Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 160
ตอนที่ 160 ตัวแทน
“ยอดเยี่ยมมาก สมแล้วที่เป็นเด็กๆของโบสถ์” กวีบิดคัมภีร์ลงก่อนจะมองไปทางเด็กๆเบื้องหน้าอย่างอ่อนโยน ตอนนี้เบื้องหน้ากวีเหลือเพียงเด็กชายและหญิงจํานวน 3 คนเท่านั้นต่างจากตอนแรกที่มีกันเป็นสิบคน
“เอาล่ะ ต่อไปเป็นคําถามสุดท้าย” กวียิ้มออกมาก่อนจะมองเด็กทั้งสามอย่างจริงจัง เด็กๆเหล่านี้เป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความศรัทธาแถมยังขยันหมั่นเพียรจดจําคัมภีร์คําสอนของเหล่าทวยเทพได้จนหมด ไม่ว่าจะคนไหนก็เป็นคนที่กวีต้องการทั้งนั้น แต่งานนี้กวีต้องการเพียงคนเดียว
“หากพระเจ้าสั่งให้พวกเจ้ากระโดดลงไปในเพลิงนรก พวกเจ้าจะทําอย่างไร”กวีถามพลางมองไล่เด็กๆไปทีละคน เด็กพวกนี้ต่างมีศรัทธากันทั้งนั้น แต่เมื่อถามว่าจะตายเพื่อพระเจ้าหรือไม่เด็กอีก 2 คนก็หยุดคิดนิดหน่อย เหลือเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่ยังกุมมืออย่างมั่นใจก่อนจะมองดวงตาของกวีตรงๆไม่หลบไปไหน
“หากเป็นประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ต่อให้เป็นเพลิงนรกก็ย่อมเย็นสบายดุจน้ําในสระแน่นอนค่ะ หากท่านสั่งให้ข้ากระโดดลงไป ข้าก็จะกระโดดอย่างไม่ลังเล” เด็กสาวผู้มีร่างกายผอมบางราวกับจะโดดกระแสลมพัดจนปลิวได้ตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ไม่ใช่คําโกหกหากเป็นเด็กคนนี้ละก็หากพระเจ้าสั่งให้ควักหัวใจออกมาก็คงทําแน่ๆ
“ขะ ข้าเองหากพระเจ้าทรงรับสั่ง ก็จะทําตามเหมือนกันครับ”เด็กอีกคนเห็นเพื่อนตอบออกไปแบบนั้นก็รีบตอบออกมาบ้าง แม้จะมีความลังเล แต่หากมีผู้ชี้นําก็จะทําตามสินะ
“หนูเองก็เหมือนกันค่ะ” เด็กสาวตัวเล็กที่ดูอายุน้อยที่สุดเองก็ยืนยันเช่นนั้น แต่อย่างที่บอกกวีต้องการเพียงคนเดียวเท่านั้น
“แม่หนู เธอชื่ออะไร” กวีถามพลางมองไปทางเด็กหญิงที่ยืนอยู่ตรงกลาง เธอเป็นเด็กที่ตอบว่าจะตายได้ทันทีหากพระเจ้าสั่งนั่นเอง
“นิโคลค่ะ” เด็กหญิงตอบด้วยท่าทีสงสัยเพราะไม่ทราบว่ากวีจะอยากทราบชื่อของตนไปทําไม แถมเพราะเธอเป็นเด็กกําพร้าเธอก็เลยไม่มีชื่อสกุลเสียด้วย เธอมีเพียงชื่อนิโคลเท่านั้น
“นิโคล เธออยู่ที่นี่ก่อนส่วนคนอื่นๆออกไปรอข้างนอกนะ”กวีว่าพลางมองไปทางเหล่าเด็กๆ อีก 2 คนที่ตอบคําถามของกวีช้าไปเพียงเสี้ยววิ พวกเขาไม่รู้หรอกว่ากวีมาที่นี่ทําไม แต่การที่กวีมาทดสอบก็ย่อมหมายความว่ากวีต้องการอะไรบางอย่างจากพวกเขา และเท่าที่เด็กๆคิดออกก็คือ บางทีกวีอาจจะมารับพวกเขาไปเป็นบุตรบุญธรรม แม้จะเป็นนักผจญภัยแต่กวีก็มีฐานะเป็นเจ้าเมือง การได้เป็นบุตรบุญธรรมของกวีเป็นเรื่องดีและหาได้ยากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ความศรัทธาของเธอช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก พระผู้เป็นเจ้าได้ทราบถึงความจริงใจและความเพียรพยายามของเธอแล้ว” กวียื่นมือไปจับมือเล็กๆของนิโคลก่อนจะกุมมันเอาไว้หลวมๆพอจะให้ความอบอุ่นของฝามือตนเองถ่ายทอดไปยังมือของนิโคลได้ แม้จะเป็นความอบอุ่นเล็กน้อยแต่กับจิตใจของเด็กน้อยแล้วมันย่อมส่งผลกระทบอย่างแน่นอน
ตึ้ง!!
กวีเลือกใช้สกิลเรียกหาวิสที่มีเพียง 3 ครั้งออกไป ระหว่างกุมมือของนิโคลอยู่นั้นเบื้องหลังของกวีก็ปรากฏเรือนร่างของเทพแห่งปัญญาออกมายืนเบื้องหน้าทําเอาท่านบิชอปและนิโคลที่อยู่ในห้องแสดงสีหน้าตกใจออกมาก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นตื้นตันไปทีละน้อย
“พระองค์ท่าน…” ท่านบิชอปเห็นร่างของวิสก็ก้มหน้าลงคุกเข่าแนบพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองวิสอีกครั้งเสียด้วยซ้ํา แต่คนที่ตกใจที่สุดคงเป็นนิโคล เธอทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ไม่ชาแค่นั้นแม้แต่บนใบหน้าก็นองไปด้วยน้ําตาไหลอาบแก้วแทบจะทันทีเลย
ในโบสถ์ของทุกเมืองมีเทวรูปของเทพทั้ง 4 ประดับเอาไว้เช่นเดียวกับบนเกาะเริ่มต้น แถมเพราะเป็นเกมใบหน้าของ วิส ก็เลยเหมือนรูปปั้นมากจนมองออกได้ทันที ไม่ใช่แค่นั้นแรงกดดันของเทพแม้จะไม่ตั้งใจก็ยังแผ่ออกมารอบๆอยู่ดี
“นี่เจ้า…ทําอะไรอยู่กันแน่”วิสถามพลางมองไปทางกวีด้วยท่าที่งุนงง เพราะผู้ศรัทธาของเทวรูปองค์ที่ 5 เพิ่มขึ้นเธอก็เลยต้องจัดการอะไรบางอย่างทําให้ไม่มีเวลาตรวจสอบกวีเลย พอโดนใช้สกิลเรียกตัวเธอก็เลยมาโผล่ในห้องทํางานของบิชอปแบบงงๆเสียอย่างนั้น
“ไม่มีอะไรครับ ก็แค่เรียกท่านออกมาหาเท่านั้นเอง” กวีตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ สิทธิ์การเรียกตัววิสออกมาไม่ได้เรียกมาเพื่อทําอะไรโดยเฉพาะ ต่อให้กวีกําลังจะตายหรือต้องการความช่วยเหลือวิสก็จะไม่เข้าไปยุ่งอะไร เธอเพียงให้สิทธิ์เรียกพบกับกวีเท่านั้น
อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com
“นี่เจ้า กําลังหลอกใช้ “วิสกําลังจะพูดออกไปว่า กวีกําลังหลอกใช้คนพวกนี้อย่างนั้นเหรอ แต่ก่อนที่เธอจะพูดกวีก็กระแอมกระไอออกมาเสียอย่างนั้น
“ท่านเอง…ไม่อยากได้ผู้ศรัทธาเพิ่มบ้างเหรอครับ” กวีถามพลางมองไปทางวิสที่อยู่ด้านหลัง คราวจําเป็นต้องใช้ความศรัทธาของผู้เล่นเพื่อทําอะไรบางอย่าง แสดงว่าผู้ศรัทธานั้นต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับพวกเทพอย่างแน่นอน
“หึ ข้าเป็นหนึ่งในสี่มหาเทพ ผู้ศรัทธาต่อข้ามีมากมายอยู่แล้ว ข้าไม่จําเป็นต้องพึ่งพาพลังของเจ้าหรอกนะ” อยู่ๆเสียงของวิสก็ดังเข้ามาในหัวของกวีโดยตรงเหมือนเสียงของระบบไม่มีผิด ท่าทางวิสจะพอเข้าใจว่ากวีไม่อยากให้คนทั้งสองได้ยินการสนทนาส่วนตัวของพวกเขา แต่วิสทําแบบ นั้นยิ่งทําให้กวียิ้มออกมา หากวิสไม่สนใจจริงๆเธอคงตัดบทไปเลย แต่เธอกลับเปลี่ยนมาคุยด้วยการสื่อสารลับเช่นนี้แสดงว่าเธอเองก็สนใจอยู่นิดหน่อยสินะ
“ผมไม่ขออะไรมากหรอก ก็แค่ให้ท่านปล่อยให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง…แล้วหลังจากนี้ผู้ศรัทธาของท่านก็จะเพิ่มขึ้นแน่ๆ” กวีตอบเหมือนตอบผ่านระบบสื่อสาร ซึ่งเสียงมันก็ท่าทางจะส่งไปถึงวิสได้เสียด้วย
“……….”วิสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในเมื่อเธอไม่ต้องทําอะไรและยังได้ผู้ศรัทธา เพิ่มขึ้นมาอีกเช่นนั้นแล้วก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา
“แต่ถ้าข้าเห็นว่าเจ้าทําเรื่องไม่เข้าท่า ข้าจะหยุดเจ้าทันที”วิสตอบพลางจ้องมองกวีด้วยใบหน้าจริงจัง แน่นอนว่ากวีก็ทําเพียงยิ้มรับเท่านั้น
“ได้แน่นอนครับ”กวีรับคําก่อนจะเปลี่ยนไปมองทางท่านบิชอปกับนิโคลที่กําลังก้มหน้าก้มตาอยู่เบื้องหน้าแทน
“เงยหน้าขึ้นเถอะ” กวีบอกให้ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมา แต่ท่าทางทั้งสองจะยังกลัวอยู่ก็เลยต้องรอพักหนึ่งกว่าพวกเขาจะยอมเงยหน้าขึ้นมาเสียที
ภาพที่บิชอปและนิโคลเห็นยามนี้ไม่ใช่เจ้าเมืองแห่งเมืองการ์กันแต่อย่างไร แต่เป็นชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของท่านเทพแห่งปัญญา แสงสว่างที่ลอดผ่านหน้าต่างและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังเช่นนี้ทําให้พวกเขานั้นแต่งภาพของกวีไปจนเกินจริงมาก ยามนี้หากบอกว่ากวีคือตัวแทนของเทพพระเจ้าพวกเขาก็มีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
“ท่าน…หรือว่าท่านคือ…”บิชอปที่ตอนแรกเพียงเข้าใจว่ากวีเป็นเจ้าเมืองการ์กันที่ต้องการเข้ามาพบเด็กกําพร้าเพื่อนําไปอุปถัมภ์เท่านั้นมองกวีด้วยใบหน้าตื่นตะลึง ในหัวของเขามีคําสอนในพระคัมภีร์แล่นไปทั่วราวกับจะต้องการหาว่ากวีคือใครกันแน่ แต่ผู้สามารถอยู่เคียงข้างเทพได้จะมีตํานานใดสลักเอาไว้งั้นหรือ
“เรื่องผมเป็นใครนั้นไม่สําคัญหรอก แต่ที่ผมมาในวันนี้ก็เพื่อถ่ายทอดความประสงค์ของเบี้องบน” กวียิ้มก่อนจะยื่นมือไปทางนิโคลอีกครั้ง เมื่อครู่เธอล้มลงนั่งกับพื้นก็เลยปล่อยมือกวีไป ครั้งนี้กวีก็เลยพยุงเธอขึ้นมาก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้อีกรอบ
“นิโคล ความศรัทธาของเธอทําให้เบื้องบนซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ท่านได้เลือกเธอ แล้ว”กวียิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยนตามปกติ แต่นิโคลที่อยู่ตรงหน้ากลับตัวแข็งที่อเพราะความตื่นเต้นและงุนงงเต็มไปหมด เธอยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่ากวีหมายถึงอะไร แต่บิชอปด้านหลังกลับสะดุ้งวาบเสียอย่างนั้น
“หรือว่าท่านผู้นั้นจะเลือกนิโคลงั้นหรือขอรับ” ท่านบิชอปมองไปทางกวีด้วยท่าที่ไม่อยากจะเชื่อก่อนจะมองไปที่นิโคลครู่หนึ่ง มนุษย์ผู้ถูกพระเจ้าเลือกงั้นหรือ
“ถูกแล้ว….นิโคลเธอถูกเลือกให้เป็นผู้ส่งสาร ท่านบาทหลวงต่อจากนี้ช่วยดูแลนิโคลอย่างดีด้วยนะครับ”กวียิ้มพลางมองไปทางท่านบิชอป เขาไม่ได้จะพานิโคลไปเลี้ยงแต่อย่างไร เพียงแต่จะมอบหน้าที่ให้นิโคลเท่านั้น ซึ่งหน้าที่ที่กวีต้องการให้นิโคลทําก็คือ ผู้ส่งสารนั่นเอง เพียงแต่เป็นผู้ส่งสารของกวีเท่านั้นไม่ได้เป็นผู้ส่งสารของพระเจ้าหรอกนะ
“แน่นอนขอรับ ข้าจะดูแลนิโคลอย่างดี” ท่านบิชอปก้มหน้าลงคารวะครั้งหนึ่งก่อนจะตอบรับอย่างแน่วแน่ แม้จะไม่ได้ศรัทธาเท่ากับเด็กไร้เดียงสาอย่างนิโคล แต่เขาเป็นถึงบิชอปในโบสถ์ใหญ่ยังไงก็ต้องมีความเชื่ออยู่แล้ว พอได้เห็นตรงหน้าแบบนี้ไม่ว่ากวีจะสั่งอะไรก็ยินดีรับทําอย่างแน่นอน
“นิโคล เธอรับสิ่งนี้เอาไว้แล้วศึกษามันซะ เมื่อสารมาถึงเธอจะรับรู้เอง”กวียื่นหนังสือสกิลให้กับนิโคลเล่มหนึ่งให้กับนิโคล แม้จะเป็น NPC แต่ก็สามารถเรียนสกิลได้เหมือนกับผู้เล่น แถมสกิลที่กวีนํามายังเป็นสกิลที่หายากมากอีกด้วย ถึงขั้นวิสที่ยืนอยู่ด้านหลังยังแอบประหลาดใจเลยด้วยซ้ําว่ากวีได้หนังสือสกิลเล่มนั้นมายังไง
“ค่ะ….ทราบแล้วเจ้าค่ะ” นิโคลกอดหนังสือสกิลแน่นพร้อมมองกวีด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาเช่นเดียวกับท่านบิชอป แต่ในห้องนี้กลับมีสายตาหนึ่งที่มองกวีด้วยอาการมองแรงเสียอย่างนั้น ยามนี้วิสกําลังแอบหงุดหงิดนิดหน่อยที่กวีเอาชื่อของเทพไปอ้างอย่างลื่นไหลเสียอย่างนั้น แต่เพราะข้อตกลงก่อนหน้านี้เธอก็เลยนิ่งดูไม่ได้ขัดขวางอะไร
“ท่านบาทหลวง เด็กๆอีกสองคนก่อนหน้านี้ฝากท่านดูแลด้วยได้หรือไม่ พวกเขาเองก็มีความศรัทธาเช่นเดียวกัน แต่เรื่องในวันนี้ห้ามให้พวกเขารู้ก็พอ” กวีว่าพลางนําถุงเงินออกมาจากกระเป๋าไอเทม แต่บิชอปกลับไม่กล้ารับมาแต่อย่างไร
“ท่านกวีโปรดวางใจ กระผมจะเลี้ยงดูเด็กๆของท่านอย่างเต็มที่” บิชอปตอบกลับกวีด้วยความนอบน้อมอย่างมาก เขาไม่ได้เรียกกวีว่าท่านเจ้าเมืองอีกแล้ว แต่เรียกหาด้วยชื่ออย่างเคารพ เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เขามองว่ากวีมีฐานะสูงกว่าแค่เจ้าเมืองอย่างไม่ต้องสงสัยเลย