจเป็นอัมพาตจากการกระแทกอย่างแรงกับพื้น
“ไอ้สารเลวฉันจะฆ่าแก!” แก้มอ้วนของผู้จัดหวังสั่นระริกในขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความสดใสที่เจ้าเล่ห์ที่สุด “จัดการมัน! เอาให้พิการ!”
บอดี้การ์ดอีกคนไม่หยิ่งผยองกับเด็กชายอีกต่อไป เขากระทืบเท้าของเขาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาเตะขาของเขาอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำวนและส่งเตะบินไปยังเหย่หลิงเฉิน
เงานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ดูเหมือนว่าทุกการเตะของผู้คุ้มกันคนนี้สามารถทำให้ชายที่โตแล้วพิการได้ทันที
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า ลูกเตะพายุ!
“ว้าวน่าประทับใจมาก!” ผู้คนกลืนน้ำลายก่อนที่จะถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง พวกเขากลัวว่าจะถูกลูกหลงเข้า
เหย่หลิงเฉินสูดลมหายใจลึก เขาไม่ได้ถอยกลับตรงกันข้ามเขาก้าวไปข้างหน้า เขาเดาท่าทางในขณะที่เหวี่ยงหมัดไปพร้อม ๆ กัน!
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่เรียกว่าจันทร์อรหันต์!
ปั้ง!!!
ร่างกายของบอดี้การ์ดหมุนไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเขาถอยหลังด้วยความเร็วจนศีรษะกระแทกเข้ากับกำแพง ร่างกายของเขาชักกระตุกชั่วขณะก่อนที่เขาจะหมดสติจากแรงกระแทก
“เ*ย! สุดยอด!!!!”
ผู้ที่พบเห็นต่างตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ พวกเขายืนจ้องหน้ากันด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
‘มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!’
‘เป็นไปได้ไหมที่เด็กหนุ่มนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการป้องกันตัว?’
“หน็อย! ไอ้เด็กเหลือขอ แกต้องตายไม่ดีแน่!” ดวงตาของผู้จัดหวังแดงก่ำจากความโกรธ เขาไม่ละสายตาเหย่หลิงเฉิน “แกคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมเพียงเพราะแกได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ปลอม ๆ มาแล้วสินะ ฉันจะบอกอะไรให้นะ มีหลายวิธีที่จะฆ่าแกทิ้งซะ! รอได้เลย ละอีกอย่างผู้หญิงข้างหลังแกจะต้องเป็นของฉัน!!!! อุวะฮะฮ่า ๆๆๆๆ”
ใบหน้าจางหยุนซีซีดด้วยความกลัวและทำอะไรไม่ถูก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ผู้คนที่เหลือส่ายหัวทีละคนขณะที่พวกเขามองไปที่เย่หลิงเฉินอย่างเห็นใจ
แล้วถ้าเขาได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ล่ะ? แล้วถ้าเขามีฝีมือในการต่อสู้ล่ะ? ความแข็งแกร่งของผู้ชายคนเดียวนี่มันยังคงมีน้อยมาก
อย่างไรก็ตามเหย่หลิงเฉินปลอบโยนจางหยุนซีให้เธอสงบลง “ไม่มีอะไรต้องกลัวนะ ผู้ชายคนนั้นกำลังจะตายแล้ว”
จางหยุนซีมองเข้าไปในดวงตาของเหย่หลิงเฉิน เธอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกโล่งในใจเล็กน้อย
“ผู้ชายคนนั้นกำลังจะตาย? ฮ่า ๆๆๆ ไอ้สารเลว! นี่แกอยากจะฆ่าฉันจนตัวสั่นเลยสินะ แกกล้าทำเหรอ?!” ผู้จัดหวังกล่าวในขณะที่เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างเยาะเย้ย
“เมื่อไม่นานมานี้จู่ ๆ คุณรู้สึกมีอาการคันคะเยอไปทั่วร่างกายสินะ? แถมยังมีผื่นแดงขึ้นบนร่างกายด้วย โดยเฉพาะที่คอ” เหย่หลิงเฉินมองไปที่ผู้จัดหวังอย่างเงียบ ๆ
ใบหน้าของผู้จัดหวังมีความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าใช่แล้วยังไง!”
“ลองนวดตรงท้องน้อยดูสิ คุณรู้สึกเจ็บเป็นพิเศษที่ท้องน้อยทั้งสองข้างไหมล่ะ” เหย่หลิงเฉินกล่าวต่อ
เมื่อผู้จัดหวังพยายามทำเช่นนั้น ร่างกายของเขากำลังชักกระตุกอย่างรุนแรงทันทีที่สัมผัสตัวเอง ใบหน้าของเขากระตุกด้วยความเจ็บปวดและมีเหงื่อออก
“ผู้หญิงรอบตัวคุณไม่สะอาด.. ผมว่าคุณควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด บางทีคุณอาจจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกแค่ 1-2 เดือนเท่านั้นนะ” เหย่หลิงเฉินมองไปที่ผู้จัดหวังอย่างเย็นชาก่อนที่เขาจะพูดอย่างใจเย็น
…