Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 96
ตอนที่ 96
ร่วมงาน
“เอาล่ะ เข้าไปกันเถอะ”กวีที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดสีดำเช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆในงานพูดด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเดินเข้าไปในงานที่เต็มไปด้วยแขกของตระกูลดีแลน
“งั้นผมขอแยกไปก่อนนะครับ”เรย์เดินเข้ามาในงานก็ไม่ได้อยู่ติดกับกวีแต่อย่างไร เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของงานตรงจุดที่มีชายหนุ่มจำนวนหนึ่งกำลังจับวงสนทนากันเป็นวงกว้าง งานศพของโลกนี้ก็มีบรรยากาศเหมือนงานศพปกติทั่วไป ญาติพี่น้องและคนรู้จักต่างมาเพื่อบอกลาผู้ตายและให้กำลังใจผู้ที่ยังอยู่ ในกรณีนี้ก็หมายถึงเจ้าภาพอย่างท่านมาทิลด้านั่นเอง และเมื่อเป็นงานของขุนนางก็ไม่แปลกเลยที่จะมีขุนนางที่รู้จักกันมาร่วมงาน รวมถึงคนที่ทำงานร่วมกับตระกูลนั้นๆด้วย
“งั้นฉันก็ขอตัวเหมือนกันนะคะ”นาตาลีเห็นเรย์แยกออกไปแล้วก็เตรียมตัวทำหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน ดูท่าทางทั้งสองจะชินกับงานสังคมแบบนี้มากทีเดียว เพียงครู่เดียวก็เข้าไปคุยกับพวกขุนนางแล้วกลายเป็นผู้ร่วมวงสนทนาเรียบร้อยแล้ว
“เรื่องเจ้าภาพก็ฝากด้วยนะคะ น้องน้ำหวานตามพี่มานะ”อ้อนโบกมือให้กวีครู่หนึ่งก่อนจะพาน้ำหวานแยกออกไปอีกทางเช่นเดียวกัน ปล่อยให้กวีเดินเข้าไปพบท่านมาทิลด้าตามลำพัง ซึ่งกวีก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
“……..”ส่วนคนที่กำลังทำท่าทีตกใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นน้ำหวาน ทุกคนแยกย้ายกันทำงานของตัวเองได้เร็วมาก ฝ่ายเรย์ดูเหมือนจะเข้าไปคุยกับพวกพ่อค้าและขุนนางระดับต่ำอย่างพวกที่ติดตรามังกรหนึ่งเศียร คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นขุนนางระดับล่างที่มีฐานะไม่สูงมาก มีเงินแต่อำนาจยังไม่ล้นฟ้า เรย์จะเข้าไปพร้อมเส้นทางการค้าและความฝันที่จะมอบความมั่งคั่งมากกว่านี้ไปให้
ในช่วงเปิดเกมใหม่ NPC จะยังไม่รู้จักผู้เล่นนัก พวกเขาเลยยังทำธุรกิจกับผู้เล่นเพียงผิวเผินไม่ได้ลงทุนอะไรมากมาย เรย์เลยอาศัยช่วงเวลานี้เสนอเข้าเป็นคนกลางซื้อขายกับเหล่าผู้เล่น เสนอเส้นทางธุรกิจใหม่ๆให้เหล่าขุนนาง ทำให้เรย์กลายเป็นจุดสนใจได้ในเวลาไม่นาน
ส่วนทางนาตาลีนั้น เธอเข้าหาขุนนางระดับกลางไปถึงสูง ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามและดูสูงส่งไม่เหมือนคนทั่วไปทำให้เธอสามารถทัดเทียมเหล่าขุนนางได้เหลือเฟือเลย นาตาลีเป็นเลขาของกวีก็จริง แต่ก็มีเส้นสายกับคนในเกมไม่น้อย การประสานงานของเธอนั้นยอดเยี่ยมมากไม่แพ้เรื่องการใช้เวทมนตร์เลย ประกอบกับข่าวที่อ้อนหามาให้ทำให้นาตาลีสามารถพูดคุยกับเหล่าขุนนางสองเศียรไปจนถึงสามเศียรได้อย่างลื่นไหล และยังเสนอเป็นตัวกลางช่วยติดต่อกับเหล่านักผจญภัยหรือผู้เล่นให้อีกต่างหาก
“น้ำหวาน มานี่สิ”อ้อนที่เดินพาน้ำหวานมายังมุมหนึ่งของงาน เพียงแต่กลุ่มนี้ต่างจากกลุ่มที่เรย์และนาตาลีเข้าไปพบ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น แถมที่อกยังไม่มีตราขุนนางอะไรเลยอีกต่างหาก
“สวัสดีค่ะทุกคน”อ้อนเดินเข้าไปในกลุ่มด้วยท่าทียิ้มแย้มและเป็นกันเอง และก็เหมือนกับเรย์และนาตาลี เพียงครู่เดียวอ้อนก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงสนทนาในทันที ทำให้สาวๆพวกนั้นเริ่มกลับมาคุยกันตามประสาสาวๆอีกครั้ง แม้จะเป็นงานศพแต่พอสาวๆมาจับกลุ่มกันก็ต้องมีเรื่องพูดคุยมากมายเป็นธรรมดา
ไม่นานน้ำหวานก็ได้ทราบว่าจริงๆแล้วกลุ่มที่อ้อนเข้าไปคุยด้วยนั้นเป็นกลุ่มของเหล่า ภรรยาน้อย ของพวกขุนนางนั่นเอง ดูเหมือนในโลกนี้ขุนนางจะมีภรรยาน้อยเป็นเรื่องปกติ แถมยังมางานสังคมได้แบบเปิดเผยด้วย แต่ภรรยาน้อยจะไปเดินควงขุนนางร่วมกับภรรยาหลวงในวงสนทนาของพวกขุนนางก็ไม่ได้ สุดท้ายเลยมานั่งจับกลุ่มคุยกันเองอีกด้านหนึ่งแทน
“ถึงจะเป็นนักผจญภัย แต่พวกเราก็มีเรื่องให้เหนื่อยเหมือนกันนะคะ สามีของฉันเอาแต่ออกต่อสู้กับมอนสเตอร์จนไม่ค่อยจะมีเวลาให้เลย”อ้อนพูดพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยๆก่อนจะใช้มือหนึ่งจับไปที่แก้มตนเองแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“นั่นสิ สามีของฉันพอกลับมาจากทำงานก็เอาแต่บ่นเรื่องงานให้ฟัง ทั้งเรื่องสัญญาของท่านเบลอะไรนั่น หรือจะเรื่องที่ท่านขุนนางระดับสี่คนนั้นไปคบหากับลูกสาวของขุนนางระดับล่างอีก”ภรรยาน้อยคนหนึ่งพูดพลางเล่ารายละเอียดของเรื่องราวให้เพื่อนๆฟังด้วยท่าทีเหนื่อยใจ แต่น้ำหวานที่มองอยู่กลับขมวดคิ้วแล้วมองไปทางอ้อนในทันที ได้ยินว่าอ้อนเป็นแม่ค้าข่าวด้วย หรือว่าข่าวที่ว่าหามาแบบนี้งั้นเหรอ หรือว่าที่กวีให้น้ำหวานมากับอ้อนก็เพราะอยากจะให้เรียนรู้เรื่องนี้เอาไว้
“พูดถึงเรื่องงานของสามีแล้ว ดูเหมือนว่า…”อ้อนยิ้มบางๆออกมาก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเล่าออกมาเหมือนกำลังเล่าเรื่องลับสุดยอดให้พวกสาวๆฟัง ความจริงเรื่องที่อ้อนเล่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่สาวๆที่ได้ยินต่างก็มีท่าทีตื่นเต้นราวกับกำลังได้ฟังเรื่องระทึกขวัญ แถมอ้อนยังเลือกเรื่องที่ไม่ได้ใหญ่มากออกมาเล่าอีกต่างหาก ทำให้คนที่รู้ลึกกว่านั้นคันปากอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ใช่หรอก จริงๆแล้ว….”เป็นไปตามคาด ทันทีที่สะกิดเรื่องเล่าวงในออกมา พวกสาวๆก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตนรู้ออกมาเหมือนกำลังซุบซิบนินทากันสนุกปากเสียอย่างนั้น แม้จะเป็น NPC แต่แบบนี้มันก็เหมือนกลุ่มนินทาของพวกผู้หญิงเลยนี่นา แบบนี้น้ำหวานเองพอจะคุ้นเคยอยู่บ้าง
หลังจากเห็นอ้อนทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว น้ำหวานก็เริ่มพูดกับพวกสาวๆบ้าง น้ำหวานเองก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้หญิงมาก่อน เรื่องนินทาลับหลังหรือเรื่องจับกลุ่มเมาส์กันเนี่ยก็มีอยู่แล้ว ทำให้น้ำหวานสามารถชวนคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่เลวเลย
ในสายตาของอ้อนแล้ว น้ำหวานทำได้ดีกว่าที่คิด มิน่าล่ะกวีถึงได้ฝากเด็กคนนี้เอาไว้กับเธอ การหาข่าวนั้นมีมากมายหลายวิธี แต่แหล่งข่าวอย่างภรรยาน้อยของพวกมีอำนาจเนี่ยเป็นแหล่งข่าวชั้นดีเลย พวกเธอไม่ใช่คนสร้างอำนาจขึ้นมาเอง ชั้นเชิงก็เลยยังน้อยกว่าพวกผู้หญิงที่เป็นขุนนางอยู่แล้ว แถมพวกเธอก็อยู่ในฐานะผู้ฟังและผู้รับข่าวจากสามีหรือคนรัก ทำให้คนพวกนี้อัดอั้นกว่าที่คิด แค่ทำให้คนพวกนี้เชื่อใจสักหน่อย และหย่อนความลับของตัวเองลงไป ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ในกลุ่มก็ใช่ว่าจะไม่มีคนมีความสามารถ บางคนก็พยายามล้วงความลับของพวกเธอเหมือนกัน เพราะงั้นฝ่ายอ้อนและน้ำหวานเองก็ห้ามหลุดเรื่องที่เล่าไม่ได้มาเหมือนกัน แต่…กวีเป็นพวกไม่เล่าแผนของตัวเองให้คนอื่นฟังทั้งหมด บางทีน้ำหวานก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากวีจะวางแผนทำอะไรต่อ เพราะงั้นเรื่องน้ำหวานจะหลุดปากพูดอะไรก็คงไม่มีปัญหา
“ว่าแต่ พวกคุณน้ำหวานมากับเจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองการ์กันสินะคะ”อยู่ๆเหล่าสาวๆก็เอ่ยปากถามเรื่องของกวีขึ้นมา เรื่องผู้เล่นที่เข้ามาเป็นเจ้าเมืองนั้นรู้กันไปทั่วแล้ว ไม่แปลกที่จะกลายเป็นจุดสนใจ
“จริงด้วย คุณน้ำหวาน คนคนนั้นเป็นคนยังไงเหรอคะ”หญิงสาวอีกคนถามพลางมองไปทางกวี หากมองจากตรงนี้กวีก็เป็นหนุ่มหล่อผู้มีรอยยิ้มประดับใบหน้าตลอดเวลา ดูอ่อนโยนและอบอุ่น หากเป็นสาวน้อยเข้าไปหาบางทีอาจจะได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนก็ได้
“พี่กวีเขา….เป็นคนที่เก่งมากเลยค่ะ”น้ำหวานตอบออกมาด้วยท่าทีประหม่าน้อยๆ เธอเพิ่งจะรู้จักกวีได้ไม่นาน แต่ก็ได้สัมผัสมุมมองต่างๆของกวีมาไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ มีทั้งเงินและอำนาจพร้อมทั้งความสามารถและรูปลักษณ์หน้าตาที่ดีกว่ามาตรฐานไปมาก ผู้ชายแบบนี้คงกลายเป็นดาวเด่นของทุกที่ได้ไม่ยาก เป็นคนที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้รู้จักกันจริงๆ
“……..”ระหว่างที่อ้อนกำลังฟังน้ำหวานเล่าเรื่องของกวีให้พวกสาวๆฟังอยู่นั้น อยู่ๆอ้อนก็เผลอทิ้งรอยยิ้มไปก่อนจะมองไปทางน้ำหวานด้วยท่าทีเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง…
แม้น้ำหวานจะไม่ได้หลุดเรื่องไม่ควรพูดออกมาและทำได้ดีมากในการพูดคุยกับเหล่าสาวๆ แต่เธอกลับแสดงท่าทีแปลกๆออกมาเมื่อพูดถึงเรื่องของกวี
“น้ำหวาน…”หลังจากหญิงสาวคนอื่นเริ่มเล่าเรื่องของตนเองและแย่งความสนใจไปจากพวกอ้อนและน้ำหวานแล้ว ตัวอ้อนก็ยื่นมือไปจับแขนของน้ำหวานเอาไว้ก่อนจะเรียกน้ำหวานให้โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆเหมือนจะต้องการพูดอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัว
“คะ?…..”น้ำหวานกะพริบตาปริบๆก่อนจะโน้มตัวเข้าไปตามที่บอก นี่เธอเผลอพูดอะไรไม่ถูกไปงั้นเหรอ
“พี่ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ อย่ารักผู้ชายคนนั้นเลย”อ้อนพูดจบก็ปล่อยแขนน้ำหวานแล้วกลับไปเข้าวงสนทนาต่อด้วยท่าทียิ้มแย้มเช่นเดิมอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทางน้ำหวานเองก็เพียงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มกลับไปสนทนาต่อเช่นเดียวกัน เรื่องนั้นเธอเองก็รู้ดีหรอกน่า
.
.
.
ตุบ…
ขณะคนอื่นๆกำลังทำหน้าที่ของตน ทางฝั่งไอช่าที่ตามมาเพราะแค่จะตามพี่กวีมาเท่านั้นกลับแอบออกมานอกวงสนทนาตามลำพัง ไม่ใช่ว่าไอช่าเข้างานสังคมพวกนี้ไม่เป็นหรอก แต่กวีไม่เคยบังคับให้ไอช่าทำงานพวกนี้ต่างหาก วันนี้ไอช่าแค่ตามกวีมาเที่ยวเมืองหลวงเท่านั้น พอเริ่มงานเธอก็เลยขอกวีออกมาเดินเล่นข้างนอกแทน
“ลา ล่า…..”ไอช่าเดินไปตามสวนของท่านมาทิลด้าพลางฮัมเพลงออกมาเบาๆ ถึงอย่างไรไอช่าก็เป็นอดีตไอดอล เรื่องร้องเพลงเลยเป็นความสามารถหนึ่งที่ไอช่ามีติดตัวอยู่แล้ว เพียงฮัมเพลงเป็นจังหวะเท่านั้นก็มีทำนองที่น่าฟังและน่าสนใจดังออกมา
“……….”ระหว่างไอช่ากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนนั้น เสียงฮัมเพลงของเธอก็ไปเข้าหูชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เหมือนจะแอบออกมาเดินเล่นเหมือนกันเข้าเสียก่อน ดวงตาสีฟ้าของเขามองไปทางเด็กสาวในชุดไว้ทุกข์สีดำ ด้วยท่าทีสนใจ ในสังคมขุนนางมีหญิงงามมากมาย แต่กลับไม่เคยมีใครให้ความรู้สึกต้องตาเท่านี้
“คุณหนู…ออกมาเดินเล่นเหรอครับ”ชายคนนั้นเดินเข้าไปหาไอช่าพลางยิ้มทักทายด้วยท่าทีอ่อนโยน ชายหนุ่มคนนี้เป็น NPC คนหนึ่งที่เข้ามาร่วมงานของมาทิลด้า แต่ที่อกไม่ได้มีตราขุนนางติดเอาไว้ บางทีอาจจะเป็นรุ่นลูกกระมัง แต่อีกฝ่ายมาทักจะให้ไอช่าทำเมินก็ไม่ได้ด้วยสิ
“สวัสดีค่ะ”ไอช่าตอบพลางถอนสายตัวทักทายอีกฝ่ายตามมารยาท ยิ่งเห็นท่าทีอ่อนช้อยของอีกฝ่ายแล้วตัวชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนดึงบางอย่างที่สำคัญมากๆออกจากร่างไปเลย