Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 159
ตอนที่ 159 วันหยุด
“วันนี้พี่ก็หยุดงั้นเหรอ” เมษ น้องชายของมีนที่เพิ่งออกจากเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงเดินออกมาที่โต๊ะครัวของบ้านก่อนจะมองพี่สาวที่กําลังนั่งกินข้าวด้วยท่าที่ประหลาดใจ แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่พี่สาวของเขาก็อยู่ปาร์ตี้เดียวกับกวี การที่เธออยู่ที่นี่แสดงว่ากวีคงมีธุระอะไรบางอย่างแน่ๆ
“ พี่กวีมีธุระที่เมืองหลวงน่ะสิ ก็เลยว่าง”มีนตอบพลางมองน้องชายด้วยท่าที่ยิ้มแย้ม สมัยก่อนตอนน้องชายออกมาจากโลกเสมือนจริงเธอก็ชวนคุยเหมือนกัน แต่เพราะน้องชายพูดแต่เรื่องในเกมเธอเลยไม่เข้าใจสักนิด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอคุยภาษาเดียวกันกับน้องชายเสียแล้ว แบบนี้ก็ดูมีความสุขดีไม่เลวเลย
“พี่ไม่ย้ายมากิลด์อาร์เทมิสเหรอ ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้ประกาศฝั่งแต่ก็เป็นฝ่ายเดียวกันกับกิลด์บูรพานะ” เมษนั่งลงตรงข้ามกับมีนก่อนจะเอ่ยปากชวนมีนให้มาอยู่ด้วยกัน ถึงจะไม่ได้สนิทสนมกับพี่สาวขนาดนั้นแต่ก็ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันอยู่ แม้จะไว้ใจกวีขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกอยากให้พี่สาวมาอยู่ด้วยกันอยู่ดี
“ไม่ได้หรอก พี่มีเรื่องต้องทําที่นี่อยู่”มีนตอบพลางยิ้มบางๆออกมา น่าเสียดายตอนนี้เธอฝังรากลึกลงไปในกิลด์บูรพาเสียแล้ว นึกภาพตัวเองไปอยู่กิลด์อื่นไม่ออกเลย
“เฮ้อ พวกลูกเนี่ยนะคุยกันแต่เรื่องเกม เมษก็คนแล้วตอนนี้ยังมีนอีก ตอนอยู่ข้างนอกก็คุยเรื่องอื่นบ้างเถอะ”เห็นสองพี่น้องคุยแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ แม่ของทั้งคู่ที่ยืนอยู่ในครัวก็เลยบ่นออกมาให้ทั้งสองคนได้ยิน แน่นอนว่าทั้งมีนทั้งเมษไม่สามารถโต้แย้งอะไรแม่ได้ก็ได้แต่ตอบรับไปเท่านั้น
.
.
.
“ท่านเจ้าเมืองทางนี้ครับ” ขณะลูกกิลด์คนอื่นกําลังพักผ่อนกันในวันหยุดของแต่ละคน กวีที่ไม่ได้ออกมานอกเกมกําลังเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“สวัสดีครับพระคุณเจ้า”กวีเดินเข้าไปในโบสถ์พร้อมคนของตระกูลดีแลนตระกูลของเจ้าเมืองคนเก่าแห่งเมืองการ์กันที่กวีจัดการไปกับมือ ยามนี้เขาใช้เส้นสายของตระกูลเก่าแก่ตระกูลนี้เพื่อมาพบกับบาทหลวงของโบสถ์ใหญ่ในเมืองกวาลินหลวงของอาณาจักรทริช
“ยินดีที่ได้พบครับท่านเจ้าเมือง นับเป็นเกียรติและน่ายินดีอย่างยิ่งที่ท่านเจ้าเมืองการ์กันสนใจความศรัทธาของเหล่าประชาชนเช่นนี้ ตอนแรกกระผมก็แอบกังวลใจเหมือนกันว่าท่านเจ้าเมืองที่เป็นนักผจญภัยจะสนใจเรื่องนี้หรือเปล่า” บาทหลวงเบื้องหน้ากวีตอบด้วยท่าทีดีใจ ในโลกนี้เองก็มีศาสนาเช่นเดียวกัน แถมเพราะมีเวทมนตร์รวมถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พวกเขาก็เลยมีความศรัทธามากกว่าคนในโลกจริงๆเสียอีก
“เป็นสถานที่ที่สวยงามมากเลยนะครับ”กวีมองไปรอบๆพลางยิ้มให้กับบาทหลวงเบื้องหน้า อย่าเรียกว่าโบสถ์เลยที่นี่มันมหาวิหารชัดๆ หากไม่นับพระราชวังละก็ที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองแล้วก็ได้
ขอบคุณครับ เป็นเพราะบนี้ได้ทั้งหมดนี้เป็นพระกรุณาของจะมีคนศรัทธา แต่มหาวิหาร
“ขอบคุณครับ เป็นเพราะความศรัทธาของประชาชน พวกเราก็เลยมีสถานที่สําหรับเคารพบูชาเทพพระเจ้าอันแสนโอ่อ่าเช่นนี้ได้ ทั้งหมดนี้เป็นพระกรุณาของพระเจ้าทั้งสิ้นครับ”บาทหลวงตอบพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มและอิ่มเอิบอย่างมาก ไม่แปลกเลยที่จะมีคนศรัทธา แต่มหาวิหารใหญ่โตแบบนี้หากไม่ใช้เงินก็สร้างไม่ได้หรอก ศรัทธาอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะที่ไหนอํานาจของศาสนาก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อํานาจใดเลย
“แล้ว ที่คุยกันเอาไว้ล่ะ” กวีมองไปทางบาทหลวงตรงหน้าเพื่อถามถึงสิ่งที่คุยกันเอาไว้ ด้วยเส้นสายของตระกูลดีแลน กวีสามารถติดต่อคนของโบสถ์ได้นิดหน่อย แม้จะไม่ถึงขั้นได้ตําแหน่งสูงอย่างพระสันตะปาปา แต่ก็สามารถติดต่อได้ถึงระดับบิชอปเลยทีเดียว
“เรื่องที่ท่านเจ้าเมืองขอร้องมา…มันค่อนข้างยากเลยครับ แต่ก็พอจะหาทางได้”บาทหลวงตรงหน้ากวีตอบพลางพากวีเดินเข้าไปในห้องด้านหลังของโบสถ์ ท่าทางเรื่องนี้จะพูดกันในที่สาธารณะไม่ได้
“เชิญท่านเจ้าเมืองทางนี้ครับ” บาทหลวงผู้มีตําแหน่งเป็นบิชอปของอาณาจักรทริชเดินพากวีมานั่งที่โซฟาภายในห้องทํางานของตนก่อนจะส่งสายตาไปทางบาทหลวงอีกคนเหมือนจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ไม่นานบาทหลวงคนนั้นก็เดินเข้าไปในห้องด้านในก่อนจะเดินกลับมาพร้อมเด็กชายหญิงจํานวนหนึ่ง
“นี้เป็นเด็กกําพร้าที่ท่านเจ้าเมืองร้องขอมาครับ เด็กๆเหล่านี้เป็นเหล่าผู้ศรัทธาที่ทางโบสถ์ดูแลอยู่ รับรองว่าทุกคนเป็นเด็กดีครับ” บิชอปตอบพลางเดินไปยืนอยู่ข้างๆเด็กที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบของทางโบสถ์ เด็กๆเหล่านี้เป็น NPC เช่นเดียวกัน แต่หากไม่เข้ามาพบในโบสถ์ก็แทบไม่มีโอกาสได้เห็นตัวพวกเขาเลยกระมัง
“พวกเธอ เชื่อในพระเจ้าหรือเปล่า”กวียิ้มบางๆออกมาก่อนจะจ้องมองเหล่าเด็กๆที่อยู่เบื้องหน้าด้วยท่าที่ยิ้มแย้ม เหล่าเด็กที่โตมาในโบสถ์โดนสอนเรื่องศาสนามาอย่างจริงจัง ไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นความเชื่อฝังหัว ทันทีที่ได้ยินกวีถาม เหล่าเด็กๆก็พากันยิ้มแย้มแล้วพยักหน้ากันถ้วนหน้า เพียงแต่ท่าทีที่ตอบกลับมาของเหล่าเด็กๆก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
ในกลุ่มเด็กเหล่านี้มีบางคนที่แค่พยักหน้าเฉยๆ บ้างก็ตอบออกมาตรงๆว่าเชื่อ บ้างก็กุมมือด้วยความศรัทธาแล้วตอบกลับมาด้วยท่าที่จริงจังเลยก็มี ซึ่งแน่นอนว่าอากัปกิริยาเหล่านี้ไม่พลาดสายตาของกวีไปแม้แต่น้อย
“แล้วพวกเธอได้อ่านคัมภีร์คําสอนบ้างหรือเปล่า”กวีถามพลางนําคัมภีร์ของโบสถ์ออกมาถือ แล้วเริ่มถามคําถามกับเหล่าเด็กๆทีละข้อเพื่อทดสอบว่าเด็กคนไหนที่มีความศรัทธามากที่สุด
.
.
อ่านนิยายได้ที่ wwwcat2auto.com
.
“เจ.เจเพื่อนรัก” ทางฝั่งเจหลังจากไอช่าเข้ามาบ่นเรื่องของกวีให้เจฟังจนมีนาต้องพาไอช่าแยกออกไปแล้ว เหล่าเพื่อนๆของเจก็เข้ามาหาเจด้วยท่าที่ผิดปกติกันอย่างเห็นได้ชัดและดูออกง่ายสุดๆเลย
“อะไร ”เจมองท่าทีของเพื่อนๆด้วยสายตาเย็นชาในทันทีก่อนจะผลักเพื่อนออกห่างตัวอย่างไม่ไยดีอีกต่างหาก
“เพื่อน ช่วยแนะนํากิลด์ของนายให้พวกเราด้วยสิ”ไม่ใช่แค่เพื่อนในกลุ่มของเจเท่านั้น แม้แต่เพื่อนนอกกลุ่มก็ยังเข้ามาขอร้องด้วยท่าทีกระเหี้ยนกระหือรืออย่างเห็นได้ชัด เจ้าพวกนี้ดูออกง่ายจนเหมือนมีตัวอักษรเขียนบนหน้าเลย
“ พวกเอ็งมีงานกันแล้วไม่ใช่หรือไง กิลด์นี้มันสําหรับคนเล่นเต็มเวลาโว้ย” เจตอบปฏิเสธออกไปอย่างไร้เยื่อใยทันที ขึ้นให้พวกนี้เข้ากิลด์ทั้งๆที่มีงานทําไปด้วยละก็ได้เสียการเสียงานแน่ๆ แถมพูดกันตามตรงระดับฝีมือของเพื่อนๆเจนั้นยังไม่ถือว่าเป็นระดับที่สามารถเข้ากิลด์บูรพาได้แน่ๆ
“นั่นก็ใช่ แต่แบบมีกิลด์ย่อยหรือกิลด์แบบทํางานอย่างอื่นก็ได้ ขอแค่ให้พวกเราเข้าอะไรแบบนี้”เพื่อนของเจยังไม่มีท่าทีจะยอมแพ้พูดขอร้องเจด้วยท่าที่ยิ้มแย้มเสียอย่างนั้น เจ้าพวกนี้มันหน้าด้านไม่น้อยเลย
“เอ่อ…แล้วถ้าเป็นคนไม่มีงานล่ะ” อยู่ๆเพื่อนเก่าคนหนึ่งของเจก็เสนอตัวออกมาเสียอย่างนั้น แต่เจ้าคนที่เสนอตัวออกมาคราวนี้กลับเป็นเจ้าโป้งเสียอย่างนั้น จะว่ามันไม่มีงานก็ใช่ล่ะเพราะมันทํางานในโรงงานของพ่อแม่ วันๆแทบไม่ได้ทําอะไรอยู่แล้วใช้เงินของทางบ้านไปเรื่อยๆเท่านั้น
“ไม่ได้ ถึงจะแนะนําให้ก็ต้องมีการทดสอบฝีมือก่อน ไม่ใช่ว่าจะรับกันได้ง่ายๆสักหน่อย” เจ มองท่าทีที่เปลี่ยนไปของโป้งด้วยอาการขนลุกขนชัน เจ้าขี้โม้นยอมขอร้องคนอื่นด้วยงั้นเหรอ พลังของไอช่านี่ช่างน่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่แค่เพื่อนผู้ชายเท่านั้น แม้แต่เพื่อนผู้หญิงบางคนก็ยังเข้ามาขอร้องเลย
“ดะ ได้ แค่นั้นก็ได้ ยังไงเราก็เพื่อนรักกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”โป้งยิ้มกว้างก่อนจะเข้ามาขอแลกเบอร์โทรของเจอย่างรวดเร็ว เจ้าบ้านี้ไม่มีเบอร์โทรของเจด้วยซ้ํายังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนรักอีกหรือไง
“เราก็ว่างงานเหมือนกัน ขอไปทดสอบด้วยได้หรือเปล่า”เพื่อนคนหนึ่งในห้องเสนอตัวขึ้นมาด้วยท่าทีสนอกสนใจ ไม่ใช่ทุกคนเสียหน่อยที่หางานได้ในช่วงนี้
“ว่าแต่ ระดับความยากของการทดสอบมันขนาดไหนล่ะ พวกเราเองก็มีฝีมือกันนะ” เพื่ อนๆของเจตอบด้วยท่าที่มั่นใจพอสมควร แม้จะเล่นกันแบบสนุกสนานในวัยเรียน แต่พวกเขาบางคนก็มีทักษะกันไม่น้อย ถ้าเป็นกิลด์ที่การทดสอบไม่ยากเกินไปก็อาจจะทดสอบผ่านก็ได้
“เอ๊ะ เราไม่ได้เป็นคนทดสอบด้วย ก็เลยไม่รู้ว่าการทดสอบมันยากแค่ไหน” เจขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่มั่นใจเพราะเจก็ไม่ได้เป็นคนทําการทดสอบของกิลด์เสียหน่อย ไม่สิมีการทดสอบหรือเปล่า เจก็ยังไม่รู้เพราะคนเก่าของกวีก็ยังเข้ากิลด์ไม่หมดเลย
“งั้นก็ต้องดีระดับของคนในกิลด์เอา จริงสิคนที่เก่งที่สุดของกิลด์อยู่ระดับไหนล่ะ” เพื่อนของเจท่าทางจะจริงจังกับการเข้ากิลด์ไม่น้อยเลย เจ้าพวกนี้จะไปทดสอบจริงๆงั้นเหรอ
“ถ้าคนที่เก่งที่สุด…” พอได้ยินคําถามของเพื่อนๆ เจก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แน่นอนว่าชื่อแรกที่โผล่มาในหัวก็คือเมฆอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนอื่นๆในกิลด์จะฝีมือมากน้อยกว่ากันแค่ไหน อย่างเจมส์มือสังหารของกิลด์ พี่วิน หรือ ไอซ์ ต่างก็เป็นผู้เล่นมากฝีมือกันทั้งนั้น พวกเขาแทบไม่เคยปะทะกันให้เห็นเลยจะบอกว่าเมฆคือที่สุดก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่ก็มีคนๆหนึ่งที่เจยังไม่มั่นใจว่าถ้าปะทะกับเมฆแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งคนคนนั้นก็คือกวีนั่นเอง ถึงกวีจะเป็นจอมเวทที่สู้ระยะประชิดได้ลําบากก็เถอะ แต่ด้วยความสามารถที่เจเห็น ถ้าเป็นการต่อสู้ของตัวละครที่ปั้นมาอย่างดีทั้งคู่ ใครจะเป็นฝ่ายชนะกัน..
ครืดดด….
“พี่เจ ไอช่ากลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันในเกมนะคะ”เจยังไม่ทันตอบอะไรออก อยู่ๆไอช่าก็เปิดประตูเข้ามาบอกลาเจเสียอย่างนั้น เพียงแต่คนที่มากับไอช่าครั้งนี้ไม่ใช่มีนานี่สิ
“อย่าเปิดประตูห้องคนอื่นตามใจชอบสิ” เมฆที่เดินตามเข้ามาก้มหน้าน้อยๆเหมือนจะเป็นการขอโทษคนอื่นๆก่อนจับตัวไอช่าอุ้มขึ้นมาหน้าตาเฉย
“พรุ่งนี้เราจะไปเก็บเลเวลกัน อย่าดื่มหนักไปล่ะ” เมฆหันมาคุยกับเจครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวออกจากห้องไปปล่อยให้เพื่อนๆในห้องของเจอึ้งระลอกสองต่อไป