Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 144
ตอนที่ 144
เข้าใจผิด
“ปัญญา กับพลังเวทงั้นเหรอ….”กวีมองค่าสถานะของตัวเองที่ตอนนี้ค่าปัญญา และ พลังเวทของตัวละครหายไปจนหมดเหลือเพียงหลอดพลังสีดําและตัวเลข 0 เท่านั้น
“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมทําตามอีก ข้าจะส่งเจ้ากลับไปโดยไม่ได้รับอาชีพแถมยังไร้พลังเวที กด้วย” วิสเท้าเอวด้วยท่าที่เหนือกว่าก่อนจะมองมาทางกวีด้วยท่าที่ดูถูกค่าสถานะพวกนี้สําคัญกับนักผจญภัยมาก มีนักผจญภัยนับล้านกราบไหว้เธอและเหล่าเทพองค์อื่นๆ เพื่อให้ได้ค่าสถานะเหล่านี้มา การยึดมันคืนทั้งหมดเป็นเรื่องใหญ่มากสําหรับนักผจญภัยอย่างไม่ต้องสงสัย
“จริงๆพรของท่านได้แค่ค่าปัญญาที่เป็นโบนัสเสริมไม่ใช่หรือยังไง เล่นดูดค่าปัญญาพื้นฐานไปด้วยแบบนี้มันก้าวก่ายกันนะครับ” กวีหัวเราะเบาๆออกมาก่อนจะปิดหน้าต่างสถานะไป
“ข้าคือเทพผู้อยู่เหนือภูมิปัญญายังไงล่ะ” วิสหัวเราะออกมาก่อนจะเอนตัวนั่งลงบนอากาศราวกับกําลังนั่งลงบนก้อนเมฆไม่มีผิด แม้ท่าทีของกวีจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเพราะปกติถ้าทําแบบนี้คนที่โดนจะลงไปคุกเข่าอ้อนวอนกันแล้วก็ตาม แต่เธอไม่เชื่อหรอกว่าจอมเวทอย่างกวีจะไม่หวงแหนสถานะค่าปัญญาเลย
“ใจร้ายจริงๆนะ” กวีวางไม้เท้าลงกับพื้นก่อนจะมองไปทางวิสด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติ แน่นอนอยู่แล้วกวีเป็นจอมเวทไม่มีทางไม่กังวลเรื่องค่าปัญญาอยู่แล้ว ไอเทมทุกชิ้นที่เพิ่มค่าปัญญากวีก็หามาใช้จนหมด ของสวมใส่ต่างก็มีผลกับพลังเวททั้งนั้น หากโดนยึดไปจนหมดแบบนี้ กวีก็จะขาดทุนมหาศาลและอาจจะไร้ประโยชน์ในฐานะจอมเวท และที่น่ากลัวกว่านั้น….ต่อให้กวีสร้างตัวละครใหม่วิสก็น่าจะยังจดจํากวีได้ และอาจจะบอกเรื่องนี้กับเหล่าเทพองค์อื่นๆแล้ว กวีอาจจะไม่ได้รับสิทธิ์ให้ลงมาจากเกาะเริ่มต้นเสียด้วยซ้ําไป
“ถ้าเข้าใจแล้วก็จงทําตามคําขอของท่านแม่ซะ การฟื้นคืนของเทพแห่งชีวิตและความตายจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ หากเจ้าตั้งใจทําหน้าที่ให้ดีบางทีข้าอาจจะมีรางวัลให้เจ้าสักเล็กน้อยก็ได้”วิสยิ้มบางๆออกมาด้วยรูปร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้า แม้คําพูดของเธอจะน่าโมโหแต่ท่วงท่าของเธอก็ดูยั่วยวนไม่น้อยเลย
“ท่าทางท่านจะเข้าใจจุดยืนผิดนะ” กวีมองไปทางวิสด้วยท่าที่ไม่ไหวติงก่อนจะกล่าวหาเธอออกมาเสียอย่างนั้น ตอนนี้วิสเป็น NPC ระดับสูงที่สามารถควบคุมพลังของกวีได้ กวีไม่น่าจะทําอะไรวิสได้นี่นา
“ผมไม่ใช่ผู้ศรัทธาที่จะอ้อนวอนขอร้องให้พวกท่านมอบภารกิจให้หรอกนะ” กวีพูดออกมาด้วยน้ําเสียงราบเรียบก่อนจะเดินเข้าไปหาวิสด้วยท่าทีสบายๆเหมือนตรงหน้าไม่ใช่ร่างจําแลงของเทพในเกมนี้เลย ต่อให้เป็น NPC แต่พวกเขาก็มีสมองกลระดับสูงเอาไว้คอยประมวลผล แม้จะหลอกลวง NPC บางคนได้แต่ระดับวิสนั้นไม่ใช่คนที่ควรจะไปยุ่งเลย
“ในมุมมองของผม พวกท่านไม่สามารถบอกเรื่องเทวรูปองค์ที่ห้าได้ด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่เดือดร้อนให้พวกเราช่วยกันบอกเล่าเรื่องนี้หรอก” กวีพูดเรื่องที่ตนคาดเดาเอาไว้ออกมาก่อนจะมองไปทางวิสราวกับคนที่มองทะลุทุกอย่าง NPC ระดับสูงอย่าง วิส กริจ ไอซิส ซาเชียส เทพทั้ง 4 แห่งเกาะเริ่มต้นมีอํานาจถึงขนาดเข้าแทรกแซงเควสเปลี่ยนอาชีพของกวีได้อย่างหน้าตาเฉย แต่กลับเป็นเดือดเป็นร้อนกับการบอกข่าวเกี่ยวกับเทวรูปองค์ที่ 5 เสียได้ ทั้งๆที่ขอเพียงพวกเขาบอกเรื่องนี้กับคนอื่นด้วยตัวเองก็คงแก้ปัญหาได้แล้ว หรือไม่ก็สร้างเควสอะไรขึ้นมาเพื่อชี้นําผู้เล่นให้ค้น พบเทวรูปองค์ที่ 5 มากขึ้นก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว และเหตุผลอย่างเดียวที่พวกเขาไม่ทํานั่นก็เพราะ กฎของเกมไม่อนุญาตให้พวกเขาทํา แม้จะเป็นสมองกลที่ฉลาดแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นระบบที่สร้างขึ้น พวกเขาต้องทําตามกฏที่ถูกตั้งเอาไว้ในตอนแรกอย่างเคร่งครัดนั่นเอง
“เจ้า…เจ้าก็แค่พูดจาเหลวไหล พวกเราก็แค่เห็นว่าการใช้งานเจ้าจะรวดเร็วกว่าเท่านั้น ต่อให้เจ้าไม่ทําผู้ค้นพบเทวรูปของท่านแม่คนต่อไปก็จะปรากฏขึ้นอยู่ดี และเจ้านั่นก็คงไม่ขี้เกียจเหมือนเจ้าด้วย”วิสตอบด้วยท่าที่ไม่ใส่ใจ แต่กวีกลับยิ้มมากขึ้นเมื่อได้ยินคําตอบเช่นนั้น แม้วิสจะพยายามบอกว่าไม่จําเป็นต้องใช้กวี แต่ก็เหมือนเป็นการยืนยันไปในตัวว่าเทพไม่สามารถบอกเรื่องราวของคราวได้ตรงๆ
“อย่าดูถูกพลังของนักผจญภัยต่ําไป..ท่านเป็นเทพแห่งปัญญาท่านน่าจะพอทราบแล้วว่าพวกเราเดินทางไปมาระหว่างโลกทั้งสองใบได้อย่างอิสระ ต่อให้เป็นท่านก็ขัดขวางไม่ได้”ได้ยินที่กวีพูด วิสก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เหล่า NPC ในโลกอาจจะไม่ทราบแต่เหล่าเทพต่างทราบเรื่องนี้กันดี เหล่านักผจญภัยเป็นตัวตนที่ถูกเรียกมาจากอีกโลกหนึ่งและมายังโลกใบนี้ด้วยพลังบางอย่าง แถมพวกเขายังสามารถเข้าออกโลกใบนี้ได้ตามความต้องการโดยที่พวกตนไม่สามารถเข้าไปขวางได้จริงๆ
“เพราะงั้น เรื่องพลังเวทและค่าปัญญาของร่างนี้ ผมไม่ได้ใส่ใจนัก จะทิ้งมันไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พวกท่านไม่สามารถทําได้ หากขาดผมหรือลูกน้องไปก็จะไม่มีคนบอกกล่าวเรื่องรูปปั้นของคราว อีกแบบนั้นท่านแม่ของท่านอาจจะไม่ได้ลืมตาดูโลกอีกเลยก็ได้” กวีตอบกลับด้วยท่าที่ยิ้มแย้ม แต่ทางวิสกลับเริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมาเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่จะไม่สนใจร่างในโลกนี้เลย
“งั้นก็ได้ ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปโดยไร้พลังเวทจะดูสิว่าเจ้าจะทิ้งร่างในโลกนี้ได้อย่างที่เจ้าพูด หรือไม่ส่วนพวกข้าก็แค่รอผู้พบเทวรูปคนใหม่เท่านั้น”วิสครุ่นคิดอยู่นิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจไม่ยอมรับสิ่งที่กวีพูด เจ้ามนุษย์หน้าโง่คนนี้ก็คงขู่นางเท่านั้น ไม่ได้กล้าจะทิ้งร่างไปจริงๆหรอก
“ผมถึงบอกไงว่าท่านประเมินพวกเราต่ําเกินไป คนของผมอยู่ในโลกนี้มากมายและพวกเราก็มีอํานาจพอจะควบคุมข่าวสารของโลกใบนี้ พวกเราสามารถทําให้เรื่องเทวรูปองค์ที่ 5 เป็นเรื่องไร้สาระได้ง่ายๆ พอผมจากโลกนี้ไปทุกคนที่เข้ามาใหม่จะไม่สนใจว่าเทวรูปองค์ที่ห้าคืออะไร และไม่คิดจะตามหามันด้วยซ้ํา” กวีขี่ออกไปด้วยท่าที่จริงจังไม่น้อย ข่าวของเทวรูปองค์ที่ 5 เป็นข่าวบนกลุ่มสนทนา แม้จะมีประกาศออกไปตอนกวีค้นพบเทวรูปองค์ที่ 5 แล้ว แต่กวีก็ยังควบคุมข่าวสารได้อยู่
ตอนนี้ทุกคนยังคิดว่าเทวรูปองค์ที่ 5 อยู่ในป่าคนเขลา และมีเพียงกวีเท่านั้นที่รู้ว่าเข้า ไปด้านในแล้วต้องทําอะไรบ้างถึงจะเจอเทวรูปองค์ที่ 5 และก็อย่างที่กิลด์กรีนโลตัสทําการฝาเข้าไปในปาคนเขลาด้วยตัวละครเลเวล 10 นั้นเป็นเรื่องยากมาก วันนั้นหากไม่มีกวีกับมันอยู่ด้วย กิลด์กรีนโลตัสก็อาจจะพลาดท่ากลับมามือเปล่าเช่นกัน
ขอเพียงกวีเปิดเผยข่าวออกไปว่าเทวรูปองค์ที่ 5 ให้พรที่เลวร้ายมากๆจนกวีถึงกับต้องเลิกเล่นเกมนี้หรือสร้างตัวละครใหม่ กิลด์ที่สนใจเทวรูปองค์ที่ 5 คงลดน้อยลงและคงไม่มีใครส่งกําลังสําคัญออกมาสร้างตัวละครใหม่เพื่อค้นหาเทวรูปองค์ที่ 5 อีก
“เจ้าไม่มีทางทําได้หรอก ข้ารู้ว่าในโลกนี้เจ้าสร้างกองทัพและสร้างอาณาเขตเอาไว้ เจ้าลงทุนลงแรงไปตั้งขนาดนั้นไม่มีทางยอมทิ้งง่ายๆแน่”วิสกัดฟันกรอดด้วยท่าที่เจ็บใจ หากกวีทําแบบนั้นจริงก็คงต้องรอโอกาสหนึ่งในล้านที่จะมีคนมาค้นพบเทวรูปใหม่ และช่วงยุคหลังนักผจญภัยถูกเรียกมาน้อยลงมาก ถึงขั้นมีโอกาสที่เทวรูปองค์ที่ 5 จะไม่ถูกค้นพบอีกจนจบเกมเลยก็ว่าได้
“ก็ถูกของท่าน เพราะฉะนั้นหากผมกลับไปด้วยร่างไร้พลังเวท ผมก็คงขาดทุนหนักทีเดียว แต่ท่านที่ทําให้เป็นแบบนั้นจะต้องได้รับบทลงโทษ” กวีขู่วิสอย่างจริงจังราวกับจะฆ่ากันให้ตายตรงนั้น ไม่มีผิด แต่ฝ่ายวิสเองก็ไม่ใช่คนโง่ เรื่องที่กวีขี่ออกมาสามารถทําได้จริงหรือไม่เธอพอจะคาดเดาได้พอคิดอย่างละเอียดแล้วคนที่ถือไพ่เหนือกว่าก็เป็นกวีจริงๆเสียด้วย
วูบ….
วิสไม่ได้ตอบคําถามอะไรกวี แต่ตอนนี้กวีสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่กําลังย้อนกลับเข้ามาในตัวได้อย่างชัดเจน ยามนี้พลังเวทและค่าปัญญาของกวีกลับมาเป็นปกติแล้ว แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่เหมือนว่าวิสจะยอมรับว่ากวีเป็นฝ่ายถูกจริงๆ
“งั้นเรามาลองตกลงกันใหม่ดีหรือเปล่าครับ” กวีถามพร้อมใช้เวทมนตร์ธาตุดิน สร้างเนินดินขนาดเล็กขึ้นมาภายในโลกแห่งนี้ก่อนจะนั่งลงเหมือนเท่าเทียมกับเทพอย่างวิสเสียอย่างนั้น
“มันเงียบเกินไปหรือเปล่า” ภายในเงาปาของเขตพื้นที่ป่าสนแก้ว และคนของกิลด์เมฆาหลบซ่อนภายใต้เงาของพุ่มไม้และลําต้นขนาดใหญ่ของต้นสน แม้มันจะทําให้การใช้ธนูยากขึ้นแต่สาหรับกิลด์เมฆาที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ในรูปแบบการล่าแล้ว ต่อให้พื้นที่เป็นแบบไหนก็สามารถสู้ได้สบาย เพียงแต่สภาพป่าสนที่เป็นพื้นที่ล่าของกิลด์กระทิงเหล็กกลับเงียบสงบผิดปกติทั้งๆที่เวลานี้คนของกิลด์ย่อยของกิลด์กระทิงเหล็กน่าจะล่ากันอยู่แท้ๆ
“อย่างกับไม่มีคนล่าในแผนที่นี้อย่างนั้นล่ะ”ฮ่องเต้หนึ่งในสมาชิกของกิลด์เมฆาขมวดคิ้วด้วยท่าที่ประหลาดใจ กิลด์เมฆาวางแผนที่จะโจมตีตอนพวกกิลด์ย่อยกําลังวุ่นวายกับการล่า แบบนั้นทําให้เอาชนะได้ง่ายกว่า แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งผิดสังเกต เพราะมอนสเตอร์ตามแมพมีจํานวนมากราวกับไม่มีคนฆ่าพวกมันมาสักพักแล้ว
“ไม่ดีเลย เหมือนกับพวกเราโดนจับได้อย่างงั้นล่ะ” แก้วที่อยู่ด้านหน้ามองไปรอบๆด้วยท่าทีระแวดระวังก่อนที่แก้วจะเหลือบไปเห็นร่างของชายคนหนึ่งที่เกาะอยู่บนต้นไม้พร้อมแว่นส่องทางไกล
“ถอย พวกมันรู้ตัวอยู่แล้วว่าพวกเราจะมา”แก้วเห็นคนที่อยู่บนต้นไม้ก็สะดุ้งวาบทันที กิลด์ที่ล่าอยู่ที่นี่ควรเป็นกิลด์ย่อยขนาดเล็กนี่นา ทําไมถึงมีคนเฝ้าระวังของกิลด์กระทิงเหล็กอยู่บนต้นไม้ด้วย ท่าทางตอนนี้ไม่ดีแล้ว